GE188 ทะลวงแก่นทองคำ (1) [ฟรี]
หนิงฝานเฝ้ารออยู่ภายในหอคอยโอสถเงียบๆ
ผู้คนเป็นจำนวนมากเข้าออกประตู มีทั้งผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ คนเหล่านั้นมาเข้าทดสอบนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3
ทุกคนที่ผ่านไปมามองหนิงฝาน บ้างมองด้วยสายตาเย้ยหยัน บ้างมองด้วยสายตาดูถูก
ผ่านไปพักใหญ่ ย่าหลานก็นำชายชราในชุดคลุมฟ้ามาพบหนิงฝาน
ใบหน้าของชายชราดูมีเลือดฝาก ชุดคลุมหรูหรางดงาม เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูง ชายชราผู้นี้มีนามว่าผู้อาวุโสโม่
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังในขอบเขตกึ่งแก่นทองคำของหนิงฝาน ชายชราขมวดคิ้ว
“ย่าหลาน! เวลาของข้ามีค่า เหตุใดเจ้าพาข้ามาเสียเวลาเช่นนี้ หากผู้เยาว์ประสานวิญญาณวิญญาณผู้นี้ไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ข้าจะลงโทษเจ้า!”
“ข้า...” นางถอนหายใจเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าผู้อาวุโสโม่กำลังเก็บตัวฝึกวิชา จึงได้ตามออกมา นับว่านางโชคร้ายที่ทำให้ชายชราไม่พอใจ
แต่เมื่อชายชราแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจหนิงฝาน ชายชรากลับรู้สึกเจ็บปวด ราวกับถูกกระบี่กรีดเฉือน ทำให้ชายชราเร่งถอนสัมผัสเทพ ดวงตาเบิกกว้าง
ยามนี้หนิงฝานได้ขับกลิ่นอายโลหิตของอสูรฉลามออกไปแล้ว รอยยิ้มดูอัธยาศัยดี ไร้ซึ่งลักษณะของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม
สัมผัสเทพของนักปรุงโอสถ บางครั้งก็ไม่อาจบ่งบอกได้ว่ามีความสามารถในการปรุงโอสถมากมายเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่มีสัมผัสเทพทรงพลัง มักจะมีทักษะการปรุงโอสถที่ไม่ธรรมดา
แม้คนผู้นี้จะมีอายุกระดูกไม่มาก ระดับพลังต่ำ แต่อย่างน้อยต้องเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 แน่
“สหายน้อยท่านนี้ไม่ธรมดา… ไปห้องปรุงโอสถ แล้วทดสอบการปรุงโอสถกับข้าเถอะ” ชายชรายิ้ม ทำให้ย่าหลานผ่อนคลาน
ดูเหมือนชายชราจะพบบางสิ่งในตัวซัวหมิง ทำให้ชายชราเปลี่ยนท่าทีไปมาก
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานกลับยิ้ม ไม่ยอมเดินตามชายชรา
“ข้าขอบังอาจถาม… การปรุงโอสถระดับใดที่สหายเต๋าสามารถวัดได้…”
“หืม? ข้าคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ระดับสูง สามารถวัดระดับของโอสถผันแปรที่ 3 ได้ทุกชนิด แม้การปรุงโอสถของสหายเต๋าจะบรรลุถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ระดับสูงสุด ข้าก็ยังสามารถวัดได้!”
“อืม… แต่ช่างน่าเสียดายที่ข้าต้องทำให้สหายเต๋าเสียเวลาเปล่า… การปรุงโอสถของข้าเหนือกว่าโอสถผันแปรที่ 3 ระดับสูงสุด ไม่รู้ว่าผู้ใดจะสามารถทดสอบข้าได้บ้าง...”
คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ชายชราและย่าหลานตกตะลึง
ที่ตกตะลึงไม่ใช่เพราะตกใจ… แต่เป็นเพราะไม่เชื่อ...
ชายชราหัวเราะแล้วขมวดคิ้ว “สหายเต๋าซัว.. เจ้าตั้งใจล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”
ในแต่ละปีจะมีนักปรุงโอสถที่กล่าวถึงทักษะการปรุงโอสถของตนเกินจริง เพื่อให้ตนเองสามารถใช้วิหารสาบสูญในชั้นสูงๆได้
หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4… ชายชราไม่อาจทดสอบได้ ผู้ที่ทดสอบได้มีเพียงจ้าวหอคอยโอสถเท่านั้น!
หากผลการทดสอบออกมาว่าหนิงฝานไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จ้าวหอคอยจะเสียเวลาเปล่า และชายชราต้องถูกทำโทษ
จ้าวหอคอยนั้นมีสถานะสูงส่ง คอยทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันวิหารสาบสูญ และสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
เมื่อเห็นว่าชายชราไม่พอใจ หนิงฝานจึงถอนหายใจ
หากเป็นไปได้ หนิงฝานก็ไม่อยากให้ทักษะปรุงโอสถของตนเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป เพราะเป็นการนำภัยมาสู่ตน
แต่ดูเหมือนยามนี้ เขาจะปิดบังไม่ได้แล้ว
เมื่อคิดเช่นนั้น หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำเอาปล่องใบหนึ่งออกมา แล้วหยิบโอสถสีเขียวใสที่อยู่ภายในออกมา
“ข้าไม่อยากให้สหายเต๋าเข้าใจผิด แต่ข้าเองก็ไม่อยากป่าวประกาศ… เช่นนั้นเชิญสหายเต๋าตรวจดูเองเถอะ!”
โอสถที่หนิงฝานนำออกมา ย่าหลานมองด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ชายชรากลับดวงตาเบิกกว้าง
“นี่มัน… โอสถผันแปรที่ 4… โอสถก่อดวงจิต!”
โอสถก่อดวงจิต!
แม้ชายชราจะยังปรุงเองไม่ได้ แต่เคยซื้อมาจากวิหารสาบสูญ เพียงแต่โอสถที่มีคุณภาพระดับนี้ ชายชราไม่เคยมาก่อนในชีวิต ที่สำคัญ ในโอสถก่อดวงจิตนี้ยังมีเจตจำนงค์เทพแฝงอยู่!
ฤทธิ์ของโอสถก่อดวงจิตยังอยู่อย่างครบถ้วน แม้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ระดับสูงสุดยังไม่อาจกลั่นโอสถที่มีคุณภาพระดับนี้ได้
ในโอสถแต่ละเม็ดจะมีกลิ่นของผู้ปรุงเหลืออยู่ ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าโอสถนั้นเป็นผู้ใดปรุงขึ้น
และกลิ่นอายที่เหลืออยู่ในโอสถก่อดวงจิต เป็นของหนิงฝาน!
เขาปรุงมันในช่วงที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้
“ทะ… ท่านซัว! โอสถเม็ดนี้ ท่านเป็นผู้ปรุงมัน!” ชายชราดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างด้วยความตกใจ
“เป็นเช่นนั้น… โอสถเม็ดนี้ทำให้สหายเต๋าพอใจหรือไม่? สหายเต๋าจะยอมเชิญผู้ที่ตรวจสอบข้าได้มาพบได้หรือไม่?”
“ได้! ย่อมได้อย่างแน่นอน! เพียงแต่… หอคอยแห่งนี้จะแตกต่างจากหอคอยอื่นๆอยู่เล็กน้อย จ้าวหอคอยที่นี่เป็นสตรี แม้ไม่ใช่นักปรุงโอสถ แต่สามารถตรวจสอบนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้”
ชายชรายกมือเป็นสัญญาณ
มีผู้ที่มาเข้ารับการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 อยู่ราว 10 คน แต่ผู้ที่ผ่านการทดสอบมีเพียง 3 คน และทั้ง 3 คนนั้นไม่ได้อยู่วิหารสาบสูญในทะเลส่วนนอก
หากวิหารสาบสูญมีนักปรุงโอสถที่ 5 มาเข้าทดสอบ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างที่สุด
แต่หากได้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ยอมเป็นแขกคนพิเศษของทางวิหาร จะยิ่งดีขึ้นอีก
“ทะ...ท่านซัว! ข้าจะนำท่านไปพอจ้าวหอคอย เพียงแต่… จ้าวหอคอยเป็นผู้มีอารมณ์ฉุนเฉียว”
“สหายเต๋าพาข้าไปพบจ้าวหอคอยเถอะ ข้าว่าจ้าวหอคอยของท่านน่าสนใจ… ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋าเองก็เป็นผู้มีอารมณ์ฉุนเฉียว… หรือจ้าวหอคอยของสหายเต๋าไม่พอใจที่ได้เป็นจ้าวหอคอย?”
“ฮ่าฮ่า… ข้าเป็นคนฉุนเฉียวจริง แต่ไม่ได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับผู้ใด แต่จ้าวหอคอยนั้นไม่เหมือนข้า นางเป็นผู้ที่ยั่วยุไม่ได้...”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้...” แววตาหนิงฝานมืดมน ดูเหมือนจ้าวหอคอยผู้นี้จะไม่ธรรมดา
เท่าที่หนิงฝานรู้ หอคอยโอสถทั้งสี่มีจ้าวหอคอยเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด มีเพียงผู้นำวิหารสาบสูญเท่านั้นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
การที่จ้าวหอคอยโอสถใต้แห่งนี้ ประกาศว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แสดงว่านางต้องมีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดา
แต่จู่ๆยามนี้ ในหัวของหนิงฝานก็ปรากฏภาพของคนผู้หนึ่ง เป็นสาวน้อยผู้เป็นประมุขศาลาไร้ธรรมในเมืองฉีเหม่ย...
ชายชรานำหนิงฝานเดินผ่านเส้นทางต่างๆ ระหว่าง เหล่านักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 เห็นผู้อาวุโสโม่แสดงท่าทีเคารพต่อหนิงฝาน ทั้งยังนำทางให้เช่นนั้น ทำให้คนเหล่านั้นตกตะลึง
“เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ… แต่กลับเป็นถึง...”
ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าว ในเมือเต่าทมิฬแห่งนี้ นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 มีสถานะเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
“นั่นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4...”
“ข้ารู้มาว่า จ้าวหอคอยเป็นผู้มีอารมณ์รุนแรงฉุนเฉียว...”
หนิงฝานเดินตามผู้อาวุโสโม่อย่างเรียบเฉย ไปยังชั้นที่สามของหอคอย
ชั้นสามแห่งนี้มีการตกแต่งที่งดงาม สะอาดเรียบร้อย ราวกับเป็นที่อยู่ของสตรี
เมื่อหนิงฝานขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดอันแผ่นบางแผ่ออกจากร่าง
ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่เป็นสตรี 2 นางสัมผัสได้ พวกนางสวมหน้ากากไม้ และเร่งออกมาขวางทางทันที
เมื่อเงาร่างของพวกนางปรากฏ หนิงฝานแผ่สัมผัสตรวจสอบ ก่อนจะใช้สัมผัสกระบี่ฟันพวกนางเป็นชิ้นๆ
หนิงฝานรู้ว่าสตรีทั้งสองนางไม่ใช่สตรี แต่เป็นศพของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง
“นี่มันอะไรกัน...” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา
“เอ่อ… ท่านจ้าวหอคอยเกลียดชังบุรุษ ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 หากจ้าวหอคอยไม่พอใจก็จะ...”
หนิงฝานไม่กล่าวคำ
นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 นับเป็นผู้มีชื่อเสียงในแคว้นระดับกลาง ต่อให้เป็นวิหารสาบสูญก็ยังให้ความสัมผัส แต่ยามนี้ คนเหล่านั้นกลับถูกสังหารตายในวิหารสาบสูญ
การที่จ้าวหอคอยแห่งนี้ทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ แสดงสถานะของนางไม่ธรรมดาอย่างที่สุด
หนิงฝานพบว่า นอกจากนางจะอารมณ์ฉุนเฉียวแล้ว ยังกล้าสังหารผู้คนตามอำเภอใจ
นั่นทำให้หนิงฝานเริ่มไม่พอใจในตัวจ้าวหอคอยแล้ว
หนิงฝานคิดว่า หากนางเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจ เขาจะใช้ดรรชนีคลายหยินจัดการกับนาง
แต่หากจำเป็นจริงๆ เขาจะฆ่านางทิ้งซะ!
หลังจากเดินเข้าไปในส่วนลึกของชั้น หนิงฝานพบสตรีในขอบเขตแก่นทองคำหลายคนที่คอยทำหน้าที่รับใช้สตรีคนหนึ่ง
รูปร่างของนางไม่ใหญ่มาก แต่บนอาภรณ์มีคราบโลหิต
ในมือของนางมีแส้ที่อาบด้วยโลหิต มีปิ่นปักผมที่อาบด้วยโลหิต ใบหน้างดงาม
นางดูราวกับเด็กสาวอายุ 14 ปี
“ฮึ่ม… เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่กลับคิดใช่วิชาเย้ายวนกับข้า ช่างน่ารังเกียจ พวกบุรุษล้วนเป็นผู้น่ารังเกียจ… ว่าแต่โม่หยุน เจ้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“เรียนนายหญิงน้อย ข้านำนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 มาพบท่าน”
“อืม… จากสายตาของมัน หากมันยังกล้าอยู่ต่อหน้าข้าเกิน 3 ลมหายใจ ฆ่ามันทิ้งซะ… หากมันกล้าตอบโต้ ให้ออกไปค้นหาตระกูลของมันแล้วฆ่าล้างตระกูลซะ...” นางกล่าวอย่างเย็นชา
“แต่ถ้าคนผู้นี้เป็นคนดี...” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวถามด้วยความระมัดระวัง
“ถึงเป็นแบบนั้นก็ให้ตัดไอ้นั่นของมันทิ้ง… แล้วให้มันมาเป็นสาวใช้ของข้า”
“แต่ถ้าคนผู้นี้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5...”
“ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ข้าก็ไม่สนใจ...” นางกล่าว
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา
ดูเหมือนสตรีเจ้าปัญหาคนใหม่จะเข้ามาในชีวิตแล้ว...