มารดาปีศาจ ตอนที่ 3 วันสิ้นโลก (1)
เมื่อประตูลิฟต์เปิดอ้าออก กรงเล็บสีฟ้าอมเขียวแห้งผากก็พุ่งออกมาทันที เล็บยาวเหยียดนั้นแต่งแต้มด้วยสีเลือดเนื้อ สิ่งที่กำไว้แน่นดูเหมือนจะเป็นศีรษะที่ไม่สมประกอบ เหตุผลที่มันไม่สมประกอบน่ะหรือ? ก็เพราะว่าหัวของตัวอะไรก็ตามที่อยู่ในกรงเล็บนั้นถูกกรีดสับออกเป็นชิ้นๆ จนเห็นได้เลยว่ามีสมองสีดำไหลกระเพื่อมอยู่ภายใน
จ้าวฉิงชะงักไป กำหมัดเข้าหากันโดยสัญชาตญาณ เธอดึงศีรษะไร้เจ้าของนั้นออกมา แต่แย่หน่อย หัวที่ถูกทำร้ายมาเละเทะนั้นเมื่ออยู่ในมือเธอแล้วช่างเปราะบางเหมือนแอปเปิ้ลเน่า มันแตกกระจายลงบนพื้นดังแผละ
พลังของเธอ...ช่างมากล้นจริงๆ...
หญิงสาวแทบไม่อาจเก็บงำความประหลาดใจไว้ได้ จ้าวฉิงก้าวเดินต่อไปตามโถงกว้าง พื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษชิ้นเนื้อที่น่าขยะแขยง, แขนขาที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และซากศพที่ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีราวกับว่ามีสัตว์ป่ามากระชากมันออกเป็นชิ้นๆ พบเห็นได้ทั่วไป
หากสิ่งที่ผ่านมาทำให้จ้าวฉิงรู้สึกประหลาดใจแล้ว สิ่งที่ได้เห็นต่อไปนี้อาจทำให้เธอเป็นบ้าได้เลย นอกจากซากศพที่กระจัดกระจายไปทั่ว ยังมีบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในทางเดิน มันทุกตัวทั้งใบหน้าและเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเน่าเหม็น บางตัวสวมชุดผู้ป่วย บางตัวสวมสุดพยาบาล นี่สามารถบอกได้ว่าเมื่อตอนที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ พวกมันต้องเป็นผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแน่นอน
หรือนี่อาจจะเป็น…วันสิ้นโลก
จ้าวฉิงนึกถึงฝนสีเลือดที่ตกลงมาก่อนเธอตาย จากที่เธอคิดว่าสวรรค์ร้องไห้ให้กับการตายของเธอ ความจริงแล้วนี่อาจจะเป็นโทษทัณฑ์จากสวรรค์ต่อโลกมนุษย์ก็เป็นได้
จ้าวฉิงโอบกอดลูกน้อยของเธอไว้ในอก มืออีกข้างหยิบถังดับเพลิงมาใช้แทนค้อนและตั้งท่าเงื้อง่าเพื่อป้องกันตัวจากพวกปีศาจเหล่านั้น
"ลูกรัก ไม่ต้องกลัวนะ" เธอกระซิบปลอบขวัญเสี่ยวเปาจื่อ จ้าวฉิงพบว่าพวกซอมบี้ไม่ได้เหมือนกับพวกที่โดนอาวุธชีวเคมี ทั้งๆ ที่เห็นเธอและลูกพวกมันก็ไม่ได้พุ่งเข้ามากัดเธอ พวกมันแค่เดินไปรอบๆ ทำราวกับว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น หรือบางทีมันอาจจะคิดว่าเธอเป็นพวกเดียวกันก็ได้
จ้าวฉิงพยายามจะรับฟังเสียงในหน้าอกของเธอ แต่ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจตนเองได้เลย หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว บางทีเธออาจจะเป็นเหมือนกับตัวประหลาดเหล่านั้น
ไม่นานเธอก็ทำใจได้ จ้าวฉิงอุ้มเสี่ยวเปาจื่ออย่างทะนุถนอมและเดินออกไปด้านนอก เธออยากรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเฉพาะที่นี่หรือว่าทั้งโลกล้วนกลายเป็นเช่นนี้ไปหมดแล้ว
เสี่ยวเปาจื่อนอนอยู่บนไหล่ของจ้าวฉิง ดวงตากลมโตของเขาเบิกกว้างมองไปทุกทิศทาง โดยไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่นานนักทั้งแม่และเด็กน้อยก็เดินมาถึงทางออกโรงพยาบาล
เป็นดังที่จ้าวฉิงคาดการณ์ไว้ โลกภายนอกถูกครอบครองโดยซอมบี้ ราวกับว่านี่คือวันสิ้นโลกจริงๆ
"ลูกรัก หนูกลัวหรือเปล่า" จ้าวฉิงหันกลับไปมองลูกของเธอ และพบว่าลูกชายของเธอลืมตาอยู่ตลอดเวลา เสี่ยวเปาจื่อผู้แสนเชื่อฟังหันกลับไปหอมแก้มแม่ของเขาและพูดว่า "ถ้าหม่าม้าอยู่กับหนู ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น!"
หัวใจของจ้าวฉิงราวกับจะพองฟูลอยขึ้นมาได้ หญิงสาวกระชับอ้อมแขนอุ้มลูกแน่นขึ้น จากนั้นเธอเดินไปที่ร้านเสื้อผ้า และเลือกเสื้อผ้าเด็กมาให้เสี่ยวเปาจื่อ อย่างไรก็ตามมีสิ่งของมากเกินไปในร้านนี้ ซึ่งจ้าวฉิงไม่สามารถเก็บได้หมด เธอครุ่นคิดว่าถ้าหากมีถุงสักใบก็คงยอดเยี่ยมมาก ทันใดนั้นเสื้อผ้าที่อยู่ในมือของเธอก็หายไปในอากาศ เธอทั้งตื่นตระหนกและพึงพอใจ นี่เป็นไปได้ไหมที่จะเหมือนกับในนิยายที่เธอสามารถความคุมมิติว่างเปล่าได้?
จ้าวฉิงหลับตาลงพยายามที่รับรับรู้การคงอยู่ของสิ่งที่เรียกว่ามิติว่างเปล่า เธอสามารถรู้สึกถึงมันได้ เพียงแต่ว่ามันมีขนาดแค่ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น เสื้อผ้าที่เธอเลือกให้กับเสี่ยวเปาจื่อกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
แม้ว่าจะไม่ใช่มิติว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดขนาดที่สามารถปลูกพืชหรือพาคนเข้ามาอยู่ได้ แต่มันก็ยังสามารถเก็บอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน นี่ทำให้จ้าวฉิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว
หลังจากใส่เสื้อผ้าของเธอและของกินรวมถึงนมผงเด็กลงไปในมิติจนเต็ม เธอก็เดินจากไปพร้อมกับเสี่ยวเปาจื่อ
"หม่าม้า เรากำลังจะไปที่ไหนเหรอ" เสี่ยวเปาจื่อถามพร้อมกับกระพริบตากลมโตของเขา
จ้าวฉิงเหลือบมองกระจกและเห็นคนหนึ่งผู้หญิงที่มีผิวซีดเผือด แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับพวกซอมบี้เหล่านั้น ตราบใดที่ไม่มีใครเข้ามาใกล้ ก็คงไม่มีผู้ใดค้นพบความสามารถพิเศษของเธอได้ ตอนนี้เธอรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย เธอเอ่ยปากตอบคำถามลูก “เรากำลังจะไปที่เมืองหลวง!”