มารดาปีศาจ ตอนที่ 5 เข่นฆ่าย้อนกลับ
จ้าวฉิงคิดคำนวนถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นอย่างเงียบงัน พวกมันมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน ด้วยความสามารถของเธอการจัดการผู้ชาย 5 คนคงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาก็คือตอนนี้เธอกำลังอุ้มลูกอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนดูเหมือนจะมีพลังพิเศษ… นี่อาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง
นี่ฉันควรทำยังไงดี? จ้าวฉิงครุ่นคิดทบทวน ขณะที่ชายวัยกลางคนที่เสแสร้งทำตัวเหมือนนักบุญเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางหื่นกระหาย
ดวงตาของจ้าวฉิงหรี่แคบลง คิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในสมอง แล้วเธอก็ตัดสินใจก้มศีรษะลงแสร้งทำท่าบอบบาง “สามีฉันเพิ่งตายไป หลังจากนั้นฉันก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครเป็นที่พึ่งได้เลย” ขณะที่เธอกำลังพูด ส่งสายตามองไปยังชายวัยกลางคนแสดงให้เห็นว่าตัวเองพยายามเสาะหาใครสักคนให้พึ่งพิงมานานแล้ว “ตอนนี้คือช่วงวันสิ้นโลก เราสองคนแม่ลูกก็แค่ต้องการใครซักคนที่จะพึ่งพาได้…”
ชายวัยกลางคนรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมา แม้การบังคับขืนใจผู้อื่นจะเป็นรสนิยมที่เขาชื่นชอบอยู่เสมอ แต่ถ้าหากมีผู้หญิงที่งดงามมีเสน่ห์แบบนี้ต้องการจะทอดกายให้ด้วยความเต็มใจ การตกเป็นหนี้บุญคุณเช่นนี้น่าจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า
เขาคันไม้คันมืออยากจะดึงลูกของจ้าวฉิงออกมาจากอกของเธอและโยนให้คนอื่น หรือแม้แต่โยนทิ้งไปบนโซฟา จ้าวฉิงถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยปาก “นี่คือลูกชายคนเดียวของฉัน…”
ชายผู้นั้นเข้าใจสถานการณ์ทันที และกล่าวขึ้นอีกว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกชายของคุณก็คือลูกชายของผม ผมจะให้พวกน้องชายของผมดูแลให้”
วัยรุ่นผมทองก้าวขึ้นมาด้านหน้าทันที “แสดงว่านี่ก็คือหลานชายของฉัน! มา! ให้อาอุ้มหน่อย!”
เธอลูบไปที่หลังของเสี่ยวเปาจื่อพร้อมกับกระซิบด้วยเสียงน้ำเสียงที่นุ่มนวลและผ่อนคลาย “ลูกรัก ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะรีบกลับไปหาลูก ไม่นานหรอก”
เสี่ยวเปาจื่อยอมให้วัยรุ่นผมทองอุ้มอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กระพริบตาส่งสัญญาณตอบกลับ “หม่าม้าไม่ต้องเป็นห่วง หนูไม่เป็นไรหรอก”
จ้าวฉิงปล่อยให้ชายวัยกลางคนลากเธอเข้าไปในห้อง เมื่อประตูถูกล็อค เธอหรี่ตาลง สายตาของเธอมองตรงไปที่คอหอย, ท้ายทอย และลิ้นปี่ของชายวัยกลางคน ครุ่นคิดถึงวิธีการที่หลากหลายที่จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ชายวัยกลางคนพุ่งตัวเข้าหาจ้าวฉิง รีบร้อนที่จะถอดเสื้อผ้าของเธอออก เธอแกล้งปัดป่ายมือของมัน “จะใจร้อนไปทำไมล่ะคะ เรามีเวลาเหลือเฟือ”
“ใช่แล้ว…ใช่แล้ว…” ชายวัยกลางคนจ้องมองด้วยสายตาหื่นกระหาย ก่อนวันสิ้นโลกมันเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่ง เคยได้พบเห็นผู้หญิงที่สวยและสง่างามอย่างจ้าวฉิงที่ไหนกัน
จ้าวฉิงว่างมือของเธอลงบนไหปลาร้าของมัน เล็บมือของเธอค่อยๆ สะกิดเขี่ยที่ลูกกระเดือกลงมาจนสุด เธอเริ่มจิกปลายเล็บจากลูกกระเดือกยาวลงมาเรื่อยๆ
ทันทีที่ลมหายใจของมันเริ่มถี่กระชั้น จ้าวฉิงก้าวเท้าเข้าใกล้ด้วยท่าทางที่อบอุ่น ดวงตาเย้ายวนเหลือบมองมัน มือของเธอลูบไล้บริเวณหน้าท้องของมัน เมื่อร่างกายของมันเริ่มผ่อนคลายลง ไร้สัญญาณหรือคำเตือนใดๆ จ้าวฉิงรวบกำนิ้วมือทั้งห้าเข้าหากัน ด้วยความเร็วอันน่าตกใจ เธอผลักมือเข้าไปที่อกของมัน ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็บดขยี้ลำคอของมัน
มันสิ้นลมทั้งๆ ที่ตาทั้งสองข้างยังเบิกกว้าง มันพยายามร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เพราะคอหอยถูกบีบแตก เสียงที่ออกมาจึงไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ เลือดอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลลงมาจากมุมปากของมัน ส่งกลิ่นคาวคล้ายสนิมอันไม่น่าพิสมัยออกมา
จ้าวฉิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ โดยไม่รู้ตัว ดวงตาที่เคยสีดำสนิท ค่อยๆ มีชั้นสีแดงเข้มปกคลุมไปทั่วรูม่านตาของเธอ
ใช่… นี่คือกลิ่นเลือดสดๆ ยังไม่ค่อยชินเท่าไร แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกอยากจะขยับตัวเข้าไปใกล้ กัดลงไปบนคอที่แตกหักของมันและดื่มเลือดมันให้หมด
จ้าวฉิงเหมือนถูกสะกดจิต เธอค่อยๆ ก้มศีรษะลงไป เข้าใกล้กับศพที่อยู่ในมือของเธอ แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้สติกลับคืนมา สีหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงไป
เธอเป็นมนุษย์! เธอไม่ใช่ปีศาจที่กินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์! ทำไม่ได้…เธอทำไม่ได้! จ้าวฉิงตอบสนองโดยกายเหวี่ยงศพออกไป และมันก็หล่นลงบนพื้นดังตุ้บ
ราวกับกำลังหยอกล้อ วัยรุ่นผมทองหัวเราะเยาะเย้ยขึ้น “หัวหน้า รีบร้อนทำไม อย่าโยนแม่ม่ายตัวน้อยผู้น่ารักลงไปอย่างนั้นสิ...”
คนอื่นๆ ก็หัวเราะคำรามลั่นออกมา จากนั้นคนอื่นก็เข้าร่วมกับวัยรุ่นผมทอง พากันล้อเลียนหัวหน้าของตัวเอง ทว่า หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ยังไม่ยอมออกมา
“ว้าว หัวหน้า! นี่คุณอึดขนาดนี้เลยเหรอ หื้ม?” วัยรุ่นผมทองหัวเราะ ขณะที่วัยรุ่นอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา “เหมือนมีบางอย่างแปลกๆ ทำไมถึงไม่มีเสียงอะไรเลยล่ะ ฉันจะไปดูหน่อย” วัยรุ่นที่สวมเกราะสีดำอาสาขึ้น แต่คนอื่นๆ กลับหัวเราะใส่เขา “ถ้าแกเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า แกอาจจะอดใจเข้าไปร่วมด้วยไม่ไหวนะ”
วัยรุ่นสวมเกราะดำโบกมือ และเดินไปผลักประตูเปิดออก ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างของชายวัยกลางคนนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่ของเงาจ้าวฉิง
“หัวหน้า?” ชายเกราะดำส่งเสียงเรียกพร้อมทั้งเดินเข้าไปที่เตียงอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะได้แตะตัวชายวัยกลางคน เขาก็พบว่าผ้าปูเตียงถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน!
เสียงอากาศฉีกขาดออกจากกันดังขึ้น คล้ายกับมีบางสิ่งลอยเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลัง ทำให้เขาต้องปลุกพลังพิเศษขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เขาเป็นผู้เสริมพลัง มีความสามารถทำให้ร่างกายตัวเองเป็นของแข็งเพื่อป้องกันการโจมตี แต่ความสามารถที่เขาภูมิใจกลับใช้การไม่ได้มากนัก เล็บของจ้าวฉิงสามารถแทงทะลุด้านหลังศีรษะของเขาได้อย่างง่ายดายราวกับแทงเต้าหู้ และบีบทั้งกะโหลกและสมองของเขาจนแหลกละเอียด
เสียงพลั่กดังขึ้นคราหนึ่ง วัยรุ่นคนนั้นล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ด้านนอก ในที่สุดคนที่เหลือก็ตระหนักได้เช่นกันว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง สามคนที่เหลือยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง ในมือของวัยรุ่นผมทองมีบอลไฟลูกเล็กปรากฏขึ้น “ทุกคนระวังตัว มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นที่นี่!”
มีสามคน คนหนึ่งถือปืน คนหนึ่งขยายกล้ามเนื้อออกมา ในขณะที่คนสุดท้ายอุ้มเสี่ยวเปาจื่อแน่นขึ้น ทั้งหมดก้าวเดินตรงไปที่ห้องนั้น
พริบตานั้นเอง มีเงาร่างหนึ่งลอยหวือออกมาจากห้อง ชายกล้ามโตต่อยหมัดออกไปทันที มันทะลุเงาร่างที่ลอยออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ห้อยอยู่บนหมัดที่กำแน่นของเขาก็คือร่างไร้วิญญาณของวัยรุ่นสวมเกราะดำ
ทันใดนั้นเอง บริเวณส่วนลับของเขาก็ถูกโจมตี ในเสี้ยววินาทีต่อมา เล็บยาวที่คมราวกับใบมีดก็ตัดผ่านคอหอยของเขา ทำให้โลหิตไหลทะลักออกมา
"อย่าขยับนะ! ลูกชายของแกอยู่ในมือฉัน..." ขณะที่วัยรุ่นผมทองกำลังจะข่มขู่จ้าวฉิง มันก็รู้สึกว่ามือข้างที่อุ้มเสี่ยวเปาจื่ออยู่ เริ่มสูญเสียพลังพิเศษไปอย่างช้าๆ
ตอนนั้นเอง ที่มันตระหนักได้ว่า เสี่ยวเปาจื่อมีดวงตาคู่หนึ่งซึ่งมืดมิดราวกับหลุมดำ ไม่มีตาขาวเจือปนแม้แต่น้อย ดำสนิทโดยสิ้นเชิง มันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
นั่นเป็นความคิดสุดท้ายของมัน ภายใต้การจ้องมองของจ้าวฉิงและชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ร่างของวัยรุ่นผมทองผู้อุ้มเสี่ยวเปาจื่อทันใดนั้นก็เหี่ยวแห้งลงอย่างกะทันหัน รวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แล้วกลายเป็นซากศพแห้งกรัง
ชายคนสุดท้ายร้องเสียงดังออกมาและยิงไปที่เสี่ยวเปาจื่อสามนัด จ้าวฉิงหน้าเปลี่ยนสีและไม่อาจเก็บซ่อนความต้องการสังหารเอาไว้ได้อีก ขณะที่คว้าจับเสี่ยวเปาขึ้นมา เธอก็เคลื่อนไหวไปข้างหน้า หลบกระสุนที่พุ่งเข้าหาเธอ จากนั้นจึงยกโต๊ะหินอ่อนขนาดใหญ่ขึ้นมา เธอทุบลงไปบนศีรษะของมัน จนกะโหลกนั้นแตกหักมีเลือดหลั่งไหลออกมา ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที จ้าวฉิงก็จัดการเรื่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เพียงพริบตาเดียว คนทั้งห้าก็กลายเป็นศพทั้งหมด
จ้าวฉิงกระแทกตัวนั่งลงกับพื้น สีแดงฉานในดวงตาปรากฏชัดราวกับมีโลหิตไหลเวียนอยู่ในนั้น เสี่ยวเปาจื่อนวดท้องของตัวเองและชี้ไปยังศพที่อยู่บนพื้น "หม่าม้า... หนูหิว.. หนูอยากกิน..."