ตอนที่ 322 ข้าไว้หน้าเจ้า แต่เจ้าต้องการสร้างปัญหา
เฟิงจินหยวนยืนเคียงข้างกับคังอี้แล้วเมื่อนางออกมา ในความเป็นจริงพวกเขาทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมาก เฟิงจินหยวนรูปงามมาก แม้ว่าเขาจะอายุ 40 ปี แต่เขาก็ไม่ได้ดูแก่กว่า เขาดูเหมือนอายุ 30 ต้น ๆ นอกจากจะมีความสง่างาม เขายังเป็นเสนาบดีมานานหลายปีแล้ว ก็ไม่เป็นการพูดเกินจริงที่จะกล่าวว่าเขาเป็นคนที่ดูดี ไม่เช่นนั้นจากรูปลักษณ์ของเฉินซื่อ เฉินหยูจะเกิดมาพร้อมกับความงามเช่นนี้ได้อย่างไร
เมื่อเห็นบุตรสาวทั้งสี่ของเขาออกมาข้างหน้า มันคงเป็นเรื่องไร้สาระที่จะบอกว่าเฟิงจินหยวนไม่รู้สึกภูมิใจ แม้ว่าเขาจะห่างเหินกับเฟิงหยูเฮงเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว จะมีคนภายนอกสักกี่คนที่รู้เรื่องนี้ ? สำหรับคนนอก องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันที่มีชื่อเสียงคือบุตรสาวคนรองของเขา หญิงสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงอย่างเฟิงเฉินหยูเป็นบุตรสาวคนโตของเขา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกภูมิใจอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเด็กทั้งสี่เดินไปข้างหน้า อีกคนก็ออกมาจากอีกด้านหนึ่ง มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรุ่ยเจียที่เข้ามาในคฤหาสน์พร้อมกับคังอี้
เฟิงจินหยวนรู้สึกดีมากขึ้น คิดดูสิ ! ตอนนี้แม้แต่องค์หญิงต่างแคว้นก็ต้องเรียกเขาว่าบิดาของนาง เมื่อมองในราชวงศ์ต้าชุนไม่มีใครที่สามารถแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้นได้
ด้วยความยินดีนี้ เขาช่วยคังอี้นั่งลงและเตรียมรับการคำนับจากเด็ก ๆ
หลังจากหิมะหยุดตกท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส ขณะที่เด็กหญิงทั้งห้าคุกเข่าลงพร้อมเพรียงเมื่อแสงไฟส่องลงมา บังเอิญมันส่องสว่างที่ปิ่นทองปักผมของเฟิงหยูเฮง
คังอี้รู้สึกว่ามันสว่างเกินไปและขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างไรก็ตามก่อนที่หัวเข่าของเฟิงหยูเฮงจะมาถึงพื้นดิน เฟิงจินหยวนก็ตะโกนว่า “หยุด !”
ทุกคนต่างก็ตัวแข็งทื่อรวมถึงแขกที่ได้รับชาจอกใหม่ซึ่งมองไปที่เขาและคังอี้ด้วยความงุนงง และมองเฟิงหยูเฮงด้วยความสับสน อย่างไรก็ตามนางเห็นเฟิงจินหยวนยืนขึ้น ทันใดนั้นก็เกือบหยุดเฟิงหยูเฮงที่กำลังจะคุกเข่า
ในเวลานี้นอกจากเฟิงหยูเฮง อีก 4 คนกำลังคุกเข่าอยู่แล้ว รุ่ยเจียเห็นเฟิงจินหยวนหยุด นางสับสนมากและถามว่า “ลุงเฟิง ลุงกำลังทำอะไรอยู่”
คังอี้ดุนางอย่างรวดเร็ว “เจ้าต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อ”
รุ่ยเจียก็รู้ว่านางเรียกผิดขณะที่นางขอโทษอย่างรวดเร็ว “มันเป็นความผิดพลาดของรุ่ยเจีย ข้าหวังว่าท่านพ่อจะให้อภัยข้า”
แต่เฟิงจินหยวนไม่มีเวลาที่จะต้องสนใจนาง ความสนใจของเขามุ่งเน้นไปที่ปิ่นทองที่ปักอยู่บนผมของเฟิงหยูเฮง ยิ่งเขามองมันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
ปิ่นปักผมหงส์เพลิง ! จริง ๆ แล้วนางปักปิ่นปักผมหงส์เพลิง
โชคดีที่ดวงอาทิตย์ขึ้นมา และมันก็เป็นโชคดีที่เขาได้เห็นสิ่งนี้ มิฉะนั้นหากเขาให้เฟิงหยูเฮงคุกเข่าขณะมีปิ่นปักผมหงส์เพลิง เขาจะยังคงมีชีวิตรอดอีกต่อไปได้อย่างไร ?
คนที่จำปิ่นปักผมหงส์เพลิงได้ก็มีจำนวนไม่น้อยแต่ก็ไม่มากเช่นกัน ตัวอย่างเช่นแขกที่มาร่วมงานนอกเหนือจากองค์ชาย ขุนนาง องค์หญิง และขุนนาง ก็ไม่มีใครที่จำได้อีก ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสนาบดีเฟิง ทำไมเขาถึงตกใจกับปิ่นปักผมที่บุตรสาวของเขาปักมา ?
รุ่ยเจียรู้สึกสับสนมากขึ้น ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นจากพื้นดินและมองไปที่หัวของเฟิงหยูเฮง นางแก่กว่าเฟิงหยูเฮง 3 ปี ดังนั้นนางจึงสูงกว่าเล็กน้อย นางมองดูปิ่นปักผมสีทองและดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นทันที ในขณะที่นางพูดว่า "ปิ่นปักผมสีทอง ทำไมมันช่างสวยงามเช่นนี้ ! " ในขณะที่พูดอย่างนี้นางยื่นมือออกไปสัมผัส
เฟิงหยูเฮงมองนางอย่างเย็นชา มุมปากของนางขดเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ขณะที่นางพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “องค์หญิง ถ้าองค์หญิงกล้าสัมผัสสิ่งนี้ องค์หญิงเชื่อไหมว่ามือขององค์หญิงจะถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ ?”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?” รุ่ยเจียโกรธ “มันไม่ใช่ปิ่นปักผมธรรมดา มันสวยจริง ๆ แต่มันทำจากทองคำ มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งที่ทำจากหยกได้ มันจะเกิดอะไร ถ้าองค์หญิงผู้นี้แตะต้องมันล่ะ ?” นางไม่เชื่อและพยายามเอื้อมือไปแตะ
แต่นางได้ยินคังอี้ตะโกนดังขึ้นมา “รุ่ยเจียหยุด !”
ในเวลาเดียวกันเฟิงเฉินหยูยังกรีดร้องออกมาว่า “อย่าแตะต้องมัน !”
ส่วนเฟิงจินหยวน เขาจับข้อมือของนางและหยุดมือกลางอากาศ
รุ่ยเจียโกรธมาก !
"หึ ! ท่านพ่อ ถึงแม้ว่าข้าไม่ใช่บุตรสาวของท่านเอง แต่ข้าก็ยังเป็นองค์หญิงของเฉียนโจว ท่านไม่สามารถทำเช่นนี้กับข้าได้ ! ต่อหน้าผู้คนมากมาย ท่านยังกล้าเข้าข้างบุตรสาวของท่านเอง ท่านจะปฏิบัติต่อข้าและท่านแม่ของข้าอย่างไร ? ”
ในขณะที่นางกำลังสร้างปัญหา ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งนั่งอยู่บนเวทีเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน แต่นางไม่ได้แทรกแซงรุ่ยเจียที่ยังคงเรียกตัวเองว่าองค์หญิงแห่งเฉียนโจว นางเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงแล้ว แต่นางก็ยังใช้สถานะทางครอบครัวของนาง นี่เป็นปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ เป็นไปได้หรือไม่ที่คฤหาสน์เฟิงจะต้องยื่นข้อเสนอให้นาง ?
“หืมม !” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดกับยายจาว “อาเฮงทำได้ดีมาก แม้ว่าองค์หญิงขั้นหนึ่งจากต่างแคว้น แต่เมื่อมาถึงราชวงศ์ต้าชุนและเปรียบเทียบกับสถานะองค์หญิงแห่งมณฑลขั้นสอง รุ่ยเจียยังเป็นรองนาง สิ่งนี้เรียกว่าการแสดงพลังครั้งแรก นี่จะทำให้นางรู้ว่านี่คือคฤหาสน์เฟิง ไม่ใช่เฉียนโจวของพวกเขา”
เมื่อรุ่ยเจียสร้างปัญหา คังอี้ก็เดินออกมาข้างหน้า นางแกะมือของรุ่ยเจียออกจากจากมือของเฟิงจินหยวน นางก็ดุรุ่ยเจียเบา ๆ “อย่าพูดเหลวไหล ต้าชุนมีกฎมากมาย เจ้าไม่สามารถพูดได้ !”
รุ่ยเจียไม่พอใจ และพูดว่า “ท่านพ่อกำลังลำเอียง !”
“เมื่อใดกันที่พ่อของเจ้าลำเอียง ?” นางยังคงต่อว่า “เมื่อใดก็ตามที่เจ้าอยากได้อะไร เขาก็มอบให้เจ้าทุกอย่าง เขาไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อเจ้าหรือ !”
รุ่ยเจียจ้องคังอี้ “ถ้าข้าบอกว่าอยากได้ปิ่นปักผมสีทองนี่ ท่านพ่อจะมอบให้ข้าหรือไม่ ?”
“นั่นเป็นของน้องสาวของเจ้า พ่อของเจ้าจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร” คังอี้บีบข้อมือของรุ่ยเจียอย่างแรง “วันนี้มีเหตุผลหน่อย แค่รอให้ท่านพ่อพูดจบ !”
เฟิงจินหยวนอธิบายอย่างรวดเร็ว “รุ่ยเจีย นี่คือสิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ และเจ้าไม่สามารถแตะต้องมันได้ !”
คำพูดที่ว่าฮ่องเต้พระราชทานให้นั้นชัดเจนว่านี่เป็นสิ่งที่มีค่ามาก แต่รุ่ยเจียยังไม่เข้าใจ “ถ้าเช่นนั้นทำไมฮ่องเต้ถึงพระราชทานให้ ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ไม่สามารถแบ่งปันระหว่างพี่น้องสตรีได้ ?”
เฟิงหยูเฮงมองนางด้วยรอยยิ้ม และพยักหน้า “ไม่ได้เพคะ”
“เจ้า…” นางรู้ว่าองค์หญิงแห่งมณฑลนี้พูดคุยด้วยยาก อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงหยูเฮงจะกล่าวเช่นนี้ออกมา นางไม่มีถ้อยคำที่ดีกว่านี้หรือ ? นางพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ นางไม่กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองเลยหรือ ?
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเฟิงหยูเฮงไม่กลัวว่าทำให้คนอื่นโดยเฉพาะคนอย่างรุ่ยเจียซึ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ขุ่นเคือง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมนางต้องสุภาพด้วย !
การที่เห็นรุ่ยเจียไม่เต็มใจที่จะยอมจำนน แม้กระทั่งเฟิงเซียงหรูที่ใจเย็นที่สุดก็หงุดหงิดเล็กน้อย และนางก็ทนไม่ได้และอธิบายให้รุ่ยเจียฟังว่า “ปิ่นปักผมของพี่รองคือปิ่นปักผมหงส์เพลิง มันเป็นสมบัติที่ฮองเฮาแห่งต้าชุนทรงใช้”
“ฮองเฮา ?” รุ่ยเจียมองราวกับว่านางเคยได้ยินเรื่องตลกที่สนุกที่สุดมาก่อน “ว่าที่สามีของเจ้าพิการไม่ใช่หรือ ? ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่สามารถมีบุตรได้ คนเช่นนี้จะกลายเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร ? เรื่องตลกอะไรเช่นนี้”
ด้วยคำพูดนี้ ทุกคนเงียบด้วยความตกใจ บรรยากาศเยือกเย็นและบางคนก็ลืมหายใจ สิ่งที่เหลืออยู่คือความสยองขวัญ
นางดูถูกซวนเทียนหมิงในที่สาธารณะ ? องค์หญิงจากเฉียนโจวไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหรือ ? แม้ว่าซวนเทียนหมิงจะไม่มาด้วยตัวเองในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ขององค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันเหมือนกับองค์ชายเก้า !
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดพวกเขาเห็นองค์หญิงแห่งมณฑลสวมชุดผ้าทอเมฆาเคลื่อนคล้อยอันประณีตของนางและปิ่นปักผมหงส์เพลิง ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้นและตบหน้ารุ่ยเจียโดยไม่พูดอะไรเลย “เพี้ยะ, เพี้ยะ, เพี้ยะ, เพี้ยะ” ความเร็วนั้นเร็วมากจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ยินเพียงเสียงเท่านั้น แม้แต่องค์หญิงคังอี้ที่ต้องการปกป้องรุ่ยเจีย นางยังทำไม่ทัน นางทำได้แค่มองบุตรสาวของนางถูกตบ 4 ครั้ง
คังอี้ตกตะลึง วันนี้เป็นวันอะไร แม้ว่ารุ่ยเจียจะทำผิดพลาดกับสิ่งที่นางพูด แต่ก็มีผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ เฟิงหยูเฮงกล้าเกินไปแล้ว
นางกระตือรือร้นที่จะปกป้องบุตรสาวของนางและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แม้กระนั้นนางพบว่าหน้าของรุ่ยเจียบวมเหมือนมีซาลาเปา 2 ลูกบนใบหน้าของนาง เลือดไหลจากมุมปากและไหลลงที่คอของนาง
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดว่าเฟิงหยูเฮงใช้แรงเต็มที่ แต่การตบ 4 ครั้งทำให้บุตรสาวของนางเป็นแบบนี้ นางไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์ว่าใครถูกใครผิดเพราะนางถูกทิ้งให้อยู่กับคำถามเดียวสำหรับนางว่า "องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันแข็งแกร่งแค่ไหน"
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเฟิงหยูเฮงสามารถถือธนูโฮยี่ซึ่งหนักถึง 186 จินได้ด้วยมือเดียว นางไม่เพียงแต่สามารถถือมันได้เท่านั้น นางยังสามารถยิงลูกธนู 10 ดอกพร้อมกันได้อีกด้วย แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่านางไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้เลือดไหลออกมาจากปากของรุ่ยเจีย
รุ่ยเจียถูกตบจนถึงจุดที่นางพูดไม่ได้ ปากของนางบวม ถ้าไม่ใช่เพราะบ่าวรับใช้ช่วยจับนางไว้ บางทีนางอาจจะล้มลงกับพื้นแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าเฟิงหยูเฮงดูเหมือนจะไม่พอใจ เมื่อนางเอื้อมมือไปที่แขนเสื้อของนางแล้วดึงแส้ออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เฟิงจินหยวนรู้ว่ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น ขณะที่เขาพูดด้วยความตกใจอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าตีนางไม่ได้ เจ้าตีนางไม่ได้ !”
อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาไม่มีผลใด ๆ ในชีวิตนาง เฟิงหยูเฮงเกลียด 2 สิ่งนี้มากที่สุด สิ่งแรกคือคนตระกูลเฉินที่พยายามจะทำร้ายเฟิงจื่อหรู อีกคนคือคนที่พูดไม่ดีต่อซวนเทียนหมิง
นางไม่กลัวความขัดแย้งเลย เมื่อมันมาถึงการต่อสู้ด้วยดาบและหอกจริงในสนามรบ ถ้าใครบางคนสามารถเอาชนะและฆ่าซวนเทียนหมิงได้ นั่นก็หมายความว่าเขาขี้เกียจฝึกซ้อม ผู้หญิงที่ชอบนินทาเช่นนี้เป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด นางไม่มีความสามารถอย่างแน่นอน สักแต่ว่ามีปาก พูดอะไรโดยไม่รู้จักกลั่นกรอง นางยังหวังจะพูดอะไรได้อีก
รุ่ยเจียคนนี้ปากดีนักใช่หรือไม่ ? เฟิงหยูเฮงกล้าที่จะตบนางจนกว่าปากนางจะฉีกออกมาได้ !
ถ้าผิวหนังของคนไม่เรียบเนียน พวกมันจะไร้ค่าหรือไม่ ? จากนั้นเฟิงหยูเฮงจะเฆี่ยนนางจนผิวหนังและเนื้อของนางเต็มไปด้วยเลือด !
เมื่อแส้อยู่ในมือของนาง นางก็เฆี่ยนทันที และไม่มีใครเร็วกว่านาง ในพริบตามีรอยเปื้อนเลือดปรากฎบนข้อมือของรุ่ยเจีย
นี่ยังไม่จบ มีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4... ในท้ายที่สุดรุ่ยเจียถูกเฆี่ยน 8 ครั้ง ในตอนท้ายรุ่ยเจียกลิ้งไปมาบนพื้น และคังอี้ร้องไห้เสียงดัง จากนั้นนางก็หยุดและส่งแส้ให้หวงซวน แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า "ทำความสะอาดสิ่งนี้ให้กับองค์หญิงแห่งมณฑลด้วย เก็บไว้ใช้ในอนาคต”
การเฆี่ยนตีนี้ทำให้จิตใจของทุกคนสั่นด้วยความกลัว หลายคนเข้าใจว่าองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันและองค์ชายหยูอารมณ์ร้อน แต่จำนวนคนที่เคยเห็นซวนเทียนหมิงเฆี่ยนตีผู้คนนั้นค่อนข้างมาก ฉากในวันนี้ทำให้ทุกคนได้เห็นองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันไม่เพียงแต่มีอารมณ์เช่นเดียวกับองค์ชายหยู แต่นางดุร้ายยิ่งกว่า !
เมื่อเห็นว่านางหยุดลงในที่สุด คังอี้ก็รีบวิ่งไปหารุ่ยเจีย แต่บุตรสาวตรงหน้านางทำให้นางไม่รู้จริง ๆ ว่านางควรทำอย่างไร ใบหน้าของรุ่ยเจียบวมเหมือนหมูและร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือดราวกับว่ามีคนถลกหนังของนาง เสื้อหนาวหนา ๆ ฉีกขาด ผิวหนังและเนื้อสามารถมองเห็นได้
แม้ว่าจิตใจของนางจะสงบและนางก็มีความสามารถในการสนับสนุนน้องชายของนางให้อยู่ในตำแหน่งผู้ปกครอง นางก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป นางจ้องมองเฟิงหยูเฮงราวกับจ้องมองศัตรู ดวงตาของนางเต็มไปด้วยไฟอันแรงกล้า และนางกำหมัดของนางแน่น ร่างกายของนางเหมือนเสือดาวที่กำลังจะกระโจนใส่และต่อสู้กับเฟิงหยูเฮง
อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ยินเฟิงจินหยวนพูดด้วยความโล่งใจ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราโชคดีมาก !”