ตอนที่แล้วDC บทที่ 149: ข่าวลือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 151: ท่านท้าทายข้ารึ

DC บทที่ 150: ห้องบรรยาย (ฟรี)


DC บทที่ 150: ห้องบรรยาย

 

ภายในห้องที่เต็มไปด้วยผู้อาวุโสระดับสูงที่มีพลังการฝึกปรือลึกล้ำของสถาบันสี่ฤดู ซูหยางยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าสถาบันหญิงด้วยท่าทางสงบ ไม่มีความกดดันใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะถูกรุมล้อมไปด้วยผู้คนที่ทรงอำนาจมากหลาย

 

“เขาเป็นคนที่ให้ตำรับยากับผู้อาวุโสเติ้ง ช่างอายุน้อยมาก…”

 

เจ้าสถาบันหญิงมองดูซูหยางด้วยสายตาแปลกประหลาด แม้ว่าเธอจะได้ยินเรื่องเขามาก่อนหน้านี้จากผู้อาวุโสเติ้ง แต่ก็ยังคงประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นเขาด้วยตนเอง

 

สามารถวางตัวสงบเยือกเย็นในขณะที่อยู่ต่อหน้าผู้เก่งกาจจำนวนมากมาย รวมไปถึงเจ้าสถาบันหญิงของสถาบันสี่ฤดู เขาต้องมีความมั่นใจอย่างแท้จริงว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นกับตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไร

 

“ข้าจะพูดให้ตรงจุด” เจ้าสถาบันหญิงนำเอาตำรับยาโอสถแยกวิญญาณออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครและมีจุดมุ่งหมายอะไรในการให้กระดาษแผ่นนี้กับพวกเรา”

 

“โอสถแยกวิญญาณเป็นของขวัญจากเซียนหานซิน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้ก่อตั้งสถาบัน ไม่นานนักหลังจากที่สถาบันสี่ฤดูก่อตั้งขึ้น นอกจากนี้เท่าที่เรารู้ ยานี้มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ อีกนัยหนึ่งก็คือมันเป็นสมบัติที่ทรงค่าหาที่เปรียบ”

 

“พวกเราพยายามที่จะสร้างยานี้ขึ้นมาใหม่นับตั้งแต่พวกเราได้รับมัน แต่น่าเสียดาย พวกเรามิอาจแม้กระทั่งเข้าใกล้เป้าหมายหลังจากที่ใช้เวลาหลายร้อยปี”

 

“แต่ชายหนุ่มที่โผล่มาจากไหนโดยไม่มีใครรู้ มาพร้อมด้วยตำรับยาสำหรับโอสถแยกวิญญาณ…”

 

“เจ้าต้องการอะไรจากพวกเรา”

 

ทั้งห้องพลันเงียบลงหลังจากที่เจ้าสถาบันหญิงกล่าวจบ ทุกคนในห้องจับตามองไปยังซูหยางและชิวเยวี่ย

 

แม้ว่าจะไม่มีอะไรแสดงให้เห็นบนใบหน้า แต่พวกเขาล้วนกระวนกระวายรอคอยให้ซูหยางพูด กระทั่งเจ้าสถาบันหญิงก็ไม่มีข้อยกเว้น

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายดายมาก โอสถแยกวิญญาณของพวกท่าน”

 

ได้ยินคำพูดของเขา นอกจากถอนหายใจเล็กน้อย เจ้าสถาบันหญิงก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอื่นอีก

 

“เจ้ายังคงคาดหวังเช่นนั้นอีก เฮ้อ”

 

เจ้าสถาบันหญิงพยักหน้า และกล่าวว่า “ถึงเป็นเช่นนั้น แต่โชคร้าย ข้ามิอาจตอบรับคำขอของเจ้าได้”

 

“มีสองเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมเจ้าจึงต้องการโอสถแยกวิญญาณทั้งที่มีตำรับยาอยู่แล้ว หนึ่งก็คือเจ้าไม่มีความสามารถในการปรุงมันขึ้นมาด้วยตัวเอง สองตำรับยาเป็นของปลอม”

 

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เจ้าสถาบันหญิงหรี่ตามองดูซูหยางด้วยท่าทางเคร่งเครียด

 

“ถ้าเป็นเหตุผลข้อหลัง ไม่ว่าเจ้าจะมีอิทธิพลหนุนหลังมากแค่ไหน ข้ายังมั่นใจว่าเจ้าต้องชดใช้สำหรับความระห่ำนี้

 

"..."

 

ห้องกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง แต่บรรยากาศแตกต่างกันมหาศาล

 

ซูหยางสามารถรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็นทับลงมายังตัวเขา ถ้าคำพูดต่อไปที่ออกมาจากปากเขาเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการได้ยิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต้องโจมตีเขาในทันที

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการโต้ตอบ ซูหยางกลับหัวเราะเสียงดังลั่น ไกลจากการคาดคิดของทุกคนในที่นั้น

 

“คงผิดความคาดหมายสำหรับท่าน เหตุผลทั้งสองล้วนผิดพลาด” เขากล่าวขณะฉีกยิ้ม

 

“เจ้าว่ากระไร” เจ้าสถาบันหญิงและทุกคนในห้องต่างพากันขมวดคิ้วกับคำพูดของเขา ถ้าเขามีความสามารถที่จะผลิตยาและมีตำรับยา เขาจะมาที่นี่ทำอะไร มาเพื่อขอโอสถแยกวิญญาณเช่นนั้นหรือ

 

“เหตุผลข้อเดียวที่ข้ามาที่นี่นั้นง่ายดาย เพราะว่ามันต้องใช้เวลามากเกินไปในการเก็บรวบรวมวัตถุดิบและสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง มันยุ่งยากเกินไป” เขากล่าวด้วยเสียงสดใส สร้างความงุนงงให้กับทุกคนที่นั่น

 

“ว่ากระไร”

 

ทุกผู้คนที่นั่นเกือบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาต้องการแลกเปลี่ยนตำรับยาที่ทรงค่ามากเพียงนั้นเพียงเพราะว่ามันยุ่งยากเกินไปที่จะทำมันด้วยตนเองงั้นรึ ไม่น่าเชื่อ คงเป็นอีกเรื่องถ้าเขาเป็นเจ้าของตำรับยา แต่เกือบทุกคนในนั้นมั่นใจว่านั่นเป็นของตระกูล และเขาก็เป็นแกะดำของตระกูล

 

หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะเพราะจนคำพูด เจ้าสถาบันหญิงกล่าวว่า “ถ-ถึงเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าเกรงว่า ข้ายังมิสามารถที่จะให้โอสถแยกวิญญาณแก่เจ้าได้ ในเมื่อมันเป็นของขวัญมอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเราจากเซียนหานซินผู้ยิ่งใหญ่ การละทิ้งของขวัญของเขาก็เหมือนกับการละทิ้งความปรารถนาดีและตบหน้าเขา”

 

“ฮาาา...ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้...ช่างโชคร้ายนัก” ซูหยางถอนหายใจ ทำให้ผู้คนที่นั่นต่างพากันรู้สึกไม่ดีขวัญหาย

 

“จ-เจ้าจะทำอะไรต่อไป” เจ้าสถาบันหญิงถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

 

“แทนที่จะเป็นโอสถแยกวิญญาณ ข้าต้องการวัตถุดิบทุกอย่างในตำรับที่ข้าให้พวกท่านแทน ข้าจะปรุงมันด้วยตัวเอง นี่คงเป็นสิ่งที่พวกท่านสามารถทำได้ ใช่หรือไม่”

 

“เขาคงหมายความอย่างนี้นี่เอง” เจ้าสถาบันหญิงอุทานอยู่ในใจ

 

เธอจึงหันไปมองที่กระดาษสองสามวินาที

 

“เช่นนี้ก็ดี” เธอกล่าวขึ้นในที่สุด “แต่มันต้องใช้เวลาสองสามวันเพื่อเตรียมวัตถุดิบบางอย่าง ในเมื่อบางอย่างค่อนข้างหายากแม้กระทั่งในสำนักใหญ่เช่นพวกเรา”

 

ซูหยางพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เขาสามารถใช้เวลาสองสามวันนี้เพื่อฝึกฝนปราณหยินจำนวนมากที่เขาได้รับมาจากวูจินจิงและทะลวงเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณ ถ้าเขาปล่อยให้ปราณหยินจำนวนมากเช่นนี้อยู่ภายในจุดตันเถียนนานเกินไป มันอาจจะเกิดปัญหาให้กับพลังการฝึกปรือของเขาได้ง่าย ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าในการเปลี่ยนปราณหยินให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์ในขณะที่เขายังคงมีเวลา

 

“ถ้าเจ้าต้องการ เรายังสามารถเตรียมห้องให้เจ้าได้ในเวลานั้น” เธอกล่าวเสริม

 

“ข้าย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ซูหยางไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธข้อเสนอนั้น

 

“งั้นก็ดี ข้าจักเริ่มตระเตรียม จนกว่าจะถึงเวลานั้น เจ้าสามารถเดินเล่นในสถาบันสี่ฤดูของข้าพร้อมกับหนึ่งในผู้อาวุโสเพื่อฆ่าเวลา”

 

“สำนักที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา หือ…”

 

แม้ว่าซูหยางจะไม่ได้สนใจเรื่องการปรุงยามากมายนักเช่นเดียวกับกระบี่ แต่มันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในใจเขา ในเมื่อมันทำให้เขานึกถึงเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่

 

“ข้ายินดีรับข้อเสนอ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

 

“อื้อ”

 

เจ้าสถาบันหญิงมองดูผู้อาวุโสเติ้งและกล่าวว่า “ดำเนินการพาเพื่อนตัวน้อยนี่เที่ยวชมรอบบ้านของเรา และอย่าให้ใครสร้างปัญหาให้กับเขา นี่เป็นคำสั่งตรง ใครก็ตามที่ยังไม่เชื่อฟังก็ให้มาพบข้าโดยตรง พวกท่านได้ยินไหม”

 

เธอกล่าวในทำนองที่เหมือนกับว่าจะมีใครสักคนที่จะสร้างปัญหาให้กับซูหยาง หรือบางทีเธอกังวลว่าซูหยางจะสร้างปัญหาและต้องการให้ผู้อาวุโสเติ้งคอยเฝ้าดูเขา เพื่อป้องกันเขาทำอะไรน่าสงสัย

 

“ขอรับ ท่านเจ้าสถาบันหญิง”

 

แม้ว่าผู้อาวุโสเติ้งจะรู้สึกลังเลไม่อยากอยู่ใกล้กับซูหยางนานไปกว่านี้ แต่ก็ยอมรับภารกิจอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคเกี่ยวกับการเตรียมการ ผู้อาวุโสเติ้งก็พาซูหยางกับชิวเยวี่ยออกจากห้องและเริ่มพาพวกเขาเที่ยวชมรอบสถาบันสี่ฤดู

 

ครั้นเมื่อพวกเขาไปแล้ว ห้องที่เงียบสงบอยู่ตลอดเวลาพลันมีชีวิตชีวาขึ้น

 

“ท่านเจ้าสถาบันหญิง ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าเราสามารถเชื่อถือคนเช่นเขาได้ จะเป็นอย่างไรถ้าเขามีความคิดแอบแฝงอยู่”

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดพูดถูก ท่านเจ้าสถาบันหญิง เรายังคงไม่มีเบาะแสว่าเขามาจากไหน อีกทั้งไม่มีการยืนยันตัวตน จะเป็นอย่างไรถ้าเขาต้องการสร้างปัญหาให้กับสถาบัน”

 

ข้อเสนอแนะและความกังวลถูกนำขึ้นมาพูดทันทีที่ซูหยางออกไปจากห้อง

 

“เราควรกดดันเขาให้เปิดเผยข้อมูลกับพวกเรามากกว่านี้ก่อนที่เราจะให้วัตถุดิบล้ำค้ามากมายเช่นนั้น เขาอาจจะดูสำรวมในตอนนี้ แต่ถ้าเรา---”

 

“พอแล้ว” เจ้าสถาบันหญิงยกมือห้าม และเธอกล่าวต่อครั้นเมื่อห้องกลับคืนสู่ความสงบ

 

“พวกท่านให้ความสนใจกับชายหนุ่มนั่นมากเกินไป...มิใช่เขาที่ข้าเป็นกังวล แต่เป็นหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขาราวกับเป็นผู้คุ้มกัน”

 

“ว่ากระไร หญิงสาวคนนั้น เธอมีอะไร”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันงุนงง ไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาที่จะให้ความสนใจกับชิวเยวี่ย เพราะการปรากฏตัวอย่างโดดเด่นของซูหยางในห้อง บ้าไปแล้ว พวกเขาทุกคนคิดว่าเธอเป็นเพียงคนรับใช้

 

“พลังการฝึกปรือของชายหนุ่มนั่นเพียงแค่เขตสัมมาวิญญาณขั้นต้น และข้าสามารถบอกได้ว่านั่นเป็นพลังการฝึกปรือที่แท้จริงของเขา ส่วนสำหรับหญิงสาวด้านหลังเขา... ข้ากลับมิรู้สึกถึงการมีตัวตนของเธอแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ต่อหน้าสายตาของข้า ราวกับว่าข้ามองไปยังภูติผี”

 

“และวิธีการที่เธอมองข้า...มันเหมือนกับว่าเธอเตือนข้าว่าอย่าตัดสินใจอะไรง่ายๆ”

 

“เมื่อท่านพูดถึง ข้าก็มองไม่ทะลุถึงพลังการฝึกปรือของเธอเหมือนกัน”

 

เหล่าผู้อาวุโสต่างมีท่าทางตกตะลึง ครั้นเมื่อเขานึกขึ้นได้เช่นกัน เพราะว่าชิวเยวี่ยดูแล้วธรรมดาเกินไปจนกระทั่งพวกเขาละเลยการคงอยู่ของเธอ พวกเขามุ่งเป้าไปยังซูหยางผู้ที่ดูเหมือนเป็นคนรับผิดชอบ

 

เจ้าสถาบันหญิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ฮ้าาาาา...ไม่ว่าความสามารถในซุกซ่อนตัวตนระดับท้าทายสวรรค์ของเธอ หรือระดับ...ที่กระทั่งข้าผู้มีฝีมือเขตราชันวิญญาณระดับสูงสุด ไม่สามารถมองเห็นแม้เพียงเล็กน้อยถึงระดับพลังฝีมือของเธอ”

 

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ท่านเจ้าสถาบันหญิงเป็นถึงหนึ่งในสามเขตราชันวิญญาณในทวีปแห่งนี้ คนที่อยู่จุดสูงสุดของวิชาฝีมือ เหตุใดจึงจะมีใครก็ไม่รู้ที่--”

 

“จุดสูงสุดของวิชาฝีมือรึ” เจ้าสถาบันหญิงพลันหัวเราะเสียงดัง สร้างความสับสนให้กับผู้อาวุโสของสถาบัน

 

“ลืมเรื่องข้าไปก่อน กระทั่งผู้เฒ่าของสำนักเทพกระบี่ยังมิกล้าที่จะพูดว่าเขาอยู่จุดสูงสุดของวิชาฝีมือ ไม่มีทางในเมื่อ”เธอ“ยังอยู่ที่นี่”

 

เมื่อเธออ้างถึงเจ้าสำนักของสำนักเทพกระบี่ เธอไม่ได้กล่าวถึงตำแหน่งฐานะแต่หมายความถึงพลังการฝึกปรือของเขาที่เข้าสู่เขตเทพวิญญาณระดับหนึ่ง ผู้ซึ่งถือว่าอยู่ในจุดสูงสุดของเขตปุถุชน

 

“เธอ...ท่านหมายถึง…”

 

ผู้อาวุโสต่างพากันนึกถึงผู้ที่เจ้าสถาบันหญิงพูดถึง แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวอธิบายอะไรเลย

 

“ใช่แล้ว ธิดาเทพเซียนซูเยวี่ย ผู้ที่ข้ามผ่านขอบเขตของปุถุชนไปนานแล้ว ก้าวข้ามไปแม้กระทั่งเซียนหานซินในแง่ของพลังฝีมือ ซึ่งข้าไม่อาจมองเห็นแม้แต่น้อย”

 

“เช่นนั้นท่านต้องการสื่อว่า...หญิงสาวคนนั้นมีพลังการฝึกปรือคล้ายกับเซียนซูเยวี่ย”

 

ผู้อาวุโสเริ่มมีเหงื่อหลั่งไหลครั้นเมื่อพวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้นั้น

 

เพียงแค่การมีตัวตนของธิดาเทพเซียนซูเยวี่ยก็เพียงพอที่จะกลับขั้วพลังอำนาจในโลกนี้ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนอื่นที่มีพลังอำนาจคล้ายคลึงกัน

 

เจ้าสถาบันหญิงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้ามิได้คิดไกลเช่นนั้น แต่ข้าก็ไม่ปฏิเสธว่าความเป็นไปได้นี้มีอยู่”

 

“ท้ายที่สุด เป็นการดีที่พวกเราไม่ไปล่วงเกินพวกเขา แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยที่พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีพลังอำนาจกล้าแกร่ง พวกเรามิอาจที่จะทำการเสี่ยง มิฉะนั้นรากฐานนับพันปีอาจจะล้มลงเพียงชั่วข้ามคืน”

 

"!!!"

 

ผู้อาวุโสต่างพากันพยักหน้าอย่างขยันขันแข็ง ไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาโง่เกินที่จะทำการเสี่ยงเช่นนั้น

 

“นับแต่นี้ต่อไป พวกเราควรตั้งใจในการเตรียมวัตถุดิบในรายการนี้ซึ่งเขาจะได้จากไปโดยเร็วที่สุด”

 

เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันพยักหน้าเห็นพ้อง

 

-

 

-

 

-

 

“นี่คือห้องบรรยาย ผู้อาวุโสจะมาที่นี่อาทิตย์ละครั้งเพื่อที่จะบรรยายให้กับเหล่าศิษย์ซึ่งพวกเขาจะได้เปิดหูเปิดตา”

 

ผู้อาวุโสเติ้งชี้ไปยังพื้นที่กว้างเบื้องหน้าพวกเขา ในตอนนี้ห้องบรรยายคลาคล่ำไปด้วยบรรดาศิษย์หลายร้อยโดยมีผู้อาวุโสคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า เขานั่งอยู่หน้าเตาหลอมขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่ากำลังดำเนินการปรุงยา

 

เปรียบเทียบกับห้องบรรยายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่ปกติว่างเปล่า ซึ่งยากจะมีผู้อาวุโสเข้าไปบรรยาย บรรยากาศในสถานที่แห่งนี้แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

 

ซูหยางหยุดเดินเพื่อมองไปยังห้องบรรยายจากระยะห่าง หรือให้เฉพาะเจาะจง เตาหลอม

 

“เจ้ามีความสนใจในยาที่เขาปรุงรึ” ผู้อาวุโสเติ้งถามหลังจากที่เห็นเขาจ้องมองไปยังห้องบรรยาย

 

“ยากระตุ้นวิญญาณขั้นสูง” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น

 

“ประทานโทษ” ผู้อาวุโสเติ้งมองดูเขาด้วยดวงตาที่มีแต่คำถาม

 

แต่ซูหยางไม่สนใจเขาและกล่าวต่อไปว่า “ตัดสินจากกลิ่น มันควรจะได้ออกมาโดยมีความบริสุทธิ์ประมาณ แปดสิบเปอร์เซนต์ อย่างมากที่สุดก็จะได้เป็นยาคุณภาพขั้นกลาง”

 

"..."

 

ถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสเติ้งได้แต่ยืนที่นั่นด้วยท่าทางโง่งม

 

“ข-ขออภัย...ข้าจักกลับมาโดยเร็ว”

 

หลังจากที่กล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็วิ่งไปยังห้องบรรยาย ปล่อยให้ซูหยางยืนอยู่ในที่ห่างไกลตรงนั้น

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด