บทที่ 99 กวาดทุกคนที่ต่ำกว่าระดับห้า
บทที่ 99
กวาดทุกคนที่ต่ำกว่าระดับห้า
ด้วยกั่วเซี่ยที่ออกไป จึงไม่ได้มีใครเข้าไปดึกั่วเหยาออกมา
“หลี่ฟู่เฉิน เซี่ยเหม่ย มีจิตใจที่ดีและยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง แต่ข้าไม่ได้เป็นเช่นนาง” กั่วเหยาถูกวานมาจัดการหลี่ฟู่เฉินให้บาดเจ็บสาหัส มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาสามารถทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินได้ ผลักเขาเข้าสู่สภาวะตกต่ำ ปล่อยให้เขาเสื่อมโทรมและกลายบุคคลที่ไร้ประโยชน์
“กั่วเหยา หากเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าจะให้เกียรตินั้นกับเจ้า”
หลี่จิ่นซิ่วก้าวออกมา
“หลี่จิ่นซิ่ว เจ้าเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่แปด เจ้าไม่รู้สึกละอายกับการท้าทายกั่วเหยาทั้งๆ แบบนี้?”
หลี่เทียนชียืนอยู่เคียงข้างหลี่จิ่นซิ่วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่มลึก “กั่วเหยาเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า เขาไม่ละอายที่จะท้าทายฟู่เฉินหรือไร?”
กั่วหยี่หลงเปล่งเสียงทางจมูก “มันไม่สำคัญ เราตระกูลกู่นั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นเราจึงเป็นกฎ ตระกูลหลี่ของเจ้าทำได้เพียงแต่ปฏิบัติตามแต่เพียงเท่านั้น”
“หลี่เทียนชี กั่วหยี่หลงกล่าวถูก วันอันรุ่งโรจน์ของตระกูลหลี่จบสิ้นลงไปแล้ว ยอมรับชะตากรรมของเจ้า! ข้าเชื่อว่ากั่วเหยาคงจะมีข้อจำกัดของตัวเอง และจำไม่เข้าทำร้ายเด็กคนนี้”
หยางโอ๋ตระหนักว่าการต่อสู้ระหว่าง 3 ตระกูลครั้งนี้ได้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ตระกูลไปแล้ว แม้ตระกูลหยางยังไม่ได้ก้าวเข้ามา แต่เขาก็พึงพอใจกับการแสดง
ในระหว่างการต่อสู้ทุกครั้ง มันมักจะเป็นทั้งตระกูลกั่วหรือไม่ก็ตระกูลหยางที่เยาะเย้ยตระกูลหลี่เพื่อความสุขของพวกเขา
“หยางโอ๋ เจ้า…!”
หลี่เทียนชีกลายเป็นโกรธ
“เทียนชีเก๋อ(พี่) ตั้งแตที่พวกเขาต้องการต่อสู้ ข้าก็จะเล่นกับพวกเขา ท่านไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว”
หลี่ฟูเฉินเองก็กลายเป็นตื่นเต้นเช่นกัน ปัจจุบันเขายังไม่สามารถหาทางกวาดล้างทั้งตระกูลกั่วและตระกูลหยางได้ แต่มันยังคงเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะเอาชนะคนที่อยู่ระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิดจากตระกูลกั่ว
นอกจากนี้ เขา หลี่ฟู่เฉิน ไม่ได้เป็นนักบุญ
หากตระกูลกั่วและตระกูลหยางเย่อหยิ่งมากเกินไป ในอนาคตอันใกล้ เขาจะให้ตระกูลของพวกนั้นรู้ถึงราคาของความเย่อหยิ่งเหล่านั้น
ด้วยการรับรู้ของเขา เขาเชื่อว่าเมื่อเขาผ่านไปสู่ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด เขาก็อาจสามารถชนะผู้นำกลุ่มของตระกูลกั่วและตระกูลหยางได้
“ฟู่เฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่ากั่วเหยาอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า” หลี่เทียนชีเตือน
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ข้ารู้ขีดจำกัดของข้าดี”
“หากเป็นงั้นก็เอาเถอะ! จิ่นซิ่ว ถอยกลับมา” หลี่เทียนชีกล่าวกับหลี่จิ่นซิ่ว
หลี่จิ่นซิ่วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจและถอยกลับไปยังจุดเดิมที่หลี่เทียนชียืนอยู่ เธอดูเหมือนจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลี่ฟู่เฉิน
“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?! เจ้าหนุ่มผู้นี้ยอมรับการท้าทายของกั่วเหยาจริงๆ?” กลุ่มคนจากตระกูลหยางตกใจและหัวเราะเป็นครั้งแรก มันราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก
ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สองกับขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า ความแตกต่างสามระดับ
มันไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงที่จะกล่าวว่าสถานการณ์นี้ เป็นเหมือนการที่จอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีระดับที่สองพยายามที่จะเอาชนะจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีระดับที่เจ็ด อปุสรรคนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็จะจินตนาการได้
“โง่เขลา” คำกล่าวนั้นออกมาจากปากของหยางไคผู้ซึ่งบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตพลังฉีระดับที่เก้า
“โง่เขลาอย่างแท้จริง” หยางจานและหยางเหล่ยล้อเลียน
=ภายใต้ศาลา =
กลุ่มเฉินตู่กำลังรอให้หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นเรื่องตลก
เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ระหว่าง 3 ตระกูลก่อนหน้านี้ การต่อสู้ในปีนี้สนุกสนานอย่างยิ่ง มันคุ้มค่าซะจนต้องมาสังเกต
“เด็กน้อยผู้โง่เขลา ข้าสงสัยว่าเจ้ารอดมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร บางทีสวรรค์ดวงตาอาจจะมืดบอดและล่อให้เจ้ามาจนถึงที่แห่งนี้” กั่วเหยายิ้มเยาะและเผยให้เห็นฟันขาวของเขาเล็กน้อย
“เจ้าต้องลองดูด้วยตนเอง” หลี่ฟูเฉินวางมือไว้ที่ด้ามจับของดาบเหล็กดำ
กับศิษย์ชั้นในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า เขาไม่สามารถต่อสู้ทั้งๆ ที่ตัวเปล่าได้
“หมอบลงกับพื้นซะเจ้าเด็กน้อย”
กั่วเหยาทั้งการรับรู้และโครงกระดูกอยู่ตามค่าเฉลี่ย แต่เขามีประสบการณ์เป็นศิษย์มามากกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ที่เข้ามาสู้นิกายคังหลุน
สิบปีที่ผ่านมานี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะบรรลุเทคนิคหยกเงาลี้ลับระดับที่เก้า เวลาเดียวกันเขาก็โคจรเทคนิคหยกเงาลี้ลับจนถึงขีดจำกัด ดาบถูกขยายด้วยพลังฉีจนกลายเป็นใบดาบที่ยาวมากกว่า 4 ฟุต จากนั้นเขาก็เฉือนไปยังหลี่ฟู่เฉิน
โคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับสิบเอ็ด หลี่ฟูเฉินยืนต้อนรับการเฉือนนั้นด้วยการฟันดาบเข้าใส่
เมื่อดาบทั้งสองปะทะกัน พื้นดินมีรอยบากยาวและมีรอยยุบตัวซึ่งเกิดจากพลังฉีที่ระเบิดออกมาจากดาบเหล็กดำของทั้งสอง
‘แข็งแกร่งกว่าชายสวมหน้ากากเล็กน้อย’ หลี่ฟู่เฉินตัดสินความสามารถของกั่วเหยาได้ในทันที
ชายสวมหน้ากากบ่มเพาะเทคนิคสีเหลืองระดับสูงสุด ดังนั้น แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะได้ถึงระดับสูงสุด มันก็คงจะเทียบได้แค่ระดับที่เจ็ดของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ
สำหรับกั่วเหยา หยกเงาลี้ลับของเขาน่าจะอยู่ระดับที่เก้า สูงกว่าชายสวมหน้ากากสองระดับ
แต่ระดับการฝึกฝนของชายสวมหน้ากากก็สูงกว่าของกั่วเหยาเล็กน้อย
ซึ่งนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ชายสวมหน้ากากและกั่วเหยามีความแข็งแกร่งเท่ากัน
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของกั่วเหยานั้นเหนือกว่าชายสวมหน้ากาก ดังนั้นความสามารถโดยรวมของเขาจึงเพิ่มมากขึ้น
‘น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป’
ถ้าเป็นช่วงเวลานั้น หลี่ฟูเฉินคงจะไม่สามารถต่อสู้กับกั่วเหยาได้ เขาจะต้องพึ่งพาการป้องกันทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมของเขาและย่างก้าวเงาวายุเพื่อจัดการกับกั่วเหยา
แต่ปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินได้ทะลวงเข้าสู่ระดับที่ 11 ของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับแล้ว ย่างก้าวเงาวายุและวิชาดาบดาวตกของเขาเองก็อยู่ในขั้นสมบรูณ์ ความสามารถโดยรวมของเขาตอนนี้อยู่ในระดับใหม่ทั้งหมด
เคร๊ง เคร๊ง เคร๊ง…
ทั้งสองโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟโบยบินและสถานที่ก็เต็มไปด้วยคลื่นระเบิดของพลังฉี
‘เขาสามารถต้านทานกำลังของข้าได้จริงๆ’
กั่วเหยาตกอยู่ในความไม่เชื่อและเค้นพลังฉีของเขาออกมาสุดกำลังเพื่อรักษาความยาวของใบดาบพลังฉีไว้ จากนั้นก็เฉือนไปที่หลี่ฟู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง
เขาต้องการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเรื่องเวลาในการเอาชนะหลี่ฟูเฉิน
ใครจะรู้ว่าหลี่ฟูเฉินเต็มไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้และไม่อนุญาตให้เขาใช้ความได้เปรียบในด้านเวลา หลี่ฟู่เฉินโถมเข้าไปและโจมตีด้วยพลัง ถ้าเขาไม่เว้นระยะห่างเพื่อเฉือนฟัน หลี่ฟู่เฉินก็จะเข้ามาประหัตประหารกับทักษะดาบของเขาและสะกดข่มมันได้อย่างสมบูรณ์ ลบล้างความได้เปรียบด้านพลังฉีที่ปล่อยออกมาจากดาบทันที
“ตัดทลายเมฆา!”
หลังจากผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า กั่วเหยาคว้าโอกาส และจู่โจมไปที่หลี่ฟู่เฉินทันที ดาบพลังฉีของเขากลายเป็นเหมือนแส้และสบัดที่หลี่ฟู่เฉิน
ปึก!
ใบดาบพลังฉีผ่าร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ภาพติดตา
ตอนนี้ย่างก้าวเงาวายุอยู่ในขั้นสมบรูณ์ ความคล่องแคล่วว่องไวของหลี่ฟู่เฉินจึงอยู่ที่จุดสูงสุด เขาพุ่งทะยานไปที่ด้านข้างของกั่วเหยา
“ดาบดาวตก!”
กลางอากาศ หลี่ฟู่เฉินใช้กระบวนดาบ
แสงไฟกระพริบและพลังฉีป้องกันของกั่วเหยาก็พังทลายลง ดาบเหล็กสีดำเจาะเข้าไปในไหล่ของเขา
ใช้กำลังแขน เขายกกั่วเหยาขึ้น
“เจ้าเป็นฝ่ายแพ้!”
หลี่ฟู่เฉินชูคู่ต่อสู้ขึ้นไปในอากาศและกล่าวอย่างเยือกเย็น
ร่างกายของกั่วเหยากระตุกด้วยความเจ็บปวด มันรู้สึกได้ถึงความอัปยศควบคู่ไปกับความขสยหน้าที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
นักดาบที่ถูกใครบางคนจับตัวยกขึ้น มันจะน่าอัปยศขนาดไหน
“หลี่ฟู่เฉินยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
หลี่เทียนชีและหลี่จิ่นซิ่วมองดูด้วยปากที่กำลังอ้าค้าง
เอาชนะกั่วเหยาทั้งๆ ที่ห่างกันถึงสามระดับ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าจินตนาการ
กั่วเหยาไม่ใช่นักสู้ธรรมดาที่ไม่มีเทคนิคหรือวิชาต่อสู้ที่ดี เขาเป็นถึงศิษย์ชั้นในที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิด สิ่งที่กั่วเหยาเข้าถึงย่อมต้องมากกว่านักสู้ปกติมาก
“เป็นไปไม่ได้”
สีหน้าของกั่วหยี่หลงเปลี่ยนไปมาขณะที่ริมฝีปากของเขากระตุก
กลุ่มตระกูลกั่วที่อยู่ด้านหลังเขาต่างก็จ้องมองกันด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า บางคนขยี้ตาเพื่อยืนยันว่านี้เป็นภาพหลอนหรือไม่
“หากมีโอกาส คนผู้นี้ต้องถูกกำจัดทันที”
หยางโอ๋กล่าวคำออกมา ในขณะที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมตัวเอง
ด้วยการคงอยู่ของหลี่ฟู่เฉิน ตระกูลหยางจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าหลี่ฟู่เฉินยังเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยระดับเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องเข้าถึงขอบเขตปฐพีเป็นแน่ หยางโอ๋กลัวว่าแม้แต่กระทั่งเจ้าเมืองของเมืองหยุนหวู เฉินตู่เจียนเหอก็ไม่สามารถข่มหลี่ฟูเฉินได้อีกแล้ว
“ในมุมมองของเจ้า เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินตู่ได้รับผลประโยชน์เพราะตัวของเราเอง หรือจากการแข่งขันกับตระกูลที่แข็งแกร่งอยู่ตลอด?” เฉินตู่เจียนหมิ๋งยืนขึ้นแล้วกล่าว
“โดยธรรมชาติแล้วที่ผ่านมามันย่อมเป็นเพราะตระกูลเฉินตู่เรา”
กลุ่มเฉินตู่ทั้งหมดมีความคิดเห็นแบบเดียวกัน
“หาโอกาสและทำลายเขา” เฉินตู่เจียนหมิ๋งกล่าวด้วยท่าทีที่ไม่แยแส