GE190 ทะลวงแก่นทองคำ (3) [ฟรี]
วิหคโผบิน ต้นไม้พลิ้วไหว หนิงฝานอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง สร้างถ้ำเป็นของตน
ยามนี้ หนิงฝานรู้สึกสงบอย่างที่สุด
ต้องทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ
หนิงฝานมีสมบัติล้ำค่ามากมาย ที่จะช่วยให้ทะลวงขอบเขตแก่นทองคำได้อย่างราบรื่น
เรื่องตัดหัวใจแห่งปีศาจ หนิงฝานจะไม่ทำ เพราะแม้ตนเองจะต้องคลั่งเพราะมันในภายหลัง แต่เหตุใดต้องกลัว
320 ปีในการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ… แต่เวลาที่ใช้ในการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ สมควรใช้เวลาเพียง 10 ปี ยังเหลือเวลาอีกกว่า 210 ปีในการฝึกฝน
แต่ก่อนจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ หนิงฝานต้องรักษาอาการบาดเจ็บก่อน
อาการบาดเจ็บจากขุนพลอสูร และอาการบาดเจ็บจากทะเลไร้สิ้นสุด ทำให้สภาพร่างกายของหนิงฝานไม่สู้ดี ไม่อย่างนั้น ในการทดสอบปรุงโอสถ หนิงฝานผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย
หากไม่รักษาอาการบาดเจ็บ จะมีผลกับการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ
รักษาอาการบาดเจ็บทางกายนั้นไม่ยาก แต่ทะเลสติที่ได้รับความเสียดาย ต้องใช้โอสถในการรักษา
แล้วเวลา 10 ปีก็ล่วงเลย… อาการบาดเจ็บของหนิงฝานหายสนิทโดยที่ปราณไม่ได้ก้าวหน้า
หนิงฝานนำสัมผัสกระเป๋า นำเอาบรรทัดสีดำยาว 3 ฉื่อออกมา
ของสิ่งนี้มีชื่อว่า ‘บรรทัดนับสวรรค์’ เป็นสมบัติที่ถูกสร้างเลียนแบบสมบัติในแดนสวรรค์
ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาในวิหารสายสูญ จะมีบรรทัดนับสวรรค์มาด้วย
สมบัติชิ้นนี้ใช้เพื่อตรวจวัดระดับปราณของตน ว่าก้าวหน้าไปมากน้อยแค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญทั่วไป ยิ่งบรรลุขอบเขตสูง ปราณก็จะยิ่งแข็งแกร่งเป็นเงาตามตัว แต่จะมีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่แตกต่างไปจากทั่วไป เช่นหนิงฝานที่มีทั้งปราณดั้งเดิมและปราณอสูร ยามนี้ เมื่อผสานปราณทั้งสองเข้าด้วยกัน จะทำให้ปราณของเขาทรงพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้น
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของหนิงฝานยังไม่อาจวัดได้ด้วยระดับปราณและร่างกาย ด้วยความที่เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ จึงไม่อาจใช้เกณฑ์วัดได้เหมือนผู้เชี่ยวชาญทั่วไป
หนิงฝานจับบรรทัดนับสวรรค์ โคจรปราณแล้วมองระดับที่วัดได้
บรรทัดสวรรค์เปล่งแสงไปจนถึงมาตรวัดระดับ 6 แต่เมื่อผสานปราณอสูรเข้ากับปราณดั้งเดิมของตน มาตรวัดเปล่งแสงถึงระดับ 9 ทันที
มาตรวัดที่แสดง จะแสดงเป็นรูป ‘เกราะ’ ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่ใช้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ
เกราะหนึ่งเกราะแทนระดับปราณที่หนาแน่น สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนได้ 60 ปี แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญในแคว้นระดับล่างที่ปราณในแคว้นไม่หนาแน่น ระดับปราณที่ฝึกฝนมาทั้งหมด 60 ปี ก็ไม่อาจทำให้เกราะเปล่งแสงได้
การจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น ผู้เชี่ยวชาญต้องมีปราณมากพอที่จะทำให้ 5 เกราะเปล่งแสง ขั้นกลาง 10 เกราะ ขั้นสูง 15 เกราะ และขั้นสูงสุด 20 เกราะ
ยามนี้ปราณของหนิงฝานทำให้ 9 เกราะเปล่งแสง นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็จะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง
แต่หากผู้ใดจะทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ต้องทำให้ 50 เกราะเปล่งแสง ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในแคว้นระดับล่างจึงไม่มีโอกาสทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เพราะสิ้นอายุขัยเสียก่อน… ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมีอายุขัยได้มากสุดเพียงพันปี ดังนั้นสถานที่ที่ใช้ฝึกฝนจึงมีส่วนในการทำให้ผู้เชี่ยวชาญแข็งแกร่งขึ้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญจึงมักหาโอกาสให้ตนได้ฝึกฝนในที่ที่ดี
เมื่อบรรลุขอบดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ต้องทำให้เกราะเปล่งแสงถึง 100 เกราะ จึงจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่เมื่อต้องบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ต้องทำให้เกราะเปล่งแสงถึง 300 เกราะ ส่วนผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดนั้น ต้องเปล่งแสงถึง 1500 เกราะ!
หากเทียบกันแล้ว ขอบเขตแก่นทองคำและขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว!
เพียงแต่… การที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด จะทะลวงไปยังขอบเขตตัดวิญญาณ ต้องทำให้เกราะเปล่งแสงถึง 10,000 เกราะ!...
ปราณภายในร่างนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญยากจะทราบว่าตนเองยกระดับเร็วขนาดไหน ดังนั้น บรรทัดนับสวรรค์จึงสามารถเปลี่ยนระดับมาตรวัดเป็นอีกแบบ ที่สามารถวัดความก้าวหน้าของปราณในแต่ละวันได้ด้วย
หนิงฝานเริ่มนำสิ่งต่างๆที่ได้มาออกมาจากกระเป๋า
ได้แก่ แก่นปราณหยินที่ได้จากสตรีของแคว้นซ่ง ซึ่งอสูรเป็นผู้ไปจับและนำออกมา
โอสถที่เกิดจากการเปลี่ยนตนเองให้เป็นโอสถ ที่ได้จากหูฟงสื่อ
โอสถเมฆาทองแดงที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ
ผลไม้แห่งเต๋าในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางและขั้นสูงสุด
พร้อมกับผลแห่งความฝันอีก 9 ผล
ของเหล่านี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ ยังช่วยยกระดับปราณได้เป็นอย่างดี
แต่ก่อนจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำนั้น หนิงฝานต้องทำให้ตนเองบรรลุสู่สภาวะสมบูรณ์แบบที่สุด
วิชาลับปีศาจทมิฬ...
ย่างก้าวหิมะ...
วิชาแปลงหยินหยาง...
วิชากระดูกยักษ์...
ยิ่งฝึกฝนวิชาเหล่านั้นให้สูงชั้นขึ้น ก็ยิ่งทำให้ปราณเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง คุณภาพและความหนาแน่นเป็นเท่าทวี โดยเฉพาะวิชาแปลงหยินหยาง ที่ต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วง
ปราณโคจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ปรับลมหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
50 ปี ผ่านไป วิชาต่างๆของหนิงฝานยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิชาปีศาจทมิฬและวิชาย่างก้าวหิมะทะลวงถึงขอบเขตที่ 3 ระดับสูงสุด
วิชากระดูกยักษ์บรรลุขอบเขตที่ 3 ระดับสูงสุด
หนิงฝานยังได้นำโอสถโลหิตหลอมออกมากิน อาการคลั่งที่เป็นผลข้างเคียงจากโอสถ ทำให้หนิงฝานอาละวาดทำลายภูเขาและแม่น้ำไปมากมาย
หนิงฝานนำบรรทัดนับสวรรค์ออกมาอีกครั้ง เมื่อลองถ่ายปราณเข้าไปภายใน ปราณที่ไม่ได้ผสานกับปราณอสูร ทำให้เกราะเปล่งแสงเพิ่มขึ้น รวมทั้งหมด 11 เกราะ
ยามนี้หนิงฝานใช้เวลาอยู่ในวิหารสาบสูญแห่งนี้มา 60 ปีแล้ว เขากำลังเดินหน้าเพื่อทำให้ปราณของตนแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับสูงสุดของขอบเขตแก่นทองคำ
หนิงฝานนำแก่นหยางของเหล่าสตรีจากแคว้นซ่งไปปรุงเป็นโอสถ
เมื่อกินและดูดซับโอสถเหล่านั้น ปราณของหนิงฝานก็ยกระดับเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย!
แม้ยามนี้จะไม่ได้ผสานปราณอสูรเข้าไป แต่ปราณดั้งเดิมของหนิงฝานก็ทรงพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางแล้ว
หนิงฝานถือโอสถที่กลั่นจากพลังทั้งหมดของหูฟงสื่อ ยามนี้เขาได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไวกับชายชราแล้ว จึงคู่ควรที่จะกินโอสถของชายชรา
เมื่อหนิงฝานกินโอสถของชายชราและดูดซับจนหมดสิ้น เกราะก็เปล่งแสงถึง 12 เกราะ!
ผลไม้แห่งเต๋าที่มี หนึ่งในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง อีกหนึ่งในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง
ข่าวลือว่าหากผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณกินผลไม้แห่งเต๋า จะทำให้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำทันที!
แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ จะทำให้ทะลวงขอบเขตย่อย 1 ขอบเขต
เมื่อหนิงฝานกินผลไม้แห่งเต๋าในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางเข้าไป เกราะก็เพิ่มขึ้นอีก 5 เกราะ
ส่วนผลไม้แห่งเต๋าในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง เพิ่มขึ้นถึง 6 เกราะ
ผ่านไปอีก 10 หนิงฝานดูดซับปราณจากผลไม้แห่งเต๋าทั้งสองลูกจนหมด ทำให้ยามนี้เขามีปราณมากถึง 23 เกราะ!
เป็นระดับที่มากกว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ยังไม่อาจเทียบชั้นกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
หากหนิงฝานทะลวงขอบเขตแก่นทองคำในยามนี้ ความหนาแน่นของปราณที่เทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดนั้น อาจทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดในพริบตา
เมื่อทำสำเร็จ เขาก็คงจะเริ่มเตรียมตัว เพื่อทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มต่อ...
หนิงฝานเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมการเพื่อทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ นั่นคือต้องกินผลแห่งความฝัน เพื่อหาทางจัดการกับหัวใจปีศาจของตน
หนิงฝานคิดจะใช้วิธีที่เหมือนกับที่ใช้ช่วยหยุนโร่วเหว่ย สังหารหนิงฝานอีกคนที่อยู่ในใจนาง
แม้หนิงฝานจะสังหารหนิงฝานอีกคนที่อยู่ในใจหยุนโร่วเหว่ยได้
แต่ในใจของเขาที่มีจื่อเฮ่อนั้น เขาไม่อาจสังหารนางได้ลง… เขาจะไม่มีวันลืมนาง ไม่ว่าวันใดก็จะไม่ลืมนาง
หนิงฝานกินผลแห่งความฝันเข้าไป 9 ผล แววตาเปล่งประกายพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ!”
ภายในความฝัน…
ตระกูลหนิง.... เด็กคนอายุ 3 ขวบคนหนึ่ง แววตาเหม่อลอยว่างเปล่า ถูกตัวเข้ามายังตระกูลหนิงเพื่อเป็นทาสรับใช้
ที่ริมสระแห่งหนึ่งภายในเมืองไห่หนิง มีเด็กน้อยจำนวนมากที่ยืนนิ่งด้วยแววตาว่างเปล่า เด็กเหล่านั้นถูกลบความทรงจำ และนำส่งให้ตระกูลหนิง
เด็กเหล่านั้นบ้างเป็นเด็กกำพร้า บ้างเป็นเด็กขอทาน แม้จะต้องถูกลบความทรงจำ ถูกนำไปเป็นทาสของตระกูลหนิง แต่อย่างน้อย เด็กเหล่านั้นก็ไม่ต้องเผชิญกับความอดอยากจนตาย
ผู้ที่มีเส้นลมปราณสามารถฝึกฝนเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ เด็กคนนั้นจะถูกเรียกขานว่า ‘นายน้อย’ และจะได้รับการดูแลเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญของตระกูลหนิง
แต่ถ้าเด็กคนใดไร้ซึ่งเส้นลมปราณ จะถูกนำไปเป็นทาสรับใช้ในตระกูล
ทาสเหล่านั้นจะไม่ถูกปฏิบัติเยี่ยงมนุษย์ แต่เป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่า แต่หากผู้ใดถูกเหล่านายน้อยเลือกไปเป็นผู้ติดตาม ก็จะได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้น...
ข้างสระแห่งหนึ่งในเมืองหนิง ผู้เยาว์อายุประมาณ 10 ปีผู้หนึ่ง สวมหมวกไม้ไผ่ ยืนมองเหล่าเด็กน้อยถูกลบความทรงจำ พลางถอนหายใจอย่างไร้หนทาง
เด็กเหล่านั้นถูกลบความทรงจำ และนำไปเป็นทาสของตระกูลหนิง...
ในอดีต หนิงฝานช่างไร้ซึ่งพรสวรรค์ เป็นได้เพียงทาสรับใช้ที่ต่ำต้อยที่สุด
ผิดกับน้องชายของเขาหนิงกู่ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ โดยเฉพาะเรื่องการยิงธนู เมื่ออายุได้ 9 ขวบ หนิงกู่สามารถยิงลูกศรเพื่อทำลายศิลาได้
ด้วยร่างกายที่ทรงพลัง ทำให้หนิงกู่ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มุ่งเน้นไปในการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆมากมาย แต่หนิงกู่กลับปฏิเสธ
หนิงกู่ไม่ชอบ และไม่อยากเดินทางเข้าสู่โลกของผู้เชี่ยวชาญ
ทำให้ผู้เชี่ยวชาญในตระกูลหนิงไม่พอใจ และนั่นคือเริ่มต้นที่พวกมันเริ่มสร้างปัญหาใส่ร้ายให้กับหนิงกู่และหนิงฝาน
เมื่อผู้รับอุปการะหนิงฝานและหนิงกู่ รู้ว่าหนิงกู่ไปยั่วยุผู้เชี่ยวชาญของตระกูล ก็ตั้งใจจะฆ่าหนิงกู่ทิ้ง
แต่ในวันนั้นเอง หนิงฝานได้พาหนิงกู่หนีไป...
หนิงกู่ผู้น้องใช้เวลาฝึกฝนวิชา ยกระดับความแข็งแกร่งเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนหนิงฝานรับหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ต่างๆ
พอนานไป ทั้งสองเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตด้วยตนเอง แม้จะหางานทำจนได้มาเพียงเหรียญทองแดงอันน้อยนิด แต่ทั้งสองก็มีความสุข
เมื่อต้องผ่านความยกลำบากนานับประการ จิตใจของหนิงฝานก็เข้มแข็งขึ้น
อยู่มาวันหนึ่ง หนิงกู่ได้ก่อเรื่องผิดใจกับคนในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พวกมันมีทั้งอาวุธ รุมทำร้ายหนิงกู่จนบาดเจ็บ เมื่อหนิงฝานรู้เข้า เขากลายเป็นเหมือนคนบ้า เข้าต่อสู้กับคนเหล่านั้นโดยไร้ซึ่งความกลัว จนพวกมันออกจากร้านอาหารไป
“มนุษย์และผู้ฝึกตนแตกต่างกันราวกับพิภพสวรรค์… ต่อให้หนิงกู่มีพรสวรรค์ แต่ผู้ที่ครอบครองปราณนั้นทรงพลังและลึกล้ำยิ่งกว่า ต่อให้หนิงกู่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็เป็นได้เพียงคนอ่อนแอคนหนึ่ง… หากวันนั้นหนิงกูยอมรับเป็นศิษย์ของตระกูลหนิง...ก็คงจะดี”
“คิดแล้วก็น่าขัน”
หนิงฝานหัวเราะ
“ดูเหมือนข้าจะลืมอะไรบางอย่าง...”
หนิงฝานที่สวมหมวกไม้ไผ่ ได้เดินตรงเข้าไปในป่าที่งดงาม เพื่อเลือกหาสมุนไพร
ระหว่างทางที่เดิน เขาร้องเพลงอย่างมีความสุข แต่เมื่อเข้าสู่เขตป่า เขาก็เงียบเสียงลงเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของราชาหมาป่า
หนิงฝานพกบางอย่างติดตัว เอาไว้ทาเพื่อกลบกลิ่นของตนเอง
บริเวณนี้มีหมาป่าและราชาหมาป่า ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเคยเข้ามา และถูกพวกมันสังหารไป
แม้พวกมันจะมีปราณ แต่ไม่ได้มีความระมัดระวังเหมือนหนิงฝาน...
ก่อนจะถึงยามฟ้าสาง หนิงฝานที่เข้าไปในป่าก็เก็บสมุนไพรได้มากมาย
เขาตั้งใจจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปแลกเป็นเงิน เพื่อให้หนิงกู่ได้มีอาจารย์ดีๆคอยชี้แนะการฝึกฝนได้
แต่เมื่อตอนขากลับ หนิงฝานกลับพบเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ขณะที่กำลังจะพ้นป่ามายังขอบสระน้ำ
หนิงฝานเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังปลดอาภรณ์เพื่อเตรียมลงอาบน้ำในสระ
ไกลออกไปในป่า มีผู้เยาว์อายุราว 17 ปี กำลังซ่อนตัวเพื่อรอดูนางอาบน้ำ
“คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นหนิงฉิงเอ๋อร์อาบน้ำ นางมีพรสวรรค์จนกลายเป็นคนที่ผู้นำตระกูลให้ความสำคัญ ต่อให้นางเย่อหยิ่งอวดดี แต่ตอนนี้นางไม่พ้นมือข้าแน่ หากนางลงไปในสระเมื่อไหร่ คนที่เหลือจะรุมล้อมและจัดการนางทันที”
ใกล้ๆนั่นยังมีผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 อยู่
หนิงฉิงเอ๋อร์เพิ่งกลับออกมาจากป่าหลังสังหารหมาป่าเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ ทำให้ตัวนางเปื้อนโลหิต จึงอยากชำระกายก่อนจะกลับตระกูล
แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เยาว์หลายคนที่กำลังปองร้ายนาง
ต่อให้เป็นแค่การถูกแอบมอง แต่หากนางรู้ ก็เป็นเหมือนฝันร้ายของนาง..
“แม่นางฉิงระวังด้วย!” หนิงฝานที่แบกตระกร้าไม้ไผ่เดินมาตะโกนขึ้น
ผู้เยาว์ที่แอบมองมีทั้งผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 5 4 3 และ 2 คนเหล่านี้เป็นคนที่ทะเลาะและรุมทำร้ายหนิงกู่ในวันก่อน
และยามนี้ หนิงฝานก็ทำให้แผนของพวกมันพังไม่เป็นท่า
หากเป็นทั่วไป หนิงฝานจะไม่มีทางยั่วยุพวกมัน แต่ด้วยหนิงฉิงเอ๋อร์เป็นผู้มีพระคุณของเขา ต่อให้ตนเองต้องเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือนางให้ได้
เสียงตะโกนของหนิงฝาน ทำให้สีหน้าหนิงฉิงเอ๋อร์แปรเปลี่ยนใหญ่หลวง นางรู้ว่ามีคนแอบมอง นางจึงเร่งสวมอาภรณ์… เมื่อครู่นางได้ยินเสียงตะโกน แต่นางไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ต่อให้เพ่งมองก็ยังไม่เห็นเงา
เพียงแต่ผู้เยาว์เหล่านั้น รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร!
เมื่อตะโกนเสร็จ หนิงฝานเร่งวิ่งเข้าไปในป่า พร้อมกับผู้เยาว์เหล่านั้นที่ไล่ตามไป
“ฮึ่ม! เจ้าหนิงฝาน ถึงกลับกล้ามาทำลายแผนของข้า! ตามไปฆ่ามัน!”
แล้วเรื่องราวหลังจากนั้น หนิงฉิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
การไล่ล่ายังคงดำเนิน
แสงตะวันค่อยๆลับขอบฟ้าอีกครั้ง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรยังคงตามล่าผู้เยาว์อายุ 10 ปีไม่เลิก
นอกจากหนิงฝานแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกมันแอบดูหนิงฉิงเอ๋อร์อาบน้ำ
หากพวกมันฆ่าหนิงฝานที่นี่ได้ พวกมันก็โยนความผิดให้กับราชาหมาป่าได้
แต่ในขณะที่พวกมันกำลังตามล่าอยู่นั้น จู่ๆหนิงฝานอายุ 10 ปีกลับชะงักฝีเท้า ปล่อยให้อีกฝ่ายรุมล้อม
“ไม่หนีแล้วเหรอ?” หนิงฟง หนึ่งในผู้ที่ไล่ตามยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ไม่จำเป็นหรอก… ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องตายแล้ว!”
ท้องนภามืดสนิท
หนิงฟงผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มถูกสังหารตายโดยไม่รู้ตัว!
“ที่นี่คือดินแดนแห่งความฝัน และข้าคือหนิงฝาน!”
แล้วเด็กอายุ 10 ก็เริ่มการสังหารโหดโดยไม่ปราณี...