มารดาปีศาจ ตอนที่ 2 ซากศพแปรสภาพ (2)
“ระวังตัวด้วย” จ้าวฉิงกล่าวอย่างไม่เต็มใจอยู่บ้างและเดินไปส่งโม่หลิน หลังจากกลับมาหญิงสาวก็นั่งพักอยู่ครู่ใหญ่ เธอมองไปที่รูปถ่ายเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมา
ความรักของเธอและหลินฉีฝานคล้ายกับเรื่องราวในเทพนิยาย หลินฉีฝานได้ช่วยเธอไว้ ยามที่หญิงสาวได้รับบาดเจ็บ และหลังจากนั้น ด้วยความใส่ใจห่วงหาอาลัยและความอ่อนโยนของเขา เธอก็หวั่นไหวและตกลงไปในวังวนแห่งความรักเข้าเต็มๆ ดังนั้นการแต่งงานของเธอ จึงเป็นเรื่องแน่นอนที่ต้องเกิดขึ้น
ทว่าตอนนี้ เรื่องราวในวันวานเหล่านั้นราวกับกลายเป็นเรื่องตลก
จ้าวฉิงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นจนอารมณ์ของเธอกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง จากนั้นก็ประคองหน้าท้องของตนอย่างทะนุถนอมแล้วค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากนั้นหญิงสาวก็เดินออกจากที่นั่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกของเธอก็ยังสำคัญที่สุด ใกล้ได้เวลาให้กำเนิดเขาแล้ว ไม่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจะร้ายแรงเพียงใด เรื่องพวกนั้นก็ต้องรอไปก่อนจนกว่าเด็กคนนี้จะคลอดออกมา
จ้าวฉิงโบกมือเรียกแท็กซี่ เตรียมตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์อีกครั้ง แต่ก่อนที่แท็กซี่จะได้มาจอดตรงหน้าเธอ เสียงดังลั่นแสบแก้วหูเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางด้านหลัง จ้าวฉิงต้องการจะเบี่ยงตัวหลบ ทว่าเธอตั้งครรภ์ใกล้คลอดเช่นนี้ หญิงสาวจะหลบเลี่ยงจากยานยนต์ซึ่งเร่งเครื่องตรงเข้ามาหาเธอได้อย่างไร
แม้แต่ในวินาทีที่กำลังจะถูกชนเข้าอย่างจังโดยรถคันหนึ่ง จ้าวฉิงก็ยังพยายามปกป้องลูกน้อยในท้องของเธออย่างสุดความสามารถ ลูกของฉัน ไม่นะ!
ขณะที่เธอกำลังล้มคว่ำลงไปบนพื้น จ้าวฉิงก็มองเห็นอย่างชัดเจน ผู้หญิงที่ขับรถคันนั้นกำลังยิ้มเยาะโดยไม่มีร่อยรอยของความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย วงหน้านั้นเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วกับผู้หญิงที่อยู่ในรูปถ่ายกับคนรักของเธอ
จ้าวฉิงจ้องมองอย่างเคียดแค้นไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็ทำได้เพียงมองตามไปเท่านั้นขณะที่ผู้หญิงนั่นขับรถหนีไป คลื่นแห่งความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่ซ่านออกมาจากหน้าท้องของเธอ หญิงสาวอ้าปากกว้างพยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสียงเบาราวกับยุงของตนออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ช่วย...ลูกฉัน...ช่วยด้วย”
ผู้คนที่สัญจรไปมามองที่เธออย่างสงสาร ทว่าไม่มีสักคนที่จะยอมหยุดรถมาช่วย ตรงกันข้าม พวกเขาล้วนหวั่นเกรงว่าตัวเองจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาล้วนเหยียบคันเร่งและจากไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวฉิงชิงชังอย่างยิ่ง เธอชิงชังหลินฉีฝานที่น่าขยะแขยง ชิงชังผู้หญิงสารเลวคนนั้น และยังชิงชังบรรดาผู้คนใจหินเหล่านี้ที่เลยผ่านเธอไปโดยไม่ยอมช่วยเหลือ ความตายของเธอไม่ใช่เรื่องสำคัญแม้แต่น้อย แต่ลูกของเธอ เขายังไม่มีโอกาสแม้แต่ได้ลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำ...
วิสัยทัศน์ของเธอเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกถึงเลือดที่กำลังไหลรินลงมาตามขาอ่อนอย่างไม่หยุดยั้งได้ชัดเจน ของเหลวหยดหนึ่งตกกระทบขอบตาของเธอ จากนั้นหญิงสาวก็สิ้นสติไปพร้อมกับภาพตรงหน้าที่เป็นสีแดงสนิทและเสียงกรีดร้องก้องกังวาน
“อ๊า ฝนสีแดงล่ะ!”
“ฉันไม่เคยเห็นฝนสีแดงมาก่อนเลย!”
จะต้องเป็นสวรรค์แน่นอน สวรรค์คงกำลังร่ำไห้หลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดให้กับเธอ หญิงสาวปิดเปลือกตาเหลือกลานของตนเองลงช้าๆ หากเธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอจะต้องฆ่าหญิงร้ายชายชั่วคู่นั้นให้จงได้!
…........
ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลส่วนใหญ่มักใช้เป็นที่เก็บศพ โดยทั่วไปแล้ว เหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลก็มักมีส่วนเกี่ยวข้องกับห้องเก็บศพนี้เอง เหตุผลก็เพราะสถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป และศพที่เก็บอยู่ในนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลึกลับเหล่านั้นเช่นกัน
“นี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ หนึ่งศพแต่เสียไปถึงสองชีวิต!”
“ผู้กระทำความผิดถูกจับได้หรือยัง?”
“ใครจะไปรู้ ดูสิ ขนาดศพยังไม่มีใครมารับเลยด้วยซ้ำ...”
เสียงอันเลือนรางค่อยๆ ลอยผ่านเข้าไปในหูของจ้าวฉิงราวกับสายลมบางเบาที่พัดปลิวอย่างช้าๆ หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้น สีสันอันแดงฉานนั้น เธอยังคงจำมันได้ เธอตายแล้วไม่ใช่หรือ?
รถที่พุ่งเข้ามาชน ลูกของเธอ...ใช่แล้ว! ลูกของเธอ! จ้าวฉิงขยับและเหยียดมือออกมา ตั้งใจจะสัมผัสหน้าท้องโป่งนูนของตน จากนั้นก็ตัวแข็งทื่อไป เมื่อหน้าท้องอันใหญ่โตนั้นเริ่มขยับเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
หญิงสาวพยายามปลุกปลอบความกล้าหาญขึ้นมา ดูเหมือนจะมีบางสิ่งในท้องของเธอกำลังดิ้นรนอยู่ โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดหาเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยังไม่ตาย แต่หัวใจของหญิงสาวกลับเต็มตื้นไปด้วยความยินดี การเคลื่อนไหวนี้เป็นเพราะลูกใช่หรือเปล่า? เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
จ้าวฉิงฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตนออก แล้วจึงได้เห็นหน้าท้องกลมโตสีเทาซีด ผิวหนังหน้าท้องนั้นยังคงกระเพื่อมไหวอย่างต่อเนื่อง นี่จะต้องเป็นลูก นี่จะต้องเป็นลูกของเธอแน่!
จ้าวฉิงอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ทว่ากลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา เธอตื่นเต้นวิตกกังวลอยู่บ้าง ฉันจะเอาลูกออกมาได้ยังไง? ลูกของฉัน! อยู่ในที่แคบแบบนั้น เขาจะต้องหวาดกลัวมากแน่!
จ้าวฉิงลูบท้องของตนไม่หยุดขณะที่ครุ่นคิดอย่างเร่งรีบ
ตอนนั้นเองที่หญิงสาวค้นพบว่าเล็บมือของเธอนั้นงอกยาวออกมา และสีสันของมันก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเขียวอมดำ เพียงมองครั้งเดียวก็บอกได้เลยว่ามันคมกริบราวกับมีดโกน
หญิงสาวมองเล็บมือของตนอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ยกมือขึ้นจากหน้าท้องโดยสัญชาตญาณ แล้วกรีดผ่านชั้นผิวหนังนูนพองนั้นเบาๆ เปิดรอยแผลเส้นหนึ่งออกมา ทว่าไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว สิ่งที่ออกมากลับเป็นมือน้อยๆ อวบขาวยื่นออกมาจากรอยผ่านั้น
“ลูกของฉัน...” จ้าวฉิงทั้งประหลาดใจและตื้นตันไปพร้อมๆ กัน เธอเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เธอมองดูมือเล็กๆ นั้นแหวกเปิดรอยแผลที่หน้าท้องของเธอออกมา แล้วตุ๊กตาอ้วนกลมที่มีหน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนกับทารกก็ตะเกียกตะกายออกมาอย่างยากลำบาก
ทารกนี้ไม่เหมือนกับว่าเขาเพิ่งถือกำเนิดเลยแม้แต่น้อย ผิวของเขาขาวนวลเปล่งประกาย แก้มยุ้ยนั้นอมชมพูเลือดฝาด และนอกจากที่ดวงตาของเขามีเพียงสีดำสนิทกลมโตแล้ว ลักษณะภายนอกทุกอย่างของเขาเหมือนทารกที่เกิดได้หลายเดือนแล้ว
เขายกศีรษะเล็กขึ้น ดวงตาของเขาสะท้อนเงาร่างที่น่าสงสารของจ้าวฉิง จากนั้นก็เริ่มขบกัดนิ้วมือของเธอเบาๆ แล้วจึงกระโจนเข้าใส่จ้าวฉิงแล้วร้องเรียกเธอเสียงใส “หม่าม้า!”
“ลูก ลูกแม่!” จ้าวฉิงโอบกอดเสี่ยวเปาจื่อของเธอไว้เต็มอ้อมแขน ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ารอยแยกขนาดใหญ่ที่หน้าท้องของเธอนั้นกำลังค่อยๆ สมานตัวเข้าหากัน
[เสี่ยวเปาจื่อ(ซาลาเปาน้อย) = เป็นชื่อเล่นที่คนจีนชอบตั้งให้ลูก เพื่อแสดงถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของพวกเขา]
หญิงสาวพรมจูบไปบนใบหน้าเสี่ยวเปาจื่อของเธออย่างไม่หยุดยั้ง ความปิติยินดีที่เต็มตื้นขึ้นมาในอกนี้ราวกับได้รับของรักที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมา เหมือนมองเห็นแสงสว่างหลังจากความสิ้นหวัง เธอรู้สึกเบิกบานใจอย่างแท้จริง
เสี่ยวเปาจื่อของเธอก็ช่างว่านอนสอนง่าย มือเล็กๆ โอบกอดรอบลำคอหม่าม้าของเขา ก้นขาวสะอาดของเขาที่อยู่บนใจกลางฝ่ามือของจ้าวฉิงเริ่มบิดไปบิดมา จูบของหม่าม้าจั๊กจี้จังเลย!
หลังจากจูบเสี่ยวเปาจื่อจนพอใจและปลุกปลอบความเยือกเย็นของตนเองกลับมาได้ เธอก็ค้นพบว่าไม่เพียงแต่รอยแผลผ่ายาวที่หน้าท้องของเธอจะหายเป็นปกติเท่านั้น แต่รอยแผลเป็นที่มีมาเนิ่นนานแล้วก็หายไปด้วยเช่นกัน
นี่มันทะแม่งๆ แล้ว หรือว่าเธอเพิ่งจะกลายเป็นผีไป? หรืออาจจะเป็นซากศพเดินได้?
“ที่นี่มันหนาวไปหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลนะลูกรัก แม่จะพาหนูออกไปเอง” จ้าวฉิงกดข่มความสงสัยทั้งปวงลงไปในใจ ใช้พลังทั้งหมดเปิดช่องว่างที่เธอนอนอยู่ออกไป ทันใดที่หญิงสาวอุ้มทารกน้อยออกมาด้านนอกได้ เธอรับรู้ทันทีว่าสถานที่ที่เธอนอนอยู่นั้นคือช่องแช่แข็งสำหรับเก็บศพ
อย่างที่คิดไว้ เธอตายไปแล้วจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ตอนนี้เธอได้ยืนอยู่ที่นี่ ยังคงมีลมหายใจและโอบอุ้มทารกล้ำค่าของตนไว้ในอ้อมแขน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้คืนมานี้ล้วนต้องก้มกราบขอบคุณต่อสวรรค์
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะสงสารเธออยู่บ้าง จึงช่วยนำพาเธอกลับมาจากโลกอันเย็นเยียบ และมอบโอกาสให้เธอได้แก้แค้น!
“หม่าม้า หนูหิวจัง...” เสี่ยวเปาจื่อบุ้ยปาก จ้องมองที่จ้าวฉิงด้วยท่าทางน่าสงสาร เมื่อเห็นทารกแสนล้ำค่าของตนทำท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ หัวใจของจ้าวฉิงก็ละลายกลายเป็นน้ำทันที เธอจูบไปตามใบหน้าของเสี่ยวเปาจื่ออีกครั้ง “ลูกรัก ฟังแม่นะ รอจนเราออกไปจากที่นี่ได้แล้วแม่จะหาของกินให้หนูแน่นอน”
เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้สถานการณ์เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองในตอนนี้ดีพอ และไม่ทราบได้ว่าจะสามารถผลิตนมให้ทารกน้อยได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าทำไม่ได้ เช่นนั้นก็คงค่อนข้างลำบากมากทีเดียว
ขณะที่ออกมาจากห้องเก็บศพ จ้าวฉิงก็ค้นพบความจริงอีกอย่างหนึ่ง ความแข็งแรงของเธอเพิ่งขึ้นมาก และร่างกายของเธอก็ดูสง่างามขึ้นด้วย ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน คงจะยอดเยี่ยมไปเลยถ้ามีกระจกสักบานให้เธอได้มองดูเงาสะท้อนของตัวเองได้ เธอจะได้ตรวจสอบว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือไม่
ทันใดที่จ้าวฉิงได้ขึ้นมาถึงชั้น G* เธอก็ตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว อันที่จริงแล้วโลกทั้งใบล้วนเปลี่ยนแปลงไป ตลอดช่วงเวลาที่เธอได้นอนหลับตาไปนั้น หลังจากลืมตาขึ้นมาก็พบว่าทุกสิ่งได้เปลี่ยนสภาพไปเสียแล้ว ความเปลี่ยนแปลงนี้ราวกับพลิกฟ้าคว่ำดินเลยทีเดียว!
หมายเหตุ * ชั้น G คือชั้น ground เนื่องจากห้องเก็บศพอยู่ชั้นใต้ดินซึ่งอยู่ด้านล่างชั้น G ไปอีกที จ้าวฉิงจึงต้องเดินขึ้นมาข้างบน