ตอนที่แล้วบทที่ 207 - เห็นฉันไหมล่ะ? (8) [26-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 209 - ฉันก็ด้วย (1) [30-09-2019]

บทที่ 208 - เห็นฉันไหมล่ะ? (9) [28-09-2019]


บทที่ 208 - เห็นฉันไหมล่ะ? (9)”

[ร่างมังกรเพลิงนรก]

[ระดับ - กึ่งเทพ]

[พลังป้องกัน - 16,500]

[ความทนทาน – 2,550,000/2,550,000]

[เงื่อนไขการใช้งาน - ความต้านทานธาตุไฟมากกว่า 120%]

[ออฟชั่่น -

1.ความต้านทานและพลังโจมตีที่เกี่ยวข้องกับธาตุไฟเพิ่มขึ้น 1/0%

2.สามารถเปลื่ยนรูปร่างของเกราะได้ตามต้องการ และการใช้เกราะโจมตีจะมีพลังโจมตีเท่ากับพลังป้องกันของเกราะ 75% และยังสามารถจะแปลงเป็นรูปแบบของอาวุธที่ดูดซับเข้ามาได้ การแปลงเป็นอาวุธที่ดูดซับเข้ามาจะทำให้มีความสามารถตามอาวุธดั้งเดิมและถูกเพิ่มพลังขึ้นอีก 20% ของพลังป้องกันของเกราะ

3.ความสามารถสกิลประเภทการต่อสู้ทางร่างกายทั้งหมดเพิ่มขึ้น 40%

4.ความสามารถสกิลประเภทการฟื้นฟูทั้งหมดเพิ่มขึ้น 60%

5.ดูดซับและวิเคราะห์อาวุธและชุดเกราะก่อนที่จะปล่อยออกมา อาวุธที่ปัจจุบันเก็บเอาไว้: 2,294,475

6.สร้างมานาธาตุไฟได้อย่างไม่สิ้นสุดและเก็บเอาไว้ มานาที่เก็ฐเอาไว้สามารถจะปล่อยออกมาเพื่อทำการโจมตี และนำไปเสริมพลังให้กับความสามารถเกี่ยวข้องกับไฟได้]

[หนึ่งในปาฏิหาริย์ที่ถูกช่างตีเหล็กผู้สร้างตำนานสร้างขึ้น นี่คือผลงานชิ้นเอกที่ทุกคนที่ใช้พลังไฟต่างก็ยอมขายวิญญาณเพื่อได้รับมันมา ตัวเกราะเองก็สุดยอดอยู่แล้ว แต่ว่ามันก็ยังมีรอยจารึกที่ไม่อาจจะตีความได้อยู่อีกมาก เมื่อผ่านการดูดซับอาวุธจำนวนมหาศาลทำให้ในตอนนี้สามารถจะดึงพลังของอาวุธเหล่านั้นมาใช้ได้]

"เลียร่า"

ยูอิลฮานได้หันไปดูเลียร่าหลังจากที่ช่องเก็บของของเขาไม่มีอาวุธเหลืออยู่แล้ว และจากนั้นเขาได้เอาเกราะร่างมังกรเพลิงนรกที่สมบูรณ์แล้วให้เธอดู

"นี่มันมากพอที่จะทนการโจมตีเต็มกำลังของเธอได้ยัง?"

[ถ้าครั้งเดียวน่ะได้แน่]

เลียร่าได้ตัดสินใจมาทำให้ยูอิลฮานถอนหายใจหนักออกมา

"งั้นฉันก็รอดได้หนึ่งการโจมตีแล้ว"

[แต่การรอดจากการโจมตีครั้งที่สองมันยากมาก พูดตรงๆเลยนะจากเกราะทั้งหมดที่ฉันเคยได้เห็นมาทั้งชีวิตนี่มันเป็นความสามารถที่ดีที่สุดเป็นอันดับที่สองเลยนะ... แต่ว่าในการป้องกันการโจมตีที่เต็มไปด้วยมานา ค่าสถานะพลังชีวิตกับพลังเวทย์ของร่างกายนายก็เป็นส่วนสำคัญเหมือนกับพลังป้องกันของเกราะเหมือนกัน อุปกรณ์จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามการพัฒนาแกร่งขึ้นของผู้ใช้ นายก็รู้เรื่องนี้ดีใช่ไหมล่ะ?]

"แน่นอนสิว่าฉันรู้อยู่แล้ว ฉันคนนี้ก็มีบันทึกของเทพแห่งช่างตีเหล็กอยู่กับตัวนะ"

[ถ้าหากว่าฉันเป็นคนใส่เกราะนี้ล่ะก็...]

เลียร่าได้ยิ้มออกมาอย่างน่ารักขณะที่พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

[ฉันคิดว่าฉันฆ่าสิ่งมีชีวิตคลาส 7 ได้โดยไร้ปัญหาเลยล่ะ]

"สิ่งมีชีวิตที่อยู่คลาส 7 อยู่ในระดับไหนกันล่ะ?"

[ฉันเดาว่าคงแค่อยู่ต่ำกว่าเทพเจ้าเท่านั้นล่ะมั้ง?]

คุณค่าของเกราะในมือของเขาได้หนักอึ้งขึ้นมาในทันที! ยูอิลฮานได้ยืนมือส่งเกราะมังกรเพลิงนรกไปให้เลียร่าอย่างสั่นเทา

"ฉะ ฉันควรให้ยืมสักครั้งสินะ?"

[...นั่นมันเป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจมากนะ แต่มันไม่มีดี ค่าความต้านทานธาตุไฟของฉันยังไม่สูงพอน่ะ]

ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เลียร่าตอบกลับหน้าแดงๆ จริงๆแล้วหัวใจของเธอกำลังเต้นกระหน่ำ มันไม่ใช่เกราะว่าเกราะที่มากความสามารถนี้ แต่ว่ามันเป็นเกราะว่าเธอกำลังจะได้ใส่เกราะที่ยูอิลฮานเคยใส่มาแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงยูอิลฮานก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย เขาได้แต่หยักหน้ารับกับคำตอบของเธอ

"อืม จริงสิ เงื่อนไขของมันก็เยอะเหมือนกัน..."

[แต่ว่าหากไม่มีความต้านทานที่มากขนาดนั้น นายท่านก็จะทนกับความร้อนที่เกราะแผ่ออกมาได้ มันไม่ใช่ว่าเงื่อนไขการใช้งานจะตั้งมาเล่นๆหรอกนะ] (โอโรจิ)

[นายโม้มาได้ไงเนี้ยทั้งๆที่นั่นมันไม่ใช่ความสามารถของนาย] (มิสทิค)

[เงียบไปเลยเจ้าสิ่งก่อสร้าง] (โอโรจิ)

[เจ้าสิ่งก่อสร้าง!? นายเรียกฉันว่าสิ่งก่อสร้าง!?] (มิสทิค)

เกราะร่างมังกรเพลิงนรกมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวก็คือความต้านทานธาตุไฟ แต่ยังไงก็ตามจำนวนที่ต้องมีความต้านทานไฟคือปัญหา ถึงแม้ว่าเกราะร่างมังกรเพลิงที่ก่อนโอโรจิจะเข้าไปอยู่ก็ต้องการ ความต้านทานไฟ 100% ซึ่งก็มาอยู่แล้ว และหลังจากโอโรจิเข้าไปอยู่ก็เพิ่มพรวดไปอีก 20% เลย

[นี่คือเกราะที่สร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างแท้จริง แม้แต่จอมเวทย์คลาส 4 ก็ยังไม่มีความต้านทานธาตุไฟมากขนาดนี้เลย]

"ฉันก็แทบจะมีไม่ถึง"

[ทำไมนายไม่คิดว่ามันแปลกที่นายน่ะ 'มีเแทบจะไม่ถึง' น่ะ?]

จากคลาสยมทูตประกายเพลิงในตอนแรกของเขาทำให้เขามีพลังโจมตีและความต้านทานธาตุไฟเพิ่มขึ้น 20% จากนั้นจากผลของพรจากเทพแห่งช่างตีเหล็กเพิ่มอีก 20% และอีก 40% จากผลของฉายา 'วีรบุรุษแห่งเพลิง'

หากไม่นับเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยแล้วโดยพื้นฐานความต้านทานของเขาจะอยู่ที่ประมาณ 80% แต่เนื่องจากสกิลประกายเพลิงที่เลเวล 99 ของเขาทำให้เขาได้รับความต้านทานธาตุไฟขึ้นอีก 50% ทำให้โดยรวมในตอนนี้ความต้านทานธาตุไฟของเขาอยู่ที่ 130%

[ในจุดนี้มันเท่ากันกับนกฟินิกซ์เพิ่งเกิดที่เกิดขึ้นมาจากเปลวเพลิงแล้วนะ]

[สมแล้วกับที่นายท่านกำลังเล็งพรจากเทพธิดาแห่งเพลิงอยู่...] (มิสทิค)

ระหว่างที่ทุกๆคนมองอยู่นี้ยูอิลฮานได้ถอดชุดทั้งหมดที่ใส่อยู่และจบด้วยการเปลือยกาย ในตอนแรกที่ยูอิลฮานถูกทิ้งไว้คนเดียวบนโลก ตัวเขาทั้งเตี้ยและลงพุงเล็กน้องทำให้เขามีรูปร่างที่ไม่น่าแสดงให้คนื่นเห็นเลย แต่สำหรับในตอนนี้มันต่างไปแล้ว

[ฟู่วว~~...] (เลียร่า)

[หา? ทูตสวรรค์นั่นล่วงไปแล้ว] (มิสทิค)

[เธอคนนั้นก็เป็นแบบนี้ทุกวันแหละ เธอไม่ต้องสนใจหรอก] (โอโรจิ)

ส่วนสูงที่ 191 เซนติเมตรและร่างกายที่สมบูรณ์แบบกล้ามเป็นมัดๆที่สมส่วนที่พิสูจน์ถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายภายในชีวิตที่เขาผ่านไป บวกกับความเชี่ยวชาญในสกิลการฟื้นฟูเหนือมนุษย์ของเขาทำให้เขาไม่มีแม้แต่รอยแผลเดียวอยู่บนร่าง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจจะซ่อนความจริงของการฝึกมาตลอดพันปีของเขาได้เลย

จากนั้นเขาได้จัดการใส่เกราะร่างมังกรเพลิงลงไป เกราะร่างมังกรเพลิงบางอย่างมากเมื่อเทียบกับความสามารถในการป้องกันที่มันมี และจากคำว่า 'ร่าง' ในชื่อที่สื่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะทำให้มันเป็นเสื้อที่ไว้ใส่ภายใต้เสื้อผ้าปกติด้วย

แม้ว่าภายนอกของมันจะทำมาจากเกราะโลหะมังกรเพลิงนรก แต่ภายในมันต่างออกไป ภายในของมันเกิดมาจากการผสมเนื้อปีศาจและผงหินพลังเวทย์ลงไปรวมไปถึงผลลัพธ์จากวิศวกรรมเวทย์ด้วยทำให้ชุดเกราะนี้ได้ปรับรูปร่างให้พอดีกับตัวของเขาในทันทีที่ใส่ลงไป

มานาระดับสูงภายในเกราะของเขาก็ยังปรับเปลื่ยนให้เข้ากันกับร่างของเจ้าของใหม่ด้วยหากมีการเปลื่ยนเจ้าของ ถึงแม้ว่าเรื่องแบบนั้นดูเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้นก็ตามที

"เพลิงนิรันดร์นายก็ด้วย"

เพลิงนิรันดร์ที่อยู่ภายในปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายตลอดเวลาก็ยังได้ย้ายเข้าไปภายในเกราะร่างมังกรเพลิงนรก ในที่สุดแล้วเกราะร่างมังกรเพลิงนรกก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับยูอิลฮาน

หลังจากตรวจดูว่ามีความต้านทานและพลังโจมตีธาตุไฟเพิ่มขึ้นมาอีก 10% แล้ว ยูอิลฮานก็ได้เอาปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายลงไปภายในเกราะเช่นกัน ในตอนนี้เขาสามารถจะเรียกปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายออกมาใส่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามได้โดยไม่เสียล่าช้าแม้แต่นิดเดียว ปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งเกราะไปแล้ว

"เอาล่ะถ้างั้นก็"

[นี่ยังจะมีอะไรเหลืออยู่อีกหรอ?]

"ใช่สิ"

ยูอิลฮานได้เอาถังยักษ์ออกมาเติมเลือดมังกรบริสุทธิ์ลงไป

"ตอนนี้ฉันเหลือแค่เลือดมังกรอยู่แค่สามพันลิตรเท่านั้นเอง ฉันควรจะต้องหยุดการสร้างเครื่องดื่มลมหายใจเอาไว้ก่อน"

[ที่เป็นแบบนั้นมันก็เพราะนายใช้มันเหมือนกับพวกประเทศที่เต็มไปน้ำมันนั่นแหละ]

"แต่มันก็ไม่มีที่ไหนหรอกนะที่จะเต็มไปด้วยมังกร..."

ระหว่างที่พึมพัมออกมาเขาก็เข้าไปใกล้ถังยักษ์ แน่นอนว่าตัวเขายังคงใส่เกราะร่างมังกรเพลิงนรกอยู่

"ฟู่ววว"

ยูอิลฮานได้ทิ้งตัวลงไปในบ่อเลือดมังกรทั้งชุดเกราะ จากนั้นเขาได้ปล่อยเพลิงสีขาวด้วยการใช้พลังของเกราะร่างมังกรเพลิงนรกซึ่งทำให้เลือดมังกรที่อยู่ภายในถังยักษ์ได้เปล่งแสงเริ่มเดือดขึ้นมา คนอื่นที่มองดูอยู่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไร แต่ว่ายูอิลฮานตั้งใจอย่างมาก

[นี่ก็เป็นวิศวกรรมเวทย์ด้วย?]

"ใช่"

ก่อนหน้านี้มีแค่การผสานกันระหว่างถังยักษ์ เลือดมังกรในถังและยูอิลฮานเท่านั้น แต่ในตอนนี้มีเกราะร่างมังกรเพลิงนรกเข้ามาผสมด้วยแล้ว ในตอนแรกมันดูเหมือนจะไร้จุดหมายแต่ในที่สุดแล้วมันก็ได้เริ่มผสานร่วมกันเองและเปล่งแสงออกมา นี่ก็ยังเป็นเพราะโอโรจิที่เข้าใจในความต้องการของยูอิลฮานได้ให้การช่วยเหลืออีกด้วย

"ฟู่"

ทุกๆครั้งที่เขาสูดหายใจเข้า เลือดมังกรที่เดือดอยู่ในถังอยู่แล้วก็ยิ่งเดือดระอุขึ้นไปอีก และทุกๆครั้งที่เกราะร่างมังกรเพลิงนรกได้ปล่อยเพลิงพร้อมกับแสงออกมาเลือดที่เดือดอยู่ก็จะถูกดูดเข้าไปภายในตัวเกราะ

[ทำไมนายท่านถึงทำทุกอย่างในพริบตาเดียวล่ะ?]

[เงียบน่า]

เมื่ออธิบายดูแล้วสิ่งนี้มันเหมือนกับการลดอุณหภูมิ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายในการลดอุณหภูมิของเกราะ มันยังเป็นเหมือนกับพรที่ยูิลฮานได้มอบให้กับเกราะในฐานะของนักขี่มังกรด้วย

"เสร็จแล้ว"

หลังจากเวลาได้ผ่านไปอยู่พักหนึ่งยูอิลฮานก็ได้ลืมตาหลังจากพูดจบลง ตอนนี้ในถังยักษ์ไม่มีเลือดเหลืออยู่แล้วแม้แต่หยดเดียว ทุกๆหยดได้ถูกดูดเข้าไปภายในเกราะร่างมังกรเพลิงนรกหมดแล้ว

ตัวเกราะเองก็ยังส่องแสงสีขาวแสบตาออกมา และรอยจารึกสีแดงบนตัวเกราะก็ได้ปล่อยออร่าที่ลึกลับออกมามากยิ่งกว่าเก่าอีก เลียร่าได้ถามขึ้นด้วยตาที่เป็นประกาย

[พระเจ้า? เกราะกลายเป็นระดับพระเจ้าแล้วใช่ไหม?]

"อ่า ไม่ใช่หรอก นี่มันก็เกราะกระบวนการทำให้เกราะนี้เป็นหนึ่งเดียวกันฉัน ผลลัพธ์ของมันไม่น่าจะเกิดในทันทีหรอกนะ"

ยูอิลฮานได้พูดออกมาทำให้เลียร่าต้องผิดหวังและเขาได้เก็บถังยักษ์ลงไปในช่องเก็บของ จากนั้นเขาได้ขยับนิ้วซ้ายและเห็นถุงมือโลหะบางๆปกคลุมอยู่ ในที่สุดแล้วร่างกายของเขาก็ได้ประสานเข้ากับเกราะร่างมังกรเพลิงนรกแล้ว

"เยี่ยม สมบูรณ์แบบ"

นี่คืออุปกรณ์ชิ้นที่สองของเขาที่สร้างอย่างสุดพลังหลังจากป้อมปราการลอยฟ้า ด้วยความทุ่มเทของเขาอย่างน้อยก็ต้องดีแบบนี้ เขาได้ใช้หินพลังเวทย์คลาส 5 ที่ล้ำค่ามากที่สุดที่เขามีอยู่! ในตอนนี้เขาไม่อาจจะกลายเป็นคลาส 4 ได้ในทันทีแล้วต่อให้เขาได้รับพรของเทพธิดาแห่งเพลิงมาในตอนนี้ก็ตาม เขาเป็นคนทำให้เป็นแบบนี้เอง

"นี่เป็นเหตุผลที่ว่าหากเธอมีหินพลังเวทย์ให้ฉันมันก็คงจะดีนะมิสทิค"

[แค่ฉันร่วมมือด้วยหลังจากที่ถูกนายท่านฆ่านี่ยังไม่พออีกหรอ!?]

"เหลืออีกไม่นานแล้วที่ฉันจะได้เจอกับเจ้านั้น ฉันจะต้องได้คลาส 4 มาก่อนที่จะเจอกับเขา..."

ยูอิลฮานได้พึมพัมคิดคำนวนภายในหัวเงียบๆเงียบๆโดยไม่ได้สนเสียงบ่นของมิสทิคเลย แต่แล้วเขาก็มองไปที่เลียร่าโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดคำนวนในเรื่องอะไร สายตานี้ของเขาได้ทำให้เลียร่าทั้งอายทั้งตกใจ

[อะ อะไร?]

"...คราวนี้ฉันจะสร้างเกราะใหม่ให้เธอ"

[จริงๆนะ?]

เลียร่าได้ร่าเริงออกมาทันที ยังไงก็ตามระหว่างที่มองดูเธอยูอิลฮานรู้สึกขัดแย้งมากๆ ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างเลียร่าจะจำเป็นต้องมีเกราะในสภาพแวดล้อมโลกใบนี้ที่ถูกแยกเลยสักนิด! ดังนั้นมันจึงเป็นปกติหากว่าเธอจะปฏิเสธในเรื่องนี้หรืออย่างก็สงสัยในเรื่องนี้

'นี่คือเกราะไม่ควรจะใช้เลย'

ยังไงก็ตามในขณะที่เลียร่ามีข้อสงสัยอย่างคลุมเครืออยู่ ยูอิลฮานก็ได้ตกลงสู่ห้วงความคิดของเขา ในตอนที่ยูอิลฮานตกอยู่ในอันตรายเขารู้ดีกว่าเลียร่าจะต้องเข้ามาปกป้องเขาแน่ไม่ว่าเธอจะต้องแลกด้วยอะไรไปก็ตาม ยังไงก็ตามเขาไม่คาดหวังให้เธอทำอะไรตามอารมณ์แบบนั้นเลย

ไม่ว่าเธอจะรู้สึกกับเขายังไง แต่นับจากวินาทีที่เลียร่าได้ใช้พลังในฐานะของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพื่อทำอะไรนอกเหนือไปจากการปกป้องตัวเอง เธอก็จะเสียคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไป นั่นมันไม่ได้หมายความว่าระดับชั้นของพลังเธอจะลดลง แต่บันทึกจำนวนมหาศาลที่เธอครอบครองอยู่จะถูกดูดออกไปและทำให้ชีวิตเธอต้องตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเกราะที่ยูอิลฮานได้คิดจะทำให้เธอในตอนนี้ไม่ได้ทำเพื่อเพิ่มพลังให้กับเธอ แต่เป้นเพื่อป้องกัน เกราะที่จะป้องกันเธอจากวิกฤติครั้งใหญ่ที่เธอจะต้องเสียคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไป! แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความคิดของยูอิลฮานที่มีนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

ยังไงก็ตามเนื่องจากเขาได้ทำป้อมปราการลอยฟ้าระดับเทพเจ้าและชุดเกราะระดับกึ่งเทพมาแล้ว นี่มันก็แค่อีกหนึ่งความท้าทายเท่านั้น เขาไม่มีความคิดว่าเขาจะล้มเหลว เขามั่นใจว่ามันจะต้องสำเร็จอีกด้วย

[เอะเฮะเฮะ]

เลียร่ายินดีอย่างมากเมื่อเธอได้เห็นความขัดแย้งทางจิตใจที่ยูอิลฮานกำลังเจออยู่อย่างชัดเจน ยูอิลฮานได้คิดจะเข้าไปเขกหัวของเธอแต่เมื่อมองรอยยิ้มของเธอแล้วดูเหมือนแรงของเขาจถูกด้วยออกไป

"ฉันจะไปทำเกราะแล้ว"

[นี่ มาวัดขนาดตัวก่อนสิ]

"ไม่ต้อง ฉันรู้แยู่แล้วน่า"

[นี่! มาวัด! ขนาด! ฉันสิ!]

เสียงของเลียร่าได้มากยิ่งขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มของเธอ ยูอิลฮานก็ยังคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะยิ่งแย่ขึ้นไปอีกหากเขายังคงปฏิเสธเธอทำให้เขายิ้มแห้งๆออกมา

"โอเค งั้นมาวัดขนาดตัว"

[ฟุฟุ]

เมื่อเห็นเลียร่าชอบมันมากทำให้เขาเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นบ้าไปแล้ว จิตวิญญาณที่ได้กลายมาเป็นลูกน้องของยูอิลฮานก็ยังคุยกันเองลับๆโดยที่ไม่ให้เลียร่าได้ยินอีกด้วย

[ทูตสวรรค์นั่นเป็นพวกโรคจิตใช่ป่ะ?] (มิสทิค)

[นั่นแหละ เธอพูดถูกเลย] (โอโรจิ)

ยูอิลฮานได้เอาเทปวัดมาเริ่มวัดขนาดตัวของเลียร่า เริ่มจากอก ไปเอว ไปต้นขา ไปนิ้วเท้า ไปกระดูกปีกของเธอ และทุกๆส่วน หลังจากนั้นไม่นานเลียร่าก็ต้องหน้าแดงด้วยความอาย

[ฟู่ววว...]

"เสร็จแล้ว"

[สะ เสร็จแล้วหรอ? ฉันว่านายยังวัดไม่แม่นนะ]

"ฉันวัดแม่นแล้วก็ถูกต้องที่สุดแล้ว"

เขาจะไม่ทำการวัดนี้ซ้ำ ยูอิลฮานได้ใส่เสื้อให้กับทูตสวรรค์วิปริตที่น่าเศร้าและเริ่มทำชุดเกราะของเขา ยูอิลฮานได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจลงไปในเกราะๆนี้จนถึงขนาดนี้ว่าเขาคิดว่ามันน่าเศร้ามากที่เขาไม่มีหินพลังเวทย์คลาส 5 ให้ใช้ และเขาได้ใช้เวลากว่า 3 วันในการทำชุดเกราะโลหะสีชมพูขึ้นมา

[ทำไมเกราะนี้ถึงมีสีชมพูล่ะ?]

"มันเกิดจากเลือดของมอนสเตอร์ระดับสูงที่ฉันผสมลงไปน่ะ"

[ตอนนี้ฉันไม่อยากจะใส่เกราะนี้แล้ว!]

การขึ้นรูป การลดอุณหภูมิ การสลัก ทั้งหมดนี้ต่างก็สมบูรณ์แบบ ยูอิลฮานได้ให้เลียร่าใส่ชุดเกราะลงไปในทันทีที่เขาทำเกราะเสร็จ ขณะที่เธอกำลังกระโดดอย่างดีใจเธอก็สงสัยไปด้วยในเวลาเดียวกัน

[ฉันไม่เห็นได้รู้ข้อมูลทั้งหมดของชุดเกราะเลย? ออฟชั่นที่ห้ามันคืออะไรอ่ะ?]

"การที่เธอไม่รู้เรื่องมันจะดีกว่านะ ถ้าเป็นไปได้ก็ตลอดไปเลย"

[โอเค]

ด้วยชุดเกราะสีชมพูและหอกที่สีคล้ายคลึงกันทำให้เลียร่าดูเหมือนกับวัลคิรี่มากกว่าทูตสวรรค์ของเทพพระเจ้าซะอีก ยูอิลฮานได้หยักหน้าอย่างพอใจ และเลียร่าก็ดูจะมีความสุขมากๆ

เพราะแบบนี้ทุกๆอย่างที่เขาจะเตรียมการไว้ได้ในการต่อสู้กับบอสของดันเจี้ยนนรกก็เสร็จสิ้นแล้ว ยังไงก็ตามมิสทิคที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเธอเป็นตัวการให้ยูอิลฮานเร่งรีบแบบนี้ เธอก็ยังคงใช้ป้อมปราการลอยฟ้าจัดการระเบิดมอนสเตอร์ต่อไป

[ที่พวกนายทุกคนพยายามจะฆ่านายท่านก็เพราะถูกสิ่งมีชีวิตแปลกๆนั่นควบคุมเอาไว้ใช่ไหม? ถ้าพวกนายหลุดพ้นมามันก็จะมีความสุขกว่าอีกนะ! นี่แน่ะ ปลดปล่อย! ปลดปล่อย! ปลดปล่อย!]

"ถ้าเธอพูดแบบนี้ซ้ำๆมันดูเหมือนกับเธอเป็นพวกลัทธิประหลาดเลยนะ ช่วยหยุดพูดเถอะนะ"

เขาไม่อาจจะตีเหล็กไปตลอดได้ เพื่อที่จะดึงเซนต์แห่งการต่อสู้หลังจากใช้เวลาตีเหล็กไปเป็นสัปดาห์ทำให้ยูอิลฮานก็ยังได้มีส่วนร่วมในการค่าครั้งนี้ด้วย

ป้อมปราการลอยฟ้าได้ปูพรมถล่มบนพื้น และยูอิลฮานก็ได้ใช้การซ่อนเร้นของเขาเข้าไปฟาดฟันมอนสเตอร์ในฝูงพวกมัน

ปีกเสียงเพรียกแห่งการลมสลายที่ได้ถูกเสริมพลังขึ้นมาหลังจากผสานกับเกราะร่างมังกรเพลิงนรกได้ช่วยให้เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เทียบได้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตลอดเวลา และในเวลาเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นนับจากมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นมาเขาก็จัดการพวกมันได้หมดไม่ว่าจะเป็นทั้งบนท้องฟ้า บนพื้นดินหรือในท้องทะเลก็ตาม

[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]

"ย๊ากกกกก!"

[ก๊าซซซซ]

[เขามันสัตว์ประหลาด!]

[เราเอาชนะไมได้... ไม่ได้เลย!]

ด้วยความคิดเดียวไม่ว่าจะอาวุธอะไรก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาและเขาก็สามารถจะระเบิดอาวุธได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบาลิสต้าที่เป็นเครื่องยิงธนูยักษ์และไพท์บังเกอร์ที่โจมตีขนาดยักษ์อยู่ก็ไม่ใช่ปัญหา

และพอเวลาผ่านไปได้อีก 2 เดือนก็ได้มีมอนสเตอร์คลาส 5 ตัวที่สองถัดจากมิสทิคปรากฏขึ้นมา

[อ่า ออร่านี้มัน... กรี๊ด!] (มิสทิค)

[ก๊าซซซซซซซซซ!]

เนื่องจากว่มันปรากฏตัวขึ้นมาในระหว่างป้อมปราการลอยฟ้ากำลังยิงลำแสงเข้าใส่มอนสเตอร์ทำให้ป้อมปราการลอยฟ้าไม่อาจจะเข้าสู่สภาพซ่อนเร้นได้ บางทีนี่ก็อาจจะเพราะความผิดพลาดจากมิสทิคทำให้เธอไม่รู้เลยว่ามันโผล่ขึ้นมาตอนไหน และมันได้กระโดดขึ้นมาฟาดทำลายป้อมปราการลอยฟ้าโดยตรงทันที แถมมันยังไม่ใช่แค่นี้ด้วย

[กรรร.... ฆ่าคนทรยศ]

[ทะ ทำยังไงดี? ยะยิงมันข้างในนี้เลยหรอ!?]

แค่การที่มันบุกเข้ามาในป้อมปราการลอยฟ้ามันก็ได้ป้องกันการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดสองอย่างจากป้อมปราการลอยฟ้าได้แล้ว หนึ่งคือการชนปะทะตรงๆของป้อมปราการและสองคือร้อยนัยน์ตา

มันไม่ใช่ว่าร้อยนัยน์ตาจะไม่อาจโจมตีโจมตีข้างในบาเรียได้ แต่ว่าเขาจะขาดทุนมากกว่าจะได้กำไร การยิงลำแสงเข้าใส่คลาส 5 ที่มีความคล่องตัวมีแต่จะทำลายป้อมปราการก่อนที่จะฆ่ามันได้

"ฟู่วว"

ยังไงก็ตามด้วยความไร้เดียงสาของมันมากๆที่ทำให้มันคิดว่าการเข้ามาในป้อมปราการเป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้มันเอาชนะมิสทิคได้นี้เอง ยูอิลฮานไม่ได้เปนแค่ผู้สร้างป้อมปราการลอยฟ้าเท่านั้น แต่เขาก็ยังเป็นคนที่จะต่อสู้กับป้อมปราการลอยฟ้าด้วยตัวเองได้เหมือนกัน!

นับจากช่วงวินาทีแรกที่มีผู้บุกรุกเข้าไปในป้อมปราการลอยฟ้าใช้เวลาน้อยกว่าวินาทีเดียวซะอีก ในระหว่างวินาทีเดียวนี้ยูอิลฮานก็ได้กางปีกของเขาทำการกระโดดหลายต่อหลายครั้งเพื่อกลับไปที่ป้อมปราการลอยฟ้าและหยิบเอาหอกมังกรแปดหางพุ่งเข้าปะทะกับคลาส 5 ที่กำลังจะเริ่มทำลายป้อมปราการลอยฟ้า

[ทำลายทุกๆอย่างนอกจากโลกใบนี้!]

[กรี๊ดดดดดด!] (มิสทิค)

สิ่งมีชีวิคคลาส 5 ตนนี้ต่างไปจากมิสทิคที่ต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะมีสติได้หลังจากเกิดมา มันได้มีความต้องการแห่งการทำลายเกิดขึ้นมาและตรงเข้าทำลายป้อมปราการลอยฟ้าในทันที! ยังไงก็ตามมันไม่ได้รู้ถึงยูอิลฮานที่ซ่อนตัวอยู่เลย การต่อสู้ได้จบลงไปในจุดนี้แล้ว

ก่อนหน้านี้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยูอิลฮานยังไม่มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะได้ต่อให้เขาจะเปิดด้วยการลอบโจมตี (เปลื่ยนจากเดิมโจมตีทีเผลอ) ก่อนก็ตาม แต่นั่นมันก็คือก่อนที่เขาจะได้สร้างเกราะร่างมังกรเพลิงนรกขึ้นมา

เขาได้สร้างเกราะโดยการเสียสละหนึ่งในเงื่อนไขการกลายเป็นคลาส 4 ไป การป้องกันสูงอย่างเห็นได้ชัดและมันก็ยังมีการโจมตีที่ไม่ด้อยไปกว่ากันอีกด้วย เขาไม่เสียดายในตัวเลือกที่เขาเลือกไปเลยสักนิด

และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ยังเกินกว่าความคาดหมายของยูอิลฮาน ด้วยปีกของเขาและเกราะที่ใส่อยู่ทำให้เขามีพลังการโจมตีระยะประชิดเพิ่มขึ้น 70% มีพลังโจมตีธาตุไฟเพิ่มขึ้น 130% และด้วยฉายาไม่อาจเอื้อมของเขาทำให้เวลาที่เขาเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ระดับสูงกว่าเขาจะทำให้ความสามารถเขาเพิ่มอีก 20%...

ต้องกลัวคลาส 5 ด้วยหรอ? อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย ในตอนนี้เขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะพวกมันตรงหน้าแล้ว

[ก๊าซซซซซซ... ก๊าา!?]

เพลิงนิรันดร์และประกายเพลิงที่ถูกโลหิตมังกรที่ได้เข้าไปเสริมพลังได้รวมกันอยู่ที่ปลายหอกมังกรแปดหาง หลังจากที่พลังทั้งหมดนี้รวมตัวกันยูอิลฮานก็ได้แทงหอกเข้าไปในหัวใจของมันทันที!

[ติดคริติคอล!]

"ฟู่"

[ก๊าซซซ...]

พอยูอิลฮานได้ดึงหอกออกมาก็ได้เกิดรู้บนหัวใจของมันรวมแล้วแปดรูจากผลของวิชาหอกไร้วิถี ดังนั้นการหมุนเวียนเลือดของมันจึงหยุดลงในทันที

ยังไงก็ตามนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้จะจบลง สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วหัวใจก็เป็นแค่หนึ่งในอวัยวะเท่านั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมชีวิตของพวกเขา

[ฉันจะ... ฆ่าแก]

"นั่นมันยากหน่อยนะ"

เรื่องนี้ยูอิลฮานก็รู้เช่นกัน

[อ๊ากกกกกก....]

เจ้าตัวนี้มีรูปร่างที่น่ากลัวต่างไปจากมิสทิคที่มีร่างเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์ ตัวมันดูเหมือนกับครึ่งคนครึ่งหมาป่า ในวินาทีที่มันพยายามจะยืดเท้าเข้ามาทางยูอิลฮาน ร่างกายส่วนร่างของมันที่พยายามจะก้าวมาด้านหน้าก็ได้แยกตัวจากร่างกายส่วนบนและล่วงลงมาทันที รอยตัดที่กำลังลุกไหม้ที่ยูอิลฮานได้ทำเอาไว้ได้เผยขึ้นมาทันที

[โลกนี้จะ.... แก]

มันไม่อาจจะทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ในเวลาเดียวกันที่ร่างกายส่วนบนและส่วนล่างแยกออกมา หัวของมันก็ยังขาดครึ่งเช่นเดียวกัน ในตอนนี้ยูอิลฮานได้ทำการโจมตีสิบครั้งในเวลาเดียวกันได้สำเร็จแล้วด้วยการผสมระหว่างการฟันและแทง

หอกไร้วิธีได้ทำให้ความสามารถในการซ่อนเร้นของยูอิลฮานพุ่งสูงไปจนถึงขีดสุด ทำให้ผลจากการลอบโจมตีได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งๆขึ้น

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[สกิลหอกไร้วิถีได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 93]

[คุณได้เชี่ยวชาญในสกิลยมทูต ระยะเวลาสกิลเพิ่มขึ้นเป็น 3 ชั่วโมง และขีดสุดในการเสริมความสามารถได้เพิ่มเป็น 100% เมื่อมีเงื่อนไขในการวิวัฒนาการสกิลครบก็เป็นไปได้ที่จะทำการวิวัฒนาการสกิลแบบผสาน]

"เยี่ยม"

ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาเบาๆราวกับว่าการฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ได้มีค่าอะไรกับเขาในตอนนี้เลย

"คลาส 4 ของฉันอยู่อีกไม่ไกลแล้ว"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด