ตอนที่ 1015 สองภารกิจ
มันเป็นช่วงต้นของฤดูร้อนและดวงอาทิตย์ก็ขึ้นทางตะวันตกของเมืองหวังเปาก่อน6โมงเช้า
หลังเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีผ่านหน้าต่าง หลินฮวงและเสี่ยวโม่ก็รู้ตัวว่ามันเช้าแล้ว
“ออกไปเดินเล่นข้างนอกและหาอะไรกินกัน”หลินฮวงแนะนำหลังดูเวลาและตระหนักว่ามันยังไม่ถึง6โมงเช้าดี และทั้งคู่ก็ไม่ง่วงเลย“มีร้านอาหารเช้าอยู่ใกล้ๆ พวกเขาทำขนมปังงและเกี๊ยวทอดได้อร่อยมาก จะมีคนมาต่อคิวกันตอน7โมงเช้าทุกวัน พวกเขาเริ่มเตรียมของตอน6โมง ไปล้างหน้าและมันคงเปิดพอดีตอนเราไปถึง”
โดยธรรมชาติ เสี่ยวโม่ไม่คัคค้าน เขาแทบไม่มีโอกาสออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ในฐานะสมาชิกอีกาม่วง เขามักอยู่เฉยๆเมื่อไม่มีภารกิจ เขาจะจดจ่อกับภารกิจเมื่อใดก็ตามที่อกอไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอกเลย ตอนนี้ตัวตนเขาต่างออกไปและมันก็คือครั้งแรกของเขาในเมืองหวังเปา มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะตื่นเต้นไปกับสภาพแวดล้อมสดชื่นและแปลกใหม่
หลังล้างหน้า หลินฮวงก็นำสมเสร็จ แมวป่าและเจ้าแดงออกไปด้วย
ผู้บ่มเพาะหลายคนได้นำสัตว์เลี้ยงพวกเขาออกมาเดินเล่น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ควบคุม พวกเขาใช้จ่ายเงินไปมากเพื่อซื้อสัตว์เลี้ยงที่ถูกจับมาเลี้ยงไว้แล้ว วิญญาณต่อสู้ของหลินฮวงไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไร แต่ทว่า รูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของสมเสร็จก็ยังนับว่าโดดเด่น
ร้านอาหารเช้าที่หลินฮวงพูดถึงอยู่ห่างจากโรงแรมไม่ถึงกิโลเมตร มันใช้เวลาเดินมาแค่ไม่กี่นาที
คู่สามีภรรยาเพิ่งเปิดร้าน หม้อเองก็เพิ่งตั้งบนเตา ทั้งคู่ทำงานตามความรับผิดชอบ คนหนึ่งเติมขนมปัง อีกคนห่อเกี๊ยว
หลินฮวงเลือกโต๊ะสบายๆด้านนอกร้านและนั่งลง เขาและเสี่ยวโม่คือลูกค้ารายแรก
“ทำไมวันนี้เธอมาเช้าจัง พ่อหนุ่ม?”เจ้าของร้านหญิงทักทายด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าหลินฮวงเป็นลูกค้าประจำ
“โอ้ใช่ วันนี้เราตื่นเช้านะครับ”หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า
“วันนี้เธอพาเพื่อนมาด้วยนี่”เจ้าของร้านหญิงแอบมองเสี่ยวโม่ เธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่ามันเป็นหนุ่มหล่อ
“ใช่แล้วครับ ผมบอกเขาว่าพวกคุณทำขนมปังและเกี๊ยวทอดอร่อย ดังนั้นผมจึงพาเขามาด้วย”
“พวกเธอมาเช้ามาก อาจต้องรอกันสักพักนะ”เธอรู้สึกแย่เล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่รีบ”
หลินฮวงคุยเล่นอีกสักพักหลังสั่งอาหาร จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มลงมือ
เสี่ยวโม่ลดเสียงและถามด้วยความสับสน“เจ้าของร้านทั้งคู่เป็นคนปกติ ใช่ไหม?นายมักคุยกับพวกเขาแบบนี้งั้นหรอ?”
“บางครั้ง พวกเขามักมีลูกค้ามาก มันยากสำหรับเราที่จะได้คุยกับเยอะเหมือนวันนี้ ปกติเราแค่คุยเล่นกันเล็กๆน้อยๆ”หลินฮวงตอบ“มีอะไรงั้นหรอ?”
เสี่ยวโม่เงียบไปสักพักก่อนพูดอีกครั้ง“ปกติเราจะไม่คุยกับคนธรรมดา”
หลินฮวงจำได้ว่าพวกเขาถูกสอนมาว่าควรรักษาระยะห่างและงดการสื่อสารให้ได้มากที่สุด
“กฏของอีกาม่วงคือห้ามติดต่อกับโลกภายนอกเว้นแต่จะมีภารกิจ มันเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกหลงใหลหรือได้รับอิทธิพลใดๆจนเปลี่ยนมุมมอง ตอนนี้ สิ่งที่นายต้องการมากสุดคือเปลี่ยนมุมมองตัวนาย อย่าทำให้ตัวเองตกต่ำด้วยความคิดของพวกอีกาม่วงอีก”
“แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นายได้รับจากพวกเขาไร้ประโยชน์มาก”เสี่ยวโม่ทำการวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ของข้อมูลการสนทนาตามมาตรฐานอีกาม่วง
“หากคนเราพูดแต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์โดยไม่มีเรื่องไร้สาระ โลกจะน่าเบื่อขนาดไหน?”หลินฮวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ข้อมูลไร้ประโยชน์ทำให้การสนทนาเต็มไปด้วยสีสันและอบอุ่น มันทำให้ความสัมพันธ์ของผู้คนเกี่ยวดองกัน”
เสี่ยวโม่สับสน“นั่นคือเรื่องน่าสนใจสำหรับนายงั้นหรอ?”
“นับจากนี้ไป นายจะมีชีวิตและทำงานร่วมกับคนอื่น อย่าปฏิเสธการสื่อสาร หากนายไม่รู้ว่าจะพูดอะไร งั้นก็แค่รับฟัง จงเป็นผู้ฟังที่ดี แล้วนายจะรู้ว่าการสื่อสารสนุกแค่ไหน”หลินฮวงตบไหล่เสี่ยวโม่
เจ้าของร้านหญิงนำขนมปังทอดมาเสิร์ฟสามจานพร้อมเกี๊ยวอีกสองจาน จากนั้นก็นำโจ๊กสองชามมาให้
เกี๊ยวทอดกรอบ ส่วนขนมปังก็เต็มไปด้วยความชุ่มช่ำ หลินฮวง สมเสร็จฝันร้ายและเจ้าแดงชอบขนมปัง แต่เสี่ยวโม่และแมวป่ากลับชอบเกี๊ยวทอด
หลินฮวงกินขนมปังแค่ครึ่งเดียวและที่เหลือก็ให้เสี่ยวโม่ เจ้าแดงและวิญญาณต่อสู้เขา
เสี่ยวโม่กินเกี๊ยวทอดไปถึง4ชิ้นและรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อกินเสร็จ
เมื่อเห็นสีหน้าเขา เจ้าของร้านหญิงก็ยิ้ม“พ่อหนุ่ม เธอยังอยู่ในวัยกำลังโต มันเป็นปกติที่จะกินเยอะ ไม่ต้องอายหรอก”
“เจ้าของร้านพูดถูกแล้ว”หลินฮวงล้อด้วยรอยยิ้ม
หลังกินอาหารเช้าและจ่ายเงินเสร็จ หลินฮวงก็พาเสี่ยวโม่ไปยังสวนใกล้เคียง
มันเกือบ6โมง40แล้ว มีลุงๆป้าๆกำลังออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ
หลินฮวงเดินด้วยท่าทางยืนเส้นพร้อมพาเสี่ยวโม่ไปสวน
เสี่ยวโม่คิดว่าการออกกำลังกายนั้นดูแปลกมาก
หลินฮวงพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นของเขา
เขาเดินเล่นในสวนกับเสี่ยวโม่ ในไม่ช้า สวนก็เต็มไปด้วยผู้คน เสี่ยวโม่เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะยังไม่คุ้นชินกับคนมากๆ
พวกเขาเดินเล่นจนถึงประมาณ7โมงครึ่งก่อนกลับโรงแรม
“ฉันรู้สึกอึดอัด โดยพาะตอนมีคนเยอะ แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่าสนใจเลยทีเดียว”เสี่ยวโม่ตอบ
หลินฮวงพอใจกับคำตอบเขา เขากังวลเล็กน้อยว่าเสี่ยวโม่อาจไม่สนใจเข้าร่วมวิถีชีวิตปกติ ตอนนี้ เขาโล่งอกขึ้นมา ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนความคิดเขาจะไม่ยากอย่างที่คิด
“วันนี้ฉันจะเริ่มปิดประตูบ่มเพาะ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ภายในหนึ่งเดือนนี้หรือมากกว่านั้น ฉันมีสองภารกิจให้นาย หวังว่านายจะทำได้”
“ภารกิจแรก ฉันจะให้เคล็ดบ่มเพาะใหม่กับนาย หวังว่านายจะสร้างระบบบ่มเพาะใหม่ได้ด้วยเคล็ดบ่มเพาะนี้ เคล็ดบ่มเพาะนี้สามารถช่วยให้นายทะลวงผ่านจักรพรริทองม่วงเป็นเทพเสมือนได้ คำขอฉันคือนายจะต้องบ่มเพาะระบบใหม่นี้ให้สุดความสามารถจนกว่าจะบรรลุระดับเพลิงสวรรค์”
เสี่ยวโม่ค่อนข้างกังวลกับภารกิจ เขาคิดว่ามันยากมากเพราะเขาต้องใช้เวลาถึงสามปีในการทะลวงจากระดับเหล็กเป็นเพลิงขาว
แน่นอน หลินฮวงสังเกตเห็นความกังวลเขาและกล่าวเสริมทันที“นายมีฐานบ่มเพาะที่แน่นหนาอยู่แล้ว นายควรสร้างระบบใหม่ได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลถึงความคืบหน้านัก นายสามารถถามเจ้าแดงได้หากไม่เข้าใจอะไร ฉันจะปล่อยมันให้อยู่กับนาย”
หลินฮวงสะบัดมือซ้าย จากนั้นเจ้าแดงก็ออกมาจากแขนเสื้อเขา
เสี่ยวโม่รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าหลินฮวงมีมอนสเตอร์อัญเชิญซ่อนอยู่ในแขนเสื้อเขาตลอดเวลา
หลินฮวงพูดต่อหลังออกคำสั่งกับเจ้าแดง“ภารกิจที่สองคือการไปสวนสาธารณะทุกวัน นายจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงที่นั่น นอกจากนี้ นายจะต้องคุยกับคนอย่างน้อยสามคนทุกวัน แค่ประโยคเดียวก็ได้ นายสามารถไปที่นั่นได้ตลอดเวลาระหว่าง7โมงเช้าถึง1ทุ่ม แต่นายต้องใช้เวลาที่นั่นหนึ่งชั่วโมง หากนายไม่ทำ วันต่อมานายจะต้องใช้เวลาสองเท่าและเพิ่มจำนวนคนคุยเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน เจ้าแดงจะคอยจับตาดูนายตลอด นี่คือบทเรียนพื้นฐานสำหรับนาย หวังว่านายจะทำมันอย่างจริงจัง”
เสี่ยวโม่ดูประหม่ายิ่งขึ้นหลังได้ยินภารกิจอีกอย่าง เขาคิดว่าภารกิจนี้ยากยิ่งกว่าภารกิจแรกซะอีก