ตอนที่แล้วบทที่ 202 - เห็นฉันไหมล่ะ? (3) [15-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 204 - เห็นฉันไหมล่ะ? (5) [20-09-2019]

บทที่ 203 - เห็นฉันไหมล่ะ? (4) [18-09-2019]


บทที่ 203 - เห็นฉันไหมล่ะ? (4)”

นับตั้งแต่เกิดมหาภัยพิบัติก็ได้ผ่านมาเป็นเวลาถึง 2 ปีแล้ว และนี่ก็ยังเป็นครั้งที่สองแล้วด้วยที่ยูอิลฮานถูกทิ้งเอาไว้

"โอ้ ตรงนั้นมีตัวนึงแหะ"

[ก๊าซซซซซซ!]

[ติดคริติคอล!]

[ก๊าาา!]

ไม่ว่าจะเป็นในทะเลลึก บนท้องฟ้าเหนือเมฆ หรือภายใต้ป่าหนาทึบก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ด้วยป้อมปราการลอยฟ้าได้ทำให้ยูอิลฮานได้อหังกาไปทั่วโลกและจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เขาเจอ

[มนุษย์ พวกเราต้องหาและฆ่ามนุษย์..!]

"ตรงนั้นอีกหนึ่ง"

[กรร!?]

[ติดคริติคอล!]

[คุณได้รับ...]

[สกิลยมทูตได้ถูกเปิดใช้งาน...]

เพราะอะไรบางอย่างทำให้มอนสเตอร์ทุกตัวต่างก็มีความแค้นกับยูอิลฮานและค้นหาเขา แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่ได้อยากจะรู้ข้อมูลไร้ประโยชน์ของคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว เขาแค่จัดการฆ่าพวกมันอย่างไร้ปราณีและไม่เค้นข้อมูลใดๆอีก

จริงๆแล้วเขาก็ยังคิดว่ามันยังน่ารำคาญด้วยซ้ำไปที่เขาเข้าใจในสิ่งที่พวกมอนสเตอร์พูด

"ฉันไปทำอะไรให้เจ้าพวกตัวเกิดใหม่นี่กันนะ?"

[พูดตรงๆเลยมันก็มีผลอยู่เยอะเลยนะ... นายจำได้ไหมล่ะว่ามาจนถึงตอนนี้นายฆ่ามอนสเตอร์ไปกี่ตัวแล้ว?]

เพียงแค่กระจกคำสาปแห่งการทำลายที่โคจรอยู่ล้อมป้อมปราการของฟ้าก็น่าจะฆ่ามอนสเตอร์ไปเป็นพันล้านตัวแล้ว หากมอนสเตอร์มีจิตสำนึกบางอย่างที่เชื่อมต่อกันแล้วถ้างั้นมันจะแปลกมากหากมอนสเตอร์ไม่แค้นยูอิลฮาน

เลียร่าพูดออกมาเหมือนคำถามของเขามันไร้สาระ แต่แล้วยูอิลฮานก็ตั้งท่าเป็นประกายตอบกลับมา

"เลียร่าแล้วเธอน่ะจำได้ไหมล่ะว่ากินขนมปังไปกี่ชิ้นแล้วนับตั้งแต่เกิดมา?"

[โอเค ฉันเข้าใจ]

ยูอิลฮานได้เก็บเอาศพของมอนสเตอร์ที่เขาเพิ่งจะฆ่าลงไป ถึงแม้ว่ามันจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ แต่ชิ้นส่วนร่างกายของมันก็ยังคงเป็นคลาส 4 แถมตัวนี้ยังมีกระทั่งหินพลังเวทย์ด้วย

"นี่โลกกลายมาเป็นที่ใช้แรงงานขนาดใหญ่แล้วสินะ"

[ถึงมันจะไม่มีอะไรใหม่... แต่แนวความคิดของนายก็ยังน่าทึ่งจริงๆ]

ยูอิลฮานก็ยอมรับเหมือนกับว่าเขามองโลกในแง่ดีมากๆ แต่ว่าเขาก็ยังคิดว่าที่เขาพูดไปก็ไม่ได้ผิดอะไร พอมาลองนับหินพลังเวทย์คลาส 4 ที่เขาได้มาจากสองปีที่ผ่านมาก็มีกว่า 150,000 ก้อน

"หากเป็นที่โลกอื่นมันจะเป็นไปได้หรอที่ฉันจะได้หินพลังเวทย์คลาส 4 ถึง 150,000 ก้อนน่ะ?"

[ถ้าเป็นในโลกระดับต่ำแน่นอนว่าไม่]

ยูอิลฮานได้มองดูที่กองหินพลังเวทย์คลาส 4 และพึมพัมออกมา เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขายังต้องใช้หินพลังเวทย์คลาส 4 อย่างระมัดระวังอยู่เลย แต่พอมาในตอนนี้เขาเหมือนกับว่ายอยู่ในสระหินพลังเวทย์คลาส 4 ไปซะแล้ว!

บางทีนี่ก็คงเป็นพรจากสวรรค์ที่ให้เขาทำอะไรก็ได้ตามต้องการเพื่อชดเชยคำสาปที่เขาต้องอยู่เพียงลำพังก็ได้

[ยังไงก็ตามหากเป็นในโลกชั้นสูงการจะรวมหินพลังเวทย์จำนวนแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ปัญหาก็คือหินพลังเวทย์คลาส 4 มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลย]

"ถ้างั้นก็จำเป็นต้องสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพื่อเอาหินพลังเวทย์มาใช้งั้นสิ?"

[ถูกแล้ว มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่จริงๆก็คือไม่ว่าจะเป็นหินพลังเวทย์อะไรมันก็จะใช้ได้ผลดีหากว่าอาวุธเป็นระดับสูงน่ะ ระดับของมันจะต่างกันเลย]

"ช่วยพูดให้เข้าใจง่ายๆหน่อย"

เลียร่าได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะฮึดฮัดและตอบมาอย่างชัดเจน

[ทุกอย่างที่นายทำมันจะใช้ได้ผลนั่นแหละ]

"เยี่ยม แค่นั้นก็พอแล้ว"

ป้อมปราการลอยฟ้านี้ก็ไม่ได้ใช้หินพลังเวทย์คลาส 5 เลย หากเขาได้ยินว่าป้อมปราการลอยฟ้านี้ไม่อาจจะใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งๆที่เป็นอาร์ติแฟคระดับพระเจ้า ถ้างั้นแม้แต่เขาก็คงจะคลั่งไปแน่

[จริงๆเลยนะ ฉันคิดว่านี่มันไม่ยุติธรรมเลยที่นายใช้แค่หินพลังเวทย์คลาส 4 ก็สร้างอาร์ติแฟคระดับมหากาพย์หรือโกลาหลหรือพระเจ้าอะไรก็ตามแต่... แต่ก็นะฉันจะปล่อยไปล่ะกันเพราะมันไม่ได้มีอะไรใหม่เลย]

"แต่ตะกี้เธอเพิ่งจะบ่นออกมานะ"

ยูอิลฮานได้มองดูในช่องเก็บของและคิดว่าเขาจะเอาหินพลังเวทย์ที่เขารวมมาใช้ยังไงดีนะ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บเอาไว้เนื่องจากว่าในตอนนี้เขายังไม่จำเป็นต้องใช้มัน

ใช่แล้ว สำหรับในตอนนี้

[นายมีแผนที่จะทำอะไรอีกแล้ว!]

"ไม่มีอะไรหรอกน่า"

จริงๆแล้วถ้าเขาต้องการมันก็ยังมีหลายอย่างที่จะใช้หินพลังเวทย์ทำได้ อย่างเช่นใช้เป็นพลังงานให้กับกระจกคำสาปแห่งการทำลายหรือไม่ก็ใช้เป็นเชื้อเพลิงเร่งความเร็วให้กับป้อมปราการลอยฟ้าก็ได้ แต่ยังไงก็ตามด้วยจำนวนหินพลังเวทย์คลาส 3 ที่มากกว่าเป็นสิบๆเท่าก็มากพอแล้ว

วงจรการล่ามอนสเตอร์ ได้รับหินพลังเวทย์และทำให้การล่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้เกิดขึ้นมาอย่างไม่สิ้นสุด เขาได้ทำซ้ำวงจรนี้ไปเรื่อยๆ ได้รับหินพลังเวทย์มามากยิ่งขึ้น และใช้หินพลังเวทย์เพิ่มความเร็วให้กับป้อมปราการลอยฟ้าและพลังทำลายของป้อมปราการเพื่อจัดการกับมอนสเตอร์

ผลลัพธ์ที่ผ่านก็มาคือหลังจาก 2 ปี ยูอิลฮานสามารถไปทั่วโลกได้ในเวลาแค่วันหรือสองวัน การทัวร์รอบโลกนี้ก็ยังรวมไปถึงการจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกไปด้วยเช่นกัน

[ถ้าเป็นแบบนี้ที่มอนสเตอร์หายไปเร็วกว่าการปรากฏตัวของพวกมัน... นายรู้ใช่ไหมว่ามันอาจจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ?]

"การล้นของมานา"

แม้ว่าดันเจี้ยนจะถูกทำให้ระเบิดแต่ดันเจี้ยนก็ไม่ได้หายไป เมื่อภายในของดันเจี้ยนว่างเปล่าดันเจี้ยนก็ยังปล่อยมานาออกมาเติมเต็มพื้นที่ว่าง แต่ด้วยมอนสเตอร์ด้านนอกที่ถูกยูอิลฮานจัดการก่อนแล้วทำให้ภายในนั้นไม่ได้รับการเติมเต็มเลย

ถ้างั้นจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? โลกที่มีมานาที่เข้มข้นขึ้นก็จะสร้างมอนสเตอร์มากขึ้นเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ

มานาที่ถูกปล่ออยออกมาจากกับดักแห่งการทำลาย มานาที่โลกใบนี้มีอยู่ และบันทึกนภาในพื้นที่นั้นก็จะรวมมานาทั้งสองอย่างนั้นเข้าด้วยกันจนให้กำเนิดมอนสเตอร์ประหลาดขึ้นมา!

[ถ้านายรู้แล้วก็ลดความเร็วลงซิ!]

"ยังไงก็ตามถ้าการล้นของมานาเกิดขึ้นมาก็จะทำให้มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งโผล่ขึ้นมา จากนั้นความเร็วในการพัฒนาของโลกก็จะถูกเร่งขึ้นไม่ใช่หรอ? จริงๆแล้วมอนสเตอร์ในทุกวันนี้ที่เกิดขึ้นมาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคลาส 4 แล้ว

คลาส 4 งั้นหรอ? แม้แต่ในตอนนี้ก็กำลังเกิดการล้นของมานาขึ้นในสักที่บนโกนี้ มอนสเตอร์ระดับสูงที่มีเลเวลมากกว่า 250 ต่างก็เกิดขึ้นมาไม่หยุด! แน่นอนว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเลยที่รอดจากการโจมตีตรงๆของยูอิลฮานและป้อมปราการลอยฟ้า

ในตอนนี้โลกใบนี้กำลังให้บรรยากาศที่สงบสุขและค่อนข้างเงียบเหงาเพราะป้อมปราการลอยฟ้า แต่หากว่าป้อมปราการลอยฟ้าหายไปจากโลกแค่ซักสัปดาห์เดียว ถ้างั้นที่โลกนี้ก็จะเข้าสู่ยุคแห่งความโกลาหลและการทำลายล้างขึ้นอีกครั้ง แม้กระทั่งโลกอื่นที่ผ่านมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 มาสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายเท่านี้เลย

เลียร่าได้หวาดกลัวไปจริงๆแล้วว่าโลกใบนี้จะเข้าสู่โลกชั้นสูงในไม่ช้า

ครั้งหนึ่งยูอิลฮานจะทำหน้าที่ฆ่ามอนสเตอร์แทนมนุษย์ทั้ง 7 พันล้านคน และเมื่อดูจากป้อมปราการลอยฟ้ากับตัวยูอิลฮานในตอนนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าที่เขาพูดมันโกหกทั้งเพ สิ่งที่เขาทำในตอนนี้มันยิ่งกว่ามนุษย์ทั้ง 7 พันล้านคนไปแล้ว นี่มันมากกว่า 10 หรือ 20 พันล้านไปแล้วซะอีก

[แต่อิลฮานก็จำเป็นต้องไปคลาส 4 เหมือนกันนะ]

"หืม"

ในจุดนี้มีเขายังทำไม่สำเร็จก็แค่การได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง เชี่ยวชาญสกิลประกายเพลิง และเชี่ยวชาญสกิลยมทูต สกิลยมทูตกับประกายเพลิงเขาใกล้จะเชี่ยวชาญมากแล้ว ตอนนี้เลเวลทั้งสองสกิลต่างก็อยู่ที่ 99 พอลองคิดย้อนไปถึงช่วงเวลาเส้นทางที่เขาผ่านมาจนกว่าจะได้เท่านี้ก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้แล้ว

"ไฟ... ไฟ"

ระหว่างที่มองดูเงื่อนไขการเลื่อนไปคลาส 4 เขาก็พึมพัมออกมา

"หรือฉันน่าจะต้องเปลื่ยนโลกนี้ให้เป็นทะเลเพลิง?"

[อยู่ๆอย่ามาพูดเรื่องชั่วร้ายแบบนี้นะ]

"หรือว่าฉันจะต้องทำอาร์ติแฟคดวงอาทิตย์เทียมกัน?"

[ตอนนี้ฉันอยู่กับนายไม่ได้แล้ว!]

แน่นอนว่าไม่ว่าจะทำให้โลกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิงจนพอจะทำให้มหาสมุทรเหือดแห้งไปหรือทำอาร์ติแฟคดวงอาทิตย์เทียมเขาก็จำเป็นจะต้องใช้หินพลังเวทย์คลาส 5 ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้น

"ฉันก็ยังต้องวิวัฒนาการสกิลภาษาอีกด้วย"

[นายยังไม่ต้องรีบหรอกนะ จำเอาไว้ให้ดีว่าตอนนี้พัฒการของนายก็เร็วมามากแล้ว]

หินพลังเวทย์คลาส 5? ก่อนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตัวเลียร่าเองก็ยังไม่เคยได้รู้ถึงเรื่องนี้เลย แต่ยูอิลฮานกลับต้องการจะใช้หินพลังเวทย์คลาส 5 นั่นเพื่อเลื่อนไปเป็นคลาส 4 หรือไม่ก็วิวัฒนาการสกิลของเขา นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว

"อ่า...โอเค"

[หา?]

ยังไงก็ตามอยู่ๆยูอิลฮานก็หดหู่ลงหลังจากได้ยินคำพูดของเธอซึ่งนี่มันขัดกับความตั้งใจของเธอมาก

"ใช่แล้ว เธอพูดถูก ยังมีเวลาอีกมากดังนั้นฉันยังไม่ต้องรีบ"

[...]

"ฟู่..."

บางที อาจจะแค่บางทีเหตุผลที่ยูอิลฮานไม่หยุดความใฝ่คว้าของเขาก็เพื่อที่จะหลีกหนีความจริงที่น่าเบื่อก็ได้ แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะลืมได้ง่ายเพราะทัศนคติมองโลกในแง่ดีของเขา แต่ในปัจจุบันตัวเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต่อให้เป็นบ้าไปก็ไม่แปลก

ในตอนที่เริ่มมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 เขาก็ได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปจำนวนมากแล้วก็พัฒนาอาวุธขึ้นมาจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นเขาก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว แต่ในตอนนี้เมื่อสองปีได้ผ่านพ้นไปมันก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วก็ไม่มีมอนสเตอร์ให้เขาฆ่าแล้ว เขาต้องใช้เวลา 3 ถึง 4 วันกว่าที่จะเจอกับมอนสเตอร์

แม้กระทั่งเขาในตอนนี้ที่เพิ่งจะวนรอบโลกมาเสร็จ เขาก็ไม่อาจจะเจอแม้แต่ร่องรอยของมอนสเตอร์เลยไม่ว่าเขาจะพยายามหาพวกมันมากแค่ไหน เขาเพิ่งจจะทำให้ดันเจี้ยนทั้งหมดบนโลกว่างเปล่าอีกด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เขามั่นใจได้เลย

ในที่สุดแล้วเลียร่าก็คิดได้ว่าบางทีเธออาจจะทำพลาดลงไปแล้ว แต่นี่มันก็สายเกินไปแล้วด้วย ยูอิลฮานได้ใส่ประกายเพลิงลงไปบนหอกและเหวี่ยงมันไปมาด้วยความหดหู่เพื่อบุกเบิกขอบเขตใหม่ของการเล่นคนเดียวแล้ว

เมื่อมองจากระยะไกลแล้วภาพของเขาที่ใช้เพลิงนิรันดร์กวัดแกว่งนี้ดูสวยงามมากๆ แต่พอมองใกล้ๆแล้วดูน่าเศร้า เลียร่าไม่อาจจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้ เธอได้พยายามอย่างที่สุดเพื่อดึงอารมณ์ของเขาให้กลับมาดีขึ้น

[อาบน้ำ ถ้านายไปอาบน้ำ นายจะอารมณ์ดีขึ้น]

"เธอพยายามจะแย่งฉันอาบน้ำอีกแล้วงั้นสิ?"

[โธ่ ฉันไม่ได้อยากจะเข้าไปในอ่างอาบน้ำพิษแบบนั้น]

ยังไงก็ตามถึงแม้เขาจะอาบน้ำเสร็จออกมาอารมณ์ของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย นี่สามารถมองดูได้จากการที่เขาใช้ไฟมาสร้างเป็นตัวกระต่ายและพัฒนาไปเป็นปีศาจสั่นสะเทือน ถ้าเป็นไปได้เลียร่าก็อยากจะขอให้เขาทำสัตว์ตัวอื่นๆด้วย แต่ว่ายูอิลฮานในตอนนี้ดูเหมือนระเบิดที่จะปะทุได้ตลอดเวลาแล้ว

[ถะ ถ้างั้น...]

นี่คือโอกาสของเธอ เลียร่าได้ตัดสินใจที่จะลองวิธีเข้าหาที่กล้าหาญของเธอเพื่อทำให้ยูอิลฮานดีขึ้น นี่มันไม่ใช่เพื่อเติมเต็มความต้องการของเธอแต่เป็นการปลอบยูอิลฮาน แม้แต่ข้อแก้ตัวก็สมบูรณ์แบบแล้ว

[อิลฮาน]

"ว่าไง"

เธอได้ขบริมฝีปากแน่นขณะที่เขินอยู่ จากนั้นเธอก็หลับตาลงก่อนเปิดปากขึ้นมา

[อิลฮาน เกี่ยวกับเรื่องของนาย...]

"หา?"

ในตอนนี้เองยูอิลฮานได้รีบเงยหน้าขึ้นทันที ภาพปีศาจสั่นสะเทือนที่เกิดจากไฟได้หายไปทันที เขารู้งั้นหรอว่าเธอกำลังจะพูดอะไร? ในตอนนี้เองที่หน้าของเลียร่าได้เปลื่ยนไปแดงเหมือนมะเขือเทศ

"การล้นของมานาล่ะ"

[...]

"ออร่านั่นระเบิดออกมาแล้ว นี่มันเพราะว่าฉันกวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดบนพื้นงั้นหรอ? ไม่สิ กับดักแห่งการทำลายหลายอันกำลังผสานเป็นหนึ่ง อย่าบอกฉันนะว่ามัน..."

ยูอิลฮานที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวามาตลอดได้เป็นกระตือรือร้นไปในทันที นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้พัฒนามาจนถึงตอนนี้ แต่ว่าเลียร่าก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอเป็นแค่คนโง่เมื่อเธอได้เห็นเขากระตือรือร้นเพราะเรื่องแบบนี้

[ฉันก็...]

"ไว้คุยทีหลังนะเลียร่า มันดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันรอคอยกำลังจะเกิดขึ้นมาแล้ว"

[รอเหรอ? ฉันน่ะรอมาเป็นร้อยปีนะ!... เดี๋ยวสิ รออะไรล่ะ?]

ยูอิลฮานได้ขับป้อมปราการลอยฟ้าออกไปโดยไม่ตอบเธอ เขาได้เปิดใช้การซ่อนเร้นในทันทีที่เขาไปในปราสาทแล้วเขาก็ยังคงไม่พอใจกับแค่นี้ เขาได้เก็บเอาร้อยนัยน์ตาทั้งหมดมารวมไว้ในจุดเดียวและเตรียมที่จะใช้มันยิงออกไปตลอดเวลา

เลียร่าได้คิดว่า 'ไม่มีทาง' ระหว่างที่มองดูแบบนี้ แต่แล้วเธอก็ได้รู้เมื่อป้อมปราการลอยฟ้าได้ไปในพื้นที่ที่เกิดการล้นของมานา

ในตอนนี้ได้มีพายุแสงสีทองเกิดขึ้นมา เหตุผลคือมันมาจากการที่กับดักแห่งการทำลายได้มารวมกันในจุดๆหนึ่งแน่นอน มานาได้ถูกเสริมพลังขึ้นไปและบันทึกต่างๆได้มารวมเข้าด้วยกัน

และได้มีรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่รุนแรงที่กำลังดิ้นรนอยู่ภายในนั้น

[นี่มันกำลังเกิด... สิ่งมีชีวิตคลาส 5 ขึ้นมางั้นหรอ...?]

ปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจเกิดขึ้น และไม่ควรจะมีได้เกิดขึ้นมาแล้วบนโลกใบนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด