ตอนที่แล้วบทที่ 92 การสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 94 ศัตรูที่ยากต่อการสังหาร

บทที่ 93 ศัตรูที่น่าเกรงขาม


บทที่ 93

ศัตรูที่น่าเกรงขาม

หลี่ฟู่เฉินประเมินหัวหน้าวายุทมิฬผู้ที่มีหนวดเครายาวเฟริม

หัวหน้าวายุทมิฬมีพลังบ่มเพาะที่สูงมาก ซึ่นนั้นก็คือขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก อาวุธที่เขาเลือกไม่ใช่ดาบ แต่เป็นกระบี่

ภายในแคว้นคังหลุน นักสู้ส่วนใหญ่จะใช้ดาบ ในขณะที่คนที่ใช้อาวุธอื่นๆ จะเป็นภาพที่หาได้ยาก

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องระวัง เมื่อต้องไปต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่ใช้อาวุธประเภทอื่น

เพราะท่านจะไม่สามารถรู้รูปแบบการโจมตีของเขาได้เลย

ในเวลาเดียวกันกับตอนที่หลี่ฟู่เฉินประเมินหัวหน้าทมิฬ หัวหน้าทมิฬเองก็ทำเช่นเดียวกับหลี่ฟู่เฉิน

หลี่ฟู่เฉินสูง 1.8 เมตร มีรูปร่างผอมเพรียวประดุจลำหอก เมื่อเขายืนตรงจะให้ความรู้สึกแบบเดียวกับภูเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนออกไปได้

ผู้เชี่ยวชาญ!

สัญชาติญาณของหัวหน้าวายุทมิฬบอกว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ

“เจ้าหนุ่ม เจ้าบุกรุกเข้ามายังภูเขาวายุทมิฬของข้า ดูสิว่าเจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร” หัวหน้าวายุทมิฬวางมือขวาของตนเองไว้ที่ด้ามจับกระบี่

“หัวหน้าวายุทมิฬ เจ้าสร้างความโกลาหลในเมืองชิงหลิน เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?” หลี่ฟู่เฉินถามหัวหน้าทมิฬเป็นการตอบกลับ

“เจ้าหนุ่ม ข้าคิดว่าเจ้าคงเบื่อหน่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว” ดวงตาของหัวหน้าวายุทมิฬนั้นเต็มไปเจตนาสังหาร

ไม่สนใจเจตนาสังหารของหัวหน้าวายุทมิฬ หลี่ฟู่เฉินเหลือบมองไปยังชายสวมหน้ากากที่ไม่แม้แต่จะขยับนิ้ว

ในมุมมองของเขา ชายสวมหน้ากากเองก็น่าจะอยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดและดูเหมือนจะอันตรายมากกว่าหัวหน้าวายุทมิฬ

“เจ้ากำลังถามหาความตาย!”

วาดกระบี่มาทางเขา หัวหน้าวายุทมิฬเริ่มต้นด้วยการกระโดดฟัน พยายามแยกหลี่ฟู่เฉินออกเป็นสองส่วน

การเข้ามากระโดดฟันครั้งนี้ถูกทำในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด มันเป็นตอนที่หลี่ฟู่เฉินกำลังมองไปยังชายสวมหน้ากาก

ชายสวมหน้ากากพยักหน้า ยอมรับประสบการณ์ต่อสู้ที่หัวหน้าวายุทมิฬมี

แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาเผชิญหน้ากับหลี่ฟูเฉิน

แม้จะไม่ได้มองดูที่หัวหน้าวายุทมิฬ หลี่ฟู่เฉินก็ยังรู้วิธีการฟันเข้ามากระบี่

ไปด้านข้าง หลี่ฟูเฉินก้าวเท้าเบาๆ และหลบการโจมตีที่ตั้งใจจะผ่าเขา

“วิชากระบี่เร้นวินาศ”

หัวหน้าวายุทมิฬยากที่จะจัดการมากกว่าที่หลี่ฟู่เฉินคิดไว้ แม้ว่าการลงกระบี่จะไม่ได้ต่อเนื่องมากนัก แต่เขาก็ใช้ทักษะกระบี่สีเหลืองขั้นกลางโดยฉับพลัน จากความลื่นไหลของทักษะกระบี่ เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว

คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะถึงจะบรรลุทักษะต่อสู้สีเหลืองระดับสูงสุดได้

ตราบใดที่จอมยุทธ์ใช้เวลามากเพียงพอ พวกเขาก็สามารถบรรลุขั้นตอนสุดท้ายที่มีของทักษะนั้นๆ ได้เช่นกัน

ฟึบ ฟึบ…

พลังกระบี่สีเขียวอ่อนปกคลุมระยะไม่กี่เมตรรอบตัวมัน หลี่ฟูเฉินถูกขังอยู่ในนั้นและอาจถูกผ่าออกจากกันได้ทุกเวลา

“วิชาดาบมังกรทะยาน!”

เพื่อสู้กับวิชากระบี่ที่สมบรูณ์แล้วของหัวหน้าวายุทมิฬ ดาบของหลี่ฟู่เฉินออกจากฝัก และใช้วิชาดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด วิชาดาบมังกรทะยาน

ขณะที่หลี่ฟู่เฉินเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด วิชาดาบมังกรทะยานของเขาเองก็เข้าสู่ขั้นภวังค์แล้วเช่นกัน ด้วยความสำเร็จนี้ การระเบิดพลังของมันจึงทะลุไปถึงผนังส่วนบนของถ้ำ หัวหน้าวายุทมิฬคิดว่าตัวเองได้เห็นมังกรตัวจริงกำลังผงกศีรษะ และส่ายหางของมันในขณะที่พุ่งเข้ามายังเขา

แคร็ก! คลื่น!

วิชากระบี่เร้นวินาศพังทลายลง พลังงานที่อยู่ในกระบี่เองก็กระจายหายไป

ชายสวมหน้ากากกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง และไม่สามารถทำอย่างไรได้ แต่ได้ถาม “เจ้าเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุน?”

การมีรากฐานเต๋าแห่งดาบเช่นนี้ได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขาคงไม่สามารถเป็นใครอื่นได้นอกเสียจากเป็นลูกศิษย์ของนิกายคังหลุน

“ศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุน?” หัวหน้าวายุทมิฬตื่นตกใจมาก

กลุ่มอัจฉริยะเหล่านั้นทั้งหมดก็คล้ายกับอสูร ก่อนที่จะมีการก่อตั้งกลุ่มโจรวายุทมิฬ มันเคยมีกลุ่มโจรอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกกำจัดโดยศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุน

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ตอบกลับ แต่กลับกันส่งดาบมังกรทะยานไปที่หัวหน้าวายุทมิฬอีกครั้ง

หัวหน้าวายุทมิฬมีพลังฉีที่เหนือกว่าหากเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน แต่ทักษะกระบี่ของเขานั้นด้อยกว่าทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉิน

เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง…

หัวหน้าวายุทมิฬถอยร่นออกไปอย่างต่อเนื่อง และถอยไปยังกำแพงถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่รู้ตัว

ครื๊น!

หลี่ฟู่เฉินเจาะรูขนาดใหญ่บนผนังถ้ำด้วยกระบวนดาบของเขา

วิชาดาบมังกรทะยานไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านการระเบิดพลัง แต่การโจมตีเป็นวงกว้างเองก็ทำได้ดีเช่นกัน

แต่หัวหน้าวายุทมิฬเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักใดๆ มากนัก ยกเว้นรอยเลือดสดที่ไหลออกมาจากปากของเขา

“วิชาดาบเสี้ยวทั้งสาม”

กระบวนดาบของหลี่ฟู่เฉินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ขณะที่แสงดาบสามดวงสว่างพลึบ

“ไม่ดีแล้ว”

รูม่านตาของหัวหน้าทมิฬหดตัวลง เขารีบปลดปล่อยพลังฉีสีเขียวอ่อนออกมามากขึ้น ปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อนำมาปกคุลมร่างกายและกระบี่ของเขา

ประกายไฟพุ่งออกมาขณะที่หัวหน้าวายุทมิฬปิดกั้นแสงดาบได้สองดวง เขาทำทุกสิ่งเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นแสงดาบที่สาม และมันก็เข้ามาเฉือนที่หน้าอก

ด้วยพลังฉีที่เขาคลุมเอาไว้ หัวหน้าวายุทมิฬจึงกระเด็นและเข้าไปปะทะกับผนังถ้ำ เช่นเดียวกับที่คิดไว้เขาบาดเจ็บสาหัส

“ตาย!”

ขณะนี้เอง ชายสวมหน้ากากก็ก้าวเข้ามา

ชายสวมหน้ากากเองก็ใช้กระบี่ด้วยเช่นกัน มันเป็นกระบี่ที่ยาวและแคบเล็ก

เมื่อกระบี่ออกจากฝัก พลังฉีที่ดูไร้สิ้นสุดก็ยืดความยาวของใบดาบได้อีก 3 ฟุต กระบี่ซึ่งเดิมทีมีความยาว 4 ฟุต บัดนี้มีความยาว 7 ฟุต

เคร้ง!

ทางยาวถูกแกะสลักอยู่บนพื้นและผนังถ้ำ ส่งผลทำให้เศษเล็กเศษน้อยบินออกไปทุกทิศทาง

ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่ฟู่เฉินเคาะนิ้วเท้าเบาๆ ที่พื้น ดุจปีศาจ เขาหลีกเลี่ยงกระบี่นี้ได้

“ช่างมีความสามารถล้นเหลือ” หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถทำอย่างไรได้ นอกเสียจากต้องอ้าปากค้างรับอากาศ

ชายสวมหน้ากากนั้นน่ากลัวกว่าหัวหน้าวายุทมิฬ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดก็ตาม

ถ้าเขาเดาได้ถูก ชายสวมหน้ากากคงจะฝึกฝนเทคนิคสีเหลืองระดับสูงสุด

เหตุผลที่หลี่ฟู่เฉินสามารถฆ่าเจียงต๋าไห่ได้ในทันทีและทำร้ายจางซินเซียงได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะเทคนิคการฝึกฝนของเขาคือเทคนิคลี้ลับขั้นกลาง เทคนิคเปลวไฟลี้ลับระดับที่สิบ

ระดับการบ่มเพาะมีความสำคัญพอๆ กับการบ่มเพาะเทคนิคการ ก็ในเมื่อมันสามารถตัดสินการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ด้วยกันได้

ทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของรากฐานที่จอมยุทธ์ต้องมี

ดังนั้น เพื่อตัดสินความสามารถของจอมยุทธ์ ท่านไม่เพียงแต่ต้องตัดสินระดับการบ่มเพาะของพวกเขา แต่ยังต้องตัดสินการฝึกฝนเทคนิคกาของพวกเขาด้วยเช่นกัน

ใช้ย่างก้าวเงาวายุ หลี่ฟู่เฉินหลบการโจมตีของชายสวมหน้ากากได้อย่างต่อเนื่อง

ฉึบ!

หญิงเปลือยกายถูกแยกครึ่งออกจากกัน และชายสวมหน้ากากก็โผล่ออกมาจากสายเลือด พุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน

“เวรเอ้ย”

มองดูผู้บริสุทธ์ที่ถูกพรากชีวิตไปอย่างอับจนหนทาง หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่รู้สึกมีอารมณ์เกิดขึ้น

“ให้ข้าได้ลองเสี่ยง!”

หยุดโคจรย่างก้าวเงาวายุ หลี่ฟู่เฉินโคจรเทคนิคเปลวไฟลี้ลับแทน จากนั้นเขาก็ใช่กระบวนดาบนึงที่อยู่ในวิชาดาบเปลวเพลิงสีแดง ‘เผาฉับพลัน’

บูม!

ประกายไฟสาดออก ขณะที่หลี่ฟูเฉินบินออกไปข้างหลัง

“ช่างเป็นพลังที่แรงมหาศาล”

เท้าลากไปตามพื้นเบาๆ หลี่ฟู่เฉินกระโดดไปทางด้านหลังหลายเมตร

“วิชากระบี่สายน้ำร่องลอย!”

ชายสวมหน้ากากเองก็ถอยออกไปหลายก้าวเช่นกัน แต่ในไม่ช้าเขาก็หยุดถอยและพุ่งตัวออกไปประดุจลูกศร พุ่งไปยังหลี่ฟู่เฉิน

เสียงปะทะกันของอาวุธดังสะท้อนออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด การเผยแต่ละทักษะกระบี่ของชายสวมหน้ากากจะถูกใช้ออกด้วยกระบี่ที่เสริมยาว 7 ฟุตอยู่เสมอ และก็ยังมีการระบิดพลังฉี หลี่ฟู่เฉินถูกกดดันโดยสมบรูณ์

“ประกายเพลิง!”

ด้วยประกายที่ออกมาจากดาบ หลี่ฟู่เฉินหยุดชายสวมหน้ากากได้ชั่วครู่หนึ่ง

ใช้เสี้ยววินาทีนี้ หลี่ฟู่เฉินหลบหนีจากรัศมีการแสดงพลังของศัตรู

‘มีเพียงวิชาดาบดาวตกเท่านั้นที่อาจสามารถฆ่าเจ้านั้นได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ใบดาบของจะเสียหายเอาได้หากใช้โดยพละการ’

โคจรย่างก้าวเงาวายุ หลี่ฟูเฉินก็เป็นเหมือนจิ้งจก เขาวิ่งไปตามผนังถ้ำ ไม่ปล่อยให้ชายสวมหน้ากากได้มีโอกาสไล่ตาม

‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงไม่บาดเจ็บ?’ ชายสวมหน้ากากกำลังไตร่ตรองขณะที่เขาไล่ล่าหลี่ฟู่เฉินไปด้วย

ในแง่ของความสามารถ เขาเหนือกว่าหลี่ฟู่เฉินมาก ตามเหตุผล พลังฉีของหลี่ฟู่เฉินควรหมดแล้ว และสมควรได้รับบาดเจ็บสำหรับการรับการโจมตีของเขาไปตรงๆ แต่จากรูปลักษณ์ที่เขาเปิดเผยออกมา หลี่ฟูเฉินยังคงกระฉับกระเฉงอย่างมากและไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ

‘ดูเหมือนว่า เจ้านั้นคงฝึกฝนเทคนิคการขัดเกลาร่างกายที่น่ากลัวบางอย่างอยู่’ นัยน์ตาของชายสวมหน้ากากนั้นมีประกายแห่งความเย็นชา

จอมยุทธ์ทั้งหมดที่ฝึกฝนทั้งเทคนิคการต่อสู้ และเทคนิคขัดเกลาร่างกายนั้นแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ทั่วไปมาก ไม่เพียงแต่พวกเขามีความสามารถที่น่ากลัว แต่การป้องกันเองก็ยากที่จะทำลายมันได้

เว้นแต่ว่าชายสวมหน้ากากจะเข้าสกดข่มหลี่ฟูเฉินได้อย่างสมบูรณ์ เขาจะไม่สามารถทำร้ายหลี่ฟู่เฉินด้วยพลังฉีของเขาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

“เจ้าจะต้องไม่หนี!”

ชายสวมหน้ากากหยิบอาวุธที่ซ่อนอยู่จำนวนมากออกมา และเหวี่ยงมันไปทางหลี่ฟู่เฉินที่วิ่งอยู่บนกำแพงผนังถ้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด