GE189 ทะลวงแก่นทองคำ (2) [ฟรี]
สายลมพัดโชย ม่านพลิ้วไสว สาวรับใช้ในขอบเขตแก่นทองคำ 2 คนเดินออกมา
ชั้นสามของหอคอยโอสถนี้เรียกขานว่าวัง… หนิงฝานติดตามสตรีทั้งสองคนเข้าไปในวัง ผู้อาวุโสโม่เร่งกล่าวลา เพราะมันไม่กล้าเผชิญหน้ากับจ้าวหอคอย
แต่เมื่อชายชราจากไปได้ไม่นาน ชายชราก็กล่าวกับหนิงฝานด้วยสัมผัสเทพเพื่อย้ำเตือน
“อย่าจ้องนางเกิน 3 ลมหายใจ...”
“พยายามกล่าวชมนาง ให้นางพึงพอใจ...”
“แต่หากนางโกรธ รีบกล่าวขออภัยนางและออกมาทันที ไม่งั้นแล้ว...”
“ไม่งั้นแล้วจ้าวหอคอยจะทำให้ท่านกลายเป็นสาวใช้ และตัดไอ้นั่นทิ้ง...”
เสียงของชายชราดังอยู่ในหัวหนิงฝาน เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนจ้าวหอคอยจะเอาใจยากไม่น้อย
แต่หนิงฝานต้องขอบคุณชายชรา เพราะหากไม่ได้ชายชรากล่าวเตือน เขาคงทำสิ่งที่ไม่ควรไปมากมาย และอาจถูกนางจับไปตัดไอ้นั่นทิ้ง...
‘ไอ้นั่น’ ของหนิงฝานนับเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของวิชาแปลงหยินหยาง หากขาดมันไปก็หมดสิทธิ์ขัดเกลาผสานอีก
เมื่อเข้าสู่วัง ภายในประดับประดาด้วยหยกสวรรค์และผลึกน้ำแข็ง ไกลออกไปบนแท่นหยก มีผ้าขนสัตว์วางปู สตรีในอาภรณ์แดงนั่งอยู่บนนั้นพร้อมกับแส้สีแดงในมือ ด้านหลังของนางมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอยู่หลายคน
สตรีในอาภรณ์แดงนางนั้นมีใบหน้าเล็กเรียวรูปไข่ ผิวพรรณละเอียดอ่อน แววตาเย็นชา
ผมมัดม้วนเป็นทางซาลาเปา คิ้วเรียวงามเด่นชัด
ร่างกายท่อนบนสวมด้วยอาภรณ์สีแดง ท่อนล่างสวมทับด้วยกระโปรงสั้นสีแดง ถุงเท้าสีแดงยาวจากปลายเท้ามาถึงต้นขา
การแต่งตัวในแบบนาง หนิงฝานเพิ่งเคยเห็น แต่การแต่งตัวเช่นนี้ก็ดูเหมาะสมกับนางมาก ที่สำคัญ ลักษณะท่าทางของนางยังดูเหมือนองค์หญิงเป็นอย่างมาก
เมื่อหนิงฝานเดินเข้าไปในวังได้ 2 ลมหายใจ ก่อนจะถึงลมหายใจที่สาม เขาเบนสายตาหนี ป้องมือพลางกล่าว
“ผู้เยาวซัวหมิง คารวะจ้าวหอคอย...”
เหล่าสาวใช้ผ่อนคลาย หนิงฝานเบนสายตาหนีได้ทัน ไม่ได้ผิดกฏที่จ้าวหอคอยตั้งไว้
“เรียกจ้าวหอคอยข้าดูแก่ไป! ให้เรียกข้าว่า ‘นายหญิงน้อยเป่ย’... ไหนลองเรียกข้าใหม่ซิ!”
“ข้าซัวหมิง คารวะนายน้อยหญิงเป่ย...”
หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้ประจบเอาใจ... นางขมวดคิ้ว ดวงตาแดงก่ำราวกับโลหิต
หนิงฝานขมวดคิ้วกับการเปลี่ยนแปลงของนาง แต่เมื่อทราบว่านางทำเพียงเพื่อทดสอบ จึงไม่ได้ต่อต้านใดๆ แต่เมื่อเจตนาสังหารของนางกำลังจะสัมผัสร่าง นางก็ถอนคือไป
นางขมวดคิ้วแน่น “ได้ยินจากผู้อาวุโสโม่ว่าเจ้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ...”
“เหนือยิ่งกว่านั้น!”
“นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เหรอ? พวกเจ้าถอยไป… ส่วนเจ้าตามข้ามา!”
เหล่าสาวใช้ถอนห่าง นางชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง เป็นเชิงให้หนิงฝานเดินเข้าไปภายใน
หนิงฝานเดินไปตามทิศทางที่นางบอก ระหว่างนั้นไม่ได้ต้องมองนาง กระทั่งถึงประตูบานหนึ่ง
เมื่อผลักประตูเข้าไปภายใน ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย ในห้องมีหลุมลึกพันจ้าง ภายในหลุมมีเพลิงสีครามประกาย เปลวเพลิงพวยพุ่งราวกับหงส์ คาดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘เพลงหงส์คราม’
ในขณะที่เปิดประตูนั้น เพลิงที่อยู่ภายในหลุม พวยพุ่งขึ้นสู่ผนังด้านบนของห้อง ราวกับหงส์สีครามขนาดยักษ์ดูงดงาม
หนิงฝานขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าเพลิงปีศาจเบื้องหน้าจะวิวัฒนาการจนให้กำเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งแปรเปลี่ยนอสูรที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
นายหญิงน้อยเป่ยเร่งเดินตรงไปยังปากหลุม กระทืบเท้ากดดันให้หงส์ครามที่กำลังจะออกจากห้อง ต้องกลับลงสู่หลุม
“เป็นเพียงอสูรต่ำชั้น กลับกล้าหือกับข้า!”
หงส์ครามไม่กล้าหนี หนิงฝานเองก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของนายหญิงน้อยเป่ย
หนิงฝานเดาว่า ที่นางพาเขาเข้ามาภายในห้องนี้ เพื่อให้เขาได้ปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ให้ดู แต่การจะทำเช่นนั้น จะทำให้เสียเวลาไปมาก
ไม่นาน นางก็นำถุงสีแดงออกมา แล้วโยนให้กับหนิงฝาน ภายในนั้นมีสมุนไพร 5 พันปีอยู่
“สมุนไพรมาสามชนิด แล้วใช้เพลิงพิภพนี่ปลอมให้สมุนไพรกลายเป็นของเหลว หากทำได้ เขาจะเชื่อว่าเจ้าคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 และเจ้าจะได้รับอนุญาติให้เข้าใช้วิหารสาบสูญชั้น 5 ได้”
“แค่หลอมสมุนไพรหรอกหรือ?”
“ทำไม? หรือเจ้าอยากให้ข้าดูเจ้าปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จนเสร็จ? ข้าไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น... ข้าขอบอกเงื่อนไขเจ้าไว้ข้อหนึ่ง ห้ามใช้กระถางปรุงโอสถในการปรุงโอสถ ให้ใช้เพียงเจตจำนงค์เทพแทนกระถาง หากเจ้าไม่ได้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 อย่างกล่าวอ้าง ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” นางกล่าว
“ใช้เจตจำนงค์เทพเป็นกระถาง… ย่อมได้!” หนิงฝานกล่าว
การปรุงโอสถมีด้วยกัน 3 ขั้นตอน… หนึ่งคือหลอมสมุนไพร สองคือผสานปราณสมุนไพรเข้าด้วยกัน สามคือถอนเพลิงออกจากกระถาง แล้วบีบอัดให้ปราณสมุนไพรกลายเป็นโอสถ… หากทำเพียงขั้นตอนแรก จะใช้เวลาไม่นานนัก แต่หากทำครบทั้งสามขั้นตอน จะใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ภายในถุงมีสมุนไพรทั้งหมด 10 ชนิด การที่ให้เลือกออกมา 3 ชนิด เป็นการทดสอบหนิงฝาน ถึงลักษณะของสมุนไพร
ส่วนการให้ใช้เพลิงพิภพหลอม ก็เพื่อทดสอบการควบคุมเพลิง
และสุดท้าย การที่ไม่ให้ใช้กระถางปรุงโอสถ ก็เพื่อทดสอบว่าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จริงหรือเปล่า เพราะนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 อย่างน้อยต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ซึ่งสามารถสร้างกระถางได้ด้วยเจตจำนงค์เทพ
“ข้าให้เวลาเจ้า 3 วันในการหลอมพวกมัน...” นางนั่งอยู่ข้างปากหลุมเพื่อสยบเพลิง แต่ด้วยเพลิงที่ร้อนแรงเช่นนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังต้องถอยห่าง แต่นางกลับไม่เป็นอะไร
นางแข็งแกร่งมาก! หนิงฝานในยามนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
หนิงฝานไม่รอช้า ยืนมือขึ้นไปเหนือศีรษะ กระตุ้นเจตจำนงค์เทพสร้างเป็นกระถางปรุงโอสถ เพียงแต่กระถางไม่เสถียรและพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ นั่นเพราะระดับพลังของหนิงฝานอยู่เพียง ขอบเขตประสานวิญญาณเท่านั้น
การสร้างกระถางปรุงโอสถด้วยเจตจำนงค์เทพ ทำให้หนิงฝานสูญเสียปราณไปไม่น้อย
“เจตจำนงค์เทพระดับ 8 เจตจำนงค์เทพพิรุณ… ในแดนสวรรค์เจ้านับว่าไม่โด่ดเด่นอะไร แต่ในโลกพิรุณ นับว่าเจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์” นางกล่าวอย่างเรียบเฉย
หนิงฝานไม่ได้กล่าวตอบ เขาเลือกสมุนไพรขึ้นมา 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดเป็นสมุนไพรที่ปรุงได้ง่ายที่สุด
นางพยักหน้า สองเท้าแกว่งไกวภายในปากหลุม พลางกล่าวกับตนเอง “สมุนไพรทั้ง 10 ชนิด มีอายุมากที่สุดคือ 5,500 ปี และต่ำที่สุดอยู่ที่ 4,800 ปี… สมุนไพรทั้งสามชนิดที่เจ้าเลือก คือสมุนไพรที่มีอายุน้อยที่สุด นั่นหมายความว่า เจ้ามีความเข้าใจในการระบุปีของสมุนไพร และมีทักษะปรุงโอสถที่ไม่ธรรมดา… เพียงแต่ระดับพลังของเจ้าต่ำเกินไป อยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณ คงทนได้ไม่เกิน 3 วัน”
ถูกอย่างที่นางว่า หนิงฝานไม่สามารถทนได้นานขนาดนั้น
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว หนิงฝานไม่ทางยอมแพ้
ผ่านไปวันที่ 1… หนิงฝานหลอมสมุนไพรชนิดแรกได้
ผ่านไปวันที่ 2… หนิงฝานหลอมสมุนไพรชนิดที่ 2 ได้
เมื่อเข้าสู่วันที่ 3 สีหน้าหนิงฝานซีดขาวไม่สู้ดี ในขณะที่สมุนไพรชนิดสุดท้ายกำลังจะถูกหลอมโดยสมบูรณ์ ปราณในร่างหนิงฝานกลับแทบเหือดแห้ง กระถางปรุงโอสถพังทะลาย!
“สมุนไพรเหลวหกออกจากกระถาง… นับว่าการทดสอบล้มเหลว เจ้ายังไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5...” นางกล่าว
“ยังไม่จบ! วารีผันแปร!”
หนิงฝานเค้นสัมผัสเทพจนทำให้ทะเลสติได้รับความเสียหาย กระทั่งเกือบหมดสติ แต่แววตาของเขากลับเฉียบคมมากขึ้น
วารีผันแปร แปรเปลี่ยนสัมผัสเทพเป็นกรงขังสีดำ ทำหน้าที่แทนกระถางปรุงโอสถ แล้วหลอมสมุนไพรต่อ
ไม่นาน หนิงฝานก็นำขวดหยกออกมา 3 ใบ นำสมุนไพรเหลวแต่ละชนิดใส่ลงไป แล้วยื่นส่งให้นาง
“สมุนไพรทั้ง 3 ชนิดถูกหลอมเป็นสมุนไพรเหลวโดยสมบูรณ์… โชคดีที่เจ้ายังประครองจนจบการทดสอบ!”
นางรับขวดหยกมา แต่เมื่อตรวจสอบ แววตาของนางกลับสั่นไหว
“สัมผัสกระบี่… กระถางโอสถจากเจตจำนงค์เทพสลาย จึงใช้สัมผัสกระบี่เป็นประถางปรุงโอสถแทน นับว่าเจ้าโกงการทดสอล… เจ้าไม่ผ่าย แต่ข้าจะไม่สังหารเจ้า และอนุญาติให้เจ้าเข้าใช้วิหารสาบสูญชั้น 4 ได้”
“...” หนิงฝานไม่กล่าว หากให้ปรุงโอสถด้วยกระถางปรุงโอสถ หนิงฝานย่อมทำได้ แต่หากให้ใช้เจตจำนงค์เทพ ยังนับว่าเร็วเกินไปสำหรับเขา
คงใช้ได้เพียงวิหารสาบสูญชั้น 4… นับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
นางลุกยืน แต่ในจังหวะที่ขยับข้า รองเท้าข้างซ้ายของนางกลับหล่นลงไปในหลุม
“หากเจ้าลงไปเก็บรองเท้าให้ข้าได้ก่อนที่มันจะไหม้ ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าใช้วิหารชั้น 5”
“ย่อมได้!!”
หนิงฝานตกตะลึง แต่ก็เร่งกระโดดลงไปในหลุมอย่างรวดเร็ว
แม้เพลิงหงส์ครามจะทรงพลัง แต่ในตัวหนิงฝานมีสร้อยหยินหยาง จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเพลิงระดับนี้ ที่สำคัญ กลับเป็นเพลิงหงส์ครามเองที่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงจากหนิงฝาน มันจึงเร่งเปิดทางให้
เมื่อคว้ารองเท้าของนางได้ เขาก็เหยียบย่างนภา กลับขึ้นมาที่ปากหลุม
“โอ้!” นางอุทานเบาๆ สีหน้าดูอ่อนโยนมากขึ้น
นางยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นเท้าไปหาหนิงฝาน
“ใส่รองเท้าให้ข้าด้วย...”
นางกล่าวพลางแกว่งเท้าไปมา
“ใส่รองเท้า? ย่อมได้... หากนายหยิงน้อยต้องการเช่นนั้น” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจความคิดของนาง
“ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสเจ้า แต่เจ้ากลับสีหน้าเช่นนั้น… หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าน่ารำคาญ!” แววตาของนางเผยเจตนาสังหาร นางเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมาก
หนิงฝานถอนหายใจ สตรีเช่นนางเอาใจยากมาก
แม้นางยื่นเท้าเปล่ามาเบื้องหน้า หนิงฝานไม่หวั่นไหว และสวมรองเท้าให้นางกลับคืน
การที่สตรีเผยเท้าเปลือยเปล่าต่อหน้าบุรุษ นับเป็นการยั่วยวน เพียงแต่สีหน้าของนางในยามนี้ดูเย็นชา ไม่ได้ดูเย้ายวนเลยแม้แต่น้อย
เมื่อสวมรองเท้าเสร็จ หนิงฝานถอยห่างนาง 5 ก้าวแล้วป้องมือ
“นายหญิงน้อยเป่ยพอใจหรือไม่?”
“อืม… พอใจแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ของวิหารสาบสูญ เรื่องรายระเอียดต่างๆข้าจะส่งคนไปจัดการให้ ส่วนตัวเจ้าก็กลับไปพร้อมกับป้ายยืนยันสถานะได้ เมื่อเจ้าเข้าใช้วิหารชั้น 5 เจ้าจะได้รับส่วนลด และเรื่องที่เจ้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 วิหารเราจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เจ้าวางใจได้”
“เช่นนั้นข้าขอลา”
หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าสงบก่อนจะหันหลังจากไป
เมื่อหนิงฝานจากไป นางเร่งปิดประตูห้อง แววตาแปรเปลี่ยนพลางกล่าว “ทหารศิลา… คนผู้นั้นเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อสิ้นเสียง เบื้องหน้าของนางปรากฏเงาภาพของยักษ์ศิลาขนาดใหญ่ แผ่กลิ่นอายผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
“รายงาน ‘นายหญิงน้อยเซี่ยวเหมิน’ คนผู้นั้นมีบางสิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้นตัวตน ทำให้ข้าไม่ทราบรายละเอียด… แต่ข้าบอกได้ว่าคนผู้นั้นมีเส้นลมปราณปีศาจโบราณ ไม่ใช่ผู้ที่นายหญิงน้อยตามหา”
“อืม ในเมื่อคนผู้นั้นไม่ใช่คนที่ข้าตามหา ก็ไม่ต้องไปสนใจ… แต่ข้าว่าคนผู้นั้นน่าสนใจมาก แม้ไม่ได้มีระดับพลังสูงส่ง แต่ก็ยังเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้… ทหารศิลา จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาเป็นยังไงบ้าง”
“รายงานนายหยิงน้อย เมื่อยามที่คนผู้นั้นเข้าสู่วัง การเต้นของหัวใจเป็นปกติ… การคงระดับการเต้นของหัวใจได้เช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจะทำได้… เมื่อพบหน้าองค์หญิง การเต้นของหัวใจยังเป็นปกติ เมื่อนายหญิงน้อยแผ่เจตนาสังหาร การเต้นของหัวใจยังเป็นปกติ แต่ถึงแม้ยามที่ปรุงโอสถ การเต้นของหัวใจจะแปลกไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาสงบได้เหมือนเดิม เมื่อยามที่รู้ว่าจะได้เข้าวิหารชั้น 5 การเจ้นของหัวใจก็”
“อืม… น่าสนใจจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะสงบได้ขนาดนั้น... ขนาดอยู่ต่อหน้าสาวงามยังไม่หวั่นไหว ขนาดปรุงโอสถพลาดยังไม่หวั่นไหว แต่ข้าไม่เชื่อว่ายามที่สัมผัสเท้าข้าจะไม่หวั่นไหว หากเป็นเช่นนั้น จิตใจของคนผู้นั้นคงแข็งเหมือนศิลา...”
“เป็นเช่นนายหญิงน้อยคาดเดา เมื่อได้สัมผัสกายสตรี บุรุษย่อมหวั่นไหว เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาย่อมไม่ใช่บุรุษ… เพียงแต่ การเต้นของหัวใจของเขากลับนายหญิงน้อยกลับตรงกันข้าม...”
“เมื่อยามที่เขาสัมผัสเท้าของท่าน หัวใจของท่านเต้นเร็วขึ้นเท่าตัว… หรือนายหญิงน้อยจะชื่นชอบบุรุษผู้นั้น?”
“ฮึ่ม! ไร้สาร!” นางซัดฝ่ามือใส่เงาร่างของทหารศิลาจนหายไป
“เป็นครั้งแรกที่ได้บุรุษที่มีจิตใจหนักแน่นเช่นนี้ หากเขาบรรลุแก่นทองคำเมื่อไหร่ ข้าจะเอามาเป็นบ่าวของข้า”
นางมีนามว่า ‘เป่ยเซี่ยวเหมิน’ ยามนี้ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย
“เจตนาสังหารดาราสวรรค์ที่ 10 ปรากฏ ทำให้โลหิตของข้าเดือดพร่าน… รู้สึกอึดอัดจริงๆ ข้าต้องฆ่าคน!”
แล้วเงาร่างของนางก็หายไป
เพียงเรื่องที่นางเป็นไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนิงฝาน...
หนิงฝานนำป้ายนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เข้าสู่วิหารสาบสูญ เมื่อได้เห็นป้ายแสดงสถานะ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขวาง นอกจากนี้ หนิงฝานยังมีโอกาสได้พบ และได้รับคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
“สหายน้อยอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณ แต่กลับเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… นับว่ามีพรสวรรค์อย่างที่สุด เกิดมาข้าก็เพิ่งเคยเห็นคนเหมือนเจ้า!”
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณผู้นี้คือคนของวิหารสาบสูญ เป็นชายชราในอาภรณ์สีเงิน นาม ‘ลู่ชิง’ กลิ่นโอสถโชยออกมาจากอาภรณ์ชายชรา ดูเหมือนชายชราจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เช่นกัน
“ผู้อาวุโสลู่ชมเกินไปแล้ว… ข้าเพียงต้องการใช้ชั้น 5 เพื่อฝึกฝน 10 ปี”
“10 ปี? ฮ่าฮ่า ด้วยสถานะนักปรุงโอสถของสหายน้อย จะได้รับส่วนลดด้วย จึงเหลือเพียง 5.76 ล้านหยกสวรรค์”
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
“แต่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ก่อน… 10 ปีของโลกภายนอก เท่ากับ 320 ปีในนั้น เมื่อเข้าไปแล้วสหายน้อยจะไม่สามารถออกมาภายนอกได้จนกว่าจะครบกำหนดเวลา หากสหายน้อยทะลวงขอบเขตแก่นทองคำไม่ได้ สหายน้อยจะตายในนั้น… หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้สหายไปบอกล่าวกับญาติสนิท มิตรสหายก่อน หากเกิดสหายน้อยตายขึ้นมา จะได้นำร่างกลับไปฝังยังบ้านเกิดของตนด้วย”
“ขอบคุณผู้อาวุโสลู่ที่แนะนำ แต่ข้ามั่นใจว่าจะบรรลุแก่นทองคำได้อย่างแน่นอน จึงไม่จำเป็นต้องไปพบผู้ใด หรือฝากฝังเรื่องใด” หนิงฝานหัวเราะ วิหารสาบสูญให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงมักจะให้ผู้เชี่ยวชาญฝากฝังเรื่องต่างๆไว้ก่อนจะเริ่มเก็บตัวฝึกฝน
ไม่ว่าผู้ใดตกตาย การได้นำร่างกลับไปฝังยังบ้านเกิด นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดแล้ว
“ฮ่าฮ่า หากสหายน้อยมั่นใจขนาดนั้น ข้าก็ไม่จำต้องกล่าวให้มากความ… อีกเรื่อง เมื่อเข้าสู่ห้องฝึกฝนแล้ว สมบัติจำพวกที่อยู่อาศัยจะไม่สามารถใช้งานได้ หากสหายน้อยคิดจะนำกระถางขัดเกลาเข้าไปฝึกฝน ก็ไม่สามารถเรียกพวกนางออกมาได้”
“คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย”
หนิงฝานประหลาดใจ ในขณะที่ฝึกวิชาไม่สามารถนำกระถางขัดเกลาออกมาได้ แบบนี้แล้ว หนิงฝานคงไม่อาจดูดซับพลังจากอสูรทั้งสองนางได้
แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อใช้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“หากสหายน้อยเตรียมตัวเสร็จแล้ว ข้าจะนำเจ้าเข้าไปภายใน”
หลังจากนั้น 3 วัน หนิงฝานก็เข้าไปยังสถานที่ที่งดงาม ปราณในธรรมชาติหนาแน่น
สถานที่แห่งนี้ไร้ซึ่งการสังหาร ไร้ซึ่งเรื่องราวใดๆ มีเพียงการฝึกฝนเท่านั้น!
หนิงฝานต้องอยู่ที่นี่ 320 ปี เขาต้องหาถ้ำสักแห่งเพื่อทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ...