เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0074
ตอนที่ 74 : ค้อนราชันยักษ์วิญญาณ
เหลียวหนิงเห็นฉินหยุนลังเลจึงกล่าวเสริมทั้งรอยยิ้ม “อาจารย์ของเจ้า หยางฉีเย่ว์ก็มาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน กับการที่นางเหนือล้ำผู้อื่นได้เพียงนี้ สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนของเราได้ใช้จ่ายไปไม่น้อยเพื่อส่งเสริม! หยางฉีเย่ว์ ช่วยเกลี้ยกล่อมเขาด้วย!”
หยางฉีเย่ว์ท่าทางไม่ยินดี ใบหน้าของนางดำมืดขณะกล่าวเย็นเยือก “การตัดสินใจล้วนขึ้นอยู่กับเขา ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้า!”
สิ่งที่นางตอบนี้เป็นผลให้ใบหน้าของเหลียวหนิงและผู้อื่นแปรเปลี่ยนไม่น้อย ดวงตาของนางทอประกายแสงวูบด้วยร่องรอยของความโหดเหี้ยม
เมื่อฉินหยุนได้เห็น เขาพลันลอบตระหนก เขายิ่งมั่นใจว่าไม่ควรเข้าร่วมสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน!
“ข้าคิดว่าคงเป็นการดีกับข้ามากกว่าที่จะเข้าร่วมตำหนักจารึกเทวะ!” ฉินหยุนเลือกใช้ตำหนักจารึกเทวะบอกกล่าวต่อเหลียวหนิงเพื่อใช้ตำหนักจารึกเทวะปกป้องตนเอง
เหลียวหนิงยิ้ม รอยยิ้มนี้แข็งค้างเล็กน้อยขณะสีหน้าแปลกไปบ้าง น้ำเสียงเย็นเยือกยิ่งกว่าเก่าขณะกล่าวคำ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็เคารพการตัดสินใจนี้!”
เขาหันมองฉินเฟิงและผู้อื่น จากนั้นจึงกล่าวกับฉินหยุน “หญ้าหัวใจลึกล้ำมีความสำคัญยิ่งต่อศิษย์ของสถาบัน ข้าสงสัยนักว่าเจ้าจะยอมมอบโอกาสให้พวกเขาได้ชิงเอาหญ้าหัวใจลึกล้ำกลับคืนหรือไม่? แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ข้ากระทำอย่างอยุติธรรมต่อเจ้า”
ขณะที่ฉินหยุนคิดกล่าวปฏิเสธ เหลียวหนิงได้กล่าวแทรกคำ “เอาเช่นนี้ เจ้าต่อสู้กับชี่เสวี้ย ฉินเฟิง และเย่เสินเหล่ย เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธวิญญาณหรือยันต์ หากเจ้าแพ้ ก็ส่งมอบหญ้าหัวใจลึกล้ำมาให้ข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบพิมพ์เขียวของค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ในอนาคตภายหน้าเจ้าคงได้เป็นปรมาจารย์จารึก และค้อนราชันยักษ์วิญญาณคืออุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน!”
อาวุธวิญญาณระดับราชัน!
แม้จะเป็นเพียงแค่พิมพ์เขียว มันก็มีมูลค่าเหนือล้ำแล้ว กล่าวได้ว่ามันประเมินค่าไม่ได้!
อาวุธวิญญาณถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง นี่คือสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ทราบ
อีกทางหนึ่ง ยังมีระดับชั้นเลิศและระดับราชันซึ่งหาได้ยากยิ่ง มันเป็นสิ่งที่ต้องมีพิมพ์เขียวจึงสามารถขัดเกลาและหลอมขึ้น
“ค้อนราชันยักษ์วิญญาณคือสมบัติล้ำค่าที่สุดของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนของเรา” เหลียวหนิงยิ้มกล่าว “หากเจ้าไม่เชื่อข้า ก็สามารถถามต่อต้วนเฉียน กระทั่งเขายังต้องการมัน!”
ฉินหยุนเคยอ่านเรื่องค้อนราชันยักษ์วิญญาณในตำรา ดังนั้นเขาจึงทราบดีว่ามันเป็นค้อนที่ทรงพลังอำนาจเพียงใด หากเขาต้องการหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันในภายหน้า เขาจำเป็นต้องมีพิมพ์เขียวนี้
นอกจากนี้ เขายังเกลียดชังชี่เสวี้ยและฉินเฟิงถึงกระดูกดำ โดยเฉพาะกับชี่เสวี้ย เขาย่อมต้องคิดหาทางแก้แค้นให้ชี่เม่ยเหลียนในภายหน้าอยู่แล้ว จัดการนางอีกครั้งจะเป็นไรไป!
ทางด้านฉินเฟิง อีกฝ่ายเป็นคนที่ฉินเจิ้งเฟิงเชื่อใจ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ฉินหยุนมองเชี่ยวเย่ว์หลานขณะประสานสายตากับนาง เขาพลันตระหนักได้ว่ามันมีเจตนาแห่งการต่อสู้เปี่ยมในดวงตาของนาง
“สู้!”
คล้ายกระแสเสียงของเชี่ยวเย่ว์หลานดังขึ้นส่งผ่านเข้ามา มีเพียงแต่ฉินหยุนที่ได้ยิน
เพราะได้ยินคำนี้ เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก
หากเขาแพ้ จะต้องสูญเสียหญ้าหัวใจลึกล้ำซึ่งเป็นของสำคัญไป มันจะตกอยู่ในมือผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงต้องระวังให้มาก!
“ย่อมได้” ฉินหยุนกำหมัดแน่นและตะโกน
ท้ายที่สุด เขาก็ยังคงตัดสินใจต่อสู้กับฉินเฟิงและอีกสองคนที่เหลือ
เมื่อได้เห็นฉินหยุนรับคำ ฝูงชนล้วนฮือฮา!
ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายแทนเพราะฉินเฟิงและพรรคพวกตอนนี้ฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บแล้ว พวกเขาจะไม่เป็นรองฉินหยุนอีก
ถึงตอนนี้ พวกเขาทั้งสามมีพลังเพียงพอจัดการฉินหยุน เรื่องนี้เป็นผลให้ผู้ชื่นชอบรับชมเรื่องสนุกต่างมีอารมณ์ดุเดือดเลือดพล่านกันขึ้นมา!
หยางฉีเย่ว์ก็ไม่ได้คิดห้ามปรามเขาแต่อย่างใด ชัดเจนว่านางมั่นใจในพละกำลังของฉินหยุน
ความจริง แม้ว่าฉินเฟิง ชี่เสวี้ย และเย่เสินเหล่ยดูสบายดี แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขาไม่ใช่รักษาได้ง่ายเพียงนั้น มันต้องมีผลกระทบเล็กน้อยคงอยู่ภายในแน่
ฉินหยุนยังเป็นเพียงผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า ทว่าด้วยวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง พลังภายในของเขาตอนนี้ก็ทัดเทียมได้กับกายวรยุทธ์ระดับที่หก
ทว่า ในมุมมองของผู้รับชมหลายคน เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะมีโอกาสได้รับชัยชนะยามเผชิญหน้ากับทั้งสามซึ่งแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
อันที่จริง จุดแข็งที่สุดของฉินหยุนหาได้ใช่วิญญาณยุทธ์ทั้งสองแต่อย่างใด มันคือพลังปราณและพลังธาตุที่เขาดูดกลืนเพื่อทำการฝึกฝนได้จากตะวันทั้งเก้าต่างหาก!
ฉินหยุนต้องประลองหนึ่งสู้สาม ขณะที่ตัวเขาเองยังมีพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า เขาต้องเผชิญหน้ากับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกถึงสามคน! หากเป็นเหตุการณ์ปกติ ผู้คนล้วนเชื่อว่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าสมควรต้องพ่ายแพ้แล้ว
แต่ตอนนี้ หลายคนไม่กล้ากล่าวว่าฉินหยุนจะแพ้ เป็นเพราะทุกคนล้วนได้เห็นพละกำลังที่เขามีผ่านการประลองยุทธ์กันไปแล้วทั้งสิ้น!
นอกจากคนทั้งสี่ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขัน ผู้อื่นล้วนเดินลงจากลานประลอง
ฉินหยุนและอีกสามคนที่เหลือต่างยืนอยู่บนสี่มุมของลานประลอง พวกเขาห่างกันราวสิบเมตรได้
ดวงตาของชี่เสวี้ยเปี่ยมด้วยความเกลียดชังขณะแค่นเสียงกล่าวใส่ฉินหยุน “ได้ยินว่าเจ้ามีสัมพันธ์อันดีกับนังแพศยาชี่เม่ยเหลียน? นางคงใช้ปากให้เจ้าได้สำราญงั้นสิ โชคร้ายนัก กระทั่งว่านางโดนถอดยศเป็นสามัญชน จะยังไงนางก็ยังเป็นคนของราชวงศ์เทียนชี่อยู่ดี พวกเราคงต้องให้นางแต่งงานกับฉินเฟิงในฐานะนางสนมชั้นเลว”
เมื่อฉินเฟิงได้ยินดังนั้น เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มยินดี “ฉินหยุน ข้าจะสอนน้องสาวของเจ้าให้ว่าผู้ชายที่ดีคืออะไร ฮ่าฮ่าอ่า”
ฉินหยุนกำหมัดเอาไว้แน่นทั้งยังกัดฟันกรอดด้วยโทสะ เจตนาฆ่าฟันของเขาแทบระเบิดออกอยู่รอมร่อแล้ว!
ได้เห็นฉินหยุนโกรธแค้น ชี่เสวี้ยจึงยิ้มอ่อนและกล่าว “ไว้รอชี่เม่ยเหลียนรู้ว่าเจ้าพิการ นางคงร้องไห้โศกเศร้าได้เป็นเดือน เมื่อใดที่นางแต่งงานกับฉินเฟิง เมื่อนั้นพวกเจ้าจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันเพราะความสัมพันธ์แพศยาของนางนั่น ไว้ข้าไปแนะนำเสด็จพ่อให้เองว่าควรจัดการกับนางเช่นไร เจ้าควรขอบคุณข้านะ!”
ฉินเฟิงหัวเราะรับคำ เขาทราบดีว่าคงไม่มีทางคว้าใจเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอาไว้ได้แล้ว แต่อย่างน้อยได้ใช้ชี่เม่ยเหลียนมายั่วยุฉินหยุนก็นับว่าทำให้พอใจได้อย่างยิ่ง!
ชี่เสวี้ยตอนนี้ค่อยมีโอกาสได้ระบายความโกรธแค้นเพราะพ่ายแพ้อย่างอนาถแก่ฉินหยุน นอกจากนี้เพราะเห็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างฉินหยุนและชี่เม่ยเหลียน นางอิจฉาไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว!
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อนางได้เห็นฉินหยุนโกรธเพราะเรื่องนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีเหลือคนา!
“การประลองยุทธ์ เริ่มได้!” เหลียวหนิงยิ้มเล็กน้อยกล่าวคำ เขาเองก็โกรธไม่ใช่น้อยก่อนการประลองจะเริ่มเพราะโดนหักหน้า การประกาศอย่างไม่ทันให้ผู้อื่นได้ตั้งตัวนี้นับว่าเป็นเรื่องผิดร้ายแรงไม่น้อย
แต่แล้ว ไม่ช้าเขากลับไม่อาจหัวเราะออก...
พื้นดินเบื้องล่างฝ่าเท้าของฉินหยุนกลับกลายเป็นปะทุออกด้วยพลังธาตุไฟรุนแรงทะลัก มันรุนแรงขนาดที่ทำให้เขาทะยานด้วยแรงระเบิดพุ่งเข้าหาชี่เสวี้ย!
ก่อนชี่เสวี้ยจะทันตอบสนอง ท้องของนางก็โดนหมัดที่รุนแรงดั่งค้อนต่อยเข้าให้!
กระบวนแสงไหลหลั่งของมังกรหลอมหกกระบวน!
ตู้ม!
“อั่ก...”
ชี่เสวี้ยปล่อยเสียงกรีดร้องราวขาดใจ แสงสีแดงตอนนี้ลุกโชนที่แผ่นหลังของนาง
ร่างของนางโดนพลังภายในของฉินหยุนทะลวงเข้า อาการบาดเจ็บครานี้สาหัสยิ่ง พลังธาตุของนางถึงขั้นแตกสลาย!
หลังฉินหยุนจัดการชี่เสวี้ยเรียบร้อย เปลวเพลิงพลันปะทุระเบิดที่ใต้เท้าอีกครั้ง การระเบิดนี้มาพร้อมก้าวอัคคีเมฆาที่ทำให้ความเร็วของเขาก้าวทะยาน
อย่างกะทันหัน เขาถึงข้างกายเย่เสินเหล่ยพร้อมใช้วิชาหานซานโจมตีอีกฝ่าย เป็นผลให้เย่เสินเหล่ยต้องร่างล้มแน่นิ่งกับพื้น
ถัดจากนั้น เขาจึงใช้กระบวนท่าที่หกและสี่ของมังกรหลอมหกกระบวน หมัดทลายภูผา!
หมัดทั้งสองฟาดลงราวค้อนฟาดหวด เป็นผลให้เกิดเสียงฟ้าคำรามร้องสนั่น เย่เสินเหล่ยผู้ซึ่งร่างนิ่งกับพื้นพลันต้องอาเจียนออกเป็นโลหิตกองโต
จัดการชี่เสวี้ยและเย่เสินเหล่ย เขาใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น!
เมื่อฉินเฟิงเห็นฉินหยุนโจมตีใส่เย่เสินเหล่ย เขาพลันลั่นการโจมตีออก เขาไม่คิดว่าฉินหยุนสามารถรวดเร็วเพียงนี้ เพียงขณะที่กำลังจะโจมตี เขาก็เห็นเย่เสินเหล่ยล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว
โทสะของฉินหยุนไม่อาจสะกดข่ม มือทั้งสองของเขาราวคมดาบที่พร้อมฟาดฟันด้วยกระบวนท่าคลื่นวายุเชือดเฉือนใส่ฉินเฟิง
ออร่ากระบี่ของเขาร่ายรำขณะพุ่งตัวออกราวพายุโหม มันไม่อาจหยุดยั้งหรือทำลาย นี่คล้ายกับพายุกลางทะเลที่พร้อมโหมซัดเข้าใส่ฉินเฟิงอย่างไม่อาจต่อต้าน เสียง “ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพียงพริบตา ฉินเฟิงร่างปกคลุมด้วยบาดแผลขณะคุกเข่ากับพื้นด้วยความสั่นกลัว เขาคล้ายกับเผชิญหน้ากับเทพปีศาจ ฉินหยุน!
เหลียวหนิงพลันตอบสนองขณะคิดขึ้นลานประลอง แต่กลับถูกหยางฉีเย่ว์ห้ามปรามไว้
ฉินหยุนกำมือไว้แน่นขณะปล่อยหมัดใส่ฉินเฟิง!
อย่างกะทันหัน พื้นลานประลองกลับกลายเป็นซาก!
ฟ้าคะนองคำราม หมัดอสนีบาต แสงไหลหลั่ง ถล่มภูผา กระบวนท่าทั้งสี่ลั่นออกอย่างต่อเนื่อง เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนดังจนทุกผู้คนล้วนได้เห็น!
ฉินเฟิงร่างลอยลิ่วไปอยู่ข้างชี่เสวี้ย ทั้งสองกรีดร้องขณะโดนหมัดของฉินหยุนที่บ้าคลั่งทุบตีอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเหลียวหนิงได้เห็น เขายิ่งบังเกิดโทสะขณะจ้องมองหยางฉีเย่ว์!
ฉินหยุนเมื่อเห็นว่าเกือบจะได้เวลา เขาจึงตะโกนดังลั่น เปลวเพลิงพลิ้วไหวที่หมัดของเขาพร้อมเสียงฟ้าคำรามและอสนีบาต ราวอุกกาบาตร่วงหล่นจากท้องฟ้า เขาปลดปล่อยพลังอัคคีรุนแรงมหาศาลออกพร้อมลั่นมันลงที่ร่างของฉินเฟิงและชี่เสวี้ย!
นี่คือกระบวนท่าที่ห้าของมังกรหลอม อุกกาบาตทลาย!
ตู้ม!
หมัดของฉินหยุนเมื่อเข้าปะทะ กระแสพลังสองสายจากพลังภายในธาตุไฟจึงปรากฏ ราวกับนี่คือลูกไฟที่พร้อมจะเผาไหม้สรรพสิ่งให้ระเบิดออกเป็นจุณ!
ลานประลองสั่นไหวรุนแรง เปลวเพลิงสีทองม่วงบ้าคลั่งหลอมละลายกระทั่งแผ่นหิน
ทั่วทั้งพื้นที่กว่าสิบเมตรปกคลุมด้วยลาวาซึ่งเกิดจากหินหลอมเหลว ฉินเฟิงและชี่เสวี้ยถูกพวกมันปกคลุมไว้ ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน พวกเขากำลังโดนลาวากลบฝัง!