บทที่ 104 พลังฉีหนาแน่น
บทที่ 104
พลังฉีหนาแน่น
ใจกลางเมืองชวูเซี่ยเป็นห้องโถงใหญ่ของเทศมนตรี
ก่อนคลื่นสัตว์ปีศาจ ต้องมาลงทะเบียนที่โถงของเทศมนตรี หากไม่ ภารกิจก็จะไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์
เข้าสู่ห้องโถงใหญ่ หลี่ฟู่เฉินเห็นศิษย์ชั้นในหลายคนกำลังลงทะเบียน
ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นผู้อาวุโสชั้นนอกที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินด้วยเช่นกัน
นอกจากการได้รับคะแนนตามตำแหน่งผู้อาวุโสชั้นนอก พวกเขาก็สามารถทำภารกิจนิกายได้เช่นเดียวกับศิษย์ชั้นใน เพื่อรับคะแนนสะสมได้เช่นกัน
ภารกิจระดับอาวุโสนั้นหายาก ผู้อาวุโสชั้นนอกทุกคนแทบไม่สามารถมีโอกาสนี้ และสำหรับวิธีการจัดเรียงลำดับภารกิจ หลี่ฟู่เฉินไม่แน่ใจ
หลังจากลงทะเบียนแล้ว หลี่ฟู่เฉินได้รับยันต์ช่วยเหลือ
ในช่วงคลื่นสัตว์ปีศาจ เหล่าศิษย์นิกายชั้นในต้องออกไปฆ่าสัตว์ปีศาจ พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองเพื่อรอรับรางวัลใดๆ ทั้งนั้น
หากใครในพวกเขาต้องเผชิญกับอันตราย พวกเขาสามารถฉีกยันต์ช่วยเหลือได้และผู้อาวุโสชั้นนอกจะไปช่วยเหลือพวกเขา
หลังจากการใช้ยันต์ช่วยเหลือ ในครั้งต่อไปจะไม่มีการช่วยเหลือใดๆ อีก คนๆ นั้นจะต้องพึ่งความสามารถในการเอาตัวรอดของตัวเองเท่านั้น
“เฉินชิเจี๋ย ใครจะรู้ว่าผู้คนมากมายจะรับภารกิจนี้มา มีศิษย์นิกายชั้นในอย่างน้อยสองร้อยถึงสามร้อยคนที่นี่!”
“การต้านทานคลื่นปีศาจนับว่าเป็นอันตรายยิ่ง แต่มันกลับให้คะแนนสะสมจำนวนมากเป็นค่าตอบแทน หากโชคดี คนเหล่านั้นอาจจะได้รับแก่นสัตว์ปีศาจระดับ 2 มาครอบครอง และนั้นก็ถือว่าเป็นโชคลาภเล็กๆ ที่เหินลอยมาตามสายลมแล้ว และชิเจี๋ยของเจ้า ข้า อยู่ตรงนี้ก็เพื่อแก่นปีศาจ”
ในขณะที่หลี่ฟูเฉินกำลังจะออกจากห้องโถงใหญ่ ผู้หญิงสองคนก็เดินเข้ามา
ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นและจดจำกันได้
หญิงทั้งสองคนคือดาบสะพรั้ง เฉินฟางหัว และจ้าวหมิ๋งเยวี่ย
ดาบสะพรั้ง เฉินฟางหัว อยู่ระดับที่แปดของขอบเขตต้นกำเนิด ปีนี้อายุ 23 ปี เธอเป็นย่อมต้องเป็นศิษย์หลักในอนาคตอย่างแน่นอน เนื่องจากเธอยังมีเวลา 12 ปีก่อนที่จะอายุ 35
จ้าวหมิ๋งเยวี่ย ลูกสาวคนโตของผู้อาวุโสชั้นใน อยู่ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด
“หลี่ฟู่เฉิน นี้ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ” จ้างหมิ๋งเยวี่ยจ้อมมองอย่างมึนงง ด้วยผิวพรรณที่เปล่งปลั่งไปด้วยสีแดงสด เธอดูราวกับรูปปั้นหยก เธอเป็นบางอย่างที่ไร้ตำหนิติเตียนใดๆ ในช่วงเวลาที่เป็นศิษย์ชั้นนอก เธอได้ถือครองสมยานามสี่สาวที่งดงาม หลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์ชั้นใน ระดับชั้นความงดงามและสง่างามของเธอยิ่งมายิ่งโดดเด่ยขึ้น
“แน่นอนนี้ย่อมนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญ” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด หลี่ชิตี๋ทำให้ข้าแปลกใจแล้ว” เฉินฟางหัวเป็นคนงามที่สุดในคนรุ่นเดียวกับเธอ เธอลอบประเมินหลี่ฟู่เฉินอย่างไม่รู้ตัว ต่อจากนั้นเธอก็กลายเป็นตกใจทันที
“ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สี่?”
อาศัยความรู้สึกจากพลังฉีที่ถูกเปล่งออกมา ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินมาถึงขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สี่แล้ว และเธอก็ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่อาจวัดได้ ราวกับสระน้ำลึก
“เจ้าซ่อนความลับอะไรไว้ในร่างกายของเจ้า? โครงกระดูกปกติไม่สมควรก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยสงสัยและถามอย่างตรงไปตรงมา
หลี่ฟู่เฉินลูบคางของเขา “เมื่อความลับถูกแพร่ออกไป มันก็คงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้มีความลับใดๆ มันเป็นเพียงแค่การรับรู้ของข้าก็เท่านั้น”
โดยธรรมชาติแล้วหลี่ฟู่เฉินย่อมไม่เปิดเผยความลับของตัวเอง
จ้าวหมิ๋งเยวี่ยตอบกลับ “ลืมมันไปเถอะ หากเจ้าไม่ต้องการพูด ข้าเดาว่าเจ้าเองก็คงไม่ต้องการเปิดเผยมันเช่นกัน”
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าล่าช้า เหมือนกับว่าข้าคงต้องออกไปแล้ว” หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการขยายบทสนทนานี้และก้าวออกจากห้องโถงใหญ่
เฉินฟางหัวมองไปยังด้านหลังของหลี่ฟู่เฉินขณะที่เขาจากไป จากนั้นก็ยิ้มให้จ้าวหมิ๋งเยวี่ย “ศิษย์น้อยผู้นี้นับว่าแปลก ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาจะขอเข้าร่วมกลุ่มพวกเขา แต่เขาผู้นี้ปฏิบัติกับพวกเขาแบบไม่นับว่าเป็นไรได้จริงๆ”
“เฉินชิเจี๋ย ท่านสามารถคาดการณ์ได้ไหมว่าหลี่ฟู่เฉินจะสามารถบรรลุไปถึงขอบเขตไหน?” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยถาม
เฉิงฟางหัวส่ายหัว “นั้นค่อนข้างยาก ขึ้นอยู่กับโครงกระดูกของเขา ขีดจำกัดของเขาจะอยู่ที่ขอบเขตปฐพี แม้ว่าสวรรค์ที่เข้าทลายชะตากรรม มากสุดของเขาก็จะไปอยู่ที่ขอบเขตสวรรค์ แต่…”
“แต่?”
“ตามที่เจ้ากล่าวเล่ามา หากเขามีความลับในร่างกายของเขาจริงๆ นั้นก็คงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก ข้ารู้ว่ามาเขาเอาชนะเจ้าได้และยังมีหวูเหวินเทียนชิตี๋”
จ้างหมิ๋งเยวี่ยบุ๋ยปาก ลูกตาสีดำขลิบของเธอกรอกไปมาเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หัวเราะ “เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หากเขาสามารถบุกเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อนอายุ 25 ปี ในอนาคตเขาอาจจะทำได้ดีกว่าหยูเหวินเทียน”
“อาจเป็นไปได้” เฉิงฟางหัวไม่ปฏิเสธ
หลี่ฟู่เฉินเป็นตัวตนที่พิเศษ ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตของเขาได้
***
“แน่นอนว่ามีศิษย์ชั้นในหลายคน”
ถนนท่วมไปด้วยเหล่าศิษย์ชั้นใน
เกือบทุกคนในหมู่พวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับทที่ห้า แทบไม่มีผู้ใดที่อยู่ต่ำกว่าระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิด
คลื่น!
ขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างเงาขนาดใหญ่ผ่านเข้ามา เสียงที่น่ากลัวนี้ได้ยินกว้างไกลออกไปถึง 10 ไมล์
ทุกคนบนถนนตกใจและคิดว่าคลื่นปีศาจกำลังจะมาถึงแล้ว บางทีคลื่นสัตว์ปีศาจก่อนหน้านี้แจเริ่มต้นด้วยการโจมตีจากสัตว์ปีศาจทางอากาศอยู่ตลอด
หลี่ฟู่เฉินได้ยินเสียงและไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่เงยหน้าขึ้นมอง
ด้วยสายตาที่โดดเด่นของเขา หลี่ฟู่เฉินเห็นสัตว์ปีศาจขนาดยักษ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าห่างออกไปหลายร้อยเมตร
ลำตัวยาวประมาณ 8 เมตร ขนเปล่งประกายไปด้วยโลหะ มันมีกรงเล็บยักษ์สีทองราวกับว่าถูกหล่อหลอมมาด้วยทองคำ มันมีลักษณะที่ผิดปกติคล้ายสัตว์ปีศาจ มันมีสองหัวและแต่ละหัวมีเขางอกออกมา
สัตว์ปีศาจเหินเวหาระดับ 3 ขั้นกลาง – นกยูนิคอร์นสองหัว(มันมาเป็นยูนิคอร์นเลยอะหมดกันความจีน)
“มันเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3” นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินได้เห็นสัตว์ปีศาจระดับ 3
สัตว์ปีศาจระดับ 3 นั้นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพี เนื่องจากคุณสมบัติอันทรงพลังและลักษณะที่ผิดปกติ ปกติแล้วมันย่อมอยู่ระดับกลาง จอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดจะถูกสังหารโดยนกยูนิคอร์นสองหัวทันที
นกยูนิคอร์นสองหัวไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีเมืองชวูเซี่ย มันเพียงแค่โฉบผ่านเมืองไปและในไม่ช้ามันก็กลายเป็นจุดดำเล็กๆ บนท้องฟ้าอันห่างไกล
‘เมืองชวูเซี่ยอันตรายยิ่งกว่าที่ข้าคิด!’ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อย
เมื่อคลื่นสัตว์ปีศาจมาถึง มันจะไม่ใช่แค่สัตว์ปีศาจระดับ 1 และ 2 แต่สัตว์ปีศาจระดับ 3 ก็จะปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวอยู่บ้างเช่นกัน
แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 1 และ 2 ที่โผล่ออกมา สำหรับสัตว์ปีศาจระดับ 3 ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่สามารถฆ่ามันได้ด้วยตัวเอง
หลังจากหาโรงแรม หลี่ฟู่เฉินก็ได้พักในห้องพัก
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน หลี่ฟู่เฉินจึงเริ่มต้นฝึกฝนเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับทันที
หลังจาก 2 ชั่วโมง หลี่ฟู่เฉินลืมตา “ไม่น่าแปลกใจที่สถานที่แห่งนี้เรียกว่าเมืองเลือดปีศาจ(ชวูเซี่ย) พลังงานจากสวรรค์และโลกที่นี่สูงกว่าที่อื่น 3 เท่า ไม่จำเป็นต้องใช้โอถสเสริมพลังฉี”
ความคืบหน้าของหลี่ฟู่เฉินรวดเร็วเกินไป และในบางครั้งจึงจำเป็นต้องใช้ยาเสริมพลังฉีเพื่อฝึกฝน มันคงไม่เพียงพอหากที่จะพึ่งพาเพียงแค่พลังสวรรค์และโลก
แต่เมื่อทำการบ่มเพาะที่เมืองชวูเซี่ย หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ยาพลังฉี พลังงานที่อุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมนี้นั้นมากเกินพอสำหรับความต้องการของเขา
“เม็ดยาพลังฉีเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก การบริโภคมันมากเกินไปจะส่งผลแย่มากกว่าดี อาจส่งผลกระทบต่อการก้าวหน้าสำหรับการบ่มเพาะ แต่การไม่กินยาใดๆ นั้นก็หมายความว่าไม่สามารถรักษาความเร็วในบ่มเพาะเอาไว้ได้ ทุกสิ่งต้องทำให้อยู่บรรทัดฐานของความสมดุล”
“ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ มันจะมีประโยชน์มากกว่า หากข้าสามารถทำการบ่มเพาะที่นี่ได้บ่อยๆ”
พลังงานจากสวรรค์และโลกที่สูงกว่าสถานที่ทั่วไปอย่างน้อย 20% สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับหลี่ฟู่เฉินที่จะก้าวหน้าขึ้นไปในระดับต่อไปโดยที่ไม่มียาพลังฉี
แต่มันเป็นเพียงแค่ตอนนี้ เมื่อระดับการฝึกฝนของเขาสูงขึ้น ความต้องการจ่กพลังงานสวรรค์และโลกจะสูงมากยิ่งขึ้น เม็ดยาพลังฉีจะกลายเป็นเงื่อนขั้นต่ำทันที
***
สามวันต่อมา บรรยากาศภายในเมืองชวูเซี่ยค่อยๆ กลายเป็นตึงเครียด
หน่วยลาดตระเวนของเมืองชวูเซี่ยพบว่าจำนวนสัตว์ปีศาจรอบๆ ภูเขากวงชวูเริ่มเพิ่มขึ้น
คาดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ คลื่นสัตว์ปีศาจจะระเบิดออก
ภายในเมืองชวูเซี่ย ยกเว้นชาวเมือง ส่วนที่เหลือล้วนเป็นนักสู้ เมื่อคลื่นสัตว์ปีศาจปะทุขึ้นมา นักสู้ทุกคนต้องออกไปนอกเมืองเพื่อฆ่าสัตว์ปีศาจ ผู้ที่ไม่ได้ออกไป จะถูกพิพากษาโทษอย่างรุนแรง