89 เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
89 เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เมื่อหวังเย้ากลับไปถึงที่บ้าน แม่ของเขาก็ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนกำลังรอเขาอยู่
“เอานี่ไป กินหนึ่งถ้วยเล็กหลังจากที่กินข้าวได้ชั่วโมงครึ่งแล้ว แล้วกินยาที่เหลือให้หมดวันพรุ่งนี้” หวังเย้ายื่นขวดยาให้กับพี่สาวของเขา
“นี่คือกลับไปทำมางั้นเหรอ?” หวังรุ่ยพูดด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ดื่มในตอนที่มันยังอุ่นอยู่ ช่วงนี้ก็ระวังเรื่องการกิน พยายามเลี่ยงของเผ็ด ทอดและอาหารที่ไม่ได้อุ่นร้อนด้วย” หวังเย้าพูด
“มันจะได้ผลจริงเหรอ?” หวังรุ่ยถาม
หวังเย้าคิดว่าพี่สาวของเขาจะต้องยินดีและซึ้งใจมากกับการที่เขาทำยาให้เธอด้วยตัวเอง แต่เธอกลับสงสัยเขาแทน หวังเย้ารู้สึกเศร้าใจ
“ฮาฮา ฉันล้อเล่นน่า เย้า! ไม่ต้องห่วง ถึงมันจะเป็นยาพิษฉันก็จะดื่มมันจนหมด!” หวังรุ่ยตบหน้าอกของเธอและพูด
หวังเย้ารู้สึกพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดที่ร้ายกาจของพี่สาว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่สมุนไพรรากลงไป แต่สมุนไพรที่ใส่ลงไปทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรที่มีคุณภาพสูง มันอาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย แต่ไม่มีทางเป็นยาพิษได้
“ไม่ต้องห่วง ยาที่น้องชายของลูกทำมันได้ผลดีแน่นอน” จางซิวหยิงพูด
“จริงเหรอคะ? เขาเคยทำให้แม่ด้วยเหรอคะ?” หวังรุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่แม่ เขาต้มยาให้กับภรรยาของลุงเฟิงโฉว เธอรู้สึกไม่สบายท้องมาหลายวันแล้ว ที่โรงพยาบาลก็ตรวจไม่พบสาเหตุ ลุงของลูกเลยมาขอยาจากเย้าให้กับเธอ มันได้ผลตั้งแต่กินไปเพียงแค่โดสเดียว อีกวันพวกเขาก็มาหาเพื่อขอบคุณเรา!” จางซิวหยิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“จริงเหรอ? เย้าทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หวังรุ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“เดี๋ยวพี่ก็รู้หลังจากที่กินยาของผมเข้าไป เพื่อความสบายใจของพี่ ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน” หวังเย้าพูดขณะกำลังทานอาหารอยู่
หวังรุ่ยไม่ได้กินอาหารเข้าไปมากนักเพราะอาการไม่สบายท้องของเธอ ทั้งที่เธออยากจะกินให้มากที่สุดเพราะบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารฝีมือของแม่ที่อร่อยทุกจาน แล้วหวังเย้าห้ามไม่ให้เธอกินมากจนเกินไป
หวังรุ่ยอุ่นยาและดื่มถ้วยเล็กๆตามที่หวังเย้าได้แนะนำเอาไว้ว่า ให้ดื่มหลังทานอาหารชั่วโมงครึ่งแล้ว
ยานั้นรสชาติดีและอุ่น เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลจากคอลงไปที่ท้อง และเริ่มกระจายไปทั่วร่าง คล้ายกับว่ามีถุงน้ำร้อนวางอยู่บนหน้าท้องของเธอ เธอรู้สึกสบายตัวมาก
“ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลดีนะเนี้ย!” หวังรุ่ยพูด เธอมองไปที่หวังเย้าด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” หวังเย้าพูดอย่างใจเย็น
มันป็นเรื่องง่ายมากสำหรับหวังเย่าในการต้มยาแบบนี้ออกมา
“นายควรจะเป็นหมอนะ แล้วก็เลิกปลูกสมุนไพรบนเนินเขานั้นซะ” หวังรุ่ยพูด
“แต่ผมไม่มีใบรับรอง” หวังเย้าพูด
“ถ้างั้นก็ไปหามาสักใบ!” หวังรุ่ยพูด
“ผมกำลังหาทางอยู่”
หวังเย้ามองไปที่ดวงตาที่เป็นประกายของพี่สาวและเริ่มระแวงหากว่าเขาเกิดต้มยาพลาดขึ้นมาละก็... เขาคิดว่าคราวหน้าถ้าจะต้มยาให้กับเธออีกครั้ง เขาควรจะใส่สมุนไพรที่ช่วยสงบสติอารมณ์ของเธอลงไปด้วยคงจะดี
“วันนี้เป็นวันปีใหม่เล็ก ลูกยังจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาอยู่ไหม?” หวังเฟิงฮวาถาม เขากำลังสูบบุหรี่หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ
“ครับ” หวังเย้าตอบหลังจากที่คิดสักพัก
“แล้ววันปีใหม่จีนล่ะ?” หวังเฟิงฮวาถาม
“ไม่กลับครับ แน่นอนว่าวันนั้นผมต้องอยู่ที่บ้านกับทุกคน” หวังเย้าหัวเราะ
“ดี พ่อก็คิดว่าลูกถูกบางอย่างที่อยู่บนเนินเขาเข้าสิงซะแล้ว!” หวังเฟิงฮวาพูด
หวังเย้าออกมาจากบ้านตอนสามทุ่ม ไฟบนถนนของหมู่บ้านยังคงส่องสว่างจนถึงใต้สุดของหมู่บ้าน มันมืดมากที่บริเวณใต้สุดและถนนก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
หลังจากที่ฝึกฝนพลังฉีและดื่มน้ำแร่โบราณมาหลายเดือน สมรรถภาพร่างกายของหวังเย้าก็พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับเขา การเดินในเวลากลางคืนนั้นง่ายราวกับกำลังเดินในเวลากลางวัน เขาใช้พลังฉีเพื่อให้เดินเร็วขึ้นในตอนกลางคืน และมันยังรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของคนที่วิ่งปกติอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานเพื่อขึ้นไปถึงเนินเขา
รูปทรงของเนินเขาหนานชานนั้นคล้ายกับรองเท้าบู้ต ด้านหนึ่งของเนินเขานั้นสูงชันกว่าด้าน มันถูกเรียนว่าเนินเขาหนานชานเพราตั้งอยู่ที่ส่วนใต้สุดของหมู่บ้าน (南หนาน แปลว่า ใต้, 山ชาน แปลว่า ภูเขา ในภาษาจีน)
ลักษณะพื้นที่ของเนินเขาหนานชานนั้นไม่เหมาะที่จะปลูกพืชหรือต้นไม้ นอกจากนั้นแล้ว ด้านเหนือของเนินเขานั้นยังเต็มไปด้วยก้อนหิน ทำให้มันเป็นเรื่องที่ยากมากหากต้องการใช้พื้นที่กว้างเพื่อปลูกต้นไม้ ดังนั้นจึงไม่มีคนสนใจที่จะทำสัญญาเช่าเนินเขาเพื่อปลูกอะไรเลย ในตอนที่หวังเย้าได้ลงนามทำสัญญาเช่าเนินเขานั้น เขายังเด็กมากและราคาค่าเช่าก็ไม่ได้สูงมากด้วย
กระท่อมของหวังเย้านั้นตั้งอยู่ในด้านที่ต่ำที่สุดของเนินเขา
หลังจากที่ได้นอนค้างคืนบนเนินเขาทั้งคืนแล้ว หวังเย้าก็ได้เริ่มกิจวัตรประจำวันของเขาด้วยการ ฝึกพลังฉีและทำงานในแปลงสมุนไพรในเช้าของอีกวัน
ในการที่หวังเย้าฝึกฝนพลังฉีอยู่บนยอดเขานั้น เขาได้ทำตามขั้นตอนจากคัมภีร์จื้อหรานที่ได้อธิบายเอาไว้ เขารู้สึกได้ถึงพลังฉีที่เพิ่มมากขึ้นและรู้สึกอบอุ่นในทุกจุดที่พลังฉีได้ไหลผ่าน
เขาไม่แน่ใจว่าพลังฉีที่เขากำลังฝึกอยู่นั้นจะแตกต่างจากกำลังภายในและพลังฉีอย่างที่อธิบายไว้ในนิยายหรือภาพยนตร์หรือไม่
เมื่อหวังเย้าทำงานในแปลงสมุนไพรและพูดคุยกับซานเซียนและต้าเซี่ยเสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เขาใช้ค่ายกลห้าแถวปิดกั้นทุกเส้นทางที่สามารถเข้าถึงแปลงสมุนไพรของเขาได้ หวังเย้านั้นตั้งใจที่อยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้าน เผื่อว่าอาจจะเกิดเรื่องฉุกเฉินหรือเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงป้องกันแปลงสมุนไพรของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
เมื่อหวังเย้ากลับไปถึงที่บ้านแล้ว เขาก็เห็นว่าพี่สาวของเขานั้น มองมาที่เขาด้วยสายตาที่แปลกๆ
“มีอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“แค่อยากจะบอกให้นายรู้ว่าฉันดีขึ้นแล้ว ยาที่นายให้ฉันมันได้ผลดีมากเลยล่ะ” หวังรุ่ยพูด
“แน่นอนสิ! ผมเป็นแพทย์ปรุงยาที่สามารถรักษาได้ทุกโรคนะ” หวังเย้าหัวเราะ
“โอเค พ่อของหัวหน้าสำนักงานป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นายสนใจอยากจะให้ฉันแนะนำนายให้กับเขาไหม?” หวังรุ่ยถามอย่างจริงจัง
“พี่ เร็วเข้า ผมจะพาพี่กลับไปส่งในเมือง” หวังเย้าพูด
“นายนี่นะ!” หวังรุ่ยพูดเสียงขึ้นจมูก
หวังเย้าขับรถไปส่งหวังรุ่ยในเมืองหลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้ว เธอได้ลาป่วยไว้เพราะรู้สึกไม่สบาย
“เย้า บอกความจริงพี่มา นายจริงจังเรื่องขอใบรับรองรึเปล่า?” หวังรุ่ยถามเมื่ออยู่ในรถ
“จริงจังสิ ผมต้องการมัน” หวังเย้าพูด
“เดี๋ยวพี่จะลองดูว่าพอจะช่วยอะไรได้ไหม” หวังรุ่ยพูด
“ผมขอให้เพื่อนคนหนึ่งของผมช่วยแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะ แล้วปีใหม่จีนก็อีกไม่กี่วันนี้แล้ว อย่าลืมสัญญาเรื่องหาแฟนที่ให้ไว้กับแม่ล่ะ” หวังเย้าแกล้งพูด
“เงียบไปเลย!” หวังรุ่ยกรอกตา
หวังเย้าตั้งใจว่าจะขับรถไปรอบๆเมืองสักรอบหลังจากที่ส่งพี่สาวของเขาเรียบร้อยแล้ว มีคนอยู่ไม่มากนักบนท้องถนนเพราะเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ดังนั้นหวังเย้าจึงตัดสินใจกลับบ้าน ในทันทีที่เขาขับรถออกมาจากในเมืองแล้ว เขาก็ได้รับสายจากคนรู้จัก ซึ่งก็คือเหอฉีเชิงนั้นเอง