เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0062
ตอนที่ 62 : อาวุธลับ
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ฉินหยุนไม่ได้ใช้มังกรหลอมหกกระบวนเลย
เหตุผลก็เพราะคู่ต่อสู้ของเขารอบก่อนล้วนอ่อนแอ ขณะที่หลินหยางตรงหน้านี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขารู้สึกได้ ว่าครั้งนี้คือเวลาที่ควรใช้มังกรหลอมหกกระบวนแล้ว
“เริ่มได้!” กรรมการประกาศดังก้อง
แม้ว่าหลินหยางจะร่างเล็กและผอมบาง การเคลื่อนไหวนั้นกลับคล่องตัวยิ่ง ฝีมือวิชาตัวเบาก็น่าประทับใจ
เขาพุ่งผ่านกว่าสิบเมตรเข้ามาและเริ่มเป็นฝ่ายบุก!
วิชายุทธ์ที่เขาใช้เป็นเคล็ดวิชาดัชนี หลังจากนิ้วชี้ออกมา มันปลดปล่อยคลื่นกำลังภายในคล้ายเข็มที่มีอำนาจทะลุทะลวงแข็งแกร่ง!
หากโดนโจมตีด้วยพลังนิ้วเหล่านี้ เขาต้องบาดเจ็บหนักแน่!
หลินหยางส่งนิ้วทั้งสิบออกเตรียมทะลวงร่างฉินหยุน พวกมันเหล่านี้ทั้งไร้สีและโปร่งแสง ดังนั้นการใช้ตาเปล่าจึงแทบไม่อาจมองเห็นได้
พลังจิตของฉินหยุนค่อนข้างแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสถึงขุมพลังทรงอำนาจโปร่งแสงเหล่านี้ที่โจมตีออกจากนิ้วได้
“เคล็ดวิชาดัชนีที่ทรงพลังไม่น้อย นี่แทบเหมือนกับการใช้อาวุธลับ!” ฉินหยุนเร่งร้อนหลบการโจมตีไปด้านข้าง เขาไม่อาจเข้าใกล้หลินหยางได้
ผู้คนด้านนอกลานประลองไม่อาจเห็นขุมพลังโปร่งแสงจากปลายนิ้ว ที่พวกเขาเห็นก็แค่ฉินหยุนวิ่งไปมาบนลานประลอง
สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับหลินหยาง พวกเขาต่างทราบรูปแบบการต่อสู้อันงดงามนี้ของหลินหยางกันเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าแปลกแต่อย่างใด กลับกัน พวกเขาประหลาดใจนักที่มีคนสามารถหลบเลี่ยงได้หลายครั้งถึงเพียงนี้!
ฉินหยุนเร่งรีบไปทางด้านนั้นทีด้านนี้ทีรับสถานการณ์ เขาตัดสินใจเร่งใช้พลังธาตุสั่นไหวเพื่อให้พลังภายในไหลเวียนผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อ!
ด้วยการคุ้มกันจากคลื่นกระแทกพลังภายใน เขาไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงพลังดัชนีของหลินหยางอีกต่อไป เขาพุ่งตรงเข้าหาอย่างรวดเร็ว!
เมื่อหลินหยางเห็นว่าฉินหยุนไม่หลบตนอีกต่อไป เขาถึงกับตระหนกเล็กน้อยขณะเร่งรีบปล่อยพลังดัชนีกำลังภายใน!
เขาเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นชินกับการใช้กำลังภายใน ดังนั้นเขาจึงใช้งานได้ไม่คล่อง และตอนนี้ก็เป็นโอกาสอันดี
พลังดัชนีจากกำลังภายในแข็งแกร่งกว่าพลังภายในก่อนหน้านี้
นิ้วทั้งสิบของหลินหยางเคลื่อนไหวไปมา มันคล้ายมีเส้นที่โยงใยออกจากมือเป็นกลุ่มก้อน เหล่านั้นคือกำลังภายในที่มือของเขาได้ปลดปล่อยผ่านนิ้วเปรียบดั่งเข็มที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว!
“ตรงนี้!” เมื่อฉินหยุนรู้สึกถึงขุมพลังที่เข้ามาใกล้ เขาปลดปล่อยพลังภายในสั่นไหวถึงขีดสุด
“หึหึหึ”
พลังดัชนีโจมตีเข้าใส่ร่างฉินหยุน ทว่ามันไม่อาจทะลวงผ่านพลังภายในสั่นไหว มันแปรเปลี่ยนกระจายหายไปกับสายลม!
ทันทีเมื่อหลินหยางตระหนักได้ ฉินหยุนก็พุ่งกายเข้ามาถึงแล้ว!
ฝ่ามือพันอาชาและวิชาหานซาน ทั้งสองผสานรวมกันในกระบวนท่า สายลมถึงกับโหยหวนเมื่อฝ่ามือนี้ลัดผ่านอากาศ!
พลังของฝ่ามือพันอาชาสั่นไหวขุนเขา มันแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังปราณ เป็นผลให้หลินหยางผู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายเมตรถึงกับกระอักเลือดร่างกระเด็น
หลังหลินหยางร่วงหล่นกระแทกพื้น เขาพยายามยืนขึ้น เมื่อได้เห็นฉินหยุนพุ่งเข้าใส่ไม่รีรอ เขาเร่งรีบถอดสายรัดสีดำที่หน้าอกอย่างแตกตื่น!
ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความดุดันขณะโยนสายรัดชุดออกไปสุดแรง มันกลายเป็นเป็นเข็มยาวเย็นเยือกพุ่งออกมา!
อาวุธลับ!
นี่คืออาวุธลับของจริง เป็นอาวุธที่ถูกปกปิดเอาไว้และมักจะเคลือบยาพิษร้ายแรง!
ยามเมื่อฉินหยุนเห็น หมัดนั้นปล่อยออก เขาใช้ “กระบวนฟ้าคำราม” ของมังกรหลอมหกกระบวน!
เมื่อหมัดมีสภาพเป็นหัวค้อน มันมาพร้อมแรงระเบิด พลังภายในของเขาพลันระเบิดออก ก่อเกิดเป็นคลื่นกระแทกที่ส่งเข็มพิษปลิวกระเด็นไปอีกด้าน
“หมอนี่ละเมิดกฎ!” ฉินหยุนตะโกน
“การประลองสามารถใช้อาวุธ และอาวุธลับก็เป็นอาวุธประเภทหนึ่ง!” ขณะกรรมการกล่าวเช่นนี้ ปรากฏว่ากรรมการกลายเป็นอีกคนไม่ใช่คนก่อนหน้า
เพราะการใช้อาวุธ ทั้งโรงฝึกมังกรซ่อนเร้นต่างส่งเสียงอึกทึกสนทนาถึงเรื่องนี้ไม่ขาด!
พวกเขาเริ่มนึกย้อนถึงกฎและก็พบว่าเป็นความจริง พวกเขาไม่เคยพบว่ามีการห้ามใช้อาวุธแต่อย่างใด
อย่างไรแล้ว พวกเขาก็คิดว่าการแข่งขันแบบนี้ไม่ควรนำอาวุธออกมาใช้
ผู้จัดไม่เคยเอ่ยถึง ดังนั้นเขาจึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อหลินหยางได้ยินเช่นนี้ เขาพลันนำเอากระบี่สั้นแหลมคมสองเล่มออกจากด้านหลังพร้อมพุ่งกายเข้าที่สีข้างของฉินหยุน กระบี่สั้นทั้งสองพลันแทงออก!
ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น เขาใช้อาวุธในการต่อสู้ระยะประชิด และฉินหยุนที่เพียงแต่มีดีแค่การต่อสู้ระยะประชิดไม่มีทางสู้ตอบโต้ได้แน่
“หลินหยาง หากสังหารมันได้ จักรวรรดิเทียนเชี่ยวจะตบรางวัลอย่างงาม!” เชี่ยวหลางเผยเสียงเย็นเยือกดังจากห้องรับรองแขกพิเศษที่ชั้นสอง
เมื่อหลินหยางได้ยินเช่นนี้ เขายิ่งตัดสินใจโจมตีฉินหยุนอย่างไม่ปราณี!
ทุกผู้คนต่างลอบสูดลมหายใจเข้าลึก หากชายหน้ากากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นก็ต้องโดนสังหารแล้ว
ทว่ามีเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าเหตุใดเชี่ยวหลางที่เป็นองค์ชายอันดับสองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวถึงคิดอยากสังหารชายหน้ากากลึกลับ
หลินหยางใช้กระบี่สั้นทั้งสองอย่างมีเปรียบ เพื่อโค่นล้มฉินหยุนอย่างรวดเร็ว เขากระทั่งนำเอายันต์อัคคีสองแผ่นออกมาและโยนใส่ฉินหยุน
ยันต์อัคคีสว่างวาบลุกโชนด้วยเปลวเพลิง มันปะทุเปลวเพลิงรุนแรงออกปกคลุมรอบพื้นที่เอาไว้!
หากมีสิ่งหนึ่งที่ฉินหยุนจะกลัวเป็นลำดับสุดท้ายก็คงเป็นไฟแล้ว นอกจากนี้ยันต์อัคคีที่หลินหยางใช้ยังเป็นระดับต่ำ
เมื่อเปลวเพลิงลุกไหม้ หลินหยางเร่งรีบพุ่งเข้าหาไม่ลดละ เขาคิดว่าฉินหยุนสมควรต้องโดนเปลวเพลิงเผาไหม้จนแทบตายแล้ว
ฉับพลันนั้นเอง มีร่างหนึ่งกระโดดพรวดออกจากเปลวเพลิง!
ฉินหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังถือกระบี่ไว้ในมือ เขาเผชิญหน้ากับหลินหยางที่กำลังพุ่งเข้าใส่พร้อมสับกระบี่ในมือลงอย่างรุนแรง!
พร้อมเสียง “ฉัวะ!” ที่ดังขึ้น กระบี่เล่มใหญ่ได้ฟาดฟันผ่านพร้อมปราณกระบี่ที่ไหลทะลักออกเป็นคลื่น มันเกิดขึ้นเป็นบอลพลังงานปะทะร่างของหลินหยาง!
ตู้ม!
บอลพลังงานระเบิดออก ส่งผลให้ร่างหลินหยางกระเด็นถอยกลับ ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยบาดแผล ฝ่ามือทั้งสองที่เคยถือกระบี่เอาไว้โดนตัดขาด!
ร่างนี้ยังกระเด็นต่อเนื่องหลุดลอยจากลานประลองยุทธ์ กลับกลายเป็นกองเลือดเนื้อกองหนึ่ง ผิวหนังและเลือดเนื้อถูกเฉือนอย่างโหดเหี้ยม!
“อึก!”
ผู้คนต่างกลืนน้ำลายสูดอากาศเย็นเยือกเข้าปอดขณะจ้องมองด้วยอาการแตกตื่นต่อชายหน้ากากที่ถือกระบี่ภูตผี
พละกำลังระดับนี้น่าสะพรึงจนเกินไป!
ทุกคนต่างถอนหายใจ หลินหยางผู้ซึ่งอยู่อันดับเก้าถึงกับแพ้อย่างอนาถ สภาพนี้แทบไม่อาจสู้ในรอบต่อไปได้แล้วด้วยซ้ำ!
สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจมากที่สุดคือชายหน้ากากถึงกับมีกระบี่เล่มใหญ่!
“เขาต้องมีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของแล้ว! แต่เขาก็แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าเองนะ ถึงกับมีของล้ำค่าเช่นนั้น!”
“ชายหน้ากากนี่แท้จริงมาจากไหนกันแน่?”
ทุกคนที่รับชมเรื่องราวเริ่มถกเถียงกัน
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของหาได้ยากยิ่งและแพงมหาศาล กระทั่งเป็นอาจารย์จารึกอย่างปรมาจารย์เว่ยยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีกว่าจะขัดเกลาได้สักหนึ่งชิ้นงาน และเหล่าผู้มีอำนาจก็มักจะรีบซื้อหาพวกมันอย่างไม่รีรอ
เชี่ยวหลางและผู้อื่นในห้องรับรองแขกพิเศษถึงกับริษยาอย่างรุนแรง เพราะพวกเขาล้วนอยากครอบครองอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของกันทั้งสิ้น
“ไม่คิดเลยว่าจะใช้อาวุธกับอุปกรณ์วิญญาณได้ กฎไม่ได้บอกเอาไว้ว่าห้าม!” เชี่ยวหลางมองสายตาเย็นเยือกไปยังฉินหยุนที่สวมหน้ากากและกำหมัดเอาไว้แน่น
หลินหยางคือคนสนิทของเขา แต่แล้วกลับพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ภายในใจเขาไม่ยินดียิ่ง ราวกับนี่คือการโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง
การประลองระหว่างหลินหยางและฉินหยุนเป็นผลให้หลายคนทราบว่าสามารถใช้อาวุธได้!
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงอาวุธปะทะกันก็เริ่มดังก้องผ่านลานประลองยุทธ์หลายแห่งในพื้นที่โอ่โถงของลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น
ไม่นานหลังจากฉินหยุนและหลินหยางประมือกันเสร็จ ข่าวชวนตื่นตะลึงอีกหนึ่งก็สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมา!
เมิ่งเฟยหลิงที่อยู่อันดับห้า ได้ท้าประลองฉินเฟิงผู้อยู่อันดับสี่
ชั่วขณะที่ข่าวนี้แพร่กระจายออก หลายคนต่างเร่งรีบมารับชมเรื่องราว
ฉินเฟิงก็ไม่อิดออดรับคำท้าพร้อมปรากฏตัวบนลานประลอง เขาวันนี้สวมใส่ชุดที่องอาจ เป็นชุดเกราะรบสีเงิน!
ทางด้านเมิ่งเฟยหลิง นางสวมใส่ชุดสีขาวรัดแน่น รอยยิ้มขี้เล่นประดับบนสีหน้าไม่ขาด เหมือนกับนางไม่ได้หวั่นเกรงฉินเฟิงเลยแม้แต่น้อย
“เมิ่งเฟยหลิง ฉินเฟิง เริ่มได้!” กรรมการประกาศ
สิ่งที่ชวนตะลึงยิ่งกว่าคือฉินเฟิงยอมรับความพ่ายแพ้แต่แรกเริ่มประลอง!
ผลลัพธ์คืออันดับของเขาหล่นไปสู่อันดับห้า
ถัดจากนั้น อันดับหกอย่างชี่เสวี้ยก็ท้าประลองฉินเฟิง
ฉินเฟิงยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้งแต่แรกเริ่มประลอง เป็นผลให้อันดับของเขาหล่นเป็นที่หก!
แต่เดิมอันดับเจ็ดคือชี่เม่ยเหลียน แต่เพราะนางบาดเจ็บจึงไม่อาจรับคำท้าประลอง และได้มีประกาศว่านางถอนตัว
ฉินหยุนผู้ซึ่งอยู่อันดับสิบจึงเลื่อนสู่อันดับเก้าเพราะชี่เม่ยเหลียนถอนตัว ฉินเฟิงตอนนี้เป็นอันดับหก ทั้งสองคนยิ่งมายิ่งใกล้ได้ปะทะกันแล้ว
หลายคนต่างคาดเดาว่าที่ฉินเฟิงยอมแพ้สองครั้งก็เพื่อลดอันดับลง เพราะเขาตัดสินใจอยากรีบตัดสินกับฉินหยุน!
ดังคาด เมื่อฉินหยุนท้าประลองอันดับแปดอย่างจู่ฉู่และอันดับเจ็ดหลงเหยาอวี้ ทั้งสองยอมแพ้โดยทันที!
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงก้าวขึ้นสู่อันดับเจ็ด ถัดจากนี้ผู้ที่เขาต้องท้าประลองคือฉินเฟิง!