90 ซุปเห็ดหลินจือหนึ่งถ้วย
90 ซุปเห็ดหลินจือหนึ่งถ้วย
เหอฉีเชิงถามหวังเย้าว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาได้ขอให้หวังเย้านำบัตรประจำตัวของเขาและเอกสารสำคัญมาด้วยเพื่อใช้ในการสมัครขอใบรับรองไปให้กับเขา เมื่อเหอฉีเชิงรู้ว่าหวังเย้าอยู่ในเมือง เขาก็ต้องการที่จะนัดเจอกัน หวังเย้าเลือกไปคาเฟ่แห่งหนึ่งและนั่งติดกับหน้าต่างเพื่อรอเหอฉีเชิง เหอฉีเชิงมาถึงอีก 10นาทีหลังจากนั้น เขาได้บอกหวังเย้าว่าเขามาที่นี่เพื่อเรื่องของใบรับรองโดยเฉพาะ
“นี่คือของที่คุณบอกให้เอามาครับ” หวังเย้าพูด
เขานำซองพลาสติกที่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและรูปถ่ายอยู่ในนั้นยื่นให้กับเหอฉีเชิง
“ใบจบการศึกษาของผมยังอยู่ที่บ้าน ผมจะไปเอามาให้คุณทีหลังนะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมไม่ได้รีบใช้เท่าไหร่ครับ คุณสามารถสแกนแล้วส่งเป็นอีเมลล์มาให้ผมได้ ผมจะเริ่มเตรียมเอกสารต่างๆให้คุณแล้วนะครับ” เหอฉีเชิงพูด
“ต้องให้ผมไปที่มณฑลฉีด้วยไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่ต้องครับ มันไม่ได้ยากมากที่จะได้ใบรับรองมาให้คุณ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยเท่านั้น” เหอฉีเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูกั๋วขอให้ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างของคุณให้พร้อมอย่างเร็วที่สุด แต่คุณก็ยังต้องทำข้อสอบให้ผ่านด้วย แล้วผมจะส่งของที่ต้องใช้สำหรับการสอบมาให้นะครับ”
“นั้นมันยอดเยี่ยมมากแล้ว! ขอบคุณมากนะครับ!” หวังเย้าพูด
“ไม่มีปัญหาครับ คุณหนูกั๋วได้บอกเอาไว้ว่าเธอติดหนี้คุณสองครั้ง” เหอฉีเชิงพูด
“ฮาฮา แค่ครั้งเดียวต่างหากล่ะครับ” หวังเย้าหัวเราะ
“คุณหนูกั๋วบอกว่าสอง ก็คือสองครับ! ผมรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ผมจะพยายามทำให้คุณได้ใบรับรองมาให้ได้ครับ” เหอฉีเชิงพูด
“ขอบคุณมากครับ!” หวังเย้าพูด
หวังเย้าต้องการที่จะเชิญเหอฉีเชิงทานอาหารด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธและบอกว่าไม่สะดวก เขาได้จากไปหลังจากที่ดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว
สำหรับหวังเย้านั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่จะได้ใบรับรองมา เพราะเขาไม่มีพื้นฐานเรื่องการแพทย์เลย แต่เรื่องนี้สำหรับคนอย่างเหอฉีเชิงแล้วถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก หวังเย้าสามารถดูออกได้เลยว่าเหอฉีเชิงนั้นค่อนข้างที่จะมีความมั่นใจมาก ในเรื่องการนำใบรับรองมาให้กับหวังเย้า มันแค่ยุ่งยากเล็กน้อยเท่านั้น
ขอแค่ให้ฉันได้มันมา
หวังเย้ารู้สึกสบายใจหลังจากที่ได้พบกับเหอฉีเชิงแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะทำภารกิจให้สำเร็จได้แล้ว แต่เขายังได้ประโยชน์อีกด้วย
หลังจากที่ออกมาจากในเมืองแล้ว หวังเย้าได้กลับไปที่เนินเขาหนานชานและทำงานอยู่ในแปลงสมุนไพรของเขา เขาให้การดูแลเป็นพิเศษกับสมุนไพรรากโดยการซ่อนพวกมันจากสายตาของคนอื่น
สมุนไพรรากหลายต้นเริ่มที่จะแตกหน่อออกมาบ้างแล้ว พวกมันมองเห็นได้ยากมากหากว่าไม่สังเกตุดีดี หวังเย้าได้นำเอาฟางมาคลุมเอาไว้ด้วย เมื่อหวังเย้าทำงานในแปลงสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับไปที่บ้านเพื่อเตรียมของสำหรับงานปีใหม่
“เย้า พรุ่งนี้ลูกไปหายายของลูกกับแม่ได้ไหม?” จางซิวหยิงถาม
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
วันต่อมา หวังเย้าไปที่บ้านของยายกับแม่ของเขาเพื่อนำของขวัญปีใหม่ไปให้ ตายายของเขานั้นมีสุขภาพที่ดีทั้งคู่ ไม่กี่วันก่อนหวังเย้าก็ได้ไปหาพวกเขาเพื่อจับชีพจรและออกใบสั่งยาให้ คนแก่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาสุขภาพเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ
เขาได้เจอน้าผู้ชายคนเล็กของเขาที่บ้านของตายายด้วย น้าของเขาดูไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่
“เป็นอะไรรึเปล่า? นายดื่มเยอะเกินไปใช่ไหม?” จางซิวหยิงถามทันทีที่เห็นน้องชายของเธอ
หวังเย้ารู้ว่าน้าของเขานั้นติดเหล้ามากและเขามักจะดื่มจนเมาเสมอ โรงงานของเขาในปีนี้นั้นปิดเร็วกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เขาดื่มเหล้าไม่หยุดเลยตั้งแต่หยุดงานวันแรก ซึ่งมันทำให้เกิดปัญหากับท้องของเขา
“คุณยายครับ ที่บ้านมีน้ำผึ้งอยู่บ้างไหมครับ?” หวังเย้าถามคุณยายของเขาที่มีหลังค่อมเล็กน้อย
“มีสิ อยากจะดื่มชาใส่น้ำผึ้งเหรอ?” ยายถามหวังเย้า
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากจะต้มยาแก้แฮงค์ให้กับน้าน่ะครับ ผมต้องใช้น้ำผึ้งใส่ไปด้วยนิดหน่อย” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?”
ตายายและน้าของหวังเย้ารู้สึกประหลาดใจที่ได้ยิน
หวังเย้าไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาเข้าไปในห้องครัวและเริ่มจดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง เขามีเห็ดหลินจืออยู่ในมือ ซึ่งเป็นเห็ดที่เขาซื้อมาพร้อมกับสมุนไพรที่ใช้สำหรับต้มซุปเป่ยหยวน เขายังไม่ได้ใช้เห็ดหลินจือจนหมดและเก็บที่เหลือเอาไหว้ในช่องเก็บของ
หวังเย้าหั่นเห็ดหลินจือเป็นชิ้นเล็กๆและใส่ลงไปในหม้อพร้อมกับตั้งไฟอ่อนๆ
“ลูกกำลังทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงเข้ามาในห้องครัวเพื่อดูว่าหวังเย้ากำลังทำอะไรอยู่
“ผมกำลังทำซุปเห็ดหลินจือกับน้ำผึ้งสำหรับแก้แฮงค์น่ะครับ” หวังเย้าอธิบายให้แม่ของเขาฟัง
เห็ดหลินจือนั้นเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่า มันมีฤทธิ์ทางยาหลายอย่าง ทั้งช่วยสงบจิตใจ เพิ่มพลังฉี ป้องกันตับและลดพิษในร่างกาย เมื่อใช้ในระยะยาวนั้น มันสามารถพัฒนาสภาพร่างกายและมีอายุยืนขึ้นได้ ในนิยายบางเรื่องนั้น เห็ดหลินจือได้ถูกบรรยายเอาไว้ว่าเป็นสมุนไพรวิเศษ
ในระหว่างที่รอให้ซุปต้มเสร็จ หวังเย้าและแม่ของเขาก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่นและพูดคุยกับตายายของเขา น้าของเขานั้นได้นอนอยู่บนเตียงเพราะรู้สึกไม่สบายท้อง
หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงต่อมา ก็เป็นเวลาสำหรับอาหารกลางวัน หวังเย้าคิดว่าซุปเห็ดหลินจือนั้นน่าจะพร้อมแล้ว เขาได้ใส่น้ำผึ้งลงไปในซุปและนำมันไปให้กับน้าของเขาดื่ม
“มันจะช่วยได้จริงเหรอ?” น้าของเขาถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้ครับ” หวังเย้าพูด
น้าของเขารู้สึกขมเล็กน้อยในปากและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ท้องของเขาหลังจากที่ดื่มยาลงไป อาการเมาค้างของเขาไม่ได้หายไปในทันที
“ตอนนี้น้าไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรต่างไปจากเดิมเลย” น้าของเขาพูด
“มันไม่ใช่ยาวิเศษที่จะออกฤทธิ์ได้ทันทีนะครับ น้าต้องใจเย็นนะครับ” หวังเย้าหัวเราะ
หวังเย้าและแม่ของเขาอยู่กินอาหารกลางวันที่บ้านของตายาย น้าของเขาไม่ได้กินอะไรมากนัก เขากินแค่ผักและขนมปังไปและกลับไปนอนที่เตียง เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะซุปเห็ดหลินจือหรือว่าเตียงที่อบอุ่น แต่เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากมื้ออาหาร พวกเขาก็ได้ล้อมเตาผิงและคุยกัน
“เย้า หลานยังปลูกสมุนไพรอยู่เหรอ?” ยายที่ใจดีของหวังเย้าถาม
“ครับ” หวังเย้าตอบ
“เธอปลูกสมุนไพรแบบไหนเหรอ? น้าสามารถถามหาคนมาช่วยซื้อให้ได้นะ” น้าของเขาพูด
“ผมมีคนที่สนใจจะซื้ออยู่แล้วครับ แต่ก็ขอบคุณน้ามากนะครับ” หวังเย้าพูด เขาไม่เคยกังวลเรื่องการขายสมุนไพรของเขา ความจริงเขาไม่ต้องการที่จะขายสมุนไพรส่วนใหญ่ของเขา เพราะเขาต้องการที่จะใช้สมุนไพรคุณภาพสูงและสมุนไพรรากที่เขาได้ปลูกเอาไว้มาใช้สำหรับต้มยามากกว่า
หวังเย้าและแม่ของเขาได้ออกมาจากบ้านตายายในเวลาบ่ายสองโมง
“เย้านั้นเก่งมากจริงๆ!” น้าของเขาพูดหลังจากที่เขาจากไปแล้ว
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นเหรอ?” ตาของหวังเย้าถาม
“ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ” น้าของหวังเย้าพูด ในขณะที่กำลังนวดท้องและหันหัวซ้ายขวา
อาการเมาค้างที่เขาเป็นอยู่นั้นแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่ได้ดื่มซุปเห็ดหลินจือตอนมื้อกลางวันลงไป ซุปนั้นมันได้ผลจริงๆ
“ไม่ใช่ว่าเย้าเรียนชีววิทยามาเหรอ? แล้วเขาไปรู้วิธีต้มยามาจากที่ไหนกัน?” น้าของหวังเย้าถาม
“ไม่ต้องสนใจเรื่องของเย้าหรอก ลูกควรจะดื่มให้น้อยลงได้แล้วนะ ไปพักอีกสักหน่อยเถอะ” ตาของหวังเย้าพูด
“ได้ครับ” น้าของหวังเย้ารับปาก แต่เขาก็ยังดื่มไวน์ไปอีกสองแก้วในมื้อค่ำ