85 ให้การักษาอย่างเคร่งเครียด
85 ให้การักษาอย่างเคร่งเครียด
ในฤดูหนาวที่เย็นเยียบ ทุกอย่างเหี่ยวแห้งแต่สมุนไพรในแปลงกลับมีชีวิตชีวา เขาค่อนข้างที่เข้าใจลักษณะการเจริญเติบโตของสมุนไพรส่วนใหญ่ที่เขาได้ปลูกเอาไว้ ต่างกับต้นสนที่เขียวตลอดทั้งปี ในเวลานี้พวกมันควรที่เหี่ยวเฉา แต่พวกมันยังเขียวอยู่ ซึ่งต่างจากธรรมชาติทั่วไปของมัน ต้นไม้ที่ใช้สร้างค่ายกลห้าเส้นยังมีใบใหม่งอกออกมาด้วยซ้ำ
มันควรจะพูดได้ว่ามันคือปาฏิหาริย์ มันคือหมู่บ้านที่ห่างไกลในภูเขาเล็กๆลูกหนึ่ง
เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มีความสามารถแบบนี้ได้?
พวกเขาไม่ได้อยู่บนเนินเขานานนักและจากไปหลังจากที่อยู่ได้ไม่นาน
“ลุงเหอ? คุณคิดอะไรอยู่เหรอครับ? คุณเอาแต่เงียบตั้งแต่ที่เราออกมาจากที่นั้นแล้ว?” กั๋วเจิ้งเหอถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” เหอฉีเชิงส่ายหัว
“คุณกำลังคิดเรื่องคราวที่แล้วใช่ไหมครับ? หวังเย้าเข้าเก่งมากเลยนะครับ!” กั๋วเจิ้งเหอพูดอย่างจริงจัง
“ครับ”
“เราชวนเขามาอยู่กับเราได้ไหมครับ?” กั๋วเจิ้งเหอเปลี่ยนท่าทีของเขาไป ท่าทางของความสดใสและใสซื่อได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจ เขายังมีความรอบคอบและสายตาที่กว้างไกล ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนวัยเดียวกันควรจะมีเลย
มีเพียงแค่คนที่คุ้นเคยกับเขาเท่านั้นที่รู้ว่านี้คือคุณกั๋วที่แท้จริง
“คุณหนูได้ให้สัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่รบกวนชีวิตที่สงบสุขของเขาเพื่อรักษาชีวิตของคุณครับ” เหอฉีเชิงพูด
“พี่นั้นซื่อตรงและใจอ่อนเกินไป” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
เหอฉีเชิงนั้นขมวดคิ้วและเงียบไป เขารู้สึกเสียใจที่ได้พาชายหนุ่มมาที่นี่
“แล้วคุณปู่ดีขึ้นบ้างไหมครับ?”
“ครับ เขาอาการดีขึ้นแล้ว”
“โอเค สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ได้ผ่านไปแล้ว มันได้เวลาของพวกเราแล้ว น่าเสียดายที่ต้องทำทุกอย่างไปทีละขั้นตอน มันน่าเบื่อมากที่ต้องทนอยู่กับคนพวกนั้นที่โรงเรียน ผมอยากจะเรียนจบเร็วๆ!” กั๋วเจิ้งเหอพูด
การสนทนานี้มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
ก่อนที่จะจากไป เหอฉีเชิงมองไปที่เนินเขาและกระท่อม เขาอยากจะพูดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถว่า “หยุดความคิดแย่ๆแบบนั้นกับหวังเย้าซะ” แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้
บางที ฉันควรจะบอกคุณหนู
เขารู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นไม่ได้เป็นคนที่สุขุมรอบคอบ เขามักจะใจเย็น แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้หากมีคนทำให้เขาโกรธ เขามีอำนาจมากพอที่จะลงมือทำเรื่องบางอย่างได้และกันตัวเองออกจากปัญหาได้เช่นกัน
เมื่อลูกค้าของเขาได้จากไป หวังเย้าเริ่มคิดเกี่ยวกับภารกิจของเขา เขาดูคำอธิบายของภารกิจในหน้าต่างของระบบ
‘ภารกิจ : ทำให้คนจดจำสิบคนภายในสิบวัน(ผู้ป่วยหรือครอบครัวของพวกเขา) คุณไม่สามารถไปเยี่ยมพวกเขาได้และห้ามทำซ้ำ
ความก้าวหน้าของภารกิจ(3/10)’
มีแค่สามคนเท่านั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? แสดงว่ายาที่เขาให้เทียนหยวนถูไปนั้นมันได้ผลใช่ไหม? หวังเย้าคิดเกี่ยวกับเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้
เขาไม่สามารถไปเยี่ยมผู้ป่วยได้ แต่เขาสามารถกระจายข่าวสารเกี่ยวกับตัวเขาได้ ข่าวเกี่ยวกับเขาที่สามารถรักษาโรคได้จะถูกบอกไปยังญาติพี่น้องและเพื่อนของเขาเป็นอันดับแรก
ในตอนนี้ มีเพียงครอบครัวของเขาและเทียนหยวนถูเท่านั้นที่รู้ว่าเขาสามารถรักษาโรคได้เพราะเขากลัวเรื่องปัญหาที่จะตามมา แต่เมื่อมีภารกิจนี้ เขาก็จำเป็นที่จะต้องคิดใหม่ เขาสามารถกระจายข้อมูลออกไปได้ แต่ก็ต้องเป็นคนที่เขาเชื่อใจได้เท่านั้น มันไม่มีทางอื่นแล้ว แปลงสมุนไพรของเขานั้นมันวิเศษเกินไป คนอื่นจะต้องรู้ว่ามันมีความพิเศษอยู่ เพราะสมุนไพรในแปลงนั้นเขียวสดตลอดทั้งปีแม้แต่ในหน้าหนาวแบบนี้ก็ตาม ดังนั้นยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
“ใครควรจะเป็นคนที่รู้คนแรกดี?”
...
ในตอนกลางคืน มีแขกอยู่ในบ้านของเขาเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขารู้จักพวกเขาทุกคน เพราะพวกเขาก็คือญาติๆของเขาเอง
“สวสัดีครับคุณลุงคุณป้า”
“อ้าว เย้ากลับมาแล้ว”
“ป้าของลูกเขาปวดท้อง ลูกลองตรวจดูหน่อยสิ” จางซิวหยิงพูด
“อะไรนะครับ?” หวังเย้าตกใจ
“ไม่ใช่ว่าลูกบอกแม่ว่าลูกรักษาโรคให้คนอื่นได้เหรอ? แม่เจอป้าของลูกเมื่อตอนกลางวัน เขาบอกว่าเธอปวดท้อง แต่เมื่อไปที่โรงพยาบาลแล้วพวกเขาก็ไม่เจออะไรเลย เธอมักจะปวดท้องอยู่บ่อยๆ ลูกช่วยดูให้เธอหน่อยสิ”
“ได้ครับ!” หวังเย้ารับปากอย่างยินดี เขากำลังคิดเกี่ยวกับภารกิจของเขาแล้วโอกาสมันก็มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“คุณป้า ให้ผมจับชีพจรดูนะครับ”
“ได้จ๊ะ”
การตรวจชีพจรในช่วงเช้านั้นจะง่ายและแม่นยำกว่าช่วงเวลากลางคืนที่ชีพจรจะไม่ชัดเจน แน่นอนว่าสำหรับหมอที่มีความชำนาญสูงนั้นเป็นข้อยกเว้น หวังเย้าได้เรียนรู้วิธีการจับชีพจรมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยทำมันในช่วงเวลากลางคืนเลย และนี้เป็นครั้งแรก
“ป้าครับ ป้ารู้สึกเย็นที่ท้องแล้วก็ท้องเสียบ่อยรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถามเมื่อเขาจับชีพจรอย่างระมัดระวัง
“ใช่”
“สองสามวันมานี้ป้ากินอะไรที่พิเศษกว่าปกติไหมครับ?”
“ไม่มีจ๊ะ!” เธอตอบหลังจากที่คิดแล้ว
“ป้าของลูกเขาชอบกินอาหารรสจัด แล้วหลายวันมานี้ก็กินเหมือนเดิม” จางซิวหยิงพูด
“โอเคครับ”
หวังเย้าเข้าใจแล้ว
“ผมจะไปทำยาให้แล้วป้าก็มาเอายาได้ในวันพรุ่งนี้ตอนกลางวันนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้จ๊ะ ขอบคุณเย้ามากนะ”
“ยินดีครับ”
ทั้งสองนั่งอยู่สักพักก่อนที่จะกลับไป
“คุณคิดว่าเย้าทำได้จริงไหม?” ป้าของหวังเย้าถาม
“เธอเป็นคนอยากมาที่นี่เองนะ” ลุงของหวังเย้าพูด “เขาแค่ปลูกสมุนไพรอยู่แต่บนเนินเขานั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะทำยารักษาได้ นั้นมันเรื่องไร้สาระ”
“แล้วพรุ่งนี้เราจะมาที่นี่ไหม?”
“มาสิ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราไม่ควรทำให้อีกฝ่ายต้องเสียหน้า เธอไม่ควรจะเชื่อน้าของเธอ” ลุงของหวังเย้าพูด
“อืม” ป้าของหวังเย้าตอบ
หวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาเมื่อทั้งสองจากไปแล้ว จากการที่ได้จับชีพจรดู เขาก็รู้ว่าควรจะทำยาตัวไหนเมื่อกลับมาถึงกระท่อมแล้ว
ค่อยต้มยาวันพรุ่งนี้แล้วกัน หวังเย้าคิด
เช้าของอีกวัน หลังจากที่หวังเย้าฝึกพลังฉีและทำงานในแปลงสมุนไพรเสร็จ เขาก็จัดยาตามสูตรที่เขาได้เลือกเอาไว้เมื่อวาน
จากความรู้ที่ได้รับมาจากระบบและศึกษาในหนังสือด้วยตัวเอง เขานั้นสามารถที่จะจัดยาสำหรับโรคทั่วๆไปได้แล้ว เขาจึงสามารถที่จะวินิจฉัยและรักษาอาการคออักเสบให้กับพ่อของเขาได้