บทที่ 111 เหนือกว่า
บทที่ 111
เหนือกว่า
“เหลาไห่หลง คนอื่นอาจจะกลัวเจ้า แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าข้า หลี่ฟู่เฉิน จะต้องกลัวเจ้า วันนี้เราจะได้เห็นดีกัน ว่าใครกันแน่ที่เป็นเหมือนสุนัขตาย”
ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินสั่นสะเทือน เขาระเบิดพลังขอบเขตต้นกำเนิดระดับสี่และเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับสิบสามออกมา
เขาดึงความแข็งแกร่งทางกายภาพออกมาเต็มกำลัง มากถึง 15,000 กิโลกรัม
ทันใดนั้นเองที่ร่างกายของเขากลายเป็นบิดเบี้ยว และดาบเหล็กดำในมือของเขาก็พุ่งไปตามเส้นทางที่ไม่เหมือนใด ในทันที ไฟสว่างจ้าพุ่งออกไปและดาบก็เร่งความเร็วไปถึงจุดสูงสุด
ทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำ ดาบดาวตก
สองดาบเหล็กปะทะกัน หนึ่งเหมือนสายฟ้า หนึ่งเหมือนดาวตก พวกมันปะทะกันเข้าหากัน
เคร๊ง!
เสียงที่น่ากลัวของโลหะกระแทกกันดังกึกก้อง มันส่งเสียงแหลมไปยังหูของคนรอบข้าง วัชพืชบนพื้นผิวดินปลิวออกไป และกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย สิ่งสกปรกถูกอัดให้มีขนาดเล็กลงกว่าดิน ถูกอัดลงไปในทราย
ท่ามกลางสองคนนั้น ไฟสีเขียวและสีแดงตัดกัน ประกายไฟพุ่งออกมาเนื่องจากดาบที่กำลังเสียดสีกัน จุดประกายไฟใส่เศษหญ้าบนพื้น
พลังฉีกระจายแผ่วงกว้าง
ทั้งเหลาไห่หลงและหลี่ฟู่เฉินก้าวถอยหลังไปคนละ 8 ก้าว
“หลี่ฟู่เฉินยังยืนอยู่ได้หลังจากปะทะกับดาบที่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดของเหลาชิเซียง?”
หวูชิงเหม่ยที่กำลังเดินไป จ้องมองด้วยความงุนงง เธอไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้
เหลาไห่หลงเป็นอัจฉริยะชั้นในและระดับขั้นสูงกว่าหลี่ฟู่เฉินสองระดับ ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่หยูเหวินเทียนพ่ายแพ้ให้แก่หลี่ฟู่เฉิน นั่นเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแทบจะเท่ากัน
หากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่เจ็ดของขอบเขคพลังฉี เขาจะไม่สามารถเอาชนะหยูเหวินเทียนได้อย่างแน่นอน
สูดดด เกาช่างเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“น่าสนใจ หลี่ชิตี๋ผู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก” เฉินฟางหัวใส่ใจกับทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้น
“ความสามารถที่สามารถปะทะกับเหลาไห่หลงชิเซียงได้?”
จ้างหมิ๋งเยวี่ยตกตะลึง แต่ทว่าดวงตาของเธอเปลี่ยนจากความประหลาดใจกลายเป็นเปล่งประกายในทันที
“เหลาชิเซียงยังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ใช่ไหม? ถ้าเขาใช้ เขาจะทนดาบของเหลาชิเซียงได้อย่างไร?”
ศิษย์ชั้นในทั้งสองที่วิพากษ์วิจารณ์หลี่ฟู่เฉิน กลายเป็นตกใจ
“สนุขเวร แกตาย!”
เหลาไห่หลงฟันติดต่อกลายหลายครั้ง หวังจัดการหลี่ฟู่เฉิน
เคร๊ง เคร๊ง เคร๊ง…
วิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินดุดันมากกว่าวิชาดาบของศัตรู ความเร็วในการเรียกคืนพลังฉีนั้นรวดเร็วมาก ไม่เพียงแต่เขาสามารถสกัดกั้นวิชาดาบอัสนีวายุของเหาไห่หลงได้เท่านั้น แต่เขายังค่อยๆ สะกดข่มเหลาไห่หลงได้ด้วย
ใบหน้าของเหลาไห่หลงกลายเป็นซีด “หลี่ฟู่เฉิน สนุขเวรเช่นเจ้าจะมีคุณสมบัติอะไรมาต่อกรกับข้า? แค่เพียงระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด กลับสามารถสกัดกั้นวิชาดาบอัสนีวายุของข้าได้ เจ้าใช้ลูกเล่นอันใด?!”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าปากอันโสโครกของเจ้าจะพูดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน!”
ทุกครั้งที่เหลาไห่หลงกล่าว จะมีคำว่าสุนัขเวรหลุดออกมา สิ่งนี้ทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีโอกาสชนะเหลาไห่หลง อย่างน้อยในการต่อสู้ครั้งนี้เขาจะทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะได้ตบเหลาไห่หลงซักสองสามครั้ง
10 กระบวนท่า 50 กระบวนท่า 100 กระบวนท่า…
เพียงไม่นาน 100 กระบวนท่าก็ผ่านไป
ทั้งสองฝั่งไม่สามารถจัดการกันและกันได้
แต่ด้วยสายตาของเฉินฟางหัว เธอสามารถกล่าวได้ว่าหลี่ฟู่เฉินมีข้อได้เปรียบเล็กน้อย
“อัสนีตัดวายุ!”
วิชาดาบอัสนีวายุของเหลาไห่หลงกลับกลายเป็นดุร้ายยิ่งกว่าเดิม เขาฝึกฝนวิชาดาบอัสนีวายุมาถึงขั้นสมบรูณ์แล้ว และไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใดมาก่อน
“พินาศไปซะ!”
วิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินมาถึงขั้นดีเลิศนานแล้ว ไม่ว่าจะด้านการออกอาวุธหรือความสามารถในการใช้วิชา เขาสามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาใช้ได้
กลางอากาศ สายธารของระเบิดแสงถูกปล่อยออกมา วิชาดาบอัสนีวายุของเหลาไห่หลงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง การลงดาบสามครั้งของเขาไม่สามารถเทียบได้แม้แต่การลงดาบเพียงครั้งเดียวของหลี่ฟู่เฉิน
นี่คือความสำคัญของความสามารถโดยรวมที่คนๆ หนึ่งควรมี
หลี่ฟู่เฉินไม่พอใจ ที่เขาสามารถสะกดข่มเหลาไห่หลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาใช้ลูกเตะไร้เงาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาไม่ได้โคจรย่างก้าวเงาวายุ หากรวมทั้งลูกเตะไร้เงาและย่างก้าวเงาวายุเข้าด้วยกัน ความเร็วของเขาจะสูงขึ้นไปอีกขั้น แต่มันจะไม่ส่งผลในด้านความแข็งแกร่งในการโจมตี เมื่อเทียบกับการใช้เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ
เหลาไห่หลงกลายเป็นหมดสภาพหลังจากถูกแทงด้วยดาบของหลี่ฟู่เฉินที่ด้านหลังก็เนื่องจากความประมาท
เขาสวมเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 3 และมีการป้องกันทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นการแทงครั้งนี้จึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด ทว่ามันกลับส่งผลกระทบต่อสภาพโดยรวมของเขาแทน
“วิชาดาบเสี้ยวทั้งสาม!”
หลี่ฟู่เฉินวนรอบเหลาไห่หลง และโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง วิชาดาบของเขาจะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้งทีโจมตี บางครั้งก็เป็นวิชาดาบดาวตกและบางครั้งก็เปลี่ยนกลับไปเป็นวิชาดาบเสี้ยวทั้งสาม
“ไปให้พ้น!”
เหลาไห่หลงไม่สามารถทนรับมันได้อีกต่อไป และกวาดดาบเหล็กดำของเขาออกเป็นวงกลม ที่กลางอากาศ มันราวกับว่ามีพายุฝนฟ้าคะนอง มันเป็นการปะทุพลังงานดาบที่น่าหวาดกลัว
เงียบและไร้ตัวตน หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นเงาและกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้อยู่ทางด้านขวาของเหลาไห่หลง
“ดาบดาวตก!”
ด้วยการแกว่งดาบของเขา ทันใดนั้นแสงสะท้อนจากดาบก็หายไป และกลายเป็นดาวที่คล้ายกับตกมาจากฟากฟ้า
ปิสส!
ด้วยเกราะพลังฉีที่สลายไป เกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 3 จึงถูกแทง เหลาไห่หลงพ่นเลือดออกมากองใหญ่ และได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง
พลังโจมตีของดาบดาวตกนั้นน่ากลัวเกินไป มันมีทั้งความเร็วและความรุนแรง
แม้แต่กระทั้งกอริล่าหลังเหล็กระดับ 2 ชั้นสูง ก็เกือบถูกเจาะกะโหลกโดยหลี่ฟู่เฉินมาแล้ว
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
หลังจากที่เหลาไห่หลงได้รับบาดเจ็บ หลี่ฟู่เฉินกลั้นหายใจและปล่อยดาบดาวตกออกไป 3 ครั้งต่อเนื่อง สองในสามของพวกมันรวมกันเป็นดาบเดียว
มีรูปรากฏอยู่บนเกราะหนังสัตว์ปีศาจและผิวของเหลาไห่หลง มันส่งผลทำให้เหลาไห่หลงบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด
ติ๋ง!
หลี่ฟู่เฉินปลดดาบเหล็กดำของเหลาไห่หลงออกจากมือ
“ตอนนี้ใครกันแน่ที่คือสนุข?”
หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ตรงหน้าของเหลาไห่หลง จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
ศิษย์ชั้นในทั้งสองที่ติดตามเหลาไห่หลงมาทั้งคู่กลายเป็นโง่งม พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเหลาไห่หลงจะพ่ายแพ้ มันเป็นความจริงที่ว่าเหลาไห่หลงเป็นอัจฉริยะด้านในและมีระดับสูงกว่าหลี่ฟู่เฉินถึงสองระดับ
“หลี่ฟู่เฉินชนะ?”
เกาช่างเทียนและหวูชิงเหม่ยมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงขอบเขตของความสามารถของหลี่ฟู่เฉินได้
“เฉินชิเจี๋ย หลี่ฟู่เฉินชนะ” ความสุกใสในด้วยตาของจ้าวหมิ๋งเยวี่ยนั้นเปล่งประกายมากขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสนใจใครคนนึง เธอผู้ซึ่งไม่แม้แต่จะสนใจกับคนที่มีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวอย่างเช่นหยูเหวินเทียน
จากมุมมองของเธอ หยูเหวินเทียนอาจมีศักยภาพในการบรรลุขอบเขตสวรรค์ แต่เธอที่เป็นหลานสาวของผู้อาวุโสนิกายชั้นใน จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับนักสู้ขอบเขตสวรรค์มากนัก
นอกเหนือจากว่าหยูเหวินเทียนจะบุกเข้าไปในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้
แต่น่าเสียดาย แม้ว่าเขาจะมีโครงกระดูกระดับ 5 ดาว มันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถบรรลุขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
แม้หากทำการมองอย่างรวดเร็ว ไปยังนิกายคังหลุน หรือนิกายที่อยู่รอบๆ แคว้น มันก็สามารถบอกได้ทันทีว่า ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเป็นจุดสูงสุดของกองกำลัง
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด สามารถเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัดและมีชีวิตที่สุขสบายผาสุก
“ใช่ แน่นอนว่านี่นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ”
เฉินฟางหัวตีหน้าผากของเธอ และมีการแสดงออกที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน
“หลี่ฟู่เฉิน ไอ้สนุขสารเลว! สักวันหนึ่งข้าจะฆ่าเจ้า และทำลายทุกสิ่งที่เจ้ามี จงสิ้นหวังซะสิ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ใบหน้าของเหลาไห่หลงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความขุ่นแค้น
เพี๊ยะ!
หลี่ฟู่เฉินไปที่ตบใบหน้าของเหลาไห่หลง ใบหน้าของอีกฝ่ายผองขึ้นมาทันที
“เจ้ากล้าทำร้ายข้า? เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?!” เหลาไห่หลงกรีดร้อง
เพี๊ยะ!
หลี่ฟู่เฉินตบอีกครั้ง แต่เพียงครั้งนี้เขาตบด้วยหลังมือ
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ….
หลี่ฟู่เฉินไม่อนุญาตให้เป้าหมายของเขาได้มีโอกาสพูดแม้แต่เพียงนิดเดียว ขณะที่เขาตบเขาอย่างโหดเหี้ยมแบบต่อเนื่อง
เหลาไห่หลงที่โดนตบก็กลายเป็นเซ่อ ขณะที่ดวงตาของเขาดูไร้ชีวิตชีวา
“นี้…”
ดูฉากนี้ ใบหน้าของทุกคนว่างเปล่า
เหนือกว่า เหนือกว่าอย่างแท้จริง
การกระทำทั้งหมดล้วนไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
“นี้ไม่ดี หลี่ฟู่เฉินบุ่มบ่ามมากเกินไป เหลาไห่หลงเป็นผู้เยาว์ของตระกูลเหลาอันทรงเกียรติ สถานะของเขาสูงกว่าของฟางเหล่ยไห่มาก” เกาช่างเทียนรู้ดีมากว่าใคร รู้ว่าเหลาไห่หลงมีประวัติความเป็นมาอย่างไร หากไม่รู้ เขาคงจะไม่ต้องทุกข์ทนกับการต้องเงียบ
“แก ไอ้สารเลว! แกกล้าสร้างความอัปยศให้กับนายน้อยของเรา แกสมควรตาย และจะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือแกได้!”
ห่างออกไปร้อยเมตร ผู้ดูแลชั้นในสองคนคำราม และวิ่งไปที่หลี่ฟู่เฉิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร