เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0073
ตอนที่ 73 : การเชื้อเชิญ
อันดับของการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง!
หลายคนต่างคาดหวังถึงวันที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะท้าประลองฉินหยุนซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง ณ ตอนนี้
พวกเขาต่างเชื่อมั่นว่านางจะถูกราชวงศ์เทียนเชี่ยวบีบบังคับ หรือไม่ก็โดนสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนกดดันเพื่อให้ท้าประลองฉินหยุนคว้าอันดับแรกกลับคืนมา
ฉินหยุนได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่แขน ขณะเขาก่อกำลังภายในขึ้นจากการใช้หมัดอุกกาบาตทลาย แขนของเขาก็แทบไม่อาจรองรับได้ไหวจนกล้ามเนื้อฉีกขาด
โชคยังดีที่กายภาพของเขาแข็งแกร่ง และยังได้รับการรักษาเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้อาการบาดเจ็บจึงดีวันดีคืน
“ครั้งนี้เจ้าโชคดีนัก! หากเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นคนไร้หัวใจและเป็นหญิงเหี้ยมโหด เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นก็ยากจินตนาการแล้ว!” หยางฉีเย่ว์พิจารณามองแขนของฉินหยุนที่มีผ้าพันเอาไว้ ภายในนั้นคือยาอายุวัฒนะ
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนให้สัญญาแก่เชี่ยวเย่ว์หลานเอาไว้ ว่าจะไม่บอกเรื่องนางมาแทนน้องสาว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่บอกต่อหยางฉีเย่ว์ถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลัง
หยางฉีเย่ว์มองฉินหยุนที่อยู่ในภวังค์และกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “เจ้าคิดอันใด? หรือครานี้เจ้าเป็นที่หมายปองของเหล่าเด็กสาวเสียแล้ว? ก่อนหน้านี้ก็ชี่เม่ยเหลียนและเมิ่งเฟยหลิง ครั้งนี้ถึงกับเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!”
ฉินหยุนยิ้มแหยและกล่าว “อาจารย์ขอรับ ข้าเพียงเห็นเสี่ยวเม่ยเหลียนเป็นน้องสาว สำหรับศิษย์พี่เมิ่งนับเป็นสหาย ดังนั้นระหว่างทั้งสองคนล้วนไม่มีอะไร! สำหรับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย... ข้าไม่ทราบเช่นกันว่านางเป็นเช่นไรแน่”
“กึก กึก กึก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงต้วนเฉียนดังอีกฟาก “ฉินหยุน มีคนอยากพบเจ้า!”
หยางฉีเย่ว์เดินไปเปิดประตูโดยทันทีพร้อมอาการแตกตื่น นอกจากต้วนเฉียนแล้ว ยังมีหญิงสาวในชุดขาวสวมใส่หน้ากาก นางคือเชี่ยวเย่ว์หลานที่ปลอมตัวมาเป็นน้องสาว!
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!” ต้วนเฉียนเร่งรีบจากไปเมื่อทำธุระของตนเรียบร้อย
“เข้ามาก่อน” หยางฉีเย่ว์เอ่ยเสียงเบาต่อหญิงในหน้ากาก
ทันทีเมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานเข้ามา นางปลดหน้ากากออก เผยซึ่งใบหน้าแท้จริงอันเย็นเยือกและอหังการ เมื่อหยางฉีเย่ว์ได้เห็น นางถึงกับแตกตื่นแทบพูดอะไรไม่ออก
เชี่ยวเย่ว์หลานมาถึงข้างกายฉินหยุนขณะมองที่แขน นางกล่าวเสียงยะเยือก “คงไม่พิการหรอกใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนมองเชี่ยวเย่ว์หลานก่อนส่ายศีรษะ
เชี่ยวเย่ว์หลานจึงแค่นเสียงเย็น “ต่อให้เจ้าพิการ ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของข้าอยู่ดี”
ก็จริง มันเป็นเพราะฉินหยุนทำตัวเองบาดเจ็บ...
เชี่ยวเย่ว์หลานนั่งลงที่เก้าอี้ขณะยกขาขึ้นสูงและไขว่ห้าง นางสำรวจมองฉินหยุนด้วยสายตาเย็นชาแทบทิ่มแทงถึงกระดูก!
ฉินหยุนรู้สึกไม่สบายใจนักที่นางจ้องมอง ดวงตาของเขาต้องกลิ้งหลบไปมาขณะเอ่ยถามเสียงเบา “ที่เจ้ายกอันดับหนึ่งของเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้นแก่ข้า ไม่โดนต่อว่าหรือ?”
“นั่นเป็นปัญหาของข้า ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานหันมองหยางฉี๊เย่ว์และเอ่ยถามเสียงเย็น “ท่านรู้เรื่องวิญญาณยุทธ์ของเขา?”
หยางฉีเย่ว์นั่งลง คิดอยู่ชั่วครู่จึงค่อยตอบ “หมายถึงวิญญาณยุทธ์สั่นไหว? ข้าย่อมรู้!”
เมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานได้ยินดังนี้ นางจึงใส่หน้ากากกลับ ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู ยามเมื่อแผ่นหลังหันทางฉินหยุน นางเอ่ยถามน้ำเสียงลุ่มลึก “ใครอีกที่รู้เรื่องนี้?”
“เชี่ยวหลาง!” ฉินหยุนตอบ “ตอนข้าประลองกับเจ้านั่น เป็นข้าใช้งานมันออกไป!”
เชี่ยวเย่ว์หลานเดินไปหยุดตรงหน้าประตูพร้อมเอ่ยเสียงที่เศร้าหมอง ราวกับนางคิดแน่วแน่แล้วจึงกล่าวเตือนฉินหยุน “เจ้าควรปฏิเสธเทียบเชิญจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน จงเลือกสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหากเจ้าปรารถนาเข้าร่วม!”
นางหยุดเอ่ยคำชั่วครู่ก่อนเอ่ยต่อ “ครั้งถัดจากนี้ เมื่อเจ้าเปิดเผยวิญญาณยุทธ์สั่นไหวต่อผู้ใด อย่าได้ปล่อยให้มันรอดชีวิต ข้าจะลองดูว่าช่วยเจ้าจัดการเชี่ยวหลางได้อย่างไร มันต้องตาย!”
กล่าวจบคำ นางจึงเปิดประตูและเดินจากไป
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวขณะหันมองหยางฉีเย่ว์ เขาเห็นว่านางก้มหน้าลงเล็กน้อย คิ้วขมวดกันมุ่นราวกับครุ่นคิดเรื่องใดอยู่
“นางเหมือนจะช่วยเจ้านะ!” หยางฉีเย่ว์กล่าว
ฉินหยุนก็รู้สึกเช่นนั้น ทว่า เขาไม่อาจเข้าใจว่าเพราะอะไรนางถึงยอมทำเรื่องพวกนี้
* * *
เวลาผันผ่าน เทียบอันดับมังกรซ่อนเร้นในที่สุดก็ไม่ไหวติงอีก
ช่วงเวลาระหว่างนี้ เมิ่งเฟยหลิงได้มาพบฉินหยุนหลายครั้ง
ชี่เม่ยเหลียนเองก็ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บแล้ว นางไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกลาฉินหยุน หลังจากนั้นนางและอาจารย์ของนางจึงเดินทางกลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ด้วยเชี่ยวเย่ว์หลานยืนกรานอยู่อันดับสองแน่วแน่ไม่ไปไหน ไม่มีผู้ใดผ่านด่านนางมาได้ ฉินหยุนจึงถือครองที่หนึ่ง!
บรรดาผู้ที่อยู่สิบอันดับแรกต่างขึ้นรับรางวัลที่ลานประลองหลักของแดนยุทธ์มังกรซ่อนเร้น
บรรดาผู้ชมทุกคนล้วนอิจฉาฉินหยุนที่ได้รับหญ้าหัวใจลึกล้ำกันทั้งสิ้น
นี่เป็นเพราะตำนานกล่าวไว้ หญ้าหัวใจลึกล้ำสามารถส่งผลพิเศษให้วิถีหัวใจพัฒนาจนทรงพลังอำนาจได้ นับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ยิ่งในภายภาคหน้า
ฉินหยุนนำกล่องหยกขนาดเล็กที่ต้วนเฉียนส่งมอบให้เปิดออกและรับชม ภายในกล่องคือหญ้าที่คล้ายผลึกแก้วสีขาว วมันกำลังส่องแสงผ่านผลึกออกมาอย่างวิบวับ
รางวัลของอันดับอื่น ล้วนมีแต่เม็ดยาและเหรียญผลึก
ฉินหยุนหันมองเชี่ยวเย่ว์หลานซึ่งสวมใส่หน้ากากไว้ นางยังคงเย็นชาขณะเจตนาสังหารแผ่ซ่านต่อทุกผู้คน
เขาพลันรู้สึกถึงตัวตนของเชี่ยวเย่ว์หลาน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะยอมแต่งงานกับฉินเจิ้งเฟิงอย่างแน่นอน ทว่าเชี่ยวเย่ว์หลานกลับตัดสินใจยอมรับการหมั้นหมายกับฉินเจิ้งเฟิง
พอนึกย้อนถึงเรื่องนี้ เขาจึงรู้สึกคล้ายหัวใจเกิดการอุดตันอย่างไรอย่างนั้น
ฉินเฟิงกล่าวเสียงต่ำ “อาศัยความสัมพันธ์จนได้อันดับหนึ่ง น่าภูมิใจนักหรือ?”
ไม่เพียงแต่ฉินเฟิงที่ไม่ยินดี หลายผู้คนในสิบอันดับแรกล้วนคิดเช่นเดียวกัน
หญ้าหัวใจลึกล้ำแต่เดิมเตรียมไว้เพื่อพวกเขา แต่ตอนนี้กลับถูกคนนอกฉกชิงเอาไป นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าเสียอีก
เมิ่งเฟยหลิงกล่าวทั้งหัวเราะ “พวกเจ้าทุกคนคงทำได้เพียงปิดซ่อนความอ่อนแอของตนเองกันแล้ว เป็นเพราะไร้ฝีมือจนไม่อาจท้าประลองฉินหยุน กระทั่งท้าทายอันดับสองยังไม่อาจ!”
ฉินเฟิงและผู้อื่นล้วนท้าประลองเมิ่งเฟยหลิงกันมาแล้ว ทว่าพวกเขาไม่อาจโค่นล้มนางได้
เมิ่งเฟยหลิงยังได้ท้าประลองอันดับสองเช่นกัน ทว่านางกลับยอมถอยหลังโดนการโจมตีเข้าไปหลายครั้ง
ฉินเฟิง เย่เสินเหล่ย และชี่เสวี้ยแล้วไม่สบายใจ
ขั้วอำนาจเบื้องหลังพวกเขาใช้จ่ายทรัพยากรอย่างมหาศาลเพื่อให้พวกเขาฟื้นฟูกลับเข้าร่วมประลอง แต่แล้วกลับไม่อาจได้ท้าประลองฉินหยุนได้จนกระทั่งสิ้นสุดการแข่งขัน นี่นับเป็นความพยายามโดยสูญเปล่าแล้ว
อย่างกะทันหัน คนจำนวนหนึ่งเดินเข้าหาจากด้านล่างลานประลอง พวกเขาเหล่านี้คือชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบไม่ก็ห้าสิบปี
เมื่อฉินเฟิงและผู้อื่นได้เห็นพวกเขาใกล้เข้ามา แทบทั้งหมดต้องเผยสีหน้าประหลาดใจทั้งยังยินดี พวกเขารู้จักบุคคลกลุ่มนี้ดียิ่ง
หยางฉีเย่ว์เองก็เร่งร้อนเดินเข้ามา คล้ายกับนางรู้จักกลุ่มชายวัยกลางคนเหล่านี้
ด้วยต้วนเฉียนอยู่ข้างกาย ฉินหยุนรู้สึกวางใจได้ระดับหนึ่ง เขาไม่หวั่นเกรงหากผู้อื่นคิดก่อปัญหาแก่ตนเอง
“ฉินหยุน ข้าคืออาจารย์จากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นามของข้าคือเหลียวหนิง อย่าได้กังวลใจอะไรไป!” ชายวัยกลางคนในชุดน้ำเงินที่มีใบหน้าผอมบางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ท่าทีคล้ายมาดี
อาจารย์จากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนย่อมไม่อ่อนแอ
ฉินหยุนนึกย้อนถึงคำเตือนจากเชี่ยวเย่ว์หลานที่บอกว่าเขาไม่ควรยอมรับเทียบเชิญของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน
“มีอะไรหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ความจริงที่เจ้าสามารถได้รับอันดับหนึ่งของเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้น ทั้งที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า นับว่าเพียงพอแก่การพิสูจน์พรสวรรค์ของเจ้าแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจเชื้อเชิญเจ้า เพื่อเข้าร่วมสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน” เหลียวหนิงยิ้มกล่าว
ฝูงชนที่รายล้อมหาได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะฉินหยุนคู่ควร
เหลียวหนิงส่งสายตาคล้ายสื่อความต่อหยางฉีเย่ว์ คล้ายต้องการให้นางช่วยออกปากพูดอะไรบ้าง
ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อน “ข้ายินดีนักที่ท่านหวังดีถึงเพียงนี้!”
เขาปฏิเสธ!
ฉินเฟิงและผู้อื่นล้วนประหลาดใจ หากเป็นพวกเขา พวกเขาจะไม่เสียเวลาและตกปากรับคำโดยทันทีแน่
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ พวกเขาไม่เพียงต้องผ่านบททดสอบอันเหี้ยมโหด พวกเขายังต้องยอมรับเงื่อนไขก่อนจะเข้าร่วมสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนจำนวนไม่น้อยด้วยซ้ำ
ทว่าฉินหยุนกลับปฏิเสธเทียบเชิญครั้งนี้!
ผู้อาวุโสหลายคนต่างคิดว่าฉินหยุนเสียสติไปแล้ว
เหลียวหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่ายังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินหยุน เจ้าควรพิจารณาให้ดี นี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง หากเจ้าคิดเข้าร่วมกับสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เจ้าจะได้มีอนาคตอันเจิดจ้ารอคอยเบื้องหน้า... เจ้าไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ หากเจ้าต้องผ่านการทดสอบเพื่อเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ ถึงตอนนั้นอาจเป็นเรื่องยากแล้ว!”
ฉินหยุนเดาได้ว่าเขาจำเป็นต้องตกปากรับคำเงื่อนไขอะไรหลายอย่างเพื่อเข้าร่วมสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน หาไม่แล้วมันจะมีเรื่องดีเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ต่อให้เป็นผู้ผ่านการทดสอบ ก็ยังต้องยอมรับเงื่อนไขอีกหลายอย่างเป็นข้อตกลง