ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0061
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0063

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0062


ตอนที่ 62 : อาวุธลับ

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ฉินหยุนไม่ได้ใช้มังกรหลอมหกกระบวนเลย

เหตุผลก็เพราะคู่ต่อสู้ของเขารอบก่อนล้วนอ่อนแอ ขณะที่หลินหยางตรงหน้านี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขารู้สึกได้ ว่าครั้งนี้คือเวลาที่ควรใช้มังกรหลอมหกกระบวนแล้ว

“เริ่มได้!” กรรมการประกาศดังก้อง

แม้ว่าหลินหยางจะร่างเล็กและผอมบาง การเคลื่อนไหวนั้นกลับคล่องตัวยิ่ง ฝีมือวิชาตัวเบาก็น่าประทับใจ

เขาพุ่งผ่านกว่าสิบเมตรเข้ามาและเริ่มเป็นฝ่ายบุก!

วิชายุทธ์ที่เขาใช้เป็นเคล็ดวิชาดัชนี หลังจากนิ้วชี้ออกมา มันปลดปล่อยคลื่นกำลังภายในคล้ายเข็มที่มีอำนาจทะลุทะลวงแข็งแกร่ง!

หากโดนโจมตีด้วยพลังนิ้วเหล่านี้ เขาต้องบาดเจ็บหนักแน่!

หลินหยางส่งนิ้วทั้งสิบออกเตรียมทะลวงร่างฉินหยุน พวกมันเหล่านี้ทั้งไร้สีและโปร่งแสง ดังนั้นการใช้ตาเปล่าจึงแทบไม่อาจมองเห็นได้

พลังจิตของฉินหยุนค่อนข้างแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสถึงขุมพลังทรงอำนาจโปร่งแสงเหล่านี้ที่โจมตีออกจากนิ้วได้

“เคล็ดวิชาดัชนีที่ทรงพลังไม่น้อย นี่แทบเหมือนกับการใช้อาวุธลับ!” ฉินหยุนเร่งร้อนหลบการโจมตีไปด้านข้าง เขาไม่อาจเข้าใกล้หลินหยางได้

ผู้คนด้านนอกลานประลองไม่อาจเห็นขุมพลังโปร่งแสงจากปลายนิ้ว ที่พวกเขาเห็นก็แค่ฉินหยุนวิ่งไปมาบนลานประลอง

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับหลินหยาง พวกเขาต่างทราบรูปแบบการต่อสู้อันงดงามนี้ของหลินหยางกันเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าแปลกแต่อย่างใด กลับกัน พวกเขาประหลาดใจนักที่มีคนสามารถหลบเลี่ยงได้หลายครั้งถึงเพียงนี้!

ฉินหยุนเร่งรีบไปทางด้านนั้นทีด้านนี้ทีรับสถานการณ์ เขาตัดสินใจเร่งใช้พลังธาตุสั่นไหวเพื่อให้พลังภายในไหลเวียนผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อ!

ด้วยการคุ้มกันจากคลื่นกระแทกพลังภายใน เขาไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงพลังดัชนีของหลินหยางอีกต่อไป เขาพุ่งตรงเข้าหาอย่างรวดเร็ว!

เมื่อหลินหยางเห็นว่าฉินหยุนไม่หลบตนอีกต่อไป เขาถึงกับตระหนกเล็กน้อยขณะเร่งรีบปล่อยพลังดัชนีกำลังภายใน!

เขาเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นชินกับการใช้กำลังภายใน ดังนั้นเขาจึงใช้งานได้ไม่คล่อง และตอนนี้ก็เป็นโอกาสอันดี

พลังดัชนีจากกำลังภายในแข็งแกร่งกว่าพลังภายในก่อนหน้านี้

นิ้วทั้งสิบของหลินหยางเคลื่อนไหวไปมา มันคล้ายมีเส้นที่โยงใยออกจากมือเป็นกลุ่มก้อน เหล่านั้นคือกำลังภายในที่มือของเขาได้ปลดปล่อยผ่านนิ้วเปรียบดั่งเข็มที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว!

“ตรงนี้!” เมื่อฉินหยุนรู้สึกถึงขุมพลังที่เข้ามาใกล้ เขาปลดปล่อยพลังภายในสั่นไหวถึงขีดสุด

“หึหึหึ”

พลังดัชนีโจมตีเข้าใส่ร่างฉินหยุน ทว่ามันไม่อาจทะลวงผ่านพลังภายในสั่นไหว มันแปรเปลี่ยนกระจายหายไปกับสายลม!

ทันทีเมื่อหลินหยางตระหนักได้ ฉินหยุนก็พุ่งกายเข้ามาถึงแล้ว!

ฝ่ามือพันอาชาและวิชาหานซาน ทั้งสองผสานรวมกันในกระบวนท่า สายลมถึงกับโหยหวนเมื่อฝ่ามือนี้ลัดผ่านอากาศ!

พลังของฝ่ามือพันอาชาสั่นไหวขุนเขา มันแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังปราณ เป็นผลให้หลินหยางผู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายเมตรถึงกับกระอักเลือดร่างกระเด็น

หลังหลินหยางร่วงหล่นกระแทกพื้น เขาพยายามยืนขึ้น เมื่อได้เห็นฉินหยุนพุ่งเข้าใส่ไม่รีรอ เขาเร่งรีบถอดสายรัดสีดำที่หน้าอกอย่างแตกตื่น!

ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความดุดันขณะโยนสายรัดชุดออกไปสุดแรง มันกลายเป็นเป็นเข็มยาวเย็นเยือกพุ่งออกมา!

อาวุธลับ!

นี่คืออาวุธลับของจริง เป็นอาวุธที่ถูกปกปิดเอาไว้และมักจะเคลือบยาพิษร้ายแรง!

ยามเมื่อฉินหยุนเห็น หมัดนั้นปล่อยออก เขาใช้ “กระบวนฟ้าคำราม” ของมังกรหลอมหกกระบวน!

เมื่อหมัดมีสภาพเป็นหัวค้อน มันมาพร้อมแรงระเบิด พลังภายในของเขาพลันระเบิดออก ก่อเกิดเป็นคลื่นกระแทกที่ส่งเข็มพิษปลิวกระเด็นไปอีกด้าน

“หมอนี่ละเมิดกฎ!” ฉินหยุนตะโกน

“การประลองสามารถใช้อาวุธ และอาวุธลับก็เป็นอาวุธประเภทหนึ่ง!” ขณะกรรมการกล่าวเช่นนี้ ปรากฏว่ากรรมการกลายเป็นอีกคนไม่ใช่คนก่อนหน้า

เพราะการใช้อาวุธ ทั้งโรงฝึกมังกรซ่อนเร้นต่างส่งเสียงอึกทึกสนทนาถึงเรื่องนี้ไม่ขาด!

พวกเขาเริ่มนึกย้อนถึงกฎและก็พบว่าเป็นความจริง พวกเขาไม่เคยพบว่ามีการห้ามใช้อาวุธแต่อย่างใด

อย่างไรแล้ว พวกเขาก็คิดว่าการแข่งขันแบบนี้ไม่ควรนำอาวุธออกมาใช้

ผู้จัดไม่เคยเอ่ยถึง ดังนั้นเขาจึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน

เมื่อหลินหยางได้ยินเช่นนี้ เขาพลันนำเอากระบี่สั้นแหลมคมสองเล่มออกจากด้านหลังพร้อมพุ่งกายเข้าที่สีข้างของฉินหยุน กระบี่สั้นทั้งสองพลันแทงออก!

ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น เขาใช้อาวุธในการต่อสู้ระยะประชิด และฉินหยุนที่เพียงแต่มีดีแค่การต่อสู้ระยะประชิดไม่มีทางสู้ตอบโต้ได้แน่

“หลินหยาง หากสังหารมันได้ จักรวรรดิเทียนเชี่ยวจะตบรางวัลอย่างงาม!” เชี่ยวหลางเผยเสียงเย็นเยือกดังจากห้องรับรองแขกพิเศษที่ชั้นสอง

เมื่อหลินหยางได้ยินเช่นนี้ เขายิ่งตัดสินใจโจมตีฉินหยุนอย่างไม่ปราณี!

ทุกผู้คนต่างลอบสูดลมหายใจเข้าลึก หากชายหน้ากากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นก็ต้องโดนสังหารแล้ว

ทว่ามีเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าเหตุใดเชี่ยวหลางที่เป็นองค์ชายอันดับสองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวถึงคิดอยากสังหารชายหน้ากากลึกลับ

หลินหยางใช้กระบี่สั้นทั้งสองอย่างมีเปรียบ เพื่อโค่นล้มฉินหยุนอย่างรวดเร็ว เขากระทั่งนำเอายันต์อัคคีสองแผ่นออกมาและโยนใส่ฉินหยุน

ยันต์อัคคีสว่างวาบลุกโชนด้วยเปลวเพลิง มันปะทุเปลวเพลิงรุนแรงออกปกคลุมรอบพื้นที่เอาไว้!

หากมีสิ่งหนึ่งที่ฉินหยุนจะกลัวเป็นลำดับสุดท้ายก็คงเป็นไฟแล้ว นอกจากนี้ยันต์อัคคีที่หลินหยางใช้ยังเป็นระดับต่ำ

เมื่อเปลวเพลิงลุกไหม้ หลินหยางเร่งรีบพุ่งเข้าหาไม่ลดละ เขาคิดว่าฉินหยุนสมควรต้องโดนเปลวเพลิงเผาไหม้จนแทบตายแล้ว

ฉับพลันนั้นเอง มีร่างหนึ่งกระโดดพรวดออกจากเปลวเพลิง!

ฉินหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังถือกระบี่ไว้ในมือ เขาเผชิญหน้ากับหลินหยางที่กำลังพุ่งเข้าใส่พร้อมสับกระบี่ในมือลงอย่างรุนแรง!

พร้อมเสียง “ฉัวะ!” ที่ดังขึ้น กระบี่เล่มใหญ่ได้ฟาดฟันผ่านพร้อมปราณกระบี่ที่ไหลทะลักออกเป็นคลื่น มันเกิดขึ้นเป็นบอลพลังงานปะทะร่างของหลินหยาง!

ตู้ม!

บอลพลังงานระเบิดออก ส่งผลให้ร่างหลินหยางกระเด็นถอยกลับ ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยบาดแผล ฝ่ามือทั้งสองที่เคยถือกระบี่เอาไว้โดนตัดขาด!

ร่างนี้ยังกระเด็นต่อเนื่องหลุดลอยจากลานประลองยุทธ์ กลับกลายเป็นกองเลือดเนื้อกองหนึ่ง ผิวหนังและเลือดเนื้อถูกเฉือนอย่างโหดเหี้ยม!

“อึก!”

ผู้คนต่างกลืนน้ำลายสูดอากาศเย็นเยือกเข้าปอดขณะจ้องมองด้วยอาการแตกตื่นต่อชายหน้ากากที่ถือกระบี่ภูตผี

พละกำลังระดับนี้น่าสะพรึงจนเกินไป!

ทุกคนต่างถอนหายใจ หลินหยางผู้ซึ่งอยู่อันดับเก้าถึงกับแพ้อย่างอนาถ สภาพนี้แทบไม่อาจสู้ในรอบต่อไปได้แล้วด้วยซ้ำ!

สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจมากที่สุดคือชายหน้ากากถึงกับมีกระบี่เล่มใหญ่!

“เขาต้องมีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของแล้ว! แต่เขาก็แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าเองนะ ถึงกับมีของล้ำค่าเช่นนั้น!”

“ชายหน้ากากนี่แท้จริงมาจากไหนกันแน่?”

ทุกคนที่รับชมเรื่องราวเริ่มถกเถียงกัน

อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของหาได้ยากยิ่งและแพงมหาศาล กระทั่งเป็นอาจารย์จารึกอย่างปรมาจารย์เว่ยยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีกว่าจะขัดเกลาได้สักหนึ่งชิ้นงาน และเหล่าผู้มีอำนาจก็มักจะรีบซื้อหาพวกมันอย่างไม่รีรอ

เชี่ยวหลางและผู้อื่นในห้องรับรองแขกพิเศษถึงกับริษยาอย่างรุนแรง เพราะพวกเขาล้วนอยากครอบครองอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของกันทั้งสิ้น

“ไม่คิดเลยว่าจะใช้อาวุธกับอุปกรณ์วิญญาณได้ กฎไม่ได้บอกเอาไว้ว่าห้าม!” เชี่ยวหลางมองสายตาเย็นเยือกไปยังฉินหยุนที่สวมหน้ากากและกำหมัดเอาไว้แน่น

หลินหยางคือคนสนิทของเขา แต่แล้วกลับพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ภายในใจเขาไม่ยินดียิ่ง ราวกับนี่คือการโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง

การประลองระหว่างหลินหยางและฉินหยุนเป็นผลให้หลายคนทราบว่าสามารถใช้อาวุธได้!

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงอาวุธปะทะกันก็เริ่มดังก้องผ่านลานประลองยุทธ์หลายแห่งในพื้นที่โอ่โถงของลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น

ไม่นานหลังจากฉินหยุนและหลินหยางประมือกันเสร็จ ข่าวชวนตื่นตะลึงอีกหนึ่งก็สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมา!

เมิ่งเฟยหลิงที่อยู่อันดับห้า ได้ท้าประลองฉินเฟิงผู้อยู่อันดับสี่

ชั่วขณะที่ข่าวนี้แพร่กระจายออก หลายคนต่างเร่งรีบมารับชมเรื่องราว

ฉินเฟิงก็ไม่อิดออดรับคำท้าพร้อมปรากฏตัวบนลานประลอง เขาวันนี้สวมใส่ชุดที่องอาจ เป็นชุดเกราะรบสีเงิน!

ทางด้านเมิ่งเฟยหลิง นางสวมใส่ชุดสีขาวรัดแน่น รอยยิ้มขี้เล่นประดับบนสีหน้าไม่ขาด เหมือนกับนางไม่ได้หวั่นเกรงฉินเฟิงเลยแม้แต่น้อย

“เมิ่งเฟยหลิง ฉินเฟิง เริ่มได้!” กรรมการประกาศ

สิ่งที่ชวนตะลึงยิ่งกว่าคือฉินเฟิงยอมรับความพ่ายแพ้แต่แรกเริ่มประลอง!

ผลลัพธ์คืออันดับของเขาหล่นไปสู่อันดับห้า

ถัดจากนั้น อันดับหกอย่างชี่เสวี้ยก็ท้าประลองฉินเฟิง

ฉินเฟิงยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้งแต่แรกเริ่มประลอง เป็นผลให้อันดับของเขาหล่นเป็นที่หก!

แต่เดิมอันดับเจ็ดคือชี่เม่ยเหลียน แต่เพราะนางบาดเจ็บจึงไม่อาจรับคำท้าประลอง และได้มีประกาศว่านางถอนตัว

ฉินหยุนผู้ซึ่งอยู่อันดับสิบจึงเลื่อนสู่อันดับเก้าเพราะชี่เม่ยเหลียนถอนตัว ฉินเฟิงตอนนี้เป็นอันดับหก ทั้งสองคนยิ่งมายิ่งใกล้ได้ปะทะกันแล้ว

หลายคนต่างคาดเดาว่าที่ฉินเฟิงยอมแพ้สองครั้งก็เพื่อลดอันดับลง เพราะเขาตัดสินใจอยากรีบตัดสินกับฉินหยุน!

ดังคาด เมื่อฉินหยุนท้าประลองอันดับแปดอย่างจู่ฉู่และอันดับเจ็ดหลงเหยาอวี้ ทั้งสองยอมแพ้โดยทันที!

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงก้าวขึ้นสู่อันดับเจ็ด ถัดจากนี้ผู้ที่เขาต้องท้าประลองคือฉินเฟิง!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด