บทที่ 205 - เห็นฉันไหมล่ะ? (6) [22-09-2019]
บทที่ 205 - เห็นฉันไหมล่ะ? (6)”
จิตวิญญาณดวงใหม่นี้ที่ยูอิลฮานได้รับมาก็ยังน่ารำคาญมากด้วย
[นายฆ่าฉันโดยที่ไม่คิดจะแยกแยะว่าเป็นมิตรหรือศัตรูได้ยังไงกัน หา!?]
"แล้วถ้างั้นเธอมีความคิดที่จะเป็นมิตรกับคนอื่นไหมล่ะ?"
[ฉันจะฆ่าให้หมดนั่นแหละ]
เรื่องนี้มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เกิดขึ้นมาเองบนโลกใบนี้จะเป็นมิตรกับเขา ในเมื่อโลกนี้คือโลกที่ทุกๆสิ่งที่กำเนิดขึ้นมาต่างก็มีเจตนาร้ายกับยูอิลฮาน ยูอิลฮานได้เผชิญหน้ากับจิตวิญญาณที่ไม่ได้โกหกและถอนหายใจพูดออกมา
"แยะแยกเรียบร้อย เธอเป็นศัตรู"
[นายมาเช็คหลังจากฆ่าไปแล้วได้ยังไงกัน!]
"ในสงครามเราจะฆ่าทุกๆอย่างที่เจอก่อนเสมอ แล้วก็ชีวิตของฉันน่ะคือสงครามอยู่เสมอ"
[อิลฮานเท่มาก...]
[เท่!? เท่ตรงไหนล่ะนั่น!?]
เสียงของจิตวิญญาณฟังดูโมหามากๆ นี่มันไม่น่าแปลกใจเลยเนื่องจากว่าเธอได้ตายไปก่อนที่จะได้ทำอะไรซะอีกทั้งๆที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาในฐานะสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด พูดให้ชัดเลยก็คือเขามั่นใจว่าเขาจะไม่หวั่นไหวไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงก็ตาม
เธอคือศัตรู เหตุผลที่เขาพูดได้อย่างสบายใจกับเธอในตอนนี้ก็เพราะว่าเขาได้ฆ่าเธอทำให้เธอกลายมาเป็นจิตวิญญาณ แต่หากว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ถ้างั้นก็คงไม่มีเวลาให้มาคุยแบบนี้แน่
[ขี้ขลาด นายมาแอบโจมตีฆ่าฉันได้ยังไงกัน!!!]
"ฮ่าๆ หมาขี้แพ้กำลังหอนล่ะ"
ยูอิลฮานก็ยังเอกลักษณ์ของคนไม่เข้าสังคมทำให้เขายั่วโมโหคนอื่นได้เป็นอย่างดี
[อ๊าาา นายด่าฉันว่าหมาขี้แพ้งั้นหรอ ไม่มีโอกาสสู้เลยด้วยซ้ำ]
"ฉันบอกแล้วไงว่าชีวิตคือสงคราม ทำไมเธอไม่เตรียมตัวไว้นับตั้งแต่เกิดล่ะ? อ่อ เธอมองผ่านการซ่อนตัวของฉันไม่ได้สินะ"
[อ๊ากกกกกกก!]
[อิลฮาน นายนี่น่ากลัว...]
ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังคิดหาวิธีรีดข้อมูลจากจิตวิญญาณที่น่ารำคาญดวงนี้ เธอก็ได้ตะโกนต่อออกมา
[แต่คนขี้ขลาดก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี! ระหว่างฉันกำลังสูดหายใจหลังจากเกิดขึ้นมาก็มีลำแสงเจาะร่างฉันแล้ว แล้วก็ขนาดฉันฝืนทนไว้ได้ก็ยังมีปราสาทยักษ์ตกมาทับฉันอีก! นี่แหละคือเหตุผลที่โลกใบนี้พยายามจะฆ่านาย!]
"การเชี่ยวชาญสกิลสั่งสมความตายนี้ก็น่ารำคาญเหมือนกันแหะ อยู่ๆฉันก็ได้รับจิตวิญญาณแปลๆมาทั้งๆที่ไม่มีสิทธิเลือก"
ยูอิลฮานได้ให้ป้อมปราการลอยตัวขึ้นและพึมพัมเบาๆ แน่นอนว่าเขาก็พูดเล่นไปเท่านั้น ตัวเธอคือจิตวิญญาณที่มีประโยชน์แน่นอน ไม่ใช่แค่เป็นจิตวิญญาณคลาส 5 ที่มีสติปัญญาเท่านั้น แต่ในตอนที่เธอเกิดขึ้นมาจากบันทึกของโลกมันก็เป็นไปได้แน่ที่เธอจะมีข้อมูลหลายๆอย่างที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน
[กรอดดด น่าผิดหวังจริงๆให้ตายสิ!] (โอโรจิ)
"ไม่เป็นไรโอโรจิ นายทำดีที่สุดแล้ว"
หากเป็นจิตวิญญาณปกติอื่นๆเขาก็คงจะยืมพลังโอโรจิไปสอบปากคำ แต่ว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตคลาส 5 - เธอไม่ใช่คนที่โอโรจิในตอนนี้จะทำอะไรได้เลย วิธีที่ทำได้ในตอนนี้คือการเจรจาอย่างสันติ
จากคำพูดที่เธอพูดออกมาแม้ว่าเธอจะมีความรู้มากมาย แต่เธอก็ยังดูเหมือนเด็กที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะเธอเพิ่งจะเกิดขึ้นมา
[ไม่ว่ายังไงเถอะปล่อยฉันนะ! ฉันยังมีร่างกายอยู่แล้ววิญญาณของฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย]
"ฉันเสียใจด้วยนะแต่ในตอนนี้วิญญาณของเธอน่ะได้ไปที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว ที่อยู่ที่นี่น่ะมีแค่เศษเสี้ยงวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้นแหละ"
[อะไรน่ะ...!?]
โอ้? เธอกำลังจะคิดทบทวนย้อนหลังงั้นหรอ? เรื่องของชีวิตและความตายเป็นเรื่องยากสำหรับทุกๆชีวิตเสมอ สำหรับเธอแล้วการจะยอมรับมันทั้งๆที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมามันเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับเธอมาก
[อิลฮาน นายกำลังทำอะไรกับคนที่เพิ่งเกิดนั่น]
"อ่อ เธอเป็นศัตรูน่ะ"
[โอ้ จริงด้วย เห็นนายทำตัวสบายๆฉันก็เลยลืมไปเลย]
ยูอิลฮานได้หันไปตรวจสอบดูบาเรียของป้อมปราการลอยฟ้าระหว่างที่รอคำตอบ และในที่สุดจิตวิญญาณก็ได้พูดออกมาหลังจากเงียบไปครุ่นคิดถึงตัวตนของเธอในตอนนี้
[ถะ ถ้างั้น...]
"ถ้างั้น?"
[ถ้างั้นมันก็เหมือนกับว่าฉันได้เกิดใหม่อีกครั้เพราะนายงั้นน่ะสิ?]
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะยอมรับมันและมองในแง่ดีแบบนี้
[นายนี่น่าทึ่งมากเลย! อืม จริงด้วย ในตอนที่ฉันเกิดขึ่้นมาฉันก็มีแต่ความคิดเรื่องการฆ่ามนุษย์ทั้งหมดบนโลก แต่ในตอนนี้แล้วกระบวนการคิดของฉันค่อนข้างจะอิสระเลยล่ะ! ที่เปนแบบนี้มันก็เพราะฉันได้เกิดใหม่อีกรอบแน่ๆ!]
"อืม นั่นแหละ ฉันค่อนข้างทึ่งเลย"
[ใช่แล้ว ฉันไม่ได้ตาย ฉันเกิดใหม่ต่างหาก!]
การเปลื่ยนแปลงความคิดของจิตวิญญาณตนนี้เร็วจนน่าทึ่ง แม้แต่ยูอิลฮานก็ยังไม่มองโลกในแง่ดีแบบเธอ
ยังไงก็ตามในเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะยอมรับความจริงและคิดในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นสำหรับเธอหรือสำหรับยูอิลฮานนี่ก็มีแต่จำทำให้เธอก้าวไปต่อได้
และอย่างที่เขาคิดเอาไว้เมื่อเธอได้ละทิ้งความคิดด้านลบไปแล้ว เธอก็ได้คิดได้กว้างมากขึ้น
[แต่ว่าสำหรับฉันแล้วนี่มันอึดอัดอะ ฉันไม่ยอมความรู้สึกที่ติดอยู่ในที่มืดแบบนี้เลย ให้ฉันมีร่างกายเหมือนกับงูนั่นหน่อยสิ]
[กรรรรร ข้าไม่ใช่งู ข้าคือยามาตะ โนะ โอโรจิ]
"หืมมม"
[ร่างกายของฉันยังสมบูรณ์อยู่ใช่ไหม? ถ้าเป็นนาย นายจะย้ายร่างฉันกลับไปได้แน่!]
"ฉันเสียใจด้วยนะ แต่นั่นมันไม่ง่ายแบบนั้นสิ"
ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ว่ามันน่าเสียดายจริงๆและเขาได้เอาศพของเธอออกมา 'ร่างกาย' ที่ถูกลำแสงเจาะหน้าอกและถูกกระแทกด้วยป้อมปราการลอยฟ้าได้ทำให้คนเห็นยังต้องสงสัยว่านี่ยังจะนับว่าเป็นร่างกายอยู่อีกไหม
[...]
จิตวิญญาณได้ทรุดลงกับความจริงที่โหดร้ายตรงหน้า หลังจากได้เห็นสภาพศพนี้เลียร่าก็ได้พูดออกมา
[บางทีหากโอเกอร์กินมนุษย์ลงไปแล้วคายก็มาก็น่าจะเป็นแบบนี้แหละ]
[ฮือออออออออออออออ!]
จิตวิญญาณได้ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา นี่คือการร้อยจริงๆไม่ใช่การหลอกที่คิดจะทำให้ยูอิลฮานลังเลก่อนหน้านี้
[ร่างสวยๆของฉันมันเหลวไปแล้ว! ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ร่างของฉันในตอนนี้แต่มันก็! ฮืออออออออออออออออ]
ยูอิลฮานได้มองไปที่เลียร่าราวกับว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ทำให้ร่างเป็นแบบนี้ก็ตาม จากนั้นเขาก็พูดอย่างสงบกับจิตวิญญาณที่กำลังร้องลั่นในหัวขอเขา
"ยังไงก็ตาม ฉันให้ร่างกายที่ต่างจากร่างนี้กับเธอได้นะ"
[...ร่างกายที่ต่างจากร่างนี้?]
ในวินาทีที่เธอได้ยินเสียงของเขา เสียงของเธอก็ลอยขึ้นมาทันทีราวกับว่าเธอไม่เคยร้องมาก่อน สำเร็จ - ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาหลังจากเขามั่นใจในเรื่องนี้
"เธอก็น่าจะรู้นะว่าทุกๆอย่างในโลกใบนี้น่ะมันอยู่ในรูปแบบของการแลกเปลื่ยนนะ"
[แต่นายเป็นคนฆ่าฉันนะ! ไม่สิ นายแยกเอาสตินึกขึ้นของวิญญาณฉันออกมาต่างหาก!]
"ถ้าเธอไม่อยากแลกเปลื่ยนกันงั้นเธอจะอยู่แบบนี้ก็ได้นะ ไว้เดี๋ยวฉันจะกลับมาหาอีกรอบหลังจากทำให้โอโรจิพัฒนาขึ้น ตอนนั้นฉันก็จะพูดแบบตอนนี้แหละแต่เงื่อนไขน่ะอาจจะไม่ดีเท่าตอนนี้แล้วนะ"
[อ๊า...!]
ยูอิลฮานไม่จำเป็นต้องยั่วยุเธออีกต่อไปแล้ว สติปัญญาของเธอแจ่มชัดมากพอที่เธอจะตัดสินใจได้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เธอเสียเปรียบมากเกินกว่าจะเล่นตัวได้
ยิ่งไปกว่านั้นมื่อเธอคิดไปถึงความตายของเธอในฐานะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงและที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ต่างไปจากเดิมแล้วด้วยทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมตอบกลับยูอิลฮานแต่โดยดี
[ฉัน ช่วยไม่ได้แหะ... แล้วงั้นเงื่อนไขคืออะไรล่ะ?]
"ง่ายมากเลย เธอก็แค่ต้องกลายมาเป็นลูกน้องที่มีฉันปกครอง นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่เราทั้งคู่จะเชื่อใจกันได้"
[อ่อ แบบเจ้างูสินะ...?]
[ข้าไม่ใช่งู!]
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมากับการทะเลาะของทั้งสองคน ถึงแม้จะน่าเศร้าที่เขาไม่ได้หินพลังเวทย์คลาส 5 มาจากร่างของเธอ แต่ดูๆไปแล้วเขาก็โชคดีอยู่เหมือนกัน
[????? ได้กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ]
[อ่าา นี่มันไม่สบายใจเลยแหะ ฉันรู้สึกได้เลยถึงการเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตอื่น]
"ทนหน่อยน่า มันไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกอึดอัด"
แม้ว่าเธอจะเป็นแค่จิตวิญญาณเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งของเธอก็คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูง การรับเธอมาเป็นลูกน้องของเขามันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
เขายังไม่ได้เชี่ยวชาญสกิลปกครองเลยอีกด้วย หรือต่อให้เขาเชี่ยวชาญสกิลการปกครองมันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี แต่ด้วยความสามารถของยมทูตที่ช่วยเขา บวกกับเธอได้ให้ความร่วมมือแต่โดยดีทำให้เขาทำได้สำเร็จอย่างปลอกภัย และเป็นเรื่องปกติที่สกิลของเขาจะยกระดับขึ้นอย่างมาก!
[สกิลปกครองได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 97 การยอมรับสิ่งมีชีวิตที่มีเลเวลได้ง่ายยิ่งขึ้น ความเร็วในการพัฒนาของผู้อยู่ใต้การปกครองจะเพิ่มขึ้น และคุณจะได้รับความภักดีจากพวกเขาโดยธรรมชาติ คุณยังสามารถจะฝืนบังคับศัตรูได้เล็กน้อยอีกด้วย แต่จะใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตที่ระดับต่างกับคุณมากๆเท่านั้น]
"หืม สกิลนี่เริ่มน่ากลัวแล้วเหมือนกันแหะ การบังคับนี่มันกวนใจฉันแหะ...."
หากเขาสามารถจะบังคังใครคนใดคนหนึ่งได้นั่นมันก็หมายความว่าใครคนที่แข็งแกร่งกว่าเขามากๆก็สามารถทำแบบเดียวกันกับเขาได้ ยูอิลฮานก็เป็นกังวลในเรื่องนี้ แต่แล้วเลียร่าก็ตอบเขาราวกับจะบอกให้เขาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น
[เมื่อไหร่ที่มีช่องว่างความห่างชั้นกันมันเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้คนอื่นฝืนยอมรับโดยไม่ต้องมีสกิลปกครองเลยด้วยซ้ำ นายไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนี้เลย สิ่งที่มันสำคัญไปกว่านั้นกคือความเร็วในการเพิ่มเลเวลสกิลปกครองของนายต่างหาก]
"หืม นั่นก็จริงแหะ แต่ฉันกำลังคิดว่ามันจะส่งผลกับจิตใจของศัตรูยังไงเนี้ยสิ..."
[ชู่วว ข้อมูลมีน้อยมาก มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะยกระดับเลเวลสกิลปกครองได้มากเท่านาย!]
สกิลปกครองเป็นสกิลที่ได้มายากมากๆและมันยิ่งยากที่จะเพิ่มเลเวลขึ้นไปอีก ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่เพียงแต่ได้สกิลนี้จากเควสสวรรค์เท่านั้น แต่เขาก็ยังใช้การทำให้เอลฟ์และกระทั่งมาเป็นลูกน้องเพื่อทำให้สกิลพัฒนาขึ้น...
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการพัฒนาของลูกน้องของเขาที่อยู่ในที่ที่เขาไม่รู้จักกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเข้ามาอีกยิ่งทำให้เลเวลพุ่งพรวดไปถึง 97
[อ๊า นี่มันไม่สบายใจเลย ถึงฉันจะอยากเกลียดนายท่านก็ทำไม่ได้! เอ๋ ฉันเรียกเขาว่านายท่าน ไม่ถูกสิ ทำไมฉันถึงเรียกว่าเขาว่านายท่านกันล่ะ?]
"เธอพูดอะไรของเธอน่ะ"
[ฉันเรียกนายท่านว่านายท่านได้ยังไงกัน!?]
ดูเหมอนว่ารูปแบบคำพูดของลูกน้องเขาก็ยังได้รับผลกระทบจากเลเวลสกิลที่เพิ่มขึ้นไปด้วย ยูอิลฮานได้รูสึกกลัวสกิลของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นเนื่องจากเขาไม่ได้เป็นอะไรเขาก็เลยคิดว่ามันโอโค
"เอาเถอะ ถ้าฉันแข็งแกร่งเร็วขึ้นมันก็ดีแล้ว"
[แค่ในตอนนายซุ่มโจมตีฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมาได้นายก็ก้าวหน้ามากแล้ว]
[นายท่าน ร่างกาย! ร่างกายของฉันอยู่ไหนล่ะ?]
จิตวิญญาณที่เพิ่งจะทำพันธะสัญญาเสร็จได้ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง ยูอิลฮานได้หยุดคิดเรื่องสกิลเขาไว้แค่นี้และตอบเธอกลับไป
"ก่อนอื่นมาตั้งชื่อให้เธอกันก่อน มีบางเรื่องที่ฉันอยากจะถามเธอด้วย"
[ถึงฉันจะอยากได้ร่างกาย แต่ฉันคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก... ชื่อฉันคืออะไรล่ะ]
"เอาล่ะถ้างั้นเอาเป็นมิสทิคเป็นไงล่ะ"
[...มิสทิคที่แปลว่าลึกลับน่ะหรอ? ฉันชอบมัน! นายท่านดีมากเลยนะเนี้ย!]
"หืม"
จริงๆแล้วที่เขาจะบอกก็คือชื่อที่เป็นคำส่วนหนึ่งของคำว่า 'optimistic' ที่แปลว่ามองโลกในแง่ดี แต่ว่าเธอกลับได้ยินเป็นคำว่า ‘mystic’ ที่แปลว่าลึกลับซะได้ แต่ในเมื่อเธอชอบมัน ยูอิลฮานก็เลยตัดสินใจไม่พูดถึงเรื่องนี้
[แล้วนายท่านอยากจะถามอะไรล่ะ?]
"สภาพปัจจุบันองโลก เธอพูดเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ? เธอคิดที่จะฆ่าฉันนับตั้งแต่เกิดมา ถ้ามันเป็นสัญชาตญาณของมอนสเตอร์ก็ดี แต่จากที่ฉันได้คุยกับเธอแล้วดูท่ามันจะไม่ใช่แบบนั้น"
[ฉันไม่ใช่มอนสเตอร์!]
"นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันถามเธอไงมิสทิค"
ยูอิลฮานได้ลดเสียงของเขาลงมา บางทีนี่ก็คือวินาทีที่สำคัญที่สุดหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3
"ฉันมีคำถามเยอะเลยนะ แต่ว่าฉันขอถามเรื่องนี้ก่อนเลย เธอ... เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ยังไงกัน?"
[นั่นมัน...]
มิสทิคลังเลอยู่แวบหนึ่งแต่ไม่นานเธอก็ตอบกลับมา
[อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก้อนแห่งบันทึกขนาดใหญ่ก่อนที่จะเกิดมาก็ได้]
"หืม?"
ยูอิลฮานไม่อาจจะเข้าใจได้ในทันทีและถามกลับไป แต่เลียร่าเข้าใจในคำพูดของเธอได้ในทันที
[ถ้างั้นแสดงว่าเธอไม่ได้เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเองโดยธรรมชาติสินะ?]
"ใช่แล้ว"
มิสทิคได้ยอมรับออกมา
[ฉันเกิดขึ้นมาจากการช่วยของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นที่แบ่งบันทึกของตัวเองออกมาพร้อมคำสั่งให้ฆ่านายท่าน]
"..."
ในจุดนี้ยูอิลฮานได้เข้าใจในคำพูดของเธอแล้ว
มันดูเหมือนว่าในโลกตอนนี้จะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่อีกนอกจากเธอคนนี้