บทที่ 103 เหลาไห่หลง
บทที่ 103
เหลาไห่หลง
“เจ้าก็รับภารกิจนี้มาเหมือนกัน?” หลี่ฟู่เฉินกล่าวถาม
หลี่ฟู่เฉินค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นหวูชิงเหม่ย หลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์ชั้นใน ทุกคนก็กลายเป็นยุ่งอยู่กับเรื่องส่วนตัว หากไม่ถึงคราวจำเป็น พวกเขาจะไม่ข้องแวะคนผู้อื่น
นานมากแล้วตั้งแต่ที่เขาได้พบกับอัจฉริยะนิกายชั้นนอกอย่างเช่นหยูเหวินเทียนหรือหวูชิงเหม่ย
หวูชิงเหม่ยตอบกลับ “ทำไม? ข้ามาที่นี่ไม่ได้? หรือเจ้าคิดว่าข้าไร้ความสามารถ?”
“แน่นอนว่าไม่” หลี่ฟู่เฉินสำรวจหวูชิงเหม่ย
ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด
ประโยชน์ของการมีโครงกระดูกที่ดีนั้นจะทำให้ผู้คนบ่มเพาะได้ถึงระดับสูง เหตุผลที่หลี่ฟู่เฉินสามารถไปถึงระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิดได้เนื่องจากเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับของเขาได้มาอยู่ระดับที่สิบสาม
“ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้านับว่ารวดเร็วนอนแน่ ดูเหมือนว่าทุกคนจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป” ตระหนักได้ว่าหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิดด้วยเช่นกัน หวูชิงเหม่ยรู้สึกตกใจ
เธอคิดว่าหลี่ฟูเฉินอย่างดีที่สุดน่าจะอยู่ในระดับที่สองหรือสาม
หลี่ฟู่เฉินเพียงแค่หัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไร
หวูชิงเหม่ยกล่าว “นอกจากข้า เกาช่างเทียนเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน คิดอย่างไรหากจะมาร่วมกลุ่มกับเขา? ระหว่างที่เกิดคลื่นสัตว์ปีศาจ เราสามารถช่วยเหลือกันและกันได้”
“เกาช่างเทียนอยู่ในกลุ่มของเจ้า?”
หลี่ฟู่เฉินเคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินว่าเกาช่างเทียนอยู่ในกลุ่มของหวูชิงเหม่ย
ระหว่างที่อยู่นิกายชั้นนอก เกาช่างเทียนเคยช่วยเขาไว้ครั้งนึง ด้วยความช่วยเหลือนี้ หลี่ฟูเฉินไม่สามารถลืมเรื่องนี้ไปได้
“ถูกแล้ว นอกจากเกาช่างเทียน มีพวกเราที่เคยมานิกายชั้นนอกอีก 7 คน หัวหน้ากลุ่มคือ เหลาไห่หลงชิเซียง ผู้ซึ่งอยู่ระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิด เขาเคยทำภารกิจระดับสูงสำเร็จมาแล้วครั้งนึง หากอยู่กับเขา พวกเราจะปลอดภัยมากกว่า”
“เหลาไห่หลง หือ?” หลี่ฟู่เฉินเคยได้ยินชื่อนี้
เช่นเดียวกับหวูชิงเหม่ยและเกาช่างเทียน เหลาไห่หลงเป็นอัจฉริยะชั้นในด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาแตกต่างจากศิษย์ชั้นในทั่วไปอย่างเขา
“หวูชิงเหม่ย คนผู้นี้คือ? ทำไมไม่แนะนำให้พวกเราบ้าง?” ขณะนี้เอง ผู้เยาว์ 8 คนเดินก็เข้ามา ผู้นำของพวกเขามีไหล่กว้างและเอวที่เพรียวบาง ถือดาบใหญ่
“หลี่ฟู่เฉิน” หนึ่งในผู้เยาว์เหล่านั้น เกาช่างเทียน ยิ้มพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย
“เกาช่างเทียน” หลี่ฟู่เฉินยิ้มกลับ
อัจฉริยะทุกคนในนิกายคังหลุนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่หยิ่งผยอง มีเพียงเกาช่างเทียนเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากปกติและดูมีมารยาทที่ดี
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? หืม? เจ้าอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สี่? ช่างรวดเร็วเสียจริง” เกาช่างเทียนตกใจ
เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดก่อนหลี่ฟูเฉินหลายเดือน แต่เขากลับอยู่ระดับที่สี่ได้จริงๆ
“ข้าแค่โชคดี” หลี่ฟู่เฉินกล่าวอย่างถ่อมตน
ใบหน้าของผู้นำหมนหมองเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ละเลยเขา จากนั้นเขาก็กล่าว “เกาชิตี๋ ปกติเจ้าจะเงียบ ข้าคิดว่านั่นเป็นนิสัยปกติของเจ้า แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นเพียงฉากหน้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาช่างเทียนกลายเป็นโกรธ ริมฝีปากของเขาขยับ ราวกับว่าเขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเขามองไปที่หวูชิงเหม่ย เขาหยุดตัวเองและไม่กล่าวสิ่งใด
หวูชิงเหม่ยรีบแนะนำ “เหลาชิเซียง นี่คือหลี่ฟู่เฉินผู้ที่เอาชนะหยูเหวินเทียน”
“หลี่ฟู่เฉิน… ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน หวูชิเหม่ย ระหว่างคลื่นสัตว์ปีศาจ เจ้าควรอยู่ติดข้าเข้าไว้” เหลาไห่หลงละเลยหลี่ฟู่เฉินและกล่าวกับหวูชิงเหม่ย
หวูชิงเหม่ยหัวเราะอย่างงุ่มง่าม “ขอบคุณสำหรับความกังวลเหลาชิเซียง แต่หลี่ฟู่เฉินเป็นสหาย เขาสามารถเข้าร่วมกลุ่มของเราได้หรือไม่?”
“สหายของเจ้า?” เหลาไห่หลงมองไปยังหลี่ฟู่เฉิน “ตั้งแต่ที่เจ้าเป็นสหายของหวูชิงเหม่ย ข้าจะยอมเจ้าสักครั้ง แต่จำไว้ว่านี่คือกลุ่มของข้าและเจ้าก็ควรฟังคำสั่งของข้า หากเจ้าไม่ปฏิบัติตาม ข้าจะไล่คุณออกจากกลุ่ม”
หลี่ฟู่เฉินมองไปที่เหลาไห่หลง หวูชิงเหม่ย และเกาช่างเทียน ต่อจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ เขาไม่ทราบว่าหวูชิงเหม่ยคิดอะไรอยู่
หากโครงกระดูกของเกาช่างเทียนอ่อนแอ เขาก็คงไม่ขัดข้องใดๆ
แต่โครงกระดูกของเกาช่างเทียนไม่ได้ด้อยไปกว่าเหลาไห่หลง เพียงแค่ว่าเขาอายุน้อยกว่า 2 ปี
บางทีอาจเป็นพื้นหลัง?
จากสิ่งที่เขารู้ เกาช่างเทียนมาจากตระกูลเล็กๆ ที่ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่กระทั้งตระกูลหลี่
“อะไร? ทำไมถึงเงียบ?” เหลาไห่หลงขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบหลี่ฟูเฉิน ก็ในเมื่อเขาดูเหมือนไม่สนใจเขา
หลี่ฟู่เฉินล้างคอ(กลืนน้ำลาย) “ขออภัย ข้าใจลอยเล็กน้อย สำหรับการเข้าร่วมกลุ่มของเจ้า... หากเจ้าสามารถปฏิบัติกับข้าในฐานะสมาชิกภายนอกได้ ข้าจะเข้าร่วม ข้าไม่ชอบรับคำสั่งจากคนอื่น”
หากไม่ใช่เพื่อเกาช่างเทียน หลี่ฟูเฉินจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้
“สมาชิกภายนอก? ความหมายของเจ้าคือการไม่รับคำสั่งจากข้า แต่ยังอยากให้การคุ้มครองอยู่? มันจะไม่เป็นประโยชน์กับเจ้าฝ่ายเดียว?” การแสดงออกของเหลาไห่หลงกลายเป็นมืดมน
หลี่ฟูเฉินกล่าว “ข้าสามารถดูแลความปลอดภัยของตัวเองได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เหลาชิเซียงเชิญเจ้าเข้าร่วมกลุ่มก็เพราะเคารพการร้องข้อของหวูชิเหม่ย หากเจ้าไม่ต้องการรับคำสั่งภายใต้การสั่งการจากเหลาชิเซียง เช่นนั้นเจ้าก็สมควรจากไปตั้งแต่ตอนนี้”
“ฮึ่ม หยิ่งจองหอง ด้วยความสามารถของ เมื่อคลื่นสัตว์ปีศาจมาถึง เจ้าจะต้องได้รับการปกป้องจากเหลาชิเซียง อย่าได้ฉาบทองลงบนหน้าของตนเอง”
(หมายเหตุ TL: ฉาบทองลงหน้า = การออกหน้าออกตาและเล่นตัวมากเกินไป .. )
ศิษย์นิกายชั้นในหลายคนที่อยู่ด้านหลังเหลาไห่หลงเยาะเย้ยและถากถาง
มันเป็นตอนนี้เองที่หวูชิงเหม่ยรู้สึกสำนึกเสียใจ เธอรู้เกี่ยวกับความเย่อหยิ่งของเหลาไห่หลง อัจฉริยะทุกคนมีความเย่อหยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เหลาไห่หลงมาจากตระกูลใหญ่ที่ปกครองเมืองกว่า 10 เมืองขึ้นไป ในฐานะนายน้อยของตระกูล ความหยิ่งจึงถือเป็นบรรทัดฐานที่ธรรมดา
แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าความทรนงตนของหลี่ฟู่เฉินที่จะยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหลาไห่หลง เมื่อเทียบกับเกาช่างเทียน มันเป็นเหมือนสวรรค์และโลก
ในความเป็นจริง เดิมทีเธอไม่ต้องการเชิญหลี่ฟู่เฉินมาเข้าร่วมกลุ่ม แต่หลังจากเห็นว่าเขาบุกทะลวงเข้าสู่ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด เธอจึงได้รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินไม่ได้คนง่ายๆ อย่างที่คิดและอยากรู้มากกว่านี้
“หลี่ฟู่เฉิน การเป็นสมาชิกภายนอกเป็นไปไม่ได้ การเป็นสมาชิกในกลุ่มจริงๆ เองก็ไม่เลว ข้าคิดว่าเหหลาชิเซียงคงจะไม่สั่งคำสั่งที่ไม่สมเหตุสมผลหรอก” หวูชิงเหม่ยพยายามโน้มน้าวเขา
“ลืมมันไปเถอะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการถูกสั่ง เกาช่างเทียน ข้าจะไปหาเมื่อถึงเวลา”
กล่าวเสร็จ หลี่ฟูเฉินหันไปทางซ้ายและมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองชวูเซี่ย
มีหลายวิธีในการคืนความช่วยเหลือให้กับเกาช่างเทียน และยังไม่จำเป็นต้องทิ้งความภาคภูมิใจของเขาไปและถูกเหลาไห่หลงกล่าวคำว่าร้าย
หากเขาต้องยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้น เหลาไห่หลงอาจจะคิดหาวิธีในการเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของหลี่ฟู่เฉิน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสี่ยง
อย่างมากที่สุด เขาก็แค่ต้องให้ความสนใจกับเกาช่างเทียนมากขึ้น ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย หลี่ฟูเฉินจะเข้าไปช่วยเหลือเขา
พึ่งพาเหลาไห่หลง?
คนเดียวที่อยู่ในใจของเหลาไห่หลงคือหวูชิงเหม่ย เกาช่างเทียนถูกเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง
“ทำท่าทีสูงส่งและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ชิ!”
“เหลาชิเซียง อย่ากังวลเกี่ยวกับคนอย่างเขา หากเขาคิดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์ชั้นนอกอันดับที่ 1 มาก่อนและเชื่อมั่นมากเกินไป ถ้าอย่างนั้นเขาก็ผิดพลาดแล้ว ก็แค่โครงกระดูกปกติที่พยายามทำตัวให้แข็งแกร่ง”
“ถูกต้อง คนเหล่านี้ที่ไม่มีความสามารถในการทยานขึ้นไปอยู่ด้านบนแน่นอน”
ศิษย์ชั้นในสองสามคนสนทนาด้วยน้ำเสียงดูถูก
เหลาไห่หลงกล่าว “ภายนอกดูแข็งแกร่ง ภายในอ่อนกำลัง ทำไมข้าต้องลดตัวไปอยู่ระดับกับเขา? หวูชิเหม่ย มา มาทานอาหารกันเถอะ”
แม้ว่านั่นคือสิ่งที่เขากล่าว แต่ในหัวใจของเขา หลี่ฟู่เฉินถูกสลักไว้แล้ว
เขาสังเกตได้อย่างคร่าวๆ ว่าสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินกล่าวกับเขาเป็นสิ่งที่ไม่ได้กล่าวมาเพื่อล้อเล่น ความภาคภูมิใจของเหลาไห่หลงไม่อนุญาตปล่อยให้หลี่ฟู่เฉินจากไปได้อย่างง่ายดาย