เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0076
ตอนที่ 76 : คำทำนาย
บ้านพักของติงเทียนฉวนก็อยู่ข้างทะเลสาบ แต่ก็อยู่ห่างจากป่าไผ่เกือบหนึ่งพันเมตรได้
ไม่ช้า ฉินหยุนมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ ทว่า เขาถูกหยุดเอาไว้โดยชายวัยกลางคนไม่ให้เข้าไปภายใน
หยางฉีเย่ว์เร่งรีบออกมาพาเขาเข้าไปด้านใน
ฉินหยุนเข้ามาในห้องจึงได้เห็นผู้อำนวยการจางในชุดขาว กำลังเดินไปมาในห้องโถง ด้วยสีหน้าดำมืดนั้น เขาเร่งร้อนเอ่ยถาม “ผู้อำนวยการ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ติง?”
หยางฉีเย่ว์เอ่ยขึ้น “อาจารย์ติงถูกวางยา! ผู้อำนวยการและข้ากำลังช่วยกันสะกดพิษไว้”
ผู้อำนวยการจางขมวดคิ้วกล่าวด้วยโทสะ “อาจารย์ติงคือคนสัตย์ซื่อผู้หนึ่ง เขามีความรับผิดชอบดีเยี่ยมและไม่เคยสร้างศัตรูใด ใครกันที่กล้าวางยาต่อเขาร้ายแรงถึงเพียงนี้?”
ฉินหยุนพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งโดยทันที เป็นปรมาจารย์เว่ย!
หยางฉีเย่ว์ก็ทราบเรื่องนี้ เพราะแบบนั้นนางจึงคิดเห็นเช่นเดียวกับฉินหยุน ว่าควรเป็นปรมาจารย์เว่ยแล้ว
“พิษในร่างของอาจารย์ติงหาได้ยากยิ่ง พิษชนิดนี้ค่อนข้างล้ำค่าไม่น้อย ทั้งยังยากได้รับมา” ถึงตอนนี้ ผู้อำนวยการจางยิ่งมายิ่งโทสะเปี่ยมล้น เส้นเลือดบริเวณหน้าผากแทบปูดบวมขณะกล่าว “ข้าต้องหาให้ได้ว่ามันเป็นใคร พวกมันถึงขั้นวางยากับเด็ก!”
“เด็ก?” ฉินหยุนมึนงงไปจึงเร่งร้อนเอ่ยถาม
“แต่เดิมเป็นบุตรของอาจารย์ติงที่โดนวางยา อาจารย์ติงทำได้เพียงช่วยชีวิตบุตรชายเอาไว้หลังพบเจอพิษในร่าง เป็นเขาย้ายพิษนั้นมาไว้ในกายตัวเองทันเวลา! พิษที่เด็กคนนั้นได้รับยังไม่ได้หายโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เขายังไม่ได้สติ หากอาจารย์ติงไม่ช่วยรักษาเด็กอย่างทันเวลา ถึงตอนนั้นอาจกลายเป็นส่งผลกระทบต่อทั้งบิดาและบุตรชายแล้ว”
วางยาสังหารเด็ก เรื่องนี้ไร้ซึ่งหัวใจเกินไปแล้ว!
ความโกรธพลันล้นทะลักในใจฉินหยุน
“มีสมุนไพรโอสถที่ใช้ชำระล้างพิษได้อยู่ ชื่อของมันคือผลไม้ไร้สี สามารถหาพบได้ในเทือกเขาเมฆมังกร แต่หาได้ยากยิ่ง ข้าส่งคนไปจำนวนหนึ่งออกค้นหาแล้ว” ผู้อำนวยการจางกล่าว “ข้าต้องคอยดูอาการของทั้งคู่เอาไว้ด้วยพลังภายใน เพื่อช่วยสะกดพิษที่พวกเขาได้รับ”
ใบหน้าของฉินหยุนเปี่ยมด้วยความกังวลขณะกล่าว “ข้าต้องการเข้าเทือกเขาเมฆมังกรเพื่อค้นหาวัตถุดิบสมุนไพรนั้นด้วย”
พอหยางฉีเย่ว์ได้ยิน นางเร่งร้อนกล่าวคำ “แบบนั้นไม่ได้ เจ้าไปคนเดียวอันตรายเกินไป ให้ข้าไปกับเจ้า นี่ถือเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ไปด้วย!”
“เอาตามนั้น!” ผู้อำนวยการจางพยักหน้ารับร “ไม่มีเวลาแล้ว จงรีบไปโดยทันที หากมีคนช่วยค้นหามากขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสพบเจอผลไม้ไร้สีได้รวดเร็วขึ้น”
หลังกล่าวคำจบ หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนจึงเร่งรีบเปลี่ยนชุดที่เหมาะสมกับการผจญภัยและมุ่งหน้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร
* * *
เลียบแม่น้ำเมฆมังกร หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนกำลังเร่งรีบวิ่งอย่างสุดกำลัง
พวกเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบรัดรูปสีดำ สีหน้าของพวกเขาหนักอึ้ง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉินหยุนได้เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร
“อาจารย์ นี่ต้องเป็นปรมาจารย์เว่ยที่ก่อการแน่!” ฉินหยุนมั่นใจขณะกล่าวกระซิบ “ภายนอกเหมือนดั่งพ่อพระ แต่เขาต้องเป็นคนร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย!”
หยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเย็นเยือก “ข้ารู้ รอจนกระทั่งอาจารย์ติงฟื้น หากเป็นมัน เช่นนั้นพวกเราจะไปแสวงการล้างแค้นให้!”
ภายในเทือกเขาเมฆมังกร มีภูเขาและป่ารายล้อมอยู่เต็มไปหมด
ต้นไม้โบราณสูงล้ำใบหนา เป็นผลให้ป่ามีอากาศเย็นและอับชื้น ยิ่งผ่านลึกเข้าไป แมลงมีพิษไม่ก็สัตว์ปีศาจจะปรากฏตัวออกมาสร้างความหวาดกลัว
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์วิ่งลัดผ่านป่ามาตลอดทางโดยพบแต่ความมืดทึบ
อย่างกะทันหัน พวกเขาพลันพบแสงสว่างลุกโชนผ่านช่องว่างของใบไม้จนแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน!
ถัดจากนั้น คลื่นอากาศร้อนแรงพลันสะกดลงมาจากท้องฟ้า!
พวกเขาทั้งสองต้องหยุดก้าวเท้าแทบทันที!
ฉินหยุนเงยหน้ามองขึ้นท้องฟ้าขณะพบแสงสีน้ำเงินแรงกล้าปรากฏผ่านกลุ่มใบไม้ เขาร้องอุทานถาม “นี่เรื่องอะไรกัน?”
หยางฉีเย่ว์กระโดดขึ้นไป ด้วยการกระโดดไม่กี่ครั้ง นางจึงขึ้นไปอยู่เหนือต้นไม้ใหญ่
ฉินหยุนเร่งรีบปีนตามกิ่งไม้ขึ้นไป เขาอดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตะลึง!
บอลแสงขนาดมหึมาสีน้ำเงินกำลังปรากฏบนท้องฟ้าขณะค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยลงมา เป้าหมายปลายทางของมันคือเทือกเขาเมฆมังกร
“เอ่อ... อาจารย์ขอรับ นั่นคืออะไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามทั้งสีหน้าประหลาดใจ คลื่นความร้อนยิ่งมันเคลื่อนคล้อยลงมายิ่งร้อนแรงมากขึ้น
ใบหน้าของหยางฉีเย่ว์คร่ำเคร่ง นางไม่ได้กล่าวคำใดออก ทว่าสายตานั้นจับจ้องบอลแสงสีน้ำเงินที่ร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ลดละ
หลังรออยู่พักหนึ่ง นางมองจนกระทั่งได้เห็นว่าบอลแสงจะไม่ตกลงเข้าหาพวกเขา นางจึงค่อยเอ่ยปากกล่าวคำ “สิ่งนี้คือดาวยุทธ์พยากรณ์! นานมาแล้ว มีคำทำนายว่าตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์จะร่วงหล่นลงมาที่เทือกเขาเมฆมังกร!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงครั้งล่าสุดที่เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร ติงเทียนฉวนบอกไว้ว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไปสัตว์ปีศาจระดับสูงก็ยิ่งเผ่นหนีออกจากส่วนลึกของป่ามากขึ้น
เขามองที่หยางฉีเย่ว์ซึ่งเผยใบหน้าเย็นเยือกและเคร่งเครียดขณะเอ่ยถามเสียงเบา “อาจารย์ขอรับ เรื่องนี้ร้ายแรง? มันอันตรายมากหรือไม่ขอรับ? มันจะส่งผลต่อการค้นหาผลไม้ไร้สีของพวกเราหรือไม่?”
หยางฉีเย่ว์กล่าว “เจ้าไม่เคยได้ยินตำนานของตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์ ดังนั้นเจ้าจึงไม่ทราบว่ามันหมายถึงสิ่งใด!”
ฉินหยุนแน่นอนว่าอยากรู้ ทว่าเขายิ่งรู้สึกว่ามันเป็นอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
หลังหยางฉีเย่ว์กระโดดกลับลงพื้น นางจึงกล่าว “ไปยังสถานที่ซึ่งดวงดาวสีน้ำเงินนั่นร่วงหล่น หากพวกเราหามันเจอก็รักษาพิษได้ มันจะเร็วกว่าการค้นหาผลไม้ไร้สี!”
กล่าวคำจบ นางจึงเร่งพุ่งกายมุ่งหน้าสู่บริเวณที่ดวงดาวสีน้ำเงินร่วงหล่นลงมา
ฉินหยุนติดตามอยู่ด้านหลังของหยางฉีเย่ว์ด้วยอาการตื่นตกใจ ตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์คล้ายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง มันทำให้เขาเกิดความสงสัยมากมาย
“อาจารย์ อะไรคือตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์ขอรับ?”
หยางฉีเย่ว์ตอบคำ “นานมาแล้ว สถานที่แห่งนี้ให้กำเนิดผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งยิ่ง เมื่อคนผู้นั้นเข้าถึงพลังระดับหนึ่ง เขาสามารถสร้างตำหนักดวงดาวในอวกาศด้วยตนเองได้ หากวันหนึ่งเขาสิ้นชีวิต ถึงตอนนั้นตำหนักดวงดาวจะร่วงหล่นลงสู่สถานที่ให้กำเนิด”
“เรื่องนี้... มีตำนานด้วยหรือขอรับ?” ฉินหยุนเคยอ่านตำราโบราณมากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นตำนานเช่นนี้มาก่อน
“มันเป็นเรื่องกว่าหมื่นปีมาแล้ว! แน่นอนว่ามันก็แค่ตำนาน เรื่องราวเฉพาะเจาะจงไม่มีผู้ใดทราบ”
คำกล่าวของหยางฉีเย่ว์ทำให้ฉินหยุนรู้สึกหนักอึ้ง
ตำนานจากเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน... และตอนนี้ตำหนักดวงดาวก็ร่วงหล่นลงมา กล่าวได้ว่าตำหนักดวงดาวนั่นมีอายุกว่าหมื่นปี!
“ปรากฏการณ์ใหญ่ขนาดนี้ จักรวรรดิทั้งสามที่อยู๋ใกล้เคียงต้องทราบเรื่องและส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาแน่ พวกเราต้องไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด” หยางฉีเย่ว์กล่าวอีกครั้ง จากนั้นจึงนำดาบยาวเล่มหนึ่งออกมาคว้าจับไว้ในมือมั่น นางกลับกลายเป็นระมัดระวังตัวยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยเป็น
ขณะที่นางกล่าวคำจบ ออร่าของคนจำนวนไม่น้อยพลันพุ่งผ่านอากาศไป
“นั่นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า? ข้าคิดว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นผู้อำนวยการ!” ฉินหยุนกล่าวคำด้วยอาการแตกตื่น
“เป็นผู้อำนวยการจาง ทั้งยังมีอีกสองที่เป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า...” หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว “ข้าบินได้ แต่มันจะกลายเป็นเป้ากลางอากาศ อยู่บนพื้นพวกเราจะปลอดภัยกว่า!”
“ฉินหยุน อาจารย์หยาง นับจากนี้อย่าได้เข้าใกล้สถานที่ซึ่งดวงดาวสีน้ำเงินร่วงหล่น!” เสียงนี้ดังลั่นผ่านอากาศเข้ามา เป็นเสียงของผู้อำนวยการจาง เขาผ่านกลุ่มใบไม้หนาลงมาที่พื้น
“ผู้อำนวยการ สถานการณ์ตอนนี้คือ?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม
ผู้อำนวยการจางส่ายหน้าให้เห็น “ข้าไม่แน่ใจนัก สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนยุ่งเหยิง ข้าแนะนำให้ว่าอันดับแรกอย่าได้เข้าใกล้ เมื่อใดที่ดวงดาวนั้นหล่นสู่พื้นดิน มันจะต้องเกิดแรงปะทะรุนแรงมหาศาลแน่”
ทันทีเมื่อผู้อำนวยการจางกล่าวคำจบ เสียงดังสนั่นรุนแรงจึงดังจากระยะไกลพร้อมพื้นดินเริ่มสั่นไหวรุนแรง
“โชคดีที่มันตกบริเวณส่วนลึก แต่เสียงนี้ก็ยังดังมากอยู่ดี พวกเจ้าจงระวังให้ดี ภายในเทือกเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายนานาชนิดแล้ว” กล่าวคำจบ ผู้อำนวยการจางก็บินขึ้นอากาศหายตัวไป ทิศทางที่เขาบินมุ่งหน้าไปคือบริเวณที่ดวงดาวนั้นร่วงหล่นลงมา