มารดาปีศาจ ตอนที่ 6 ล่าอาหาร
การแสดงออกของจ้าวฉิงเปลี่ยนแปลงไป ในพริบตาสีหน้าของเธอก็ซีดขาวราวกับไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่ เธอไม่ต้องการให้ลูกของเธอกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กินเนื้อคน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุดลูกของเธอก็ถือกำเนิดขึ้น ทว่าการมาถึงของเขานี้กลับแตกต่างจากที่เธอคาดหวังไว้ ไร้ซึ่งการอุ้มชูและกำลังใจจากครอบครัว เธอคลอดลูกคนนี้เองเพียงลำพังที่โรงพยาบาล
แต่ถึงแม้ว่าลูกของเธอจะแตกต่างจากเด็กคนอื่นโดยสิ้นเชิง จ้าวฉิงก็ยังปรารถนาให้ลูกของเธอเติบโตอย่างมีความสุขและไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาด
ขณะที่ห้วงภวังค์ความคิดของจ้าวฉิงล่องลอยไปไกล ดวงตาของเสี่ยวเปาจื่อก็จดจ้องไปที่ส่วนหัวของศพ ไม่สามารถบอกกล่าวสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ออกมาได้ เขาจึงทำได้เพียงชี้ไปที่ศีรษะของศพอย่างไม่ลดละ “ข้างในนั้น…กลิ่นหอมมาก…”
จ้าวฉิงไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองควรทำอะไรต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนที่แน่วแน่เด็ดขาดอยู่เสมอ นี่ทำให้เธอสงบลงได้อย่างรวดเร็ว ชีวิตไร้ค่าพวกนี้ต้องเป็นสิ่งที่สวรรค์ซึ่งสมเพชเวทนาเธอ อนุญาตให้เธอตะเกียกตะกายออกมาจากนรกจัดการไปเสียเพื่อล้างแค้น ตอนนี้คนเดียวในโลกนี้ที่เธอใส่ใจก็คือลูกน้อยของเธอ ทำไมเธอจะต้องเป็นกังวลถึงขนาดนั้นด้วยล่ะ แม้ว่าลูกของเธอจะเป็นสัตว์ประหลาดกินคนก็เถอะ
ตอนนี้เธอและลูกยังนับเป็นคนปรกติอยู่อีกหรือ?
จ้าวฉิงมองไปที่เล็บเรียวยาวสีดำของเธอ ดวงตาของเธอก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนว่า “ลูกรัก หนูอยากกินอะไรเหรอ”
เสี่ยวเปาจื่อมีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง ชี้ตรงไปที่ศีรษะนั้นทันที “ข้างใน…ข้างใน…”
จ้าวฉิงมองไปยังตำแหน่งที่เสี่ยวเปาจื่อชี้ เล็บมือของเธอยืดยาวออก เธอค่อยๆ สอดนิ้วผ่านเข้าไปในกะโหลก จนพบกับวัตถุแข็งๆ ชิ้นหนึ่ง เมื่อสัมผัสวัตถุชิ้นนั้นได้เธอก็ดึงมันออกมา
นิ้วของเธอเต็มไปด้วยเลือด ตอนนี้เธอถือเศษผลึกสีแดงชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ เมื่อมองดูแล้ว มันมีขนาดพอๆ กับเล็บมือของเธอ ทั้งยังดูเงาวับและสวยงามมาก
ดวงตาของเสี่ยวเปาจื่อสว่างจ้าขึ้นมา “หม่าม้า กิน…อยากกิน”
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่ลูกชายของเธอต้องการกินไม่ใช่เนื้อมนุษย์แต่เป็นเศษผลึกนี่ จ้าวฉิงหายใจได้โล่งอก แม้ว่าเธอจะยอมรับให้ลูกของเธอล่ามนุษย์เพื่อเป็นอาหารได้ แต่แน่นอนว่ามันก็ยังเป็นปมในใจของเธออยู่ ทว่ายามนี้ได้ค้นพบว่าสิ่งที่ลูกชายของเธอต้องการจะกินนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้ตอนแรก หัวใจของเธอก็ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
เพราะกลัวว่าเศษผลึกจากสมองชิ้นนี้อาจจะทำให้ลูกชายของเธอปวดท้อง เธอรีบใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดมันจนเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยส่งมันให้กับเสี่ยวเปาจื่อ
หลังจากมอบเศษผลึกไว้ในมือของเสี่ยวเปาจื่อแล้ว จ้าวฉิงก็ไปค้นหาผลึกนี้ในซากศพอื่นๆ จากนั้นเธอจึงตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเศษผลึกในสมอง และผลึกนั้นก็ไม่ได้มีสีเดียวกันทั้งหมด
เธอคาดการณ์ว่าเฉพาะผู้มีพลังพิเศษเท่านั้นที่มีเศษผลึกในสมอง ถ้าหากเป็นคนที่มีพลังพิเศษแข็งแกร่งผลึกนั้นก็จะมีขนาดใหญ่ ในทางกลับกันถ้าพลังพิเศษอ่อนแอผลึกก็จะมีขนาดเล็ก พลังพิเศษที่ต่างกันก็จะทำให้ผลึกมีสีสันที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่นเจ้าของผลึกสีแดงก็คือคนที่ใช้บอลไฟ
พลังจากกินผลึกไปสองชิ้น เสี่ยวเปาจื่อก็อิ่ม ทำท่าเหมือนเด็กที่ถูกตามใจ เขานอนพักลงบนอกของจ้าวฉิง ขณะที่จ้าวฉิงกำลังเก็บเศษผลึกที่เหลือเข้าไปในมิติของเธอ เตรียมไว้เป็นเสบียงสำหรับเสี่ยวเปาจื่อในอนาคต
เสี่ยวเปาจื่อขอร้องแกมบังคับกับจ้าวฉิง "หม่าม้าก็ต้องกินเหมือนกันนะ!"
จ้าวฉิงมองเหม่อ เธอสามารถกินมันได้ด้วยหรือ? อันที่จริงแล้วขณะที่เสี่ยวเปาจื่อกำลังกินผลึกเหล่านี้ เธอที่ถือคริสคัลหนึ่งชิ้นไว้ในมือก็รู้สึกได้ถึงรูปแบบการดูดซับบางอย่าง ตอนแรกเธอไม่มีความคิดที่จะใช้เสบียงของเสี่ยวเปาจื่อ แต่เธอกลับสัมผัสได้อย่างบางเบาว่าถ้าเธอดูดซับเศษผลึกนี้ มันจะช่วยให้ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้น ซึ่งความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเธอนี้ก็จะเป็นข้อได้เปรียบ ที่ทำให้เธอสามารถล่าผู้มีพลังพิเศษให้เสี่ยวเปาจื่อได้มากขึ้น
หญิงสาวกำผลึกสีฟ้าไว้ในฝ่ามือ เธอหลับตาเพื่อดูดซับมัน เศษผลึกเริ่มเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนจางออกมา และละลายจมหายไปในฝ่ามือของเธอ เข้าสู่ร่างกายไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวฉิงไม่รู้ตัวเลยว่าสีแดงเข้มในดวงตาเธอค่อยๆ จางหายไป หญิงสาวเพียงแต่รู้สึกว่าความกราดเกรี้ยวอำมหิตในหัวใจของเธอเบาบางลง แก่นผลึกกลายเป็นขี้เถ้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสายลมพัดพลิ้วครั้งหนึ่ง เถ้าเหล่านั้นก็กระจายตัวหายไปในพริบตา
จ้าวฉิงกำหมัดแล้วต่อยออกไป เป็นไปตามคาด หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของเธอแข็งแร่งขึ้น
จ้าวฉิงมองเมินไปราวกับว่าไม่มีซากศพอยู่ที่พื้น หญิงสาวอุ้มเสี่ยวเปาจื่อลงมาที่ชั้นล่าง รถ SUV ที่พวกผู้มีพลังพิเศษขับมายังคงจอดอยู่ที่ชั้นล่าง เหมาะสมที่จ้าวฉิงและเสี่ยวเปาจื่อจะใช้เป็นยานพาหนะ
ถึงอย่างไร หากใครใช้เพียงการเดินเท้าจากเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่ง คนๆ นั้นคงต้องเหน็ดเหนื่อยแทบตายแล้ว จ้าวฉิงก้าวขึ้นรถ SUV มองไปที่มาตรวัดน้ำมัน หญิงสาวเห็นว่าน้ำมันถูกใช้ไปพอสมควร ที่เบาะด้านหลังมีถังน้ำมันเปล่าวางอยู่หลายใบ นี่แสดงว่าพวกมันคงเตรียมจะเดินทางไปที่ปั๊มน้ำมันตอนขากลับเพื่อเอาเชื้อเพลิง
สำหรับคนทั่วไปแล้ว การเดินทางผ่านเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่สำหรับจ้าวฉิง มันเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก หญิงสาวพาเสี่ยวเปาจื่อตรงไปที่ปั๊มน้ำมัน เติมน้ำมันจนเต็มถังน้ำมันในตัวรถ ทั้งยังเติมถังเปล่าหลายใบนั้นจนเต็มปรี่ เตรียมพร้อมออกเดินทาง
แต่ขณะที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถ เธอก็ได้ยินเสียงฉีกกระชากอะไรบางอย่างดังมาจากหัวมุม เธอชะโงกหน้าไปมองหาต้นเสียง กลายเป็นว่ามีซอมบี้บางส่วนกำลังรวมกลุ่มกัน
เธอไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างซอมบี้ด้วยกันมาก่อน เป็นไปได้หรือไม่ว่ายังมีซอมบี้บางประเภทที่มองซอมบี้ชนิดอื่นเป็นเหยื่อ?
รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จ้าวฉิงไม่ได้ก้าวขึ้นรถ เธอกลับยืนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลังจากสังเกตดูได้สักพัก ดูเหมือนกับว่าท่ามกลางฝูงซอมบี้นั้น จะมีซอมบี้เพียงตัวเดียวที่กำลังเข่นฆ่าซอมบี้ตัวอื่น
ที่บนพื้น มีกะโหลกของซอมบี้ที่ถูกฉีกกระชากออกกระจัดกระจายอยู่ ในที่สุดซอมบี้สองสามตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ยังถูกซอมบี้ตัวนั้นจัดการ ทันใดนั้นเจ้าซอมบี้ประหลาดก็ขุดคุ้ยเข้าไปในกะโหลกของซอมบี้ที่มันเพิ่งฆ่าทิ้งไปทันที
เป็นไปได้หรือไม่ว่าซอมบี้เองก็มีผลึกนั่นอยู่ในหัว?
ความสนใจของจ้าวฉิงถูกกระตุ้นขึ้นมา หญิงสาวค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไป พยายามจะเข้าใกล้ให้ได้มากกว่านี้ แต่ในพริบตาซอมบี้ที่แปลกประหลาดตัวนั้นก็หันหน้ามามองเธอทันที เขาใช้สายตาสีเขียวจ้องมองมาที่จ้าวฉิง ท่าทางดูระแวดระวังอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าซอมบี้ตัวนี้ฉลาดและรอบคอบกว่าซอมบี้ตัวอื่น ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่อาจค้นพบสิ่งที่อยู่ในสมองของซอมบี้ได้ และเริ่มจัดการซอมบี้ตัวอื่นเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าจ้าวฉิงไม่ได้เข้ามาใกล้ เขาก็ยังคงไม่ผ่อนคลายลง เขากลับรีบควานหาในสมองซอมบี้ หลังจากที่เจอผลึกสีเทาสองสามชิ้น เจ้าตัวนั้นก็ล่าถอยไปอย่างช้าๆ ขณะที่จ้องมายังจ้าวฉิงอย่างไม่ละสายตา
จ้าวฉิงจะปล่อยให้เขาหนีไปเช่นนั้นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ ยามที่ซอมบี้ตัวนั้นต่อสู้กับซอมบี้ตัวอื่นๆ เธอก็ได้ประเมินความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเคลื่อนไหวทันที เธอคาดว่าซอมบี้ที่ระดับสูงเช่นนั้นสมควรจะมีเศษผลึกขนาดใหญ่ ดังนั้นผลึกจากซอมบี้พวกนี้ย่อมต้องเพียงพอจะเลี้ยงเธอและลูกให้อิ่มไปได้ทั้งมื้อ เธอจะปล่อยเหยื่อที่แสนง่ายดายเช่นนี้ไปได้อย่างไร
นี่ก็คือเหตุผลที่จ้าวฉิงรีบเคลื่อนไหว ใช้ข้อได้เปรียบจากยามที่ซอมบี้ตัวนั้นกำลังจะหมุนตัวกลับและจากไป หญิงสาวทะยานไปข้างหน้าทันที ทว่าซอมบี้ตัวนี้ก็มีความว่องไวและคล่องตัวมากกว่าซอมบี้ตัวอื่น ทันทีที่เขาได้ยินเสียง โดยไม่แม้แต่จะหันมามองจ้าวฉิง เขาก็เริ่มวิ่งหนีไป พยายามจะเสาะหาที่ซ่อนเพื่อกินผลึกเหล่านั้น
จ้าวฉิงไม่คาดคิดว่ามันจะวิ่งหนีไปอย่างกะทันหัน นี่ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองลูกน้อยที่อยู่ในรถ จากนั้นก็ล้มเลิกที่จะไล่ตาม
ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย หญิงสาวก้าวกลับขึ้นรถและออกเดินทางจากไปพร้อมกับลูกของเธอ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีจ้าวฉิงก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกแอบจับตามองอยู่ หญิงสาวปรายตามองที่กระจกหลัง เธอค้นพบว่าซอมบี้ประหลาดตัวนั้นกำลังวิ่งไล่ตามมาทางด้านหลังรถโดยไม่คาดคิด!