บทที่ 100 การต่อสู้ของท็อป
บทที่ 100
การต่อสู้ของท็อป
ปัก!
เหวี่ยงดาบและส่งกั่วเหยาไปด้านข้าง หลี่ฟู่เฉินกำจัดคราบเลือดบนดาบเหล็กดำแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “มีคนใครอื่นอีกไหม?”
ในบรรดาศิษย์ที่อยู่ตระกูลกั่ว ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เกินระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิด หลี่ฟูเฉินมั่นใจว่าเขาจะได้รับชัยชนะ
สำหรับคนที่อยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก นั่นจะทำให้เขาต้องใช้การป้องกันทางกายภาพเพื่อต่อสู้ แต่เขาไม่ต้องการใช้พลังงานของเขาแบบนี้
กลุ่มตระกูลกั่วโกรธ แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นใดอีกที่จะจัดการกับหลี่ฟูเฉินในเวลาแบบนี้
ในหมู่พวกเขามีศิษย์ต้นกำเนิด 2 คนจากห้าคน หนึ่งในนั้นคิดว่าตัวเองมีความสามารถเช่นเดียวกับกั่วเหยา ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉิน
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าทำได้ดี ดูเหมือนว่าเราจะประเมินเจ้าต่ำไป เจ้าสมควรถูกแสดงความเคารพ” หยางเหล่ยจากตระกูลหยางเดินออกไป
ในช่วงก่อนการแข่งขันอัจฉริยะของเมืองหยุนหวู ศิษย์ชั้นในจากทั้งสี่ตระกูลเองก็กลับไปด้วยเช่นกัน
ศิษย์ชั้นในจากตระกูลหยาง ได้แก่หยางเหล่ยและหยางจาน
หยางเหล่ยอายุ 26 ปี อยู่ระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิด ในแง่ของความสามารถ เขาเก่งกว่ากั่วเหยาที่อายุ 27 ปี
ตอนนี้ เขากำลังจ้องมองไปที่หลี่ฟู่เฉินด้วยสายตาแห่งความริษยาและมืดมน
ในช่วงการประกวดอัจฉริยะของเมืองหยุนหวู ศัตรูของเขาเป็นเพียงเด็ก ตอนนี้สองปีต่อมา หลี่ฟู่เฉินเติบโตขึ้นเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้จริงๆ
ระหว่างการแข่งขันอัจฉริยะ ความสามารถของหยางเหล่ยนั้นมากมากจนกระทั้งบดขยี้หลี่ฟู่เฉินได้ด้วยนิ้วเดียว
“ศิษย์พี่? แค่เจ้าจะพอหรือ?” หลี่ฟูเฉินยังคงไร้อารมณ์
“ช่างเป็นคนที่หยาบคายและอวดดีอะไรเช่นนี้” ดวงตาของหยางเหล่ยหรี่แคบลง
เหตุผลที่หลี่ฟู่เฉินสามารถเอาชนะกั่วเหยาได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะวิชาดาบดาวตกของเขา เห็นได้ชัดว่าหยางเหล่ยเคยปะทะกับศิษย์ชั้นในที่ใช้วิชาดาบดาวตกและก็เข้าใจมันเป็นอย่างดี
วิชาดาบดาวตกมีเพียงหนึ่งกระบวนท่า การเคลื่อนไหวนี้เน้นไปที่อำนาจสุดขั้ว ไม่เพียงแต่รวดเร็ว พลังโจมตีเองก็ผิดปกติเช่นกัน
เพื่อต่อต้านวิชาดาบดาวตก เราจำเป็นต้องทำลายกระบวนดาบ โจมตีช่องว่างระหว่างถึงจุดสุดท้ายก่อนการปะทะ และโจมตีจุดเริ่มต้นก่อนที่จะใช้กระบวนท่า
ฟึบ!
ฟึบ!ฟึบ!
เมื่อตอนที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากัน หยางเหล่ยจึงได้รู้ว่าเขาประเมินหลี่ฟู่เฉินต่ำเกินไป
วิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินมีช่วงเวลาการเปิดใช้เพียงแค่ระยะสั้นๆ เมื่อรู้สึกตัวเขาก็ใช้กระบวนดาบที่สองสามไปแล้ว
มันยากที่จะป้องกัน และเขาก็ไม่มีโอกาสโต้กลับ
“วิชาดาบดาวตกของเจ้าอยู่ขั้นสมบรูณ์?!” หยางลี่อุทาน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไร”
ตามเรื่องเรื่องหลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนพัฒนาวิชาดาบดาวตกให้ถึงขั้นดีเลิศย่อยแล้ว
ในกรณีปกติ ทักษะต่อสู้สีเหลืองใช้สำหรับจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีและจอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิด
ทักษะต่อสู้ขั้นลึกลับมีไว้สำหรับขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์
ซึ่งเป็นสาเหตุ ว่าทำไมทักษะขั้นลึกลับถึงเป็นปัญหาสำหรับจอมยุทธ์ต้นกำเนิดอยู่อย่างต่อเนื่อง และกว่าจะเรียกใช้งานได้อีกครั้งต้องใช้เวลานาน
แต่เมื่อทักษะขั้นลึกลับได้ก้าวเข้าสู่ขั้นสมบรูณ์ มันจะช่วยลดเวลาที่สำหรับการรอใช้อีกครั้งได้มาก
ฉึก!
สายธารแสงสว่างและพุ่งไปที่หน้าอกของหยางเหล่ย ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาของเขา ดาบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสูญเสียพลังที่ใช้ในการต่อสู้ของเขาไป
“หยางเหล่ย กลับมา!” หยางโอ๋ตะโกนกล่าว
“ข้ารับรู้ถึงความสามารถของเจ้าแล้ว” หยางเหล่ยเกือบจะไม่มีโอกาสได้ล่าถอย หลังจากได้ยินคำสั่ง เขากระโดดกลับไปอย่างรีบร้อน แต่นี้ก็ทำให้เขาไม่พอใจ
“มีใครอื่นอีกหรือไม่?”
หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตามองไปที่ตระกูลกั่วและตระกูลหยาง
ดวงตาของทั้งสองตระกูลกระตุกอย่างไม่สามารถทำอย่างไรได้
“เย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้”
ตระกูลเฉินตู่ไม่ชอบสิ่งที่พวกเขาเห็น
แน่นอน สถานะของพวกเขานั้นสูงที่สุดในสี่ตระกูล แต่พวกเขายินดีที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้หรือไม่?
“ฮ่าฮ่า!” หลี่เทียนชีหัวเราะเสียงดัง “ฟู่เฉิน เจ้าเองก็กลับมาได้แล้ว จากสิ่งที่ข้าเห็น ไม่มีใครที่อยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับห้าหรือต่ำกว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้ และสำหรับผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับห้าของขอบเขตต้นกำเนิด มันไม่ได้ไร้ยางอายมากพอที่จะท้าทายเจ้า”
เขากลัวจริงๆ ว่าศิษย์ขอบเขตต้นกำเนิดระดับหกจะท้าทายเขา เช่นนั้นแล้วมันจะยากเกินไปที่จะจบสถานการณ์นี้
หลี่ฟู่เฉินรู้สิ่งที่เขากำลังจะกล่าว ‘พอและกลับไปก่อน’ เขาเดินกลับไปที่ค่ายอย่างเงียบสงบ
“หลี่เทียนชี อย่าเพิ่งรีบมีความสุขไป นั่นเป็นเพียงอาหารจานย่อย ต่อไปคืออาหารจานหลัก” กั่วหยี่หลงกล่าวด้วยใบหน้าที่เหมือนขี้เถ้า
“กั่วเซียงกล่าวถูกแล้ว หลี่เทียนชี เจ้าควรเตรียมใจไว้ให้ดี” หยางโอ๋จ้องไปที่หลี่เทียนชี
“ให้ข้าได้เห็นพลังของพวกเจ้า ตระกูลหลี่ของข้าไม่เคยหลีกหนีจากการถูกท้ายทาย” หลี่เทียนชีกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
มีเพียงศิษย์ 3 คนที่อยู่เหนือระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิดในตระกูลหลี่ หลี่เทียนชีและหลี่จิ่นซิ่วอยู่ในระดับที่แปดของขอบเขตต้นกำเนิด และหลี่ซวนตู่อยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิด
สำหรับตระกูลกั่ว พวกเขามีอย่างหกคนในตระกูลที่อยู่ระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิด ในขณะที่ตระกูลหยางมีห้า
ในการต่อสู้หลางครั้งที่ผ่านมา ตระกูลกั่วและตระกูลหยางต่างก็ได้รับชัยชนะเป็นของตนเอง ขณะที่ตระกูลหลี่เองแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด
หลี่จิ่นซิ่วชนะการต่อสู้กับตระกูลกั่วและตระกูลหยาง และไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลี่แย่ลง
“หลี่เทียนชี ออกมา! ดูสิว่าใครจะแกร่งกว่ากัน!”
ในที่สุด ก็เหลือเพียงกั้วหยี่หลง หลี่เทียนชี และหยางโอ๋เท่านั้นที่ยังไม่ได้ต่อสู้
กั่วหยี่หลงชี้ไปที่หลี่เทียนชิและเรียกร้อง
“ข้ายอมรับการท้าทายของเจ้า” หลี่เทียนชีรีบกระโจนเข้าสู้ลานต่อสู้
บูม บูม บูม…
การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดระดับสองจนถึงระดับแปดนั้นน่ากลัวเกินไป ดาบพลังฉีที่ยื่นออกมาจากดาบเหล็กดำอย่างน้อยก็ยาว 7 ฟุต ความยาวทั้งหมดของใบดาบยาวประมาณ 10 ฟุต
มันหมายความว่าทั้งสองคนนี้สามารถฆ่าศัตรูที่อ่อนแอกว่าได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ยืนห่างออกไป 10 ฟุต
“วิชาดาบวารีลี้ลับ”
“วิชาดาบรังสีแสง!”
ดาบเหล็กดำของกั่วหยี่หลงเริ่มปรากฏพลังฉีน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ และสะบัดมันไปที่หลี่เทียนชี
หลี่เทียนชีเองก็ทำสิ่งเดียวกัน แผ่นแสงเรืองรองขนาดใหญ่เกิดขึ้น ถูกส่งไปที่กั่วหยี่หลง
บึม!
พื้นดินสั่นสะเทือน ขณะที่หลุมกว้างหลายเมตรปรากฏขึ้นมาระหว่างพวกเขาทั้งสอง
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ลงเอยด้วยการวาดฟันดาบใส่กัน
ตระกูลหลี่อาจตกต่ำลง แต่นั่นก็เป็นเพียงทศวรรษนี้
ในยุคของหลี่เทียนชี ตระกูลหลี่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนรุ่นใหม่จากตระกูลกั่วและตระกูหยาง
หลังจากต่อสู้กับกั่วหยี่หลงเสร็จสิ้น หลี่เทียนชีจะต้องสู้หยางโอ๋ต่อ
ความสามารถของทั้ง 3 คนนี้คล้ายกันมากและถ้าหนึ่งในนั้นมีการพัฒนาที่สำคัญ ก็จะไม่มีใครสามารถเอาชนะผู้อื่นได้
“การแข่งขันที่น่าตื่นเต้น แม้แต่ข้าก็อยากจะเข้าไปร่วมการสู้รบในตอนนี้”
ในศาลา ผู้นำหนุ่มจากตระกูลเฉินตู่ เฉินตู่เจียนหมิ๋งยืนขึ้นและหัวเราะอย่างเต็มที่
“เจียงหมิ๋งเซียง ท่านล้อเล่นแล้ว”
กั่วหยี่หลงและหยางโอ๋ป้องกำปั่นของตนเองและตอบกลับเฉินตู่เจียนหมิ๋ง
เฉินตู่เจียนหมิ๋ง อายุ 32 ปี ระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิด ผู้ที่มีโครงกระดูกระดับ 3 ดาวและมีความเป็นไปได้สูงว่าจะพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตปฐพีก่อนอายุ 35 และสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์หลักของนิกกายคังหลุนได้
มันเป็นความจริงที่รู้กันว่าในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสี่นั้นยังไม่มีศิษย์หลัก
กลุ่มใดก็ตามที่มีศิษย์หลักคนแรกจะสามารถเอาชนะส่วนที่เหลือได้
หากตระกูลเฉินตู่สามารถก่อศิษย์หลักขึ้นมาได้ มันจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นคงในเมืองหยุนหวูมากขึ้น
หลี่เทียนชีเบ้ปากและไม่กล่าวอะไร
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลหลี่ได้รับความอัปยศจากตระกูลเฉินตู่ พวกเขาใช้อำนาจในฐานะผู้ปกครองของเมืองเพื่อปราบปรามพวกเขา และให้ความโปรดปรานต่อตระกูลกั่วและตระกูลหยางในที่มืด
หลี่เทียนชีไม่ต้องการที่จะแสวงหาความโปรดปรานจากพวกเขา
มองไปที่หลี่ฟู่เฉิน เฉินตู่เจียนหมิ๋งกล่าว “เจ้าดูไม่เลว สนใจที่จะมาเป็นผู้ติดตามของข้าหรือไม่?”
เขาต้องการให้หลี่ฟูเฉินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเรื่องโครงกระดูกจะเป็นยังไง แต่ระหว่างอยู่ขอบเขตต้นกำเนิด หลี่ฟูเฉินจะทำหน้าที่เป็นหมากที่แข็งแกร่งให้เขาได้แน่นอน
“ขอโทษด้วย ข้าไม่อยากเป็น” หลี่ฟู่เฉินตอบกลับทันที
หัวเราะเบาๆ เฉินตู่เจียนหมิ๋งตอบกลับ “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจ ไปกันเถอะ”
กล่าวจบ เขาเป็นผู้นำและพากลุ่มเฉินตู่ออกไป