ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0066
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0068

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0067


ตอนที่ 67 : พลังของผังวิญญาณธาตุแสง

ก็เป็นดังที่ทุกคนคาดการณ์ เย่เสินเหล่ยไม่คิดสู้ในรอบนี้! ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงเลื่อนขึ้นเป็นอันดับสี่!

ถัดจากนั้น เขาจึงท้าเมิ่งเฟยหลิงซึ่งเป็นอันดับสามประลอง

ทุกผู้คนล้วนคาดหวังศึกครั้งนี้ เมิ่งเฟยหลิงกลับกระทำผิดคาด นางไม่สู้และยอมรับความพ่ายแพ้

นางกล่าวว่า นางต้องการให้นักล่ามังกรอยู่ในสภาพดีพร้อมเพื่อท้าประลองบุคคลอันดับสองอย่างเชี่ยวหลาง

เหตุผลก็เพราะ หากนักล่ามังกรสามารถจัดการเชี่ยวหลางผู้อยู่อันดับสองได้ เช่นนั้นพละกำลังระดับนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถรับมือได้โดยง่าย

หากนางประลองยุทธ์ที่ตรงนี้ จะมากจะน้อยก็ต้องได้รับบาดเจ็บ ยอมแพ้เสียแต่แรกเพื่อสู้ทีหลังยังไม่สายสำหรับนาง

นอกจากนี้ อันดับสองอย่างเชี่ยวหลางจะยังไงก็ต้องต่อสู้กับนักล่ามังกร หากอีกฝ่ายพ่ายแพ้ นางก็ค่อยท้าประลองอีกฝ่ายช่วงบาดเจ็บก็เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งแล้ว

หลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสติปัญญาอันปราดเปรื่องของนาง

“นางสารเลวนี่วางแผนชั่วช้านัก!” เชี่ยวหลางผู้อยู่บนห้องรับรองแขกพิเศษถึงกับต้องกราดเกรี้ยว

เขาคิดว่าเมิ่งเฟยหลิงจะช่วยสกัดชายหน้ากากไว้ ที่เขาไม่คิดเลยก็คือเมิ่งเฟยหลิงจะปล่อยอีกฝ่ายผ่านมาทั้งสภาพสมบูรณ์

แน่นอนว่าเมิ่งเฟยหลิงทราบ ว่านักล่ามังกรก็คือฉินหยุน ดังนั้นนางจึงเลือกไม่สู้

เป็นเพราะนางมั่นใจยิ่งในพละกำลังที่ฉินหยุนครอบครอง!

หลังฉินหยุนเลื่อนขึ้นเป็นอับดับสาม เขาจึงท้าประลองเชี่ยวหลางซึ่งอยู่อันดับสองในทันที!

ตอนนี้ ในที่สุดทุกคนก็เริ่มรู้สึกวางใจได้ ก่อนหน้าพวกเขาคาดหวังมาโดยตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็จะได้ดูการต่อสู้ของจริงกันเสียที

ฉินหยุนท้าประลองและชนะมาแล้วสองครั้งโดยไม่ต้องสู้ ครั้งนี้เขาต้องสู้กับเชี่ยวหลางแน่นอนแล้ว การประลองนัดนี้นับว่าคุ้มค่าแก่การคาดหวังตั้งตารอ

หลังจากฉินหยุนส่งคำท้าประลองถึงเชี่ยวหลาง เชี่ยวหลางก็ตอบรับภายในหนึ่งชั่วโมง!

ภายในโรงฝึกมังกรซ่อนเร้น ทุกคนตอนนี้ต่างคาดหวัง พวกเขากำลังพูดคุยเสียงดังอึกทึก นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็อารมณ์เดือดพล่านต้องการรับชมศึกนี้มากเพียงใด!

เชี่ยวหลางสวมใส่ชุดเกราะสีแดงทองคำ ทั้งยังขี่ราชสีห์เหมันต์สีขาวค่อย ๆ เดินย่างออกจากประตู ลำพังเพียงออร่าตอนนี้ มันก็มากพอให้สะกดข่มฉินหยุนเอาไว้ได้

ผู้คนต่างคิด หากเป็นตนที่ต้องเผชิญหน้ากับราชสีห์เหมันต์ของเชี่ยวหลาง พวกเขาคงไม่มีทางชนะได้แน่ นี่ยังไม่กล่าวถึงตัวเชี่ยวหลางเองที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก!

เชี่ยวหลางครอบครองเส้นวิญญาณสี่ตะวัน ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ดาบระดับแพลทินัม ข้อได้เปรียบใหญ่หลวงที่สุดของเขาก็คือวิญญาณยุทธ์ดาบที่สามารถปล่อยปราณดาบรุนแรงยิ่งออกมาได้

หลังผสมผสานกับอาวุธวิญญาณครึ่งขั้น มันจะมีศักยภาพทัดเทียมกับอาวุธวิญญาณที่แท้จริง

โฮก!

ราชสีห์เหมันต์คำราม บนหลังนั้นพาร่างของเชี่ยวหลางกระโดดขึ้นลานประลอง เป็นผลให้ทั่วทั้งลานประลองสั่นไหวระดับหนึ่ง

“ได้ยินมาว่า อาจารย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนมาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์ คิดว่าตอนนี้น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด!”

“ฉินเฟิงพ่ายแพ้อนาถเกินไป ชายหน้ากากนั่นดึงดูดความสนใจของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนได้ไม่ใช่น้อย”

“การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นนี้ก็จัดขึ้นเพื่อนักเรียนที่เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนอยู่แล้ว ตอนนี้กลับโดนชายหน้ากากทำพัง เป็นผลให้พวกเขาต้องมารับชมเรื่องราว”

หากคนผู้หนึ่งสามารถรักษาอันดับหนึ่งของเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้น คนผู้นั้นจะได้รับหญ้าหัวใจลึกล้ำ

หญ้าหัวใจลึกล้ำจะทำให้ผู้ฝึกตนสามารถฝึกฝนวิถีหัวใจเหลืองดำอันทรงพลังได้ มันถูกกล่าวว่าเป็นโอสถระดับลึกล้ำ เหนือยิ่งกว่าโอสถวิญญาณ!

ตามข่าวลือ หญ้าหัวใจลึกล้ำนี้ถูกบ่มเพาะโดยสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม หากมันถูกบุคคลภายนอกนำไปครอบครอง เช่นนั้นก็เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงแล้ว

เชี่ยวหลางกำลังมองต่ำไปยังฉินหยุนด้วยท่าทีเย็นเยือกและอหังการ น้ำเสียงหัวเราะเย้ยหยันกล่าวด้วยความรังเกียจ “เจ้าสมควรอยู่เพียงแค่อันดับสาม ถึงกับท้าข้าประลอง เจ้าแสวงหาปัญหาโดยแท้ หากเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องกลายเป็นอาหารสัตว์!”

น้ำเสียงไม่แยแสเช่นนี้คล้ายไม่เคยมีผู้ใดควรค่าในสายตาเขา

ทุกคนต่างคิดว่าคำพูดนี้ไม่ใช่การล้อเล่น อย่างไรแล้วเขาก็ครอบครองสัตว์ปีศาจระดับที่เจ็ด ทั้งยังมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศนัก

ราชสีห์เหมันต์คำรามร้องดัง ออร่าเย็นเยือกจากตัวมันแผ่กระจายขณะเผยฟันคมกริบชวนสะพรึง ดวงตาคู่นั้นของมันเปี่ยมด้วยความโหดเหี้ยมคิดอยากเข้าขย้ำฉินหยุนแทบทันที

“เริ่มได้!” หลังกรรมการประกาศจบคำ ฉินหยุนก็พลันนำค้อนหลอมออกมา

เชี่ยวหลางกระโดดลงจากหลังราชสีห์ขณะชักดาบออก

ราชสีห์เหมันต์พลันพุ่งตัวไปด้านข้างทั้งยังอ้าปากกว้าง มันพ่นเอากระแสเย็นเยือกที่พร้อมทิ่มแทงราวดาบน้ำแข็งใส่ฉินหยุน

ทุกผู้คนต่างอดไม่ได้ที่จะต้องสูดอากาศเย็นเยือกนี้เข้าไป สิ่งนี้คือดาบน้ำแข็งกำลังภายใน!

สัตว์ปีศาจระดับเจ็ดก็เหมือนกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด พวกมันสามารถใช้กำลังภายในได้

ฉินหยุนตอนนี้มีสภาพเป็นหนึ่งสู้สอง นับว่าไม่ยุติธรรมนักแต่ก็ไม่มีทางเลี่ยง ที่เขาต้องเผชิญหน้าคือความจริง

ดาบน้ำแข็งซึ่งพ่นออกจากปากของราชสีห์เหมันต์พลันโดนฉินหยุนโต้กลับด้วยเปลวเพลิง

และที่น่าหวั่นเกรงที่สุดคือเชี่ยวหลางพลันจ้วงแทงรวมเป็นหนึ่งแอบแฝงมาพร้อมกับดาบนี้!

เป้าหมายของปลายดาบคือคอของฉินหยุน เขารู้สึกถึงแรงสะกดข่มจากปลายดาบที่พร้อมจะแทงทะลุลำคอ กระทั่งน้ำลายตอนนี้ยังยากกลืนลง

ด้วยอาการแตกตื่น เขาเร่งร้อนเหวี่ยงค้อนรุนแรงไปทางด้านข้างหวดฟาดเข้ากับดาบที่พุ่งเข้าหาตน ทั้งยังปล่อยกระบวนฟ้าคะนองสะเทือน!

เคร้ง!

ประกายไฟกระเด็นทั่วทุกทิศทาง!

ทว่า ดาบในมือเชี่ยวหลางยังคงพุ่งแทงต่อ มันไม่คล้ายได้รับผลกระทบจนหันเหแต่อย่างใด!

ชั่วขณะนี้เอง ฉินหยุนรู้สึกถึงออร่าแห่งความตาย ความเย็นเยือกกระจายผ่านทั่วทั้งร่างขณะพยายามก้าวถอยอย่างสูญเปล่า

ดาบอันหนักแน่นของเชี่ยวหลางนี้ไม่มีเบี่ยงเบนเป้า ปลายดาบเล็งที่คอของฉินหยุนขณะยิ่งมายิ่งใกล้ขึ้น

ด้วยสัญชาตญาณ ฉินหยุนเหวี่ยงค้อนหลอมออก ราวกับแสงวูบผ่าน เขาหวดเข้าใส่ดาบของเชี่ยวหลางจนเกิดสะเก็ดเปลวเพลิงลากยาวเป็นหางจนกระทั่งเกิดเสียง “ตึ้ง”

ตัวดาบสั่นสะท้าน มันกระทั่งเกิดคลื่นสั่นสะเทือนผ่านอากาศ ดาบที่เปี่ยมด้วยเจตนาสังหารของเชี่ยวหลางพลันสลายพลัง!

นี่คือกระบวนที่สามของมังกรหลอม กระบวนแสงไหลหลั่ง

กระบวนท่านี้โดยหลักเน้นที่ความเร็วและอำนาจการทะลวงอันแข็งแกร่ง!

โฮก!

ราชสีห์เหมันต์คำรามร้องขณะพ้นเอาหมอกสีขาวออกมา มันพุ่งเข้าใส่ฉินหยุนพร้อมออร่าเย็นเยือก

ฉินหยุนเพราะมัวแต่แตกตื่นกับเคล็ดวิชาดาบของเชี่ยวหลาง เขาถึงกับลืมเลือนว่ายังมีราชสีห์เหมันต์ระดับเจ็ดอยู่ในระยะประชิด!

เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ภายใน “เราสู้ไม่ไหว”

เผชิญหน้ากับพลังอำนาจชวนสะพรึงอย่างเชี่ยวหลาง เขาแทบกลายเป็นคนไร้กำลัง ก่อนหน้านี้ตอนต่อสู้กับฉินเฟิง เขายังไม่เคยรู้สึกไร้พลังเพียงนี้

หากเขาเผชิญหน้าเพียงแต่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก เขาก็ยังมีโอกาสให้ฉกฉวย!

หลังโดนราชสีห์เหมันต์โจมตีเข้าใส่ ร่างของฉินหยุนกลับกลายเป็นเย็นเยียบ เขาเริ่มโดนแช่แข็งขณะถูกส่งลอยไปไกลลิ่วด้วยขุมพลังรุนแรง

เชี่ยวหลางถึงตอนนี้พลันนำเอายันต์อัคคีกว่าสิบแผ่นออกมาพร้อมขว้างปาใส่ฉินหยุน!

ตู้ม!

ยันต์อัคคีระเบิดเปลวเพลิงร้อนแรงปกคลุมร่างของฉินหยุนชั้นแล้วชั้นเล่า!

“โดนสะกดข่มอย่างสมบูรณ์เลย!”

“ชายหน้ากากในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้!”

“สมแล้วที่เชี่ยวหลางเป็นถึงองค์ชายอันดับสองของเทียนเชี่ยว ยันต์ในมือนั่นสมควรเป็นอาจารย์ของเขาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนมอบให้”

แต่แล้วขณะที่กล่าวจบคำ เชี่ยวหลางพลันนำเอายันต์สายฟ้าอีกห้าแผ่นออกมาพร้อมขว้างปาอีกครั้ง!

ด้วยเสียงฟ้าคำราม สายฟ้าจำนวนหนึ่งพลันฟาดลงที่กลางทะเลเพลิง! แทบในทันที มันก่อเกิดขึ้นเป็นคลื่นพายุอสนีบาตที่มีเปลวเพลิงลุกโชน!

ทุกผู้คนต่างเชื่อว่าหากฉินหยุนรอดมาได้ก็สมควรเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่แล้ว!

เมื่อเชี่ยวหลางเข้าต่อสู้กับฉินหยุนในระยะประชิด เขารู้สึกได้ถึงความอันตรายรุนแรง ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาพบเห็นโอกาส เขาจึงตัดสินใจขว้างปายันต์ซึ่งได้รับจากอาจารย์ของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนอย่างไม่รีรอ

หลังพายุอสนีบาตและอัคคีเพลิงยุติ ฉินหยุนยังคงยืนอยู่ ทั้งร่างของเขามีเปลวเพลิงล้อมไว้เป็นวง ชุดหนังที่สวมใส่โดนเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง ทว่ามันมีวงแสงลึกลับหมุนวนอยู่รอบ!

“นั่นมัน... ผังธาตุแสง หนังสัตว์และชุดพวกนั้นมีผังธาตุแสง มันกำลังช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวตะโกนด้วยความอึ้งทึ่ง

ผังธาตุแสงคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง จะมีอยู่ก็เพียงแต่ในมือของผู้ทรงอำนาจจำนวนน้อยนิด แต่แล้วตอนนี้ พวกมันกลับโดนแกะสลักเอาไว้ที่ชุดของชายเบื้องหน้า กับปรมาจารย์จารึกผู้หนึ่งถึงกับแกะสลักเอาไว้ที่ของเช่นนี้ มันช่างเป็นการสูญสิ้นทรัพยากรอย่างผิดธรรมชาติ!

อาการบาดเจ็บร้ายแรงของฉินหยุนก่อนหน้ากำลังได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วด้วยผังธาตุแสง!

“เจ้าคิดอยากประลองยันต์กับข้าหรือ?” ฉินหยุนโกรธแค้น ภายใต้สายตาทุกผู้คน เขาหยิบเอายันต์จำนวนหนึ่งออกมา

พวกมันล้วนสร้างขึ้นจากหนังสัตว์ ทั้งยังจำนวนหลายสิบแผ่น!

เมื่อเชี่ยวหลางพบเห็นสิ่งในมืออีกฝ่าย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนรุนแรง เขาถึงกับแตกตื่นขณะเร่งรีบโคจรพลังภายในเพื่อสกัดไว้!

ฉินหยุนขว้างกลุ่มยันต์หนังสัตว์ในมือให้พุ่งออก ตอนนี้มันปกคลุมทั่วบริเวณรอบเชี่ยวหลางและราชสีห์เหมันต์ราวเศษกระดาษปลิวว่อน!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เปลวเพลิงคลื่นแล้วคลื่นเล่าระเบิดออกเป็นระลอกจนคล้ายนรกเปลวเพลิง!

เมื่ออาจารย์จากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนได้พบเห็นฉากตรงหน้า เขาถึงกับทั้งแตกตื่นและเป็นกังวล!

พวกเขาไม่กล้ากระโดดขึ้นลานประลองเพราะต้วนเฉียนคุมสถานการณ์อยู่

ที่ต้วนเฉียนก่อนหน้าไม่ทำร้ายฉินเจิ้งเฟิงก็ถือว่าไว้หน้าผู้อื่นมากเพียงพอแล้ว หากเกิดเรื่องอีกครั้งไม่มีผู้ใดกล้ารับประกัน!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด