ตอนที่แล้วบทที่ 201 - เห็นฉันไหมล่ะ? (2) [12-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 203 - เห็นฉันไหมล่ะ? (4) [18-09-2019]

บทที่ 202 - เห็นฉันไหมล่ะ? (3) [15-09-2019]


บทที่ 202 - เห็นฉันไหมล่ะ? (3)”

[Backdoor?]

เลียร่าได้แสดงสีหน้าสงสัยออกมา หลังจากเห็นใบหน้าที่งดงามนี้ของเธอได้ทำให้ยูอิลฮานลืมหายใจไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็สะกดจิตตัวเองว่าเธอเป็นเหมือนพี่น้องเหมือนอย่างเคยและพูดต่อ

“Backdoors ที่ฉันพูดถึงคือโค๊ดของโปรแกรมที่นักพัฒนาได้ใส่ลงไปเพื่อทำให้เข้าถึงระบบปฏิบัติการณ์หรือแอพพลิเคชั่นง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างก็แบบฉันมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่งที่ตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้าบัญชีไว้ แต่ในฐานะของฉันที่ทำ Backdoors เอาไว้ฉันสามารถจะเข้าไปในบัญชีนี้ของฉันโดยที่ไม่ต้องระบุตัวตนใดๆได้เลยแล้วก็ยังสามารถควบคุมจากระยะไกลได้อีกด้วย นี่แหละคือ Backdoors”

[นั่นมันวิธีที่พวกคนไม่ดีใช้กันนี่!]

"เธอพูดถูกแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์จริงๆมันไม่ได้มีมาทำเรื่องแย่ๆก็ตาม แต่ในรูปแบบแล้วก็ประมาณนั้นแหละ"

[...แต่ทำไมอยู่ๆนายถึงมาพูดเรื่องนี้ล่ะ?]

"อืม ถ้างั้นเธอลองคิดดูสิว่าทำไมฉันถึงได้พูดคำนี้ออกมาในตอนนี้"

เลียร่าได้แสดงความสงสัยออกมา แต่ยูอิลฮานก็ปล่อยให้เธอคิดด้วยตัวเอง และแล้วเธอก็คิดออกและแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา

[อย่าบอกนะว่า...!]

"เธอคิดถูกแล้ว"

[นายมันคนหลอกลวง!]

"ฉันค่อนข้างบอกใจกับคำๆนี้เลยนะที่ได้ยินจากปากของคนที่หลอกลวงเหมือนกัน"

เขาซ่อนอะไรอยู่งั้นหรอ? ใช่แล้ว ในระหว่างมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ยูอิลฮานได้แอบปรับแต่งกับดักแห่งการทำลายทั้งหมดที่อยู่บนโลกนี้

ยังไงก็ตามที่น่าทึ่งไปกว่านั้นไม่ใช่การที่เขาปรับแต่งกับดักแห่งการทำลาย แต่เป็นการที่เขาทำมันต่อหน้าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยต่างหาก

เลียร่าเพียงจะมารู้เอาตอนนี้ว่าเธอกับทูตสวรรค์คนอื่นๆได้ถูกเขาหลอกแล้ว แต่ยูอิลฮานก็แค่อธิบายออกมาอย่างภูมิใจโดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง

"ฉันได้เพิ่มอะไรเล็กๆลงไปก็เพราะว่าฉันไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรแปลกๆขึ้นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ในตอนที่พวกเธอไม่รู้ตัวฉันได้ผสมภาษามังกรกับภาษาเอลฟ์โบราณลงไป"

[นี่มันไม่ได้ต่างไปจากวิธีที่เทวดาตกสวรรค์ใช้เลยนะ!]

"แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ฉันก็จำเป็นต้องใช้มันแล้วไม่ใช่หรอ?"

[อึก]

เลียร่ามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูดออกไป แต่เธอพูดไม่ออกแล้ว

เขาพูดถูก ในท้ายที่สุดโลกใบนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กองทัพสวรรค์คาดการณ์ไม่ถึงและหากยูอิลฮานที่ติดตั้ง backdoors หรืออะไรก็ตามกับกับดักแห่งการทำลายและช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ ถ้างั้นเธอก็ได้แต่ต้องยอมรับในเรื่องนี้

"ฉันจำเป็นจะต้องหาช่องทางของตัวเองเพื่อเอาตัวรอด"

[อ๊า ทำไมกองทัพสวรรค์ถึงได้ไร้ประโยชน์จังเลยนะ...! ยังไงก็เถอะนะถ้ากองทัพสวรรค์มีศักยภาพถ้างั้นยูอิลฮานก็จะลำบากแน่เพราะเขาก็จะไม่อาจจะทำระบบ backdoors ได้ แต่เดี๋ยวสิถ้ากองทัพสวรรค์มีศักยภาพแล้วก็คงไม่เกิดสถานการณ์แบบนี้แต่แรกแล้ว...]

ยูอิลฮานได้ปล่อยเลียร่าที่กำลังตกอยู่ในความคิดที่ไม่สิ้นสุดไว้และลดระดับความสูงของป้อมปราการลอยฟ้าลง เพื่อที่จะใช้ระบบ backdoors แล้วเขาจำเป็นจะต้องอยู่ใกล้กับพื้นดิน

[กรรร?]

[ก๊าซซซซ!]

ในตอนที่ป้อมปราการลอยฟ้าได้ลดระดับความสูงลงมาต่ำกว่าเมฆก็ได้เกิดเงาใหญ่ยักษ์จนทำให้มอนสเตอร์ข้างล่างทั้งหมดมองขึ้นไป

ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้สนมอนสเตอร์ที่ไม่มีปีกพวกนี้เลย หากพวกมันมีเยอะถ้างั้นเขาก็จะเอาป้อมปราการลงไปจอดและจัดการให้หมด แต่ในตอนนี้พวกมันยังมีน้อยเกินไป! ในเวลานี้เป็นเวลาที่เขากำลังจะไปดันเจี้ยนเพื่อแก้ปัญหามอนสเตอร์ที่ไม่เพียงพอบนโลกแล้ว

"โอ้ ตรงนั้นมีดันเจี้ยนอยู่หนึ่ง"

ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายออกมา มีวังวนมิติที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของดันเจี้ยนอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการลอยฟ้า นอกไปจากนี้จากรัศมีออร่าที่ปล่อยออกมาจากแกนกลางพื้นที่ของดันเจี้ยนก็ทำให้เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่เขาทำขึ้นมา

[หืม? แต่ว่านะอิลฮาน]

เลียร่าที่ได้หลุดออกมาจากห้วงความคิดได้เงยหน้าขึ้นมา เธอนึกขึ้นได้แล้วว่าเธอลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป

[แล้ว backdoors ที่นายทำขึ้นมามันมีประโยชน์อะไรล่ะ?]

"ฉันไม่ได้เพิ่มอะไรขึ้นไปเยอะหรอกนะ อืม ฉันแค่สามารถจะมองเห็นมอนสเตอร์กี่ตัวกี่ชนิดภายในดันเจี้ยนได้"

[นั่นมันดีไปเลยนี่! แม้แต่ฉันก็ยังไม่รู้ข้อมูลภายในดันเจี้ยนบนโลกนี้เลย นี่มันก็เหมือนกับเครื่องนำทางเลยนี่! มันคงจะไม่ต่างกันมากกับข้อมูลที่เขาให้นายมาสินะ]

สีหน้าของเลียร่าได้สดใสขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอยอมรับได้อยากมาก ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นถึงความซื่อตรงของเธอ

แต่ว่าเขาจะทำให้เห็นชนิดมอนสเตอร์กับจำนวนไปทำไมล่ะ? นั่นมันก็เป็นแค่พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของระบบ backdoor เท่านั้นเอง

ยูอิลฮานได้เสริมขึ้นมาอีกแบบขำๆ

"แล้วก็มีฟังก์ชั่นในการทำให้ดันเจี้ยนระเบิด"

[...หา?]

"ฉันบอกว่ามันมีฟังก์ชั่นในการทำให้ดันเจี้ยนระเบิดไงล่ะ"

ยูอิลฮานได้อธิบายออกไปอย่างใจดีเพราะเขารู้ดีว่าเลียร่ากำลังรู้สึกยังไง เธอได้มองนิ่งมาที่เขาหลังจากได้ยินแบบนี้ก่อนจะตะโกนลั่นออกมา

[ทำไมนายถึงใส่ออฟชั่นแบบนั้นลงไป!]

"ฉันจะได้ใช้ออฟชั่นนี้ไว้จัดการกับคนในประเทศอื่นๆที่คิดจะคุกคามคนใกล้ตัวฉันไงล่ะ"

[นั่นมันอาชญากรรมเลยนะ]

เลียร่าโกรธขึ้นมาเพราะวว่าฟังก์ชั่นนี้เป็นอันตรายกับพลเรือนปกติได้ ยังไงก็ตามเขาก็แค่หยักไหล่ออกมา

"แม้แต่ฉันก็ไม่อยากจะทำให้พลเรือนเป็นอันตรายเหมือนกัน นี่ก็แค่เป็นหนึ่งในวิธีที่เตรียมเอาไว้สำหรับเกิดปัญหาใหญ่จริงๆเท่านั้น เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นา ลองคิดถึงตำแหน่งที่แวนการ์ดอยู่แล้วหากไม่มีวิธีไว้รับมือมันยิ่งน่ากังวลเลยล่ะ"

[นั่น...ก็จริงแหละ]

แม้กระทั่งก่อนมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 คุณค่าของแวนการ์ดก็ยังไม่อาจจะเทียบได้ หากมีคนที่มีอำนาจมีเจตนาร้ายมาที่เขา คนพวกนั้นก็สามารถจะยื่นมือมาทำร้ายเพื่อนและครอบครัวเขาได้ต่อให้พวกนั้นจะไม่ได้ลงมือเองก็ตาม

และในความจริงที่ไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นมาก็เพราะความร่วมมือกับคังมิเรย์ที่เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยูอิลฮานก็ไม่อาจจะถูกว่าได้เพรพาะแค่เขาทำระบบ backdoor เผื่อไว้ได้ เลียร่ารู้เรื่องนี้ดีทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา

"แล้วก็นะ"

เพียงแค่เมื่อเลียร่ายอมรับได้เล็กน้อย ยูอิลฮานก็เสริมขึ้นมาอีก

"หากฉันใช้ฟังก์ชันนี้ ฉันก็จะได้สู้กับมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลในทีเดียว แถมฉันยังไม่ต้องเข้าไปหาพวกมันเองด้วยแหละ"

แน่นอนว่ายูอิลฮานจะไม่มีทางพูดถึงเรื่อง backdoor แน่หากว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน ถ้ามันแย่สุดๆแล้วเขาก็จะต้องรับหน้าที่จัดการดันเจี้ยนทั้งหมดในระหว่างไปรอบโลก

ยังไงก็ตามผู้คนบนโลกได้ทนผ่านมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ไปได้โดยเข้าไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ไม่สิ ด้วยการที่ประตูมิติสู่โลกอื่นได้เปิดขึ้นทำให้สถานการณ์ทั้งหมดได้พัฒนาไปอยู่เหนือในระบบความคิดของเขาและมันก็มีสเถียรภาพที่ดีเช่นกัน

แม้แต่ตัวเขาเองที่ได้เตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้วก็ยังมีธุระอยู่ในที่อื่นดังนั้นก็เลยไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องใช้ระบบนี้เลย ยังไงก็ตามทุกอย่างนั้นก็ได้มายุติลงในตอนที่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ได้เกิดขึ้นและเปลื่ยนทุกๆอย่างไป ถึงแม้หากพูดกันในเรื่องผลลัพธ์แล้วมันจะดีกับเขาก็ตาม

[แล้วถ้างั้น ตอนนี้นายจะทำอะไรล่ะ?]

"แน่นอนว่าก็ทำให้ดันเจี้ยนระเบิดไงล่ะ"

[งั้นนายกำลังจะบอกว่าเพราะมอนสเตอร์ข้างนอกน้อยไป นายก็เลยจะใช้มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนมาเสริมทัพงั้นสิ?]

"ถูกต้อง"

จิตใจยูอิลฮานแข็งดั่งเหล็ล้า เขาไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ถึงอันตรายจากการระเบิดดันเจี้ยนแน่นอน เลียร่าได้ล้มเลิกการเกลี้ยกล่อมเขาไปแล้ว

[อ่า ให้ตายสิ ฉันไม่สนแล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเลย]

"จริงๆแล้วเธอก็ไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ ฉันเริ่มทำมันไปแล้วล่ะ!"

ในตอนที่ป้อมปราการลอยฟ้าได้มาอยู่เหนือประตูมิติดันเจี้ยน ยูอิลฮานก็เรียกอาร์ติแฟคชิ้นเล็กๆที่ทำขึ้นมาจากหินพลังเวทย์คลาส 2 โยนลงไปในประตูมิติ

หินพลังเวทย์ได้ตกลงไปในประตูมิติ และประตูมิติได้ระเบิดออกมาในทันที

[ก๊าซซซซซซซซ]

[อิสระ! ข้าเป็นอิสระแล้ว!]

[ฆ่ามนุษย์! เอาบันทึกมาให้หมด!]

[ฆ่า ฆ่า!]

กองทัพมอนสเตอร์จำนวนนับล้านได้กรูกันออกมาทั่วพื้นที่ทันที เนื่องจากดันเจี้ยนนี้มีมาตั้งแต่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ทำให้มอนสเตอร์กว่า 70% เป็นแค่พวกคลาส 3 ธรรมดาๆเท่านั้น แต่ยูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจ อีกไม่ช้าพวกมันก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นคลาส 4 โลกในปัจจุบันนี้แปลกประหลาดไปแล้ว

ยูอิลฮานที่คิดได้ถึงบางอย่างได้หยุดคิดเรื่องการพัฒนาที่บ้ามาๆของมอนสเตอร์

"บางทีคนบนโลกอาจจะเอาตัวรอดไม่ได้ในตอนที่กลับมาก็ได้นะ"

[บังเอิญมากที่ฉันก็คิดเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะไปคิดถึงคนอื่นนะ]

"ก็จริงแหละ เรามาเร่งเครื่องกันสักนิดดีกว่า!"

[ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเจ้าโง่!]

ยูอิลฮานได้เร่งความเร็วป้อมปราการลอยฟ้าไปทำการระเบิดดันเจี้ยนอื่นๆต่อ สิ่งที่ยิ่งทำให้น่าปวดหัวเข้าไปอีกก็คือมอนสเตอร์จากดันเจี้ยนที่ยูอิลฮานปล่อยออกมาก็ยังมีพลังทำให้ดันเจี้ยนอื่นระเบิดอีกด้วย!

[เฮ้ นี่มันการเป็นคลื่นดันเจี้ยนไปแล้วนะ! การที่อาร์ติแฟคทำให้กิดคลื่นดันเจี้ยนนี่มัน... ตามปกติแล้วหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะกลายเป็นหายนะสำหรับโลกโลกหนึ่งแล้วนะ]

"เยี่ยมไปเลย ทำให้โลกเต็มไปด้วยมอนสเตอร์!"

[หยุดเถอะนะ ในตอนนายทำตัวเหมือนตัวโกงนี่มันน่ากลัวจริงๆ]

ยูอิลฮานได้เร่งความเร็วป้อมปราการขึ้นไปอีกโดยไม่พูดอะไร

โลกใบนี้กว้างใหญ่แล้วก็ยังมีดันเจี้ยนอีกมากมาย กับดักแห่งการทำลายได้ของยูอิลฮานก็ยังมีฟังก์ชั่นในการแพร่ระบบ backdoor ไปที่ดันเจี้ยนอื่นๆอีกด้วยทำให้ตอนนี้มีแค่ดันเจี้ยนเดียวที่คงจะไม่เกิดการระเบิดขึ้นก็คือดันเจี้ยนนรก

[แล้วพวกดันเจี้ยนที่อยู่บนท้องฟ้ากับมหาสมุทรล่ะ?]

"ฉันก็จะเปิดมันทั้งหมดเหมือนกัน ป้อมปราการลอยฟ้าได้เตรียมการต่อสู้ไว้เสมออยู่แล้ว"

[อ๊า ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะเกิดการล้นของมานาขึ้นนะ...!]

"ใช่เลย นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ"

ป้อมปราการลอยฟ้าไม่ได้เร็วเท่าปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลาย แต่ว่ามันมีความสเถียรภาพในการบินที่สูงมากแล้วเมื่อคิดจากขนาด

นอกจากนี้เมื่อไหร่ที่ป้อมปราการลอยฟ้าผ่านดันเจี้ยนยูอิลฮานก็จะโยนอาร์ติแฟคที่เหมือนกับของเล่นลงไปเพื่อปล่อยให้มอนสเตอร์เป็นอิสระ

[การล้นของมานาเกิดเลย นี่มันการล้นของมานา!]

"โอ้ มีดันเจี้ยนอยู่บนท้องฟ้าด้วยล่ะ"

ในวินาทีที่เขาได้วางแผนทำลายดันเจี้ยนทั้งหมดแล้วยูอิลฮานก็ไม่รู้จักคำว่าหยุด จากการที่มีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลผุดออกมาในทีเดียวทำให้ไม่เพียงแต่ชั้นบรรยากาศเกิดความตรึงเครียมขึ้น แต่มานาในปัจจุบันก็ยังเกิดการบิดเบี้ยว บันทึกของมอนสเตอร์แต่ล่ะตัวได้ผสมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นมอนสเตอร์ประหลาดใหม่ๆขึ้นมา นี่คือสัญญาณของการเกิดการล้นของมานา

"ว้าว มอนสเตอร์คลาส 4 กำลังเกิดขึ้นมาตลอดเวลาเลย..."

[นี่มันน่ากลัวมากเลยนะ แต่นายกลับพูดเหมือนลูกไก่กำลังออกจากไข่เลย!]

ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับภาพที่โลกได้ถูกความโกลาหลครอบงำเหมือนกับในตอนที่เพิ่งเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ช่วงแรกๆ จากนั้นเขาก็หันไปถามเลียร่าที่ดูจะหมดแรงไปแล้ว

"เป็นไงล่ะ ความเร็วที่โลกกำลังพัฒนาพุ่งขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ?"

[ใช่ ถ้าเกิดมานาจำนวนมหาศาลของมอนสเตอร์ได้กลับมาสู่โลกและเกิดเป็นวงจรขึ้น]

"ว้าว นี่มันคือความถนัดเชี่ยวชาญของฉันเลยล่ะ"

ยูอิลฮานได้จับหอมังกรแปดหางแน่นและตอบกลับไปอย่างมั่นใจ เมื่อยูอิลฮานสะบัดหอกของเขา ร้อยนัยน์ตาก็อยู่ในโหมดเตรียมความพร้อมในทันที

กระจกคำสาปแห่งการทำลายทั้งหนึ่งร้อยอันได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆกัน และมานาจำนวนมหาศาลจนน่ากลัวได้มาล้อมรอบกระจกพวกนี้ อาวุธที่น่ากลัวและน่าสิ้นหวังทั้งหมดนี้ต่างก็เล็งกันลงไปที่พื้น

[ก๊าา?]

[มันสว่าง สว่างเหมือนดวงจันทร์]

[มีดวงจันทร์หลายดวงเลย พวกมันกำลังส่องแสงประกาย]

[ตรงนั้นมีมนุษย์อยู่ พวกเราต้องฆ่ามัน!]

ยูอิลฮานได้ทำลายดันเจี้ยนไปมากในเวลาสั้นๆทำให้มอนสเตอร์จำนวนมหาศาลได้ถูกป้อมปราการลอยฟ้าดึงดูดมารวมตัวกันจนเกิดเป็นจำนวนมอนสเตอร์มากกว่าล้านตัวได้ง่ายๆ! ในกลุ่มพวกนี้ก็มีพวกคลาส 4 ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเช่นกันซึ่งทำให้ยูอิลฮานยิ้มออกมา

"เอาล่ะถ้างั้นก็"

ยูอิลฮานได้ยกหอกมังกรแปดหางขึ้นมาและสะบัดลงทันที

"ยิง!"

เส้นลำแสงทั้งหนึ่งร้อยเส้นได้ยิงตรงลงจากท้องฟ้าไปสู่พื้นดิน มอนสเตอร์ที่โชคร้ายอยู่ในเส้นทางลำแสงต่างก็ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า

มอนสเตอร์ต่างก็คำรามออกมาในทันทีที่เจอหายนะแบบฉับพลันและคาดไม่ถึง แต่ลำแสงก็ไม่ได้หยุดแค่ฆ่ามอนสเตอร์ไปชุดเดียว ลำแสงจะยังคงอยู่จนกระทั่งมอนสเตอร์ทั้งหมดบนพื้นที่จะตายไป

ยูอิลฮานได้ใช้เวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้นในการปลดปล่อยดันเจี้ยนบนโลกทั้งหมดและกำจัดมอนสเตอร์ทิ้งไป

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด