บทที่ 97 สะกดข่มสมบรูณ์
บทที่ 97
สะกดข่มสมบรูณ์
“นี่ไงหลี่ฟู่เฉิน” หลี่จิ่นซิ่วพูด
“ขออภัยทุกคนที่ข้ามาช้า” หลี่ฟู่เฉินผชัญหน้ากับหลี่เทียนซีและทักทายด้วยการป้องหมัด
ฮึ่ม!
หลี่หยุนไห่ส่งเสียงฮึ่มและมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน
“แค่เจ้ามาก็เพียงพอแล้ว” หลี่เทียนซีพยักหน้าเล็กน้อย
=ที่พักตระกูลกั่ว=
“นั้นคือหลี่ฟูเฉิน? ดูไม่เหมือนซักเท่าไหร่” กั่วหยี่หลงออกความเห็น
กั่วหงกล่าว “รอให้ข้าทดสอบเขา ฉันไม่เชื่อว่าหลังจากที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์นิกายชั้นใน เขาจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้รวดเร็วเช่นนี้”
“เป็นการดีที่จะทดสอบเขา”
กั่วหยี่หลงไม่คิดว่ากั่วหงจะเป็นคู่ต่อสู้ให้หลี่ฟู่เฉินได้ แต่ก็ต้องมีคนทดสอบเขาเช่นกัน
ข้างกั่วหยี่หลง ดวงตาของกั่วเซี่ยเปล่งประกายแวววาว
“เด็กคนนั้นจริงๆ?”
ตระกูลหยางและตระกูลเฉินตู่ไม่เชื่อพลังที่ปรากฏออกมาจากหลี่ฟู่เฉิน
การต่อสู้ของกั่วเหยาและหลี่ชานเหอนั้นดูน่าตื่นเต้น แต่จากสายตาของหลี่ฟูเฉิน เขารู้ว่าทักษะดาบของหลี่ชานเหอนั้นอ่อนแอกว่าของกั่วเหยา ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า หลี่ชานเหอจะแพ้
อย่างที่คาดไว้ ในกระบวนท่าที่ 95 กั่วเหยาปลดอาวุธดาบเหล็กสีดำของหลี่ชายเหอและเตะหลี่ชานเหอออกไปอย่างน่าสมเพช
ใบหน้าของหลี่ชานเหอเปลี่ยนเป็นสีแดง “กั่วเหยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”
จบคำพูดของเขา เขายืนขึ้นและรีบไปที่กั่วเหยา
บูมมม!
กั่วเหยากวาดขาของเขาที่ใบหน้าของหลี่ชานเหอและส่งเขาบินออกไปในแนวนอน มันสิ้นสุดลงในขณะที่เขาหมดสติไป
“ช่างเป็นภาพที่น่าละอาย” กั่วเหยาพูดด้วยความรังเกียจ
เห็นสถานการณ์ ใบหน้าของกลุ่มตระกูลลี่ทุกคนรู้สึกละอายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่เทียนชี
ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ระหว่าง 3 ตระกูล ตระกูลหลี่จะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้และกลายเป็นตัวตลกอยู่เสมอ
ในฐานะผู้นำของคนรุ่นใหม่ในตระกูลหลี่ หลี่เทียนชีแบกภาระนี้ไว้ในใจเสมอ
“หลี่ฟู่เฉิน ข้า กั่วหง ท้าทายทักษะของเจ้า” กั่วหงก้าวไปข้างหน้า ชักดาบของเขาและชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉิน
ได้ยินการท้าทาย ทุกคนต่างก็มองหลี่ฟูเฉิน ต้องการดูว่าหลี่ฟู่เฉินจะทำอะไร
“ทำไม? ในตระกูลกั่วไม่มีใครอีกแล้ว?” หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตาของเขาไปที่พักตระกูลกั่ว
กั่วหยี่หลงขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าเร็วเกินไปที่จะหยิ่งผยอง?”
“หลี่ฟู่เฉิน หุบปากของเจ้า แล้วรับดาบของข้าไป”
กั่วหงกลายเป็นไม่สบายใจ แม้ว่าเขาจะไม่มีความมั่นใจที่จะได้รับชัยชนะต่อหลี่ฟู่เฉิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นดูถูก
ขณะที่เขาพุ่งไปยังหลี่ฟู่เฉินด้วยความรวดเร็ว กั่วหงก็ใช้วิชาดาบมังกรทะยานใส่หลี่ฟู่เฉิน
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สอง แต่ในมุมมองของหลี่ฟู่เฉิน กั่วหงอ่อนแอเกินไป
อ่อนแอมากซะจนที่หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ประโยชน์จากอะไรจากการต่อสู้กับเขา
เห็นดาบเหล็กดำที่กำลังเคลื่อนที่ หลี่ฟูเฉินไม่ขยับแม้แต่เพียงนิ้วเดียวและเขาก็ไม่ต้องการหลบแม้แต่เพียงเล็กน้อย
เห็นเช่นนี้ แสงเปล่งประกายอยู่ในแววตาของกั่วหง คงจะดีถ้าหลี่ฟู่เฉินแพ้เขาเพราะการสบประมาท
จึก!
ดาบเหล็กสีดำเจาะร่างของหลี่ฟู่เฉินทันที
กั่วหงรู้สึกตกใจเป็นครั้งแรก
ใบดาบนี้มีอยู่จริง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงการเจาะวัตถุใดๆ
แต่เขาเห็นดาบแทงทะลุร่างของหลี่ฟู่เฉิน
เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะเห็นภาพหลอน?
แน่นอนว่ากั่วหงไม่ได้เห็นภาพหลอน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในตอนที่หลี่ฟู่เฉินก้าวไปก้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงใบดาบ
มันเป็นเพียงแค่ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินนั้นเร็วเกินไปและไม่ได้สร้างเสียงใดๆ ซึ่งทำให้ภาพนี้ดูสมจริงมาก ภาพติดตาซ้อนทับกับร่างจริงของหลี่ฟู่เฉิน
เมื่อเห็นกั่วหงที่เปิดช่องโหว่และสามารถให้หลี่ฟู่เฉินส่งฝ่ามือออกไปที่หน้าอกของเขาได้ เขาส่งออกไปทันที
อ๊อก!
เลือดพุ่งออกมาอย่างเต็มที่ขณะที่หัวเข่าของกั่วหงร่วงลงกับพื้นและถอยกลับไป
“การควบคุมร่างกายยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้”
หลี่เทียชี กั่วหยี่หลง และหยางโอ๋ทุกคนหรี่ตา
ด้วยสายตาของพวกเขา มันจึงเห็นได้ชัดว่าหลี่ฟูเฉินก้าวไปครึ่งก้าวในฉับพลัน ซึ่งทำให้กั่วหงเห็นวิสัยทัศน์ที่ผิดเพี้ยนไป
“ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนเทคนิคตัวเบาลึกลับขั้นต่ำ”
กั่วหยี่หลงไม่ได้คาดหวังอะไรกับกั่วหง ดังนั้นเมื่อเขาพ่ายแพ้ เขาจึงไม่แปลกใจเลย
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจเพียงอย่างเดียวก็คือเทคนิคตัวเบาของหลี่ฟู่เฉินไม่อยู่ระดับที่ต่ำ
“หลี่ฟู่เฉิน ให้ข้าลองทักษะเจ้าอีกครั้ง”
เหยียดมือของเธอเพื่อจับกั่วหง กวนหยานไม่รอได้อีก ร่างของเธอพุ่งเข้ามา และปรากฏขึ้นตรงกลางวงแหวนของลานต่อสู้
“โฮ มันเป็นเทคนิคห่านเมฆา”
หลี่ฟูเฉินมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ถึงเทคนิคตัวเบาที่กั่วหยานใช้
กั่วหยานอายุ 23 ปีในปีนี้ อยู่ระดับที่สารทของขอบเขตต้นกำเนิด ความสามารถของเธออยู่ในระดับที่สูงกว่าของกั่วหงมาก
นับตั้งแต่ที่เข้าสู่นิกายคังหลุนเมื่อแปดปีก่อน เธอก็ได้ผ่านความยุ่งยากกับเทคนิคตัวเบานี้มานานมาก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเธอก็ประสบความสำเร็จในขั้นสมบรูณ์ย่อยของเทคนิคห่ามเมฆาและนั่นก็ถือว่าค่อนข้างมีความสามารถมากแล้ว
นี่คือสาเหตุที่เธอกล้าท้าทายหลี่ฟูเฉิน
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ได้เห็นหลี่ฟู่เฉินแสดงท่าทีที่ดูรวดเร็วออกมา มันจึงไปกระตุ้นจิตวิญญาณต่อสู้ของเธอ
“เจ้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว
“นั่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น ช่องว่างระหว่างระดับที่สองและระดับที่สามของขอบเขตต้นกำเนิดนั้นใหญ่กว่าที่เจ้าคิด”
กั่วหยานค่อนข้างมั่นใจ เธอผู้ที่อยู่ในระดับที่สามของขอบเขตต้นกำเนิด เคยพ่ายแพ้จอมยุทธ์ขต้นกำเนิดระดับที่ห้าของโลกภายนอกมาก่อน
“ทำให้ดีที่สุด!”
หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถอธิบายให้กับศัตรูของตนเองได้ แต่เขาเปลี่ยนมาใช้การกระทำแทนได้
อาจได้ยินเสียงบูมในอากาศเล็กน้อย ขณะนั้นเองที่ร่างกายของกั่วหยานพุ่งข้างหน้า แล้วปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน
เทคนิคห่านเมฆา เทคนิคตัวเบาลึกลับขั้นต่ำ มันถึงขั้นสมบรูณ์ ใครก็สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนห่าน ลดความต้านทานอากาศอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความรวดเร็วอย่างมาก
“แพ้ไปซะ!”
วาดดาบเหล็กสีดำของเธอ กั่วหยานฟันมันลงไปที่ด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน
ปิสส!
การฟันของกั่วหยานปะทะกับอากาศ กั่วหยานตกใจ เธอรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ฟู่เฉินหันหลังและยิ้มเล็กน้อย “ดาบของเจ้ายังช้าเกินไป”
“อวดดี”
กั่วหยานไม่พอใจ ดาบในมือขวาของเธอแกว่งไปมา จากนั้นแสงดาบสามดวงส่องแสงและตรึงหลี่ฟู่เฉินไว้
ทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด - วิชาดาบเสี้ยวทั้งสาม
มันอยู่ในขั้นภวังค์
มันเป็นสูงกว่าหนึ่งขั้นหากเทียบกับวิชาดาบมังกรทะยานของกั่วหงซึ่งอยู่ในขั้นดีเลิศ
“ทักษะดาบของเจ้าไม่เลว แต่ทักษะการควบคุมร่างกายของเจ้าช้าเกินไป”
หลี่ฟู่เฉินก้าวเพียงแค่ก้าวเดียว แต่ก็พุ่งไปอยู่ด้านหลังกั่วหยานได้ในวินาทีถัดไป จากนั้นเขาก็กระแทกฝ่ามือ
เช่นเดียวกับกั่วหง กั่วหยานถ่มเลือดออกมาคำหนึ่งและกระเด็นออกจากวงแหวนอย่างน่าสงสาร
สูด!
ผู้ชมหลายคนหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ
เทคนิคตัวเบาของหลี่ฟู่เฉินนั้นอยู่นอกสำนึกมากเกินไป แม้แต่กะทั้งกั่วหยานก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
“เยี่ยมมาก!” หลี่เทียนชีและหลี่จิ่นซิ่วตะโกนสรรเสริญ
หลี่หยุนไห่และหลี่ซานเหอถูกตำหนิตระกูลหลี่หลังจากที่พ่ายแพ้ต่อตระกูลกั่วมา แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาชนะได้แล้วสองรอบ มองไปที่การแสดงของหลี่ฟู่เฉิน ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฟูเฉินยังไม่ได้ชักดาบออกมา
ตอนนี้ มันเป็นตาของตระกูลกั่วที่ดูไม่พอใจ
กั่วเหม่ยมองดูด้วยสายตาที่เบิกกว้าง เธอไม่เชื่อว่าหลี่ฟูเฉินจะชนะการต่อสู้ระหว่างกั่วหงและกั่วหยานได้จริงๆ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ข่าวของหลี่ฟู่เฉินถูกเผยแพร่ในเมืองหยุนหวู เธอสงสัยเกี่ยวกับมัน และหลังจากมาถึงที่นิกายคังหลุน เธอก็ได้รับรู้ว่าหลี่ฟู่เฉินได้รับตำแหน่งศิษย์นิกายชั้นนอกลำดับ 1 มา แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเห็นด้วยตาของเธอเอง
ตอนนี้เธอได้เห็นของจริงแล้ว เธอยอมรับว่าหลี่ฟูเฉินแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้
ชั่วขณะนี้ มันทิ้งลางสังหรณ์ที่ไม่ดีไว้ในใจของเธอ
ในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ผิดปกติ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่าหลี่ฟู่เฉินอาจจะส่งผลต่อการขยายตัวของตระกูลกั่วในอนาคต
หลี่หยุนไห่ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน ภายในหัวใจของเขามีแต่ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังและรู้สึกว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรม
ทำไมเขาไม่เป็นคนที่มีชื่อเสียง เหตุใดเขาจึงยังเป็นศิษย์แรงงานและไร้สถานะ
“หลี่ฟูเฉินผู้นี้มีความสามารถค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าในที่สุดแล้วโชคชะตาก็เข้าข้างตระกูลหลี่”
ผู้ที่สังเกตการณ์จากฝั่งตระกูลเฉนตู่เริ่มนินทาและตลกขบขัน น้ำเสียงของพวกเขามีร่องรอยของความเย่อหยิ่งอยู่ภายใน
“หลี่ฟู่เฉิน เรายังไม่เคยต่อสู้กันมาก่อน วันนี้ให้เราได้ต่อสู้กัน!”
ใบหน้าของกั่วเซี่ยเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้
มองลึกเข้าไปในดวงตาของกั่วเซี่ย หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “แน่นอน”
แน่นอนว่าเขาไม่เคยต่อสู้กับกั่วเซี่ย มันไม่สำคัญว่าก่อนหน้านี้เขาจะต้องการมันหรือไม่ แต่มันเป็นความเสียใจของเขา
หลังจากเอาชนะกั่วเซี่ยได้แล้ว ความเสียใจนี้จะถูกลบออกไป