บทที่ 106 ต่อสู้ชุลมุน
บทที่ 106
ต่อสู้ชุลมุน
เมื่อตอนที่นักสู้บนกำแพงร่อนลงมาที่พื้นดิน คลื่นสัตว์ปีศาจก็ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
“ฆ่า!”
ในช่วงเริ่มต้นของการปะทุคลื่นสัตว์ปีศาจทุกคนย่อมไม่เกรงกลัว สัตว์ปีศาจกลุ่มแรกเป็นเพียงแค่ระดับ 1 และพวกมันเองก็ยังมีสติปัญญาอยู่ในระดับต่ำ ตราบใดที่ไม่มีใครแยกออกจากกัน มันย่อมไม่มีอันตรายร้ายแรง
ด้วยสัตว์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ทุกคนระเบิดพลังฉีและเข้าประหัตประหารด้วยพลังทั้งหมดที่มี
สึบ สึบ สึบ…
เลือดของสัตว์ปีศาจกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ คล้ายกับช่วงเวลาที่เก็บผลไม้ สัตว์ปีศาจล้มลงไปที่ละตัวทีละตัว
ย่างก้าวเงาวายุของหลี่ฟู่เฉินมาถึงขั้นดีเลิศแล้ว ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเขาเบาราวกับขนนก
ร่อนลงมาจากอากาศ เท้ายังไม่ทันได้สัมผัสพื้นดินก่อนที่ตัวเขาจะร่อนออกไปอีกนับสิบเมตร และในขณะที่เขากำลังร่อน หลี่ฟูเฉินเหวี่ยงดาบเหล็กดำของเขา สร้างเสี้ยวดาบขนาดใหญ่เพื่อสังหารสัตว์ปีศาจระดับ 1 ต่อจากนั้นไม่นาน เครื่องหมายกากบาทก็วาบทับไปที่สัตว์ปีศาจระดับ 1 ถึงสี่ตัว
เมื่อต้องสู้กับสัตว์ปีศาจระดับต่ำ มันจะเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลา หากใช้ทักษะต่อสู้ระดับสูง
ยิ่งระดับชั้นของทักษะสูงมากเท่าใด พลังฉีที่ต้องใช้ก็ยิ่งมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดการบริโภคพลังฉีที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น
แน่นอน หากความสามารถของคนนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะสีเหลืองขั้นต่ำใดๆ แค่การโจมตีปกติก็เพียงพอแล้ว
หลี่ฟูเฉินกำลังหาพื้นที่ดีๆ ก่อนที่จะร่อนลงมาที่พื้น ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงใช้ทักษะสีเหลืองขั้นต่ำ วิชาดาบจันทร์เสี้ยวและวิชาดาบขีดเขี้ยวพยัคฆ์
หลังจากตั้งหลักได้ หลี่ฟู่เฉินก็ใช้การตวัดฟันเพียงครั้งเดียวเพื่อฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 1
ไม่ไกลจากที่เขาอยู่ กลุ่มของเหลาไห่หลง หวูชิงเหม่ย และเกาช่างเทียนเองต่างก็กำลังฆ่าสัตว์ปีศาจอยู่เช่นกัน
แต่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้คนเดียวเชกเช่นหลี่ฟูเฉิน กลุ่มคนทั้งเก้าของเหลาไห่หลงก่อตั้งขบวนทัพ ขบวนทัพนั้นคล้ายกับกรามที่กำลังบดเนื้อ ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว พายุเลือดจะตามมาและทิ้งสัตว์ปีศาจไว้ที่พื้นดิน
“แน่นอนว่าตัวเลขที่มากขึ้นก็ย่อมสร้างความแตกต่าง”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ต่อต้านการเข้าร่วมกลุ่ม แต่น่าเสียดายที่เขาและเหลาไห่หลงไม่ได้คิดเหมือนกัน การเข้าร่วมกับพวกเขาจะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน
“วิชาดาบสะพรั้งอนันย์!”
ในอีกด้านหนึ่ง ดาบสะพรั้งเฉินฟางหัวและจ้าวหมิ๋งเยวี่ยแสดงการโจมตีที่น่าทึ่ง ในพริบตาเดียวพวกสัตว์ปีศาจก็ร่วงลงสู่พื้นดิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินฟางหัว
ที่อยู่ในระดับที่แปดของขอบเขตต้นกำเนิด เธอช่างน่ากลัวเหลือแสน ทุกๆ ครั้งที่ดาบสีแดงอ่อนของเธอสั่น พลังงานดาบสีแดงอ่อนนับไม่ถ้วนจะถูกปล่อยออกมา ราวกับว่าดอกไม้หลายร้อยดอกกำลังเบ่งบานในเวลาเดียวกัน มันสร้างฉากที่งดงาม
สึบ สึบ สึบ…
มีสัตว์ปีศาจอย่างน้อยหนึ่งโหลที่ถูกเฉือนด้วยกระบวนดาบนี้ มันไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการสังหารในทันที แต่กลับกันมันเป็นการสังหารหลายๆ ทีในครั้งเดียว
“ปลดปล่อยพลังฉี นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดที่สามารถควบคุมและปลดปล่อยพลังฉีได้... พรสวรรค์ช่างคาดเดาได้ยากยิ่ง”
จอมยุทธ์ที่อยู่โดยรอบนั้นกลายเป็นโง่งมและไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่กล่าวคำออกมา
โดยทั่วไป จอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีเท่านั้นที่สามารถควบคุมและปลดปล่อยพลังฉีได้ การที่สามารถทำได้เช่นเดียวกันทั้งๆ ที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดนั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอดโดยไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ
กวาดล้างพื้นที่เสร็จ เฉินฟางหัวและจ้าวหมิ๋งเยวี่ยก็ร่อนลงสู่พื้นดิน จากนั้นก็ทำเหมือนคนอื่นๆ สังหารสัตว์ปีศาจ 1 หรือ 2 ตัวด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว
“นี้คือทักษะดาบสังหารแบบหมู่ สะพรั้งอนันย์?”
หลี่ฟู่เฉินลอบจดจำฉากนี้ไว้ในใจของเขา
ทั้งหมดเป็นทักษะดาบ แต่รูปแบบและประเภทแตกต่างกันไป
ทักาษะดาบบางชนิดอาศัยความหลากหลายนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างความสับสนให้กับศัตรู
ทักษะดาบบางชนิดมีพลังโจมตีสูงและเหมาะสำหรับการต่อสู้แบบคนเดียวมากกว่า ตัวอย่างที่ดีก็คือวิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉิน
ในขณะที่ทักษะดาบบางประเภทนั้นเหมาะสำหรับการต่อสู้แบบกลุ่มมากกว่า อย่างเช่นวิชาดาบสะพรั้งอนันย์ของเฉินฟางหัว
ในความเป็นจริง ทักษะสังหารแบบหมู่เองก็ค่อนข้างยากที่จะป้องกันในระหว่างการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีช่องทางในการโจมตี กระบวนดาบของวิชาดาบสะพรั้งเองก็เพียงพอที่จะกดดันให้คู่ต่อแบบช่องว่างได้
หลังจากทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็ยังเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดอยู่ดี
บนกำแพง จอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีทั้งหมดยังไม่ได้เคลื่อนไหว
สัตว์ปีศาจระดับต่ำไม่คู่ควรที่จะให้พวกเขาเคลื่อนไหว ศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคือสัตว์ปีศาจระดับ 3
แต่ถ้าสัตว์ปีศาจเข้ามาใกล้กำแพงมากเกินไป พวกเขาก็ยังคงให้ความช่วยเหลืออยู่
กลุ่มสัตว์ปีศาจสองสามโหลที่กำลังจะชนเข้ากับกำแพง ถูกหยุดทันทีโดยผู้อาวุโสชั้นนอกของนิกายคังหลุน
ด้วยคลื่นฝ่ามือของเขา พลังฉีที่แข็งแกร่งและดูคล้ายกับมังกรพุ่งทะยานไปหาสัตว์ปีศาจ ถูกป่นกลายเป็นละอองเลือด
สัตว์ปีศาจทั้งกลุ่มถูกจัดการเชกเช่นเดียวกัน
ใช้วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา แต่น่ากลัวยิ่งกว่าเฉินฟางหัว
“สมกับที่เป็นจอมยุทธ์ชั้นขอบเขตปฐพี”
การสังหารสัตว์ปีศาจระดับ 1 เป็นเรื่องง่ายสำหรับหลี่ฟู่เฉิน เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการกินอาหารหรือดื่มน้ำ คนอื่นต้องให้ความสนใจกับสัตว์ปีศาจ แต่เขาสามารถสังเกตสภาพแวดล้อมไปได้พร้อมกันและฟังเสียงทุกทิศทาง เมื่อปีศาจเข้ามาใกล้เขา มันจะถูกแทงทะลุจุดตายทันที
ดังนั้น ความปั่นป่วนที่ด้านหลังเองก็ไม่อาจหนีพ้นสายตาของเขาได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีนั้นต่อสู้กันอย่างไร มันช่างน่ากลัวจริงๆ
แต่โดยธรรมชาติแล้ว มันยังคงห่างไกลกันเมื่อเทียบกับขอบเขตสวรรค์
ระหว่างทดสอบการเป็นศิษย์ชั้นใน ที่ผู้อาวุโสชั้นในที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์สร้างธารน้ำแข็งได้ด้วยคลื่นมือของเขา
อย่าได้พูดถึงจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีเพียงแค่คนเดียว แม้แต่กระทั่งสิบจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีก็ไม่สามารถหยุดฝ่ามือเดียวจากผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตสวรรค์ได้
เมื่อเวลาผ่านไป สัตว์ปีศาจระดับ 2 ก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น
สัตว์ปีศาจระดับ 2 นั้นแข็งแกร่งมาก สัตว์ปีศาจระดับ 2 เพียงตัวเดียวก็สามารถเทียบเท่ากับคนที่อยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับกลางๆ ในกองทัพคังหลุน สำหรับนักสู้ที่ไม่ได้มาจากกองทัพคังหลุน พวกนั้จะต้องใช้อย่างน้อย 2 หรือ 3 เพื่อต่อสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 2
มีเพียงศิษย์ชั้นในจากนิกายคังหลุนเท่านั้นที่มีพลังเพียงพอในการปราบปรามสัตว์ปีศาจระดับ 2 ขั้นกลางลงไปได้ด้วยตัวคนเดียว
ในเรื่องที่เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสัตว์ปีศาจและจอมยุทธ์
ทุกครั้งที่สัตว์ปีศาจเข้าสู่ขอบเขตต่อไป ความสามารถของมันจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า
แต่สำหรับจอมยุทธ์ ถ้าคนนั้นไม่ได้ฝึกฝนเทคนิคที่น่าเหลือเชื่อใดๆ ทุกครั้งที่เลื่อนขอบเขตความสามารถก็จะไม่เพิ่มมากขึ้นดั้งเช่นสัตว์ปีศาจ
ยกตัวอย่าง ถ้าท่านฝึกฝนเทคนิคสีเหลืองขั้นสูงระหว่างที่อยู่ในขอบเขตพลังฉีและหลังจากเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด ท่านก็จะต้องใช้เทคนิคสีเหลืองขั้นสูงต่อไป เช่นนั้นแล้วท่านก็จะไม่สามารถเป็นคู่แข่งของสัตว์ปีศาจระดับ 2 ได้อีก
ดังนั้น เพื่อจัดการกับสัตว์ปีศาจระดับ 2 อย่างน้อยก็ต้องฝึกฝนเทคนิคสีเหลืองขั้นสูงสุดขึ้นไป
ในกองทัพคังหลุน กองกำลังขอบเขตต้นกำเนิดส่วนใหญ่ก็บ่มเพาะเทคนิคสีเหลืองขั้นสูงสุด จะมีเพียงกลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้นที่บ่มเพาะเทคนิคขั้นลึกลับ
สำหรับศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุน พวกเขาทุกคนอย่างน้อยจะอยู่ในระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาทุกคนย่อมบ่มเพาะเทคนิคลึกลับขั้นกลางเป็นอย่างน้อย
เจาะลำคอสัตว์ปีศาจระดับ 2 หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง ‘เมื่อข้าเข้าสู่ขอบเขตปฐพีได้ และหากข้ายังบ่มเพาะเทคนิคลึกลับขั้นกลาง เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับนี้อยู่ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับข้าในการที่จะจัดการกับสัตว์ปีศาจระดับ 3 นอกเหนือจากว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากข้อดีอื่นๆ อย่างเชานการฝึกฝนเทคนิคที่สูงกว่า’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขืน
อัตราการเติบโตของสัตว์ปีศาจนั้นน่ากลัวมาก
ได้มีการกล่าวกันว่า เพื่อจัดการกับสัตว์ปีศาจระดับ 5 อย่างน้อยก็ต้องมีเทคนิคลึกลับขั้นสูงสุดอยู่ในการฝึกฝนเป็นอย่างน้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่กระทั่งตนที่ฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะปฐพีขั้นต่ำก็ยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะฆ่ามันได้
‘นิกายคังหลุนมีเทคนิคระดับปฐพีหรือไม่?’ หลี่ฟู่เฉินไตร่ตรอง
แน่นอน นอกเหนือจากเทคนิคบ่มเพาะ มันก็ยังมีทักษะการต่อสู้อยู่ด้วยเช่นกัน การพึ่งพาทักษะการต่อสู้นั้นสามารถชดเชยความเสียเปรียบได้มากมาย หากไม่เช่นนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์จะก็คงจะถูกกำจัดหมดสิ้นไปแล้ว
“หืม? สัตว์ปีศาจระดับ 2 ขั้นสูง?”
ดึงความรู้สึกกลับมา ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดคนนึงถูกฉีกขาดออกจากกันโดยลิงยักษ์ ส่งผลทำให้มีฝนตกในเลือดกระจายไปทั่วบริเวณ
อุว! อุวว!
ลิงยักษ์ทุบอกมันเอง พร้อมกับการระเบิดพลังฉี ทันใดนั้นดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและมองมาที่หลี่ฟู่เฉิน
โครกกกก…
ก้าวเท้าใหญ่ๆ มันพุ่งกระแทกนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดที่อยู่ในเส้นทางของมัน แต่ละคนที่เด็นออกไปซี่โครงหักและอยู่ในสภาพราวกับคนพิการ
เห็นได้ชัดว่าสัตว์ปีศาจลิงยักษะตัวนี้เล็งหลี่ฟู่เฉิน