ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0065
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0067

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0066


ตอนที่ 66 : โทสะแห่งนักล่ามังกร

ยันต์หนังสัตว์ ฉินหยุนทำมันสำเร็จได้ไม่ยากเย็นเท่าใดนัก มันเพียงใช้เวลานานกว่ายันต์กระดาษเล็กน้อย แต่ด้วยพละกำลังของยันต์หนังสัตว์ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ายันต์กระดาษไม่ใช่น้อย

หนังสัตว์จำเป็นต้องจัดการให้ดีก่อนนำมาแกะสลักลงไป เรื่องนี้หยางฉีเย่ว์ช่วยจัดการให้ นางคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า กำลังภายในเพียงพอที่จะจัดการหนังสัตว์ กระทั่งให้ผลลัพธ์ดีที่สุดก็ว่าได้

“อาจารย์ วิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยคืออะไรท่านพอทราบหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนับเป็นภัยคุกคามใหญ่โต หากเขาเข้าใจอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นแม้เล็กน้อย มันก็จะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย

“วิญญาณยุทธ์ของสองพี่น้องคู่นี้ค่อนข้างลึกลับยิ่ง กล่าวได้ว่ากระทั่งครอบครัวของพวกนางยังไม่ทราบ!” หยางฉีเย่ว์ส่ายหน้าและกล่าว “หากข้าไม่ได้เปิดเผยตัวตน ผู้คนจำนวนมากก็คงไม่ทราบวิญญาณยุทธ์ของข้า”

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของฉินหยุนก็ถูกเก็บงำ ผู้อื่นไม่ทราบเรื่องนี้ และด้วยวิญญาณยุทธ์นี้เขาสามารถสร้างการโจมตีชวนตกตะลึงในการต่อสู้ได้

“พรสวรรค์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็น่ากลัวไม่ใช่น้อย เพราะอะไรนางถึงไม่ถูกสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนคัดเลือกตัวกัน?” ฉินหยุนค่อนข้างงุนงงยิ่งว่าทำไม

หยางฉีเย่ว์ส่งผืนหนังสัตว์แก่ฉินหยุนแล้วค่อยถอนหายใจบางเบา “นางได้รับเลือกโดยตรงจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน และต้องทำการยอมรับข้อตกลงของสถาบัน บางที คงเป็นตัวนางแล้วที่ไม่ยอมรับเงื่อนไข”

ฉินหยุนพลันนึกได้ว่าหยางฉีเย่ว์เองก็มีข้อจำกัดเข้มงวดในเงื่อนไขเหล่านี้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ต้องมาเป็นอาจารย์ที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง

เขาเอ่ยถามเสียงเบา “อาจารย์ สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนได้ต่อว่าท่านเรื่องเปิดเผยวิญญาณยุทธ์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรือไม่ขอรับ?”

หยางฉีเย่ว์สัมผัสเส้นผมนุ่มลื่นและทรงเสน่ห์ นางยิ้มและกล่าว “ข้าเพียงได้รับคำบอกกล่าวเล็กน้อย ข้ามีเรื่องให้ต้องกลับบ้าน! จงระมัดระวังและทำยันต์ให้ดี อย่าได้ถามอะไรอีก!”

ฉินหยุนทราบว่าหยางฉีเย่ว์ดีต่อตนเพียงใด ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งกังวลว่านางเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก

ด้วยเหตุนี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือพยายามให้มากขึ้นเพื่อเสริมพละกำลังตนเองโดยเร็วที่สุด!

ภายในสองชั่วโมง ฉินหยุนทำยันต์เสร็จไปสี่แผ่น ทั้งยังทำงานต่อเนื่องจนถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาพักอีกสี่ชั่วโมง และก็เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องอีกสามวัน ท้ายที่สุดเขาสร้างยันต์อัคคีและยันต์สายฟ้าได้กว่าร้อยแผ่น ทั้งหมดล้วนเป็นยันต์หนังสัตว์

จากนั้นเขาจึงเริ่มขัดเกลาสร้อยข้อมืออสนีบาต สิ่งนี้นับว่าทรงพลังยิ่ง กระทั่งสร้างอาการบาดเจ็บให้คนอย่างฉินเจิ้งเฟิงได้

หยางฉีเย่ว์หยิบสร้อยข้อมืออสนีบาตมารับชม นางยิ้มกล่าว “ให้ข้าช่วยเจ้าสะสมพลังภายในแล้วกัน พลังภายในของข้าแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร!”

เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนั้น เขายิ้มและพยักหน้ารับ

ทั้งนี้เขายังส่งสร้อยข้อมืออสนีบาตเส้นอื่นเพิ่มเข้าไปด้วย

ในเมื่อไม่มีการจำกัดใช้งานวัตถุในการประลอง พวกเขาสามารถสวมใส่สิ่งของได้มากเท่าที่ต้องการ

ท้ายที่สุด เขากระทั่งสร้างชุดจากหนังสัตว์และแกะสลักพวกมันด้วยผังธาตุแสง

ผังธาตุแสงคือผังวิญญาณที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บและล้างพิษได้ พวกมันทั้งหายากและล้ำค่าดั่งผังแปรธาตุ และความซับซ้อนก็เช่นกัน แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานเพื่อเชี่ยวชาญแกะสลักพวกมัน

ต้วนเฉียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉินหยุน หากร่างกายเจ้าไม่มีอะไรผิดพลาดร้ายแรง ทางที่ดีควรรีบเพิ่มอันดับโดยเร็ว!”

หยางฉีเย่ว์กล่าวถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

ต้วนเฉียนพยักหน้ารับ “ฉินหยุนได้ต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่กับฉินเฟิงก่อนหน้า โดยเฉพาะกับพระราชวังหลวงเทียนฉิน ได้สั่งการจนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขากำลังรักษาอาการบาดเจ็บของฉินเฟิงอย่างเต็มความสามารถ ไม่นานเขาสมควรฟื้นตัวโดยเร็ว ถึงตอนนั้นเขาต้องมาท้าเจ้าประลองอย่างแน่นอน”

หากเขาสามารถใช้อุปกรณ์วิญญาณในการแข่งขัน เช่นนั้นราชวงศ์เทียนฉินย่อมต้องแต่งองค์ทรงเครื่องแก่ฉินเฟิงให้สวมใส่อุปกรณ์วิญญาณเต็มกำลังแล้ว

ราชวงศ์เทียนฉินมีความสามารถที่กระทำได้

ต้วนเฉียนมองหยางฉีเย่ว์และกล่าวต่อ “ฉินเจิ้งเฟิงมีเครือข่ายกว้างไกลในสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขาย่อมต้องขอความช่วยเหลือจากคนในสถาบันด้วยแน่!”

เมื่อหยางฉีเย่ว์ได้ยินเช่นนั้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองที่ฉินหยุนก่อนกล่าวคำ “เช่นนั้นจงไปท้าชี่เสวี้ยประลอง จงขึ้นเป็นอันดับที่ห้าและอันดับที่หนึ่งโดยเร็วที่สุด!”

“ขอรับ ข้าไปเดี๋ยวนี้!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

ทันทีเมื่อชี้เสวี้ยได้รับข่าวคราวว่านักล่ามังกรจะท้าประลอง นางจึงเร่งรีบมุ่งหน้ามายังลานประลองยุทธ์หลัก

ทุกผู้คนต่างทราบเรื่องนี้ในช่วงที่นักล่ามังกรและฉินเฟิงประลองกันก่อนหน้า เขาได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยเพราะฉินเจิ้งเฟิงที่แหกกฎก่อการ ต่อให้พักสักหลายวัน ย่อมไม่มีทางฟื้นตัวเร็วเพียงนี้

ตอนนี้ข่าวคราวว่าฉินเฟิงกำลังรักษาตัวแพ่กระจายทั่วนครหลวงเทียนฉิน ทุกคนต่างเชื่อเหตุผลที่ว่านักล่ามังกรท้าชี่เสวี้ยประลองในทันทีนี้เพราะเกรงว่าฉินเฟิงจะแสวงการแก้แค้น

บนลานประลองยุทธ์ ชี้เสวี้ยสวมใส่ชุดรัดรูปสีแดง คิ้วของนางเลิกขึ้นไม่น้อยขณะกล่าวอย่างอหังการว่า “ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นตาเฒ่าช่างตีเหล็ก! ทั้งยังช่วยเหลือนังแพศยาชี่เม่ยเหลียน เจ้าทั้งสองเป็นชู้รักกันเช่นนั้นหรือ?”

พอได้ยินดังนี้ ฝูงชนพลันระเบิดเสียงหัวเราะ ทุกผู้คนต่างทราบว่าชี่เม่ยเหลียนได้รับการช่วยเหลือโดยชายหน้ากาก ทั้งยังนำนางเข้าสู่ตำหนักจารึกเทวะ ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้นางยังไม่กลับออกมา

ชี่เสวี้ยเห็นฝูงชนหัวเราะยิ่งได้ใจ นางกล่าวต่อ “หรือบางทีนางคงหวาดกลัวจนเป็นบ้าเพราะใบหน้าเฒ่าชราและน่าเกลียดของเจ้าไปแล้ว! เพราะเจ้า นางถึงต้องถูกลดตัวเป็นสามัญชน นางนั้นเป็นองค์หญิงของจักรวรรดิ แต่แล้วนางกลับ... เหอะ เอาเถอะ แม่มันเป็นหญิงร่านเช่นไรลูกมันก็เป็นเช่นนั้น!”

ฉินหยุนเงียบรับฟังสิ่งที่นางกล่าว จนกระทั่งจบ เขาจึงค่อยเผยเสียงแหบห้าวและเบากล่าวออก “ปากเน่าเฟะของเจ้าช่างโสมมนัก ข้าจะฉีกมันออกด้วยมือคู่นี้!”

นี่เป็นเพราะเมิ่งเฟยหลิงไม่มีโอกาส ไม่เช่นนั้นชี่เสวี้ยคงโดนถลกหนังปากออกเป็นชิ้นแล้ว!

“การประลองยุทธ์ เริ่มได้!” กรรมการประกาศกล่าวเสียงดัง

ชี่เสวี้ยกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเกลียด นับตั้งแต่เริ่มการประลองนี้ นางได้ปล่อยกระแสกำลังภายในหลายสายเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นดาบน้ำแข็งทิ่มแทงฉินหยุน!

เท้าของฉินหยุนกระทุ้งพื้นรุนแรง เป็นการทิ้งรอยเท้าเอาไว้กับพื้นกระเบื้องหินอย่างเด่นชัด

ทว่ากระเบื้องหินหาได้แตกไม่ พลังภายในของเขากลับเป็นการหลอมเหลวหิน เป็นผลให้ใจของผู้ฝึกตนเฒ่าชราจำนวนมากสั่นเทิ้ม!

“เคล็ดวิชาระเบิดปราณ คลื่น!” ฉินหยุนเหยียดแขนออกขณะยื่นฝ่ามือไป ราวกับคลื่นยักษ์โหมเข้าใส่ คลื่นกระแทกกระจายตัวก่อเกิดขึ้นเป็นการโจมตีที่ชวนสะพรึง

เคล็ดวิชาระเบิดปราณคือวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ!

ฉินหยุนสำเร็จถึงขั้นกลางเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เขากำลังแสดงพลังเต็มที่ของมันออก!

แรงระเบิดของพลังปราณไม่อาจหยุดยั้ง โดยทันที ดาบน้ำแข็งกำลังภายในของชี่เสวี้ยทั้งหมดพลันแตกกระจาย

คลื่นระเบิดยังคงโหมเข้าใส่ชี่เสวี้ย!

ร่างของชี่เสวี้ยโดนปะทะด้วยแรงระเบิด นางกรีดร้องก่อนร่างกระเด็น ที่ผนังขนาดใหญ่ของแดนยุทธ์มังกรซ่อนเร้น ร่างของนางกระแทกเข้าที่ตรงนั้น ราวกับมีฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์กดนางเอาไว้กับกำแพงจนไม่อาจไหวติง

ทั้งร่างของชี่เสวี้ยแทบแหลกสลาย บาดแผลกระจายทั่วร่างจนกระทั่งสลบไป!

ทั้งร่างของนางถูกฝังเอาไว้ในผนังกำแพง อาการบาดเจ็บย่อมต้องรุนแรงเกินจะกล่าว

ผู้คนของจักรวรรดิเทียนชี่ต้องช่วยกัน ‘ขุด’ เอาร่างของนางออกจากกำแพงสูงก่อนเร่งร้อนพานางไปรักษา!

อีกหนึ่งสิบอันดับแรกที่ถูกแบกหามออกไปครั้งนี้มีสภาพน่าสังเวชที่สุดตั้งแต่มีมา และนี่เป็นความพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

ผู้ฝึกตนในแดนยุทธ์มังกรซ่อนเร้นที่มารับชมล้วนหวาดกลัวที่ได้มาพบเห็น หากเป็นพวกเขาเผชิญหน้า เช่นนั้นร่างกายอาจฉีกเป็นชิ้นแล้ว!

“เจ้าโชคดีนะ ตราบเท่าที่เจ้ายังมีชีวิต ข้าไม่รามือแค่นี้แน่!” ฉินหยุนมองชี่เสวี้ยที่ร่างโดนแบกหามออกไป เขากำหมัดเอาไว้แน่นขณะความโกรธสุมในใจค่อยกระจายตัว

“นั่นต้องเป็นวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำ! ดูจากลมหายใจของนักล่ามังกร มันไม่มั่นคงอีกต่อไปแล้ว! เหมือนว่าใช้พลังไปมหาศาลไม่ใช่น้อย!”

“วิชายุทธ์ระดับลึกล้ำ! กระทั่งตระกูลใหญ่ยังไม่มีแม้เพียงหนึ่ง! กระทั่งว่าเป็นวิชายุทธ์ระดับวิญญาณขั้นสูงก็ถือว่าล้ำค่ามากมายแล้ว!”

“ชายหน้ากากนั่นเป็นใครกันแน่?”

เพื่อชำระแค้นแก่ชี่เม่ยเหลียน ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาระเบิดปราณอย่างเต็มกำลัง มันยังเป็นวิชายุทธ์แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขามีในเวลานี้อีกด้วย

“นักล่ามังกรชนะ! ขึ้นสู่อันดับห้า!”

เขาได้ส่งคำท้าประลองเย่เสินเหล่ยอันดับสี่อย่างไม่คิดหยุดพัก

ในการประลองระหว่างเย่เสินเหล่ยและเมิ่งเฟยหลิงก่อนหน้านี้ เขาได้รับบาดเจ็บไปไม่ใช่น้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงขึ้นมายอมรับความพ่ายแพ้และค่อยจากไป

4.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด