บทที่ 202 - เห็นฉันไหมล่ะ? (3) [15-09-2019]
บทที่ 202 - เห็นฉันไหมล่ะ? (3)”
[Backdoor?]
เลียร่าได้แสดงสีหน้าสงสัยออกมา หลังจากเห็นใบหน้าที่งดงามนี้ของเธอได้ทำให้ยูอิลฮานลืมหายใจไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็สะกดจิตตัวเองว่าเธอเป็นเหมือนพี่น้องเหมือนอย่างเคยและพูดต่อ
“Backdoors ที่ฉันพูดถึงคือโค๊ดของโปรแกรมที่นักพัฒนาได้ใส่ลงไปเพื่อทำให้เข้าถึงระบบปฏิบัติการณ์หรือแอพพลิเคชั่นง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างก็แบบฉันมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่งที่ตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้าบัญชีไว้ แต่ในฐานะของฉันที่ทำ Backdoors เอาไว้ฉันสามารถจะเข้าไปในบัญชีนี้ของฉันโดยที่ไม่ต้องระบุตัวตนใดๆได้เลยแล้วก็ยังสามารถควบคุมจากระยะไกลได้อีกด้วย นี่แหละคือ Backdoors”
[นั่นมันวิธีที่พวกคนไม่ดีใช้กันนี่!]
"เธอพูดถูกแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์จริงๆมันไม่ได้มีมาทำเรื่องแย่ๆก็ตาม แต่ในรูปแบบแล้วก็ประมาณนั้นแหละ"
[...แต่ทำไมอยู่ๆนายถึงมาพูดเรื่องนี้ล่ะ?]
"อืม ถ้างั้นเธอลองคิดดูสิว่าทำไมฉันถึงได้พูดคำนี้ออกมาในตอนนี้"
เลียร่าได้แสดงความสงสัยออกมา แต่ยูอิลฮานก็ปล่อยให้เธอคิดด้วยตัวเอง และแล้วเธอก็คิดออกและแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
[อย่าบอกนะว่า...!]
"เธอคิดถูกแล้ว"
[นายมันคนหลอกลวง!]
"ฉันค่อนข้างบอกใจกับคำๆนี้เลยนะที่ได้ยินจากปากของคนที่หลอกลวงเหมือนกัน"
เขาซ่อนอะไรอยู่งั้นหรอ? ใช่แล้ว ในระหว่างมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ยูอิลฮานได้แอบปรับแต่งกับดักแห่งการทำลายทั้งหมดที่อยู่บนโลกนี้
ยังไงก็ตามที่น่าทึ่งไปกว่านั้นไม่ใช่การที่เขาปรับแต่งกับดักแห่งการทำลาย แต่เป็นการที่เขาทำมันต่อหน้าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยต่างหาก
เลียร่าเพียงจะมารู้เอาตอนนี้ว่าเธอกับทูตสวรรค์คนอื่นๆได้ถูกเขาหลอกแล้ว แต่ยูอิลฮานก็แค่อธิบายออกมาอย่างภูมิใจโดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง
"ฉันได้เพิ่มอะไรเล็กๆลงไปก็เพราะว่าฉันไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรแปลกๆขึ้นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ในตอนที่พวกเธอไม่รู้ตัวฉันได้ผสมภาษามังกรกับภาษาเอลฟ์โบราณลงไป"
[นี่มันไม่ได้ต่างไปจากวิธีที่เทวดาตกสวรรค์ใช้เลยนะ!]
"แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ฉันก็จำเป็นต้องใช้มันแล้วไม่ใช่หรอ?"
[อึก]
เลียร่ามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูดออกไป แต่เธอพูดไม่ออกแล้ว
เขาพูดถูก ในท้ายที่สุดโลกใบนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กองทัพสวรรค์คาดการณ์ไม่ถึงและหากยูอิลฮานที่ติดตั้ง backdoors หรืออะไรก็ตามกับกับดักแห่งการทำลายและช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ ถ้างั้นเธอก็ได้แต่ต้องยอมรับในเรื่องนี้
"ฉันจำเป็นจะต้องหาช่องทางของตัวเองเพื่อเอาตัวรอด"
[อ๊า ทำไมกองทัพสวรรค์ถึงได้ไร้ประโยชน์จังเลยนะ...! ยังไงก็เถอะนะถ้ากองทัพสวรรค์มีศักยภาพถ้างั้นยูอิลฮานก็จะลำบากแน่เพราะเขาก็จะไม่อาจจะทำระบบ backdoors ได้ แต่เดี๋ยวสิถ้ากองทัพสวรรค์มีศักยภาพแล้วก็คงไม่เกิดสถานการณ์แบบนี้แต่แรกแล้ว...]
ยูอิลฮานได้ปล่อยเลียร่าที่กำลังตกอยู่ในความคิดที่ไม่สิ้นสุดไว้และลดระดับความสูงของป้อมปราการลอยฟ้าลง เพื่อที่จะใช้ระบบ backdoors แล้วเขาจำเป็นจะต้องอยู่ใกล้กับพื้นดิน
[กรรร?]
[ก๊าซซซซ!]
ในตอนที่ป้อมปราการลอยฟ้าได้ลดระดับความสูงลงมาต่ำกว่าเมฆก็ได้เกิดเงาใหญ่ยักษ์จนทำให้มอนสเตอร์ข้างล่างทั้งหมดมองขึ้นไป
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้สนมอนสเตอร์ที่ไม่มีปีกพวกนี้เลย หากพวกมันมีเยอะถ้างั้นเขาก็จะเอาป้อมปราการลงไปจอดและจัดการให้หมด แต่ในตอนนี้พวกมันยังมีน้อยเกินไป! ในเวลานี้เป็นเวลาที่เขากำลังจะไปดันเจี้ยนเพื่อแก้ปัญหามอนสเตอร์ที่ไม่เพียงพอบนโลกแล้ว
"โอ้ ตรงนั้นมีดันเจี้ยนอยู่หนึ่ง"
ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายออกมา มีวังวนมิติที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของดันเจี้ยนอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการลอยฟ้า นอกไปจากนี้จากรัศมีออร่าที่ปล่อยออกมาจากแกนกลางพื้นที่ของดันเจี้ยนก็ทำให้เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่เขาทำขึ้นมา
[หืม? แต่ว่านะอิลฮาน]
เลียร่าที่ได้หลุดออกมาจากห้วงความคิดได้เงยหน้าขึ้นมา เธอนึกขึ้นได้แล้วว่าเธอลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป
[แล้ว backdoors ที่นายทำขึ้นมามันมีประโยชน์อะไรล่ะ?]
"ฉันไม่ได้เพิ่มอะไรขึ้นไปเยอะหรอกนะ อืม ฉันแค่สามารถจะมองเห็นมอนสเตอร์กี่ตัวกี่ชนิดภายในดันเจี้ยนได้"
[นั่นมันดีไปเลยนี่! แม้แต่ฉันก็ยังไม่รู้ข้อมูลภายในดันเจี้ยนบนโลกนี้เลย นี่มันก็เหมือนกับเครื่องนำทางเลยนี่! มันคงจะไม่ต่างกันมากกับข้อมูลที่เขาให้นายมาสินะ]
สีหน้าของเลียร่าได้สดใสขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอยอมรับได้อยากมาก ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นถึงความซื่อตรงของเธอ
แต่ว่าเขาจะทำให้เห็นชนิดมอนสเตอร์กับจำนวนไปทำไมล่ะ? นั่นมันก็เป็นแค่พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของระบบ backdoor เท่านั้นเอง
ยูอิลฮานได้เสริมขึ้นมาอีกแบบขำๆ
"แล้วก็มีฟังก์ชั่นในการทำให้ดันเจี้ยนระเบิด"
[...หา?]
"ฉันบอกว่ามันมีฟังก์ชั่นในการทำให้ดันเจี้ยนระเบิดไงล่ะ"
ยูอิลฮานได้อธิบายออกไปอย่างใจดีเพราะเขารู้ดีว่าเลียร่ากำลังรู้สึกยังไง เธอได้มองนิ่งมาที่เขาหลังจากได้ยินแบบนี้ก่อนจะตะโกนลั่นออกมา
[ทำไมนายถึงใส่ออฟชั่นแบบนั้นลงไป!]
"ฉันจะได้ใช้ออฟชั่นนี้ไว้จัดการกับคนในประเทศอื่นๆที่คิดจะคุกคามคนใกล้ตัวฉันไงล่ะ"
[นั่นมันอาชญากรรมเลยนะ]
เลียร่าโกรธขึ้นมาเพราะวว่าฟังก์ชั่นนี้เป็นอันตรายกับพลเรือนปกติได้ ยังไงก็ตามเขาก็แค่หยักไหล่ออกมา
"แม้แต่ฉันก็ไม่อยากจะทำให้พลเรือนเป็นอันตรายเหมือนกัน นี่ก็แค่เป็นหนึ่งในวิธีที่เตรียมเอาไว้สำหรับเกิดปัญหาใหญ่จริงๆเท่านั้น เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นา ลองคิดถึงตำแหน่งที่แวนการ์ดอยู่แล้วหากไม่มีวิธีไว้รับมือมันยิ่งน่ากังวลเลยล่ะ"
[นั่น...ก็จริงแหละ]
แม้กระทั่งก่อนมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 คุณค่าของแวนการ์ดก็ยังไม่อาจจะเทียบได้ หากมีคนที่มีอำนาจมีเจตนาร้ายมาที่เขา คนพวกนั้นก็สามารถจะยื่นมือมาทำร้ายเพื่อนและครอบครัวเขาได้ต่อให้พวกนั้นจะไม่ได้ลงมือเองก็ตาม
และในความจริงที่ไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นมาก็เพราะความร่วมมือกับคังมิเรย์ที่เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยูอิลฮานก็ไม่อาจจะถูกว่าได้เพรพาะแค่เขาทำระบบ backdoor เผื่อไว้ได้ เลียร่ารู้เรื่องนี้ดีทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา
"แล้วก็นะ"
เพียงแค่เมื่อเลียร่ายอมรับได้เล็กน้อย ยูอิลฮานก็เสริมขึ้นมาอีก
"หากฉันใช้ฟังก์ชันนี้ ฉันก็จะได้สู้กับมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลในทีเดียว แถมฉันยังไม่ต้องเข้าไปหาพวกมันเองด้วยแหละ"
แน่นอนว่ายูอิลฮานจะไม่มีทางพูดถึงเรื่อง backdoor แน่หากว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน ถ้ามันแย่สุดๆแล้วเขาก็จะต้องรับหน้าที่จัดการดันเจี้ยนทั้งหมดในระหว่างไปรอบโลก
ยังไงก็ตามผู้คนบนโลกได้ทนผ่านมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ไปได้โดยเข้าไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ไม่สิ ด้วยการที่ประตูมิติสู่โลกอื่นได้เปิดขึ้นทำให้สถานการณ์ทั้งหมดได้พัฒนาไปอยู่เหนือในระบบความคิดของเขาและมันก็มีสเถียรภาพที่ดีเช่นกัน
แม้แต่ตัวเขาเองที่ได้เตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้วก็ยังมีธุระอยู่ในที่อื่นดังนั้นก็เลยไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องใช้ระบบนี้เลย ยังไงก็ตามทุกอย่างนั้นก็ได้มายุติลงในตอนที่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ได้เกิดขึ้นและเปลื่ยนทุกๆอย่างไป ถึงแม้หากพูดกันในเรื่องผลลัพธ์แล้วมันจะดีกับเขาก็ตาม
[แล้วถ้างั้น ตอนนี้นายจะทำอะไรล่ะ?]
"แน่นอนว่าก็ทำให้ดันเจี้ยนระเบิดไงล่ะ"
[งั้นนายกำลังจะบอกว่าเพราะมอนสเตอร์ข้างนอกน้อยไป นายก็เลยจะใช้มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนมาเสริมทัพงั้นสิ?]
"ถูกต้อง"
จิตใจยูอิลฮานแข็งดั่งเหล็ล้า เขาไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ถึงอันตรายจากการระเบิดดันเจี้ยนแน่นอน เลียร่าได้ล้มเลิกการเกลี้ยกล่อมเขาไปแล้ว
[อ่า ให้ตายสิ ฉันไม่สนแล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเลย]
"จริงๆแล้วเธอก็ไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ ฉันเริ่มทำมันไปแล้วล่ะ!"
ในตอนที่ป้อมปราการลอยฟ้าได้มาอยู่เหนือประตูมิติดันเจี้ยน ยูอิลฮานก็เรียกอาร์ติแฟคชิ้นเล็กๆที่ทำขึ้นมาจากหินพลังเวทย์คลาส 2 โยนลงไปในประตูมิติ
หินพลังเวทย์ได้ตกลงไปในประตูมิติ และประตูมิติได้ระเบิดออกมาในทันที
[ก๊าซซซซซซซซ]
[อิสระ! ข้าเป็นอิสระแล้ว!]
[ฆ่ามนุษย์! เอาบันทึกมาให้หมด!]
[ฆ่า ฆ่า!]
กองทัพมอนสเตอร์จำนวนนับล้านได้กรูกันออกมาทั่วพื้นที่ทันที เนื่องจากดันเจี้ยนนี้มีมาตั้งแต่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 ทำให้มอนสเตอร์กว่า 70% เป็นแค่พวกคลาส 3 ธรรมดาๆเท่านั้น แต่ยูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจ อีกไม่ช้าพวกมันก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นคลาส 4 โลกในปัจจุบันนี้แปลกประหลาดไปแล้ว
ยูอิลฮานที่คิดได้ถึงบางอย่างได้หยุดคิดเรื่องการพัฒนาที่บ้ามาๆของมอนสเตอร์
"บางทีคนบนโลกอาจจะเอาตัวรอดไม่ได้ในตอนที่กลับมาก็ได้นะ"
[บังเอิญมากที่ฉันก็คิดเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะไปคิดถึงคนอื่นนะ]
"ก็จริงแหละ เรามาเร่งเครื่องกันสักนิดดีกว่า!"
[ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเจ้าโง่!]
ยูอิลฮานได้เร่งความเร็วป้อมปราการลอยฟ้าไปทำการระเบิดดันเจี้ยนอื่นๆต่อ สิ่งที่ยิ่งทำให้น่าปวดหัวเข้าไปอีกก็คือมอนสเตอร์จากดันเจี้ยนที่ยูอิลฮานปล่อยออกมาก็ยังมีพลังทำให้ดันเจี้ยนอื่นระเบิดอีกด้วย!
[เฮ้ นี่มันการเป็นคลื่นดันเจี้ยนไปแล้วนะ! การที่อาร์ติแฟคทำให้กิดคลื่นดันเจี้ยนนี่มัน... ตามปกติแล้วหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะกลายเป็นหายนะสำหรับโลกโลกหนึ่งแล้วนะ]
"เยี่ยมไปเลย ทำให้โลกเต็มไปด้วยมอนสเตอร์!"
[หยุดเถอะนะ ในตอนนายทำตัวเหมือนตัวโกงนี่มันน่ากลัวจริงๆ]
ยูอิลฮานได้เร่งความเร็วป้อมปราการขึ้นไปอีกโดยไม่พูดอะไร
โลกใบนี้กว้างใหญ่แล้วก็ยังมีดันเจี้ยนอีกมากมาย กับดักแห่งการทำลายได้ของยูอิลฮานก็ยังมีฟังก์ชั่นในการแพร่ระบบ backdoor ไปที่ดันเจี้ยนอื่นๆอีกด้วยทำให้ตอนนี้มีแค่ดันเจี้ยนเดียวที่คงจะไม่เกิดการระเบิดขึ้นก็คือดันเจี้ยนนรก
[แล้วพวกดันเจี้ยนที่อยู่บนท้องฟ้ากับมหาสมุทรล่ะ?]
"ฉันก็จะเปิดมันทั้งหมดเหมือนกัน ป้อมปราการลอยฟ้าได้เตรียมการต่อสู้ไว้เสมออยู่แล้ว"
[อ๊า ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะเกิดการล้นของมานาขึ้นนะ...!]
"ใช่เลย นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ"
ป้อมปราการลอยฟ้าไม่ได้เร็วเท่าปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลาย แต่ว่ามันมีความสเถียรภาพในการบินที่สูงมากแล้วเมื่อคิดจากขนาด
นอกจากนี้เมื่อไหร่ที่ป้อมปราการลอยฟ้าผ่านดันเจี้ยนยูอิลฮานก็จะโยนอาร์ติแฟคที่เหมือนกับของเล่นลงไปเพื่อปล่อยให้มอนสเตอร์เป็นอิสระ
[การล้นของมานาเกิดเลย นี่มันการล้นของมานา!]
"โอ้ มีดันเจี้ยนอยู่บนท้องฟ้าด้วยล่ะ"
ในวินาทีที่เขาได้วางแผนทำลายดันเจี้ยนทั้งหมดแล้วยูอิลฮานก็ไม่รู้จักคำว่าหยุด จากการที่มีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลผุดออกมาในทีเดียวทำให้ไม่เพียงแต่ชั้นบรรยากาศเกิดความตรึงเครียมขึ้น แต่มานาในปัจจุบันก็ยังเกิดการบิดเบี้ยว บันทึกของมอนสเตอร์แต่ล่ะตัวได้ผสมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นมอนสเตอร์ประหลาดใหม่ๆขึ้นมา นี่คือสัญญาณของการเกิดการล้นของมานา
"ว้าว มอนสเตอร์คลาส 4 กำลังเกิดขึ้นมาตลอดเวลาเลย..."
[นี่มันน่ากลัวมากเลยนะ แต่นายกลับพูดเหมือนลูกไก่กำลังออกจากไข่เลย!]
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับภาพที่โลกได้ถูกความโกลาหลครอบงำเหมือนกับในตอนที่เพิ่งเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ช่วงแรกๆ จากนั้นเขาก็หันไปถามเลียร่าที่ดูจะหมดแรงไปแล้ว
"เป็นไงล่ะ ความเร็วที่โลกกำลังพัฒนาพุ่งขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ?"
[ใช่ ถ้าเกิดมานาจำนวนมหาศาลของมอนสเตอร์ได้กลับมาสู่โลกและเกิดเป็นวงจรขึ้น]
"ว้าว นี่มันคือความถนัดเชี่ยวชาญของฉันเลยล่ะ"
ยูอิลฮานได้จับหอมังกรแปดหางแน่นและตอบกลับไปอย่างมั่นใจ เมื่อยูอิลฮานสะบัดหอกของเขา ร้อยนัยน์ตาก็อยู่ในโหมดเตรียมความพร้อมในทันที
กระจกคำสาปแห่งการทำลายทั้งหนึ่งร้อยอันได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆกัน และมานาจำนวนมหาศาลจนน่ากลัวได้มาล้อมรอบกระจกพวกนี้ อาวุธที่น่ากลัวและน่าสิ้นหวังทั้งหมดนี้ต่างก็เล็งกันลงไปที่พื้น
[ก๊าา?]
[มันสว่าง สว่างเหมือนดวงจันทร์]
[มีดวงจันทร์หลายดวงเลย พวกมันกำลังส่องแสงประกาย]
[ตรงนั้นมีมนุษย์อยู่ พวกเราต้องฆ่ามัน!]
ยูอิลฮานได้ทำลายดันเจี้ยนไปมากในเวลาสั้นๆทำให้มอนสเตอร์จำนวนมหาศาลได้ถูกป้อมปราการลอยฟ้าดึงดูดมารวมตัวกันจนเกิดเป็นจำนวนมอนสเตอร์มากกว่าล้านตัวได้ง่ายๆ! ในกลุ่มพวกนี้ก็มีพวกคลาส 4 ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเช่นกันซึ่งทำให้ยูอิลฮานยิ้มออกมา
"เอาล่ะถ้างั้นก็"
ยูอิลฮานได้ยกหอกมังกรแปดหางขึ้นมาและสะบัดลงทันที
"ยิง!"
เส้นลำแสงทั้งหนึ่งร้อยเส้นได้ยิงตรงลงจากท้องฟ้าไปสู่พื้นดิน มอนสเตอร์ที่โชคร้ายอยู่ในเส้นทางลำแสงต่างก็ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
มอนสเตอร์ต่างก็คำรามออกมาในทันทีที่เจอหายนะแบบฉับพลันและคาดไม่ถึง แต่ลำแสงก็ไม่ได้หยุดแค่ฆ่ามอนสเตอร์ไปชุดเดียว ลำแสงจะยังคงอยู่จนกระทั่งมอนสเตอร์ทั้งหมดบนพื้นที่จะตายไป
ยูอิลฮานได้ใช้เวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้นในการปลดปล่อยดันเจี้ยนบนโลกทั้งหมดและกำจัดมอนสเตอร์ทิ้งไป