ตอนที่แล้วบทที่ 208 - เห็นฉันไหมล่ะ? (9) [28-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 210 - ฉันก็ด้วย (2) [02-10-2019]

บทที่ 209 - ฉันก็ด้วย (1) [30-09-2019]


บทที่ 209 - ฉันก็ด้วย (1)”

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้จิตวิญญาณของมนุษย์หมาป่าคลาส 5 มาได้ สกิลสั่งสมความตายที่เชี่ยวชาญก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้จิตวิญญาณมาจากในทุกๆชีวิตที่ฆ่า ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย

แถมสภาพร่างกายศพที่เหลืออยู่ก็ยังดีอีกด้วยเมื่อเทียบกับศพของมิสทิค

"ว้าว เลือดของฉันที่ให้ไปทำให้รูบนหัวใจของมันกำลังปิดด้วยล่ะ"

[เลือดของนายท่านก็ฟื้นฟูศพคนอื่นได้ด้วย? นายท่านยังใช่มนุษย์อยู่จริงๆหรอ?] (มิสทิค)

[มันคงไม่ได้กลับมามีชีวิตแล้วโจมตีเราอะไรแบบนี้ใช่ไหม...?]

ยูอิลฮานได้ตั้งใจฟื้นฟูสภาพร่างกายศพให้สมบูรณ์โดยที่ไม่สนใจคำพูดของมิสทิคกับเลียร่าเลย แค่หยดเลือดที่เต็มไปด้วยพลังงานพักผ่อนของยูอิลฮานลงไปก็ทำให้ลอยตัดขาดจากกันผสานเข้าด้วยกันแล้ว การฟื้นฟูเหนือมนุษย์ของเลือดเขาได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากเลือดเขาจะมีส่วนช่วยแล้ว ก็ยังมีมีมานาที่ยังมีเหลืออยู่ในร่างศพที่ตอบสนองกับร่างกายเพื่อทำให้ไปสู่สภาพที่ดีที่สุด เมื่อได้เห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็คิดว่านี่มันบ้ามากๆ ต้องใช้ความสามารถในการฟื้นฟูที่มากขนาดไหนกันถึงจะทำแบบนี้ได้? ดูๆแล้วดูเหมือนว่า 'เจ้านี่' จะคิดเรื่องการตายที่น่าอนาถของมิสทิคและหาทางป้องกันไว้แน่นอน

"ถ้าฉันไม่อาจจะใช้การลอบโจมตีฆ่ามันได้ก็คงลำบากแน่"

[แล้วนายกำลังจะทำอะไรล่ะนั่น? นายจะทำซอมบี้งั้นหรอ?]

"ก็ประมาณนั่นแหละ"

[อะไรนะ? เอาจริงดิ!?]

"แต่ตอนนี้ฉันยังทำไม่ได้"

เหตุผลก็แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่มีหินพลังเวทย์คลาส 5 ศพนี้ ยูอิลฮานได้ตรวจดูสภาพศพอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเก็บลงไปในช่องเก็บของ ไม่ว่ามานาจะทำงานยังไงแต่ร่างมันก็ยังเป็นศพอยู่ดีดังนั้นเขาจึงเก็บมันไปในช่องเก็บของได้

"นี่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น มิสทิคเราจะลุยกันต่อเมื่อทำการซ่อมเสร็จ"

[เข้าใจแล้ว]

"เหงื่อเต็มตัวแล้วแหะ ฉันน่าจะต้องไปอาบน้ำแล้ว"

[งั้นไปด้วยกันเถอะ!]

"ตามใจ"

ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ยังคงใส่เกราะของเขาเข้าไปในถังยักษ์ เลียร่าไม่พอใจกับเรื่องนี้มากแต่เขาก็ทำเป็นมองไม่เห็นเธอ กระบวนการผสานกันของเกราะของเขาจะเพิ่มขึ้นและการอาบน้ำทั้งแบบนี้ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรด้วย จริงๆแล้วเขายังรู้สึกดีด้วยซ้ำไปจากการผสานกัน

[นายนี่...]

"อะไรหรอ?"

[...ไม่มีอะไร]

เลียร่าที่บอกว่า 'ไม่มีอะไร' แต่เธอก็ยังดูจะไม่พอใจ ยูอิลฮานได้ส่งเสียงหึทีหนึ่งและจมลงสู่ความคิดของเขา

หากว่าคลาส 5 ตนแรกที่โผล่มาบนโลก มิสทิคดูจะเป็นลักษณ์ของหนูทดลอง ส่วนตนที่สองจะมาในรูปแบบสถานการณ์ที่ดูจะคล้ายป้องกันการที่มิสทิคถูกฆ่าเอาไว้ ปิดบังจุดอ่อนและสร้างตัวที่ดีกว่าขึ้นมาเรื่อยๆ นี่มันแทบดูจะเหมือนกับว่ายูอิลฮานตัวเป็นหมายในการทดลองอะไรซักอย่าง

ถ้า 'เจ้านั้น' ยังมีพลังในการสร้างสิ่งมีชีวิตคลาส 5 อยู่อีก ถ้ามันยังคงปรับแต่งโลกนี้ได้ตามใจชอบ ถ้างั้นตัวต่อไปที่โผล่ออกมาจะเป็นยังไง? แล้วถ้าตัวถัดไปอีกล่ะ? แล้วก็ถัดจากตัวถัดมาอีก?

'และในที่สุดแล้ว...'

เขาก็จะมาด้วยตัวเองงั้นหรอ? หลังจากคิดแบบนี้ยูอิลฮานก็หัวเราะออกมา

เขาจะไม่อยู่เฉยๆแบบนี้แน่ การที่เจ้านั่นทำให้เขาต้องรำคาญแล้วกเหนื่อยหน่ายแบบนี้ เขาจะต้องทำให้เจ้านั่นต้องชดใช้

ปัญหาก็คือเรื่องของเวลา ในตอนนี้ยูอิลฮานยังไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเจ้านั่นเลย ดังนั้นเขาจะต้องไปให้ถึงคลาส 4 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ว่าการจะรอจนกว่าเขาจะได้คลาส 4 มาแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาไปมากเท่าไหร่กันแน่

ตัวยูอิลฮานไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขาชินกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอยู่แล้ว แต่ว่าในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนี้สิ ปัญหาอยู่ที่คนที่เขาเกี่ยวข้องด้วย เขาเป็นห่วงพ่อแม่ของเขา คังมิเรย์ที่อยู่ในลาปาสแล้วก็นายูนาที่ขโมยจูบแรกของเขาไป แล้วก็ยิ่งกว่านั้น...

'มิลคือคนที่ฉันเป็นห่วงที่สุด'

ถึงแม้จะมีสกิลปกครองกับความรู้สึกในฐานะของนักขี่มังกรที่กำลังบอกกับเขาว่ามิลยังปลอดภัยอยู่แน่นอน แต่ถึงแม้แบบนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่ามิลกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นห่วง

ในเวลาสองปีที่ผ่านมานี้มิลได้พัฒนาได้เร็วยิ่งกว่าในตอนที่ไปติดอยู่ในโลกที่ถูกทิ้งกับคังมิเรย์และนายูนาซะอีก มิลได้คลาส 4 มาตั้งนานแล้ว บางทีหากนับในด้านเลเวลอย่างเดียวมิลก็เป็นคนที่มีเลเวลสูงที่สุดในหมู่ลูกน้องของยูอิลฮานแล้ว ต่อให้จะนับรวมเฟมิลไปด้วยแล้วก็ตาม นี่คือความเป็นจริงถึงแม้ว่าลูกน้องคนอื่นๆของเขาจะพัฒนาด้วยความเร็วที่ผิดปกติเช่นกันก็ตาม

การที่มิลพัฒนาขึ้นมาก็เป็นข่าวที่ดีแน่นอน แต่ยังไงก็ตามการพัฒนาอย่างรวดเร็วนั่นมันก็หมายความว่ามิลกำลังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่อันตราย

เส้นทางที่ยูอิลฮานได้ผ่านมาตลอดก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เส้นทางที่จะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งหากมีความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ยูอิลฮานเป็นห่วงว่ามิลจะกล้าเสี่ยงเรียนแบบการกระทำของเขาและไปอยู่ผิดที่ผิดทาง หากเลียร่ารู้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่นี้ เธอก็อาจจะบอกให้เขาห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน!

"ฟู่..."

ยูอิลฮานได้เอนหลังพิงถังยักษ์หลับตารับความรู้สึกของน้ำร้อนที่ชำระร่างกายของเขา เลียร่าที่อยู่ด้านข้างก็บ่นงึมงัมออกมาเช่นกัน ส่วนมิสทิคที่ควบคุมป้อมปราการลอยฟ้าก็ตะโกนขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ และเขาก็รู้สึกได้ถึงการผสานกับโอโรจิด้วย พอเห็นทั้งหมดนี้ได้ทำให้เขานึกไปถึงยูมิล

เนื่องจากตอนนี้มิลอยู่คลาส 4 มิลก็น่าจะโตขึ้นอีกแล้ว ยังไงก็ตามไม่ว่ายังไงมิลก็ยังเป็นเด็กอยู่แน่นอน ไม่สิ เขาภาวนาให้มิลยังไม่เป็นผู้ใหญ่ต่างหาก ในเวลานี้ยูอิลฮานได้รู้สึกหดหู่ขึ้นมา

"พ่อจะรีบไปหาลูกนะมิล อดทนเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้นนะถึงลูกจะต้องอยู่คนเดียวก็ตาม"

[อิลฮาน นายหลับอยู่หรอ?]

"อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันไม่ได้หลับ"

[ชิ เข้มจังเลยนะ]

มันเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ว่าบางทีเธอก็น่าจะให้เวลาเขาคิดเรื่องนี้มากกว่านี้... ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและใช้มือซ้ายของเขาผลักหน้าของเลียร่าออกไป

ในตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจอยู่คือมันยังเร็วเกินไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งการไปเจอกับเจ้านั่นหรือไปหามิลก็ตาม อย่างแรกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากว่านี้อีก... แข็งแกร่งให้มากยิ่งๆขึ้นไปกว่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็มากจนถึงจุดที่เขาสามารถจัดการทุกๆคนและทุกๆอย่างที่สร้างความรำคาญให้เขาได้อย่างสบายใจ

"เมื่อไหร่มันจะเป็นแบบนั้นกันนะ...?"

ยังไงก็ตามไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแค่ไหนเวลาก็จะไหลผ่านไป ยูอิลฮานโลภอยากที่จะคว้าทุกๆอย่างที่ต้องการมาในเวลาที่ไหลผ่านนี้

ในขณะเดียวกันนี้เองคนๆที่เขากำลังเป็นกังวลที่สุดอยู่นี้เอง ในตอนนี้ยูมลกำลังสองเด็กๆอยู่

"ตอนนี้แหละ!"

"ย๊าาา!"

"ฮ่าห์! ฮ่าห์!"

เบื้องหน้าของเขาเป็นเด็กทั้งหนึ่งร้อยคนที่กำลังปล่อยไฟออกมากันอยู่ จากทั้งฝ่ามือ จากปาก จากหัว จากเท้า จากหมัด จากกลางอากาศ - เด็กๆทั้งหมดเหล่านี้ต่างก็ปล่อยไปออกมาจากตัวกลางต่างๆมากมาย เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันแล้วเด็กๆพวกนี้แกร่งากๆแล้ว!

"ไม่ ยังอ่อนแอเกินไป"

ยังไงก็ตามมาตราฐานของยูมิลสูงมาก เด็กๆที่ไม่พอใจกับคำพูดนี้ของเขาก็ยังบ่นออกมา

"แต่ว่าเราแข็งแกร่งแบบฮีโร่ไม่ได้นะ!"

"แต่ว่าถ้าเราเป็นแบบนี้เราจะเอาไม่อาจชนะมอนสเตอร์พวกนั้นได้ตลอดชีวิตเลยงั้นเหรอ?"

"ไม่ว่ายังไงเราก็ฆ่ามอนสเตอร์นั่นไม่ได้!"

ยูมิลอยากที่จะให้เด็กแกร่งขึ้นเร็วๆ และเด็กก็ได้ถูกฝึกจนถึงขีดสุดและเป็นทุกข์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือไม่ว่าพวกเด็กๆจะพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ยังไง แต่ขีดจำกัดของพวกเด็กๆก็ได้เพิ่มขึ้นตามการที่พวกเด็กๆได้กินเลือดและเนื้อของปีศาจพวกนั้น จนทำให้ศัยภาพในการแข็งแกร่งขึ้นของเด็กๆเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

และจริงๆแล้วก็มีเด็กบางคนในกลุ่มได้สร้างไฟที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ด้วย

"อ่า ฉันทำมันได้"

"ได้ผลล่ะ ตอนนี้มันใช้ได้ผลแล้วดังนั้นฉันจำเป็นต้องโยนไฟพวกนี้ใส่พวกตัวที่แข็งแกร่ง"

"ฉันทำมันไม่ได้อ่ะ!"

ยังไงก็ตามยิ่งเวลาผ่านไปยูมิลก็ยิ่งเข้มงวดขึ้น เด็กๆได้พยายามทำตามคำแนะนำของเขาและถึงแม้ว่าจะช้ากว่าความคาดหวังของยูมิล แต่เด็กๆก็ยังพัฒนาขึ้น

"ต่อเป็นเป็นเด็กผู้ใช้สายฟ้า"

"ฮีโร่ เรียกเราว่าอัศวินสายฟ้าสิ!"

"ไม่ นั่นมันเด็กน้อยไป"

"ฮือออ!"

บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมส่งผลกับพวกเด็กๆด้วยทำให้หลังจากผ่านไปสองปีกับการกินเนื้อปีศาจลงไปทำให้เด็กๆสามารถจะใช้มานาจะใช้มานาที่มีธาตุสายฟ้า ลม น้ำแข็ง สั่นสะเทือนและธาตุอื่นๆที่มีความพิเศษได้ ในตอนนี้เด็กๆส่วนใหญ่ต่างก็อยู่คลาส 3 แล้ว

ไม่ว่าวัยเด็กจะเป็นวัยแห่งการศึกษายังไงก็มีบางคนที่น่าจะรู้ตัวแล้วว่านี่มันแปลกหลังจากได้เห็นเด็กที่มีอายุต่ำสุดสามขวบและมากสุดก็แค่หกขวบต่างก็มีเลเวลมากกว่า 100 แล้ว ถึงแม้ว่าคน 'บางคน' จะไม่มีอยู่ที่นี่ก็ตาม

"ใช่ ใช่ ถ้างั้นอัศวินสายฟ้า อ๊า ทำไมฉันจะต้องมาเป็นคนพูดชื่อน่าอายแบบนี้?"

"ครับ! 2,300 คนที่นี่ฟังคำสั่งฮีโร่อยู่!"

"ทีมพวกนายมีสมาชิกเยอะกว่าทีมอื่นๆเยอะมาก ดังนั้นเป้าหมายแรกเลยก็คือการฆ่ามอนสเตอร์สั่นสะเทือนนั้นด้วยสายฟ้าทั้งหมดในทีเดียว"

"นั่นมันเป็นไปไม่ได้"

ยูมิลได้แบ่งเด็กๆออกมาตามธาตุที่เด็กๆมีและจะแบ่งเด็กๆอีกครั้งตามลักษณ์นิสัยและบุคลิกแต่ล่ะคนเพื่อให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเด็กๆพวกนี้จะอ่อนแอยังไงแต่หากว่าใช้การโจมตีที่เหมือนๆกันเป็นพันคนใส่เป้าหมายเดียวก็จะมีพลังทำลายที่มากพอ

ในตอนนี้เด็กๆที่อยู่ภายใต้การฝึกของยูมิลสามารถโจมตีทำให้ปีศาจบาดเจ็บได้แล้ว ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะยูมิลที่เป็นมังกรที่ถูกรู้จักกันดีในเรื่องจ้าวแห่งมานาได้ควมคุมมานาเสริมพลังให้กับเด็กๆ

ยูมิลที่แต่เดิมแล้วมีความสามารถในการควบคุมมานาของคนอื่น แต่กลับมาจบลงด้วยการมาเกิดขึ้นจากหมาป่าเดียวดายอย่างยูอิลฮาน ยังไงก็ตามในที่สุดยูมิลก็ได้เจอเส้นทางที่จะแข็งแกร่งขึ้นในฐานะมังกรด้วยการนำเด็กๆสู้

ยูมิลยังหวังด้วยว่าเมื่อเวลาผ่านไปเด็กๆจะต้องสามารถฆ่าปีศาจได้สักตัวหนึ่งได้ด้วยตัวเอง และเด็กๆก็ไม่อายจะจินตนาการกับสถานการณ์ที่สู้กับปีศาจโดยไม่มียูมิลได้เลย

"เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปตลอดหรือป่าวดังนั้นพวกนายต้องแกร่งขึ้น"

"อู่ววว ฮีโร่เข้มงวดไปแล้ว"

"เข้มงวดกว่าพวกมอนสเตอร์ซะอีก"

เด็กที่อายุน้อยที่สุดที่มีอายุแค่ประมาณสองขวบกับอีกสองเดือนแต่รูปลักษณ์ภายนอกของเด็กคนนี้ดูเหมือนเด็กอายุสิบขวบไปแล้ว เด็กคนนี้ได้บ่นออกมา แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูแปร่งๆแต่หากดูจากอายุแล้วนี่มันบ้ามากๆ เด็กๆพวกนี้กำลังจะพัฒนาไปเป็นกองทัพที่เหนือมนุษย์แล้ว

"ฮีโร่!"

หลังจากยูมิลได้จัดการตรวจสอบการพัฒนาของอัศวินสายฟ้าและแจกจ่ายเนื้อของปีศาจที่ใช้สายฟ้าเสร็จแล้ว หน่วยสำคัญที่มาจากไกลๆก็ได้มายืนอยู่หน้าเขา นี่ก็คือเด็กที่ใช้พลังลม

เด็กคนนี้ได้กลายเป็นผู้ใช้ธาตุลมเหมือนยูอิลฮาน เขาคนนี้ได้ถูกยูมิลสอนโดยตรงและมีพลังและความเร็วที่มากกว่าคนอื่นๆ

"มีมอนสเตอร์สี่ตัว"

"สี่ตัวงั้นหรอ? อืมมมม นั่นมันเยอะอยู่นะ"

เมื่อเวลาได้ผ่านไปรูปแบบการกระทำของปีศาจก็ได้เปลื่ยนแปลงไปเช่นกัน จนกระที่งก่อนหน้านี้พวกปีศาจไม่เคยจะรวมกลุ่มกันเองเลยหากยูมิลกับเด็กๆไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่ในตอนนี้ที่พวกมันถูกสังหารอย่างต่อเนื่องทำให้พวกมันเรื่องแยกการและเริ่มอยู่เป็นกลุ่ม

"นั่นมันมากเกินไป เราจะไม่หนีหรอ?"

"จำนวนมากขนาดนั้น? ต่อให้เป็นฮ๊โร่ก็ไม่ไหวหรอก"

"แต่ว่า..."

"มีเยอะก็จริงแต่นี่จะต้องเป็นโอกาสดีแน่"

จู่ๆยูมิลก็ได้พูดออกมา เด็กๆได้เข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อถึงได้โดยสัญชาตญาณและมองมาที่เขา

"พวกเราจะสู้"

"ฮีโร่ แต่ว่า..."

"พวกเราจะสู้"

ยูมิลได้ย้ำขึ้นมา หลังจากเขาได้กลายเป็นคลาส 4 แล้วยูมิลในตอนนี้มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเด็กชายอายุ 15 ขวบ และเป็นคนที่สง่างามจนคนต้องเหลียวมองหากเดินสวนกันบนท้องถนน กองทัพเด็กๆพวกนี้ก็เป็นบางอย่างที่คล้ายกันกับแฟนคลับของยูมิลดังนั้นพวกเด็กๆจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้ในตอนที่ยูมิลยิ้มขึ้นมาแบบนี้

"ฮีโร่ทำได้หรอ? ผมจะหนีทันทีเลยนะถ้าฮีโร่ดูเหมือนจะตายน่ะ"

"ฮีโร่ ที่คุณให้เราสู้นั่นก็หมานความว่าเราดูเหมือนจะรอดได้ใช่ไหม?"

"ใช่"

ยูมิลได้ประกาศออกมา เด็กๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ในตอนนี้พวกเด็กๆไม่ทำเป็นเล่นแล้ว พวกเขาต่างก็กำลังจะสู้เพื่อเอาตัวรอด การตัดสินใจของยูมิลคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับพวกเขา

"ลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้เราต้องรอดกันทุกคน"

"เก็บอุปกรณ์กันขึ้นมาเลยพวก!"

ในระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเด็กๆไม่เพียงแค่กินเนื้อปีศาจเท่านั้น แต่ในหมู่เด็กๆก็มีคนที่มีความสามารถที่จะเป็นช่างตีเหล็กด้วย และแม้ว่าพวกเขาจะได้ผ่านการทดลองและความล้มเหลวมานับไม่ถ้วน แต่ด้วยวัตถุดิบและหินพลังเวทย์คลาส 4 จำนวนมากทำให้เด็กพวกนี้สร้างอุปกรณ์ขึ้นมาได้สำเร็จ

เกราะที่เด็กๆใส่แม้ว่าจะดูแปลกๆ แต่ก็เป็นเกราะที่แข็งแกร่งทนทาน ส่วนอาวุธแม้จะดูบิดเบี้ยวแต่ก็แหลมคมอย่างมาก

ในเวลาสองปีที่ผ่านไปจำนวนเด็กๆทั้งหมดที่รอดชีวีติจากการช่วยของยูมิลก็มีถึง 9,300 คนแล้ว พอเด็กๆพวกนี้ได้มารวมตัวกันด้วยความเร็วที่ไม่สมกับอายุของตัวเองทำให้เด็กๆพวกนี้ได้เผลอปล่อยออร่าแห่งความกดดันออกมา

"เยี่ยม ถ้างั้นก็"

ผู้บัญชาการกอทัพยูมิลได้อยู่ข้างหน้าสุด บนหมัดของเขามีถุงมือที่ยูอิลฮานทำให้กำลังส่องประกายออกมา

"เดินทัพ"

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ดันเจี้ยนนรกได้เจอกับวิกฤติการถูกกวาดล้างหลังจากที่ถูกยูอิลฮานกวาดล้างไปเมื่อปีก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด