ตอนที่ 254 แยกทาง
กลางคืนมาเยือน และแสงไฟสองดวงก็กำลังเคลื่อนไหวผ่านที่ราบ หานเซี่ยวและสหายเขาหนีจากการไล่ล่ามา ที่ราบเงียบและพวกเขาก็ได้ยินแค่เสียงรถ
“เบรกก่อน”หานเซี่ยวกล่าวขึ้น
ฮีล่าส่ายหัวและไม่เห็นด้วย“เราเพิ่งหนีออกมาจากกองทัพ หากเราหยุดตอนนี้ พวกเขาจะตามมาทัน”
“เรากำลังมุ่งหน้าสู่กับดัก เส้นทางด้านหน้าถูกปิดแล้ว ไม่มีทางให้ออกเลย”หานเซี่ยวยักไหล่
ฮีล่าดีดตัว“ว่าไงนะ?นายรู้ได้ไง?”
แต่เธอก็จำได้ว่าหานเซี่ยวสามารถทำนายอนาคตได้ ดังนั้นเธอจึงเก็บคำถามไป ทั้งคู่ถูกบังคับให้ออกสำนักงานใหญ่ และหลังผ่านมาหลายวัน เธอก็เชื่อใจหานเซี่ยวโดยสนิท
เธอหยุดรถและปิดปากเงียบ
“หากองค์กรต้นกำเนิดปิดล้อมที่ราบ พวกเขาก็จะขยับมาและขังเราไว้ ตอนนี้เรามีสองทางเลือก หนึ่งคือสู้ก่อนที่จะโดนปิดล้อม หรือสอง รอโอกาส”
“หากเราลากถ่วงนานเกินไป พื้นที่การเคลื่อนไหวเราจะยิ่งแคบและโอกาสรอดชีวิตเราก็จะเบาบาง”ฮีล่ากล่าวลังเล“เราจะมีโอกาสไหมหากฝ่าวงล้อม?”
“กับดักที่พวกเขาตั้งขึ้นครั้งนี้แข็งแกร่งมาก กองกำลังทั้งหมดอยู่ใกล้กัน และไม่มีช่องโหว่ให้เราลอดไปเลย ต่อให้เราขับกลับไปทางเดิม เราก็ยังหนีไม่พ้น”หานเซี่ยวส่ายหัว นี่คือการวิเคราะห์ที่ผู้เล่นจัดทำบนฟอรั่ม [การปิดล้อมที่ราบ]คือภารกิจขนาดใหญ่สุดในองค์กรต้นกำเนิดและมันก็เป็นภารกิจชุด ผู้เล่นจึงมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“มีโอกาสที่เราจะสามารถฝ่ากับดักนี้ได้อยู่ แต่มันก็เสี่ยงสูง และเราก็ไม่อาจปกป้องน้องสาวเธอได้ แต่สิ่งที่เธอกล่าวก็ถูก การรอก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา.
หลังวิเคราะห์สถานการณ์ ฮีล่ายังคงเงียบและพยายามคิดหาวิธี
แม้ออโรร่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่หานเซี่ยวพูด แต่เธอก็บอกได้ว่ามันจริงจังแค่ไหนจากบรรยากาศ จากนั้นเธอก็คว้าแขนเสื้อฮีล่า
สีหน้าจริงจังของฮีล่าคลายลง และลูบหัวออโรร่า
มันยังไม่จบ ไม่สำคัญว่าสถานการณ์จะอันตรายและท้าทายแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางยอมแพ้ เมื่อเธอเป็นพวกต้นกำเนิด ฮีล่าเย็นชาเหมือนยอดเขาน้ำแข็ง แต่หลังหานเซี่ยวให้ความหวังว่าเธอสามารถช่วยน้องสาวจากการจองจำได้ เขาค่อยๆละลายยอดน้ำแข็งเธอ แม้ส่วนใหญ่เธอจะยังสวมใบหน้าไร้อารมณ์ก็ตาม
ฮีล่ามองย้อนกลับไปและถาม“นายมีความคิดไหม?”
“ฉันต้องโทรออก”หานเซี่ยววางแผนในหัวช้าๆ
...
ตืดด!
คอมพิวเตอร์ผู้นำได้รับสายเรียกเข้า เมื่อเขาเห็นการแจ้งเตือน รูม่านตาเขาก็หดลง มันเป็นซีโร่
ทำไมเขาถึงโทรหาฉัน?
ผู้นำตกใจและตะโกนบอกผู้ช่วย“แกะรอยเขาเดี๋ยวนี้!”
ผู้ช่วยรีบโทรหาฝ่ายสื่อสารเพื่อแกะรอย
จากนั้นผู้นำก็รับสาย ใบหน้าหานเซี่ยวปรากฏบนจอ และผู้นำก็แสดงเจตนาฆ่าในดวงตาเขา หานเซี่ยวไม่พูด และพวกเขาก็จ้องตากันสักพัก ถึงแม้จะมองกันผ่านหน้าจอ พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรู
หลังจากนั้นสักพัก หานเซี่ยวก็เริ่มบทสนทนา“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“มันสายเกินไปแล้วที่แกจะมาร้องขอความเมตตา”ผู้นำตอบกลับอย่างเย็นชา เขาบอกได้ว่าหานเซี่ยวต้องรู้แล้วว่าตัวเองติดกับและไม่อาจหาทางหนีได้ นั่นทำให้หานเซี่ยวโทรหาเขาโดยตรงเพื่อลองใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย
จากความเข้าใจเขา ไม่มีอะไรให้พูดกัน ผู้นำคือคนที่อยู่ตำแหน่งได้เปรียบ และหานเซี่ยวก็เป็นเพียงสุนัขที่เขาสามารถจับได้ตามใจชอบ
“แกยังจำความลับของเราได้ไหม ตอนฉันกล่าวว่าจะทำลายองค์กรของแก?”หานเซี่ยวถามด้วยน้ำเสียงต่ำ“แกอวดดี และไม่เคยเห็นฉันในสายตา และตอนนี้ ฉันได้ผลักดันองค์กรแกสู่ขอบเหว และแกก็ไม่อาจเมินเฉยฉันได้อีกต่อไป ตอนนี้ แกทุ่มพลังงานและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อฆ่าฉัน แกเสียใจไหม?ทำไมแกไม่ลองเกลี้ยกล่อมฉันด้วยอุดมการณ์บ้าๆของแกละ?บางทีฉันอาจรับฟังแกก็ได้”
ผู้นำสูดหายใจลึก สิ่งที่หานเซี่ยวกล่าวเหมือนเอามีดมาแทงหัวใจเขา สิ่งเดียวที่ผู้นำอยากทำคือต่อยหน้าของหานเซี่ยว อุดมการณ์ขององค์กรต้นกำเนิดคือการโค่นล้ม6ประเทศ และศัตรูที่สำคัญสุดของผู้นำก็คือระบอบการปกครองและประเทศ แต่ความทะเยอทะยานของเขากลับถูกแผดเผาโดยคนทรยศ ผู้นำไม่อาจทิ้งความอัปยศนี้ได้“เก็บลมหายใจแกไว้ ฉันรู้ว่าแกตระหนักถึงสถานการณ์ตัวเองดี และตอนนี้แกก็ตัดสินใจโทรมาและพยายามเล่นเล่ห์ละสิ?”
“แกคิดว่าแกจะหยุดฉันได้ด้วยทหารไม่กี่คนงั้นหรอ?”
ผู้นำหัวเราะร่าในใจ หานเซี่ยวรู้ว่าตัวเองถูกล้อม ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าหานเซี่ยวแค่พยายามทำให้ตัวเองดูแข็งแกร่ง
“ด้วยพลังของการทำนายอนาคต แกจึงหลอกเราได้ แต่ครั้งนี้ พลังแกไม่อาจช่วยแกได้อีกแล้ว”ผู้นำเย้ยหยัน“เมื่อแกไม่มีที่ให้หนี ฉันสงสัยว่าแกจะยิ้มได้เหมือนตอนนี้ไหม”
ผู้นำสังเกตผู้ช่วยข้างๆเขา กำลังทำท่าว่าช่องสื่อสารถูกเข้าระบบ ดังนั้นจึงไม่มีทางระบุตำแหน่งแน่ชัดได้
หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยอีก
ในขณะที่ผู้นำตัดสินใจวางสาย หานเซี่ยวก็กล่าวขึ้น“งั้น ทำไมแกถึงเอาแต่ส่งคนมาฆ่าฉันละ?แกกลัวเกินกว่าจะมาเจอกับฉันงั้นหรอ?”
ผู้นำตัวสั่นสะท้านและเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว“แกคงไม่อยากมีชีวิตอีกแล้วสินะ?”
“ยังคงอวดดีไม่เปลี่ยนเลยนะ”หานเซี่ยวหัวเราะ“อืม แกอาจดูทรงพลัง แต่ลึกๆในใจแล้ว แกขี้ขลาดและไม่กล้ามาเจอหน้าฉันด้วยตัวเอง”
“อยากสู้กับฉันงั้นหรอ?แกจะได้ตายก่อนมีโอกาสเห็นหน้าฉันอีกครั้ง”ผู้นำตะคอกและวางสาย
...
“ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแหะ”หานเซี่ยวปิดแท็บเล็ตและถอนหายใจ
นอกจากการพยายามสอดแนมเจตนา เขายังได้สื่อสารกับทีมคุ้มกันของหกประเทศ
ข่าวดีคือกำลังหนุนจาก6ประเทศได้มาถึงทางตะวันออกของที่ราบแล้ว พวกเขาได้แทรกซึมเข้าแนวป้องกันขององค์กรต้นกำเนิดโดยไม่มีใครรู้ พวกเขาจะมาถึงจุดปิดล้อมในวันต่อไปเพื่อสนับสนุนหานเซี่ยว
หานเซี่ยวฟื้นความมั่นใจและกำหนดเวลานัดพบ ด้วยกำลังเสริม ปฏิบัติการย่อมปลอดภัยขึ้น
แม้เขากับฮีล่าจะหลบหนีการปิดล้อมไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับการสนับสนุน ดังนั้น มันจึงไม่เป็นการเสียเวลาและทรัพยากร
กำลังเสริมประกอบไปด้วยยอดมนุษย์ผู้เป็นที่สุดใน6ประเทศ ไม่อาจดูเบาความสามารถพวกเขาได้เลย
“เราจะเริ่มปฏิบัติการพรุ่งนี้บ่าย แต่เราไม่อาจนำน้องสาวเธอไปด้วยได้ เราไม่มีพลังงานและอะไรมาปกป้องความปลอดภัยเธอ หากเราสามารถซ่อนเธอในวงล้อม เราก็จะสู้ได้โดยไม่ต้องห่วงออโรร่า”หานเซี่ยวกล่า
อย่างน่าแปลกใจ ฮีล่ากลับเห็นด้วย การนำออโรร่าไปด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น และการาปิดล้อมก็อาจเปิดพื้นที่ปลอดภัยได้ชั่วคราว
หากพวกเขาฝ่าวงล้อมได้ จากนั้นพวกเขาก็จะดึงดูดความสนใจทั้งหมด
แน่นอน พวกเขาต้องหาวิธีนำออโรร่ากลับมาและมันย่อมก่อปัญหามากมายในอนาคต แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ ออโรร่าทำได้แค่เป็นตัวถ่วง และนี่ก็คือตัวเลือกที่ดีสุด
“พี่สาว หนูต้องอยู่ที่นี่งั้นหรอ?”ออโรร่ามองฮีล่าด้วยดวงตาโต
“เราต้องทิ้งน้องไว้สักพัก นี่ปลอดภัยสุดแล้ว”ถึงแม้ฮีล่าจะเจ็บที่ต้องทิ้งออโรร่าไว้ลำพัง เธอก็รู้ว่านี่เป็นวิธีเดียว
ออโรร่าก้มหัวและหลับตา“หนูจะทำตามที่พี่พูด”
“พี่ขอโทษ”ฮีล่ารู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มหัวใจ และดึงออโรร่ามากอด
หลังค้นหาสักพัก พวกเขาก็พบถ้ำธรรมชาติ หานเซี่ยวขุดดินเพื่อสร้างพื้นที่ให้กว้างขึ้นและเสริมโครงสร้าง จากนั้นก็ปิดถเด้วยวัสดุลายพรางและปิดทางเข้าถ้ำ ทิ้งอาหารและทรัพยากรไว้ให้ออโรร่าถึง80%