GE182 สะบั้นแส้มังกร [ฟรี]
“สหายเต๋าซัวหมิง เหตุใดสีหน้าท่านเป็นเช่นนั้น หรืออาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี” ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั้งสองคนกล่าว
“ข้าไม่เป็นไร” หนิงฝานบอกทั้งสองคนไม่ได้ว่าตนเองมองเห็นภาพลางสังหรณ์ ซึ่งสองคนเบื้องหน้าจะตายอย่างน่าอนาถ
บอกไปแล้วสองคนนั้นจะเชื่อหรือ? มีแต่จะทำให้เป็นที่ขบขันมากกว่า
“พวกข้าได้ยินว่าสหายเต๋าซัวหมิงบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้ไม่อาจทำหน้าที่เป็นแม่ทัพได้อีก… ได้ยินแบบนั้นแล้วพวกข้าก็เศร้าใจ”
“เป็นเช่นพวกท่านว่า ข้าเข้าต่อสู้กับอสูรจนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย นับว่าขายหน้าสหายเต๋าทั้งสองแล้ว… เหตุใดข่ายอาคมยังไม่เปิด ข้าอยากจะออกจากแคว้นจินเสียเดี๋ยวนี้...” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงยากที่จะทำให้เขาสงบ
“ฮ่าฮ่า สหายเต๋าอาจไม่รู้ ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี่ สามารถนำพาพวกเราข้ามระยะไปได้กว่า 10 ล้านลี้… ระยะทางขนาดนั้น หากเกิดข้อผิดพลาดพวกเราที่อยู่ในมิติคงไม่รอด ดังนั้น ก่อนที่ข่ายอาคมจะเปิดใช้งาน ต้องมีการตรวจสอบอยู่หลายวัน… จริงสิ ข้าตั้งใจจะเดินทางไป ‘ทวีปกลาง’ เพื่อเข้าร่วม ‘งานชุมนุมโอสถ’ ส่วนสหายเต๋าหยางจะเดินทาง ‘ทวีปตะวันตก’ เพื่อช่วยเหลือนิกายตน… เดิมทีข้าตั้งใจจะชวนสหายเต๋าซัวหมิงไปด้วย แต่ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องเร่งด่วน… ฮ่าฮ่า หากได้ท่านร่วมเดินทาง คงจะดีไม่น้อย”
“ช่างน่าเสียดาย ข้าต้องรีบไปทะเลไร้สิ้นสุดเพื่อทะลวงจุดตีบตัน”
“จุดตีบตัน? หรือสหายเต๋าจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง?”
สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ความนับถือที่มีต่อหนิงฝานมากขึ้น แต่ความอิจฉาก็มีมากขึ้นเช่นกัน
แม้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจะห่างกันเพียงระดับเล็กๆ แต่ความแข็งแกร่งต่างกันราวฟ้ากับเหว เช่นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง จะมีปราณเป็นสองเท่าของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง จะมีปราณเป็น 3 เท่าของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง และผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด มีปราณเป็น 5 เท่าของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง
ในโลกของผู้เชี่ยวชาญ ยิ่งบรรลุขอบเขตที่สูงขึ้น ความต่างก็จะยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ก็จะทิ้งห่างสหายเต๋าทั้งสองคนไปไกลกว่าเดิมมาก
ทั้งสองไม่รู้ว่าหนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ไม่ได้บรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง เพียงแต่กำลังจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น
หากหนิงฝานบอกว่าตนเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ทั้งสองคนไม่เชื่อ
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองยังคงพูดคุยกับหนิงฝานอย่างผ่อนคลาย โดยไม่อาจทราบได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น อันตรายกำลังใกล้เข้ามาอย่างต่อเรื่อง ทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้แล้ว
“เปิดใช้ข่ายอาคมเลยไม่ได้หรือ?”
“เหตุสหายเต๋าซัวหมิงเร่งร้อนเช่นนั้น ข้าว่า แม้จะต้องรออยู่บ้าง แต่ก็คุ้มค่าที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยง” เฉินเสวี่ยกล่าว
“ข้ารีบจริงๆ อยากใช้ข่ายอาคมเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ว่าจะเปิดใช้งานเลยได้หรือไม่?” หากไม่เพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา หนิงฝานคงไม่เร่งร้อนขนาดนั้น
“สหายเต๋าซัวหมิง พวกข้าและคนอื่นๆก็มีเรื่องเร่งด่วนเช่นกัน ย่อมไม่อาจเปิดข่ายอาคมได้ตามความปรารถนาของเจ้า แล้วเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นนั้น...” หยางสู่กล่าวด้วยความไม่พอใจ
เฉินเสวี่ยกระแอมและห้ามหยางสู่ไว้
การที่หนิงฝานกำลังจะทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ไม่นับเป็นเรื่องเร่งด่วนขนาดนั้น
“เช่นนั้นเอาเป็นว่า พวกข้าจะไปสอนผู้เยาว์แก่นทองคำเหล่านั้นตรวจสอบข่ายอาคมให้ดีขึ้น จะได้ย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น สหายเต๋าซัวหมิงว่าดีหรือไม่?”
เฉินเสวี่ยยิ้ม มันไม่อยากให้เกิดความบาดหมาง หนิงฝานเองก็ทำได้เพียงพยักหน้า เขาทำได้เพียงรอเท่านั้น
หากไม่ตรวจสอบข่ายอาคมให้ดี อาจตายในระหว่างที่เดินทางข้ามมิติ หนิงฝานจึงทำได้เพียงรอ
“เช่นนั้นข้าจะรอ...”
ทุกคนแยกย้ายกันไปตรวจสอบข่ายอาคมเคลื่อนย้าย บ้างก็ไปรอยังข่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่จะนำไปสู่ดินแดนที่ต้องการ
ภายในนี้มีข่ายอาคมเคลื่อนย้ายอยู่ 10 ข่ายอาคม แต่ข่ายอาคมที่นำไปทะเลไร้สิ้นสุด มีเพียงพวกหนิงฝานเท่านั้นที่รอ
หนิงฝานนั่งขัดสมาธิ นำบางสิ่งออกมา วางไว้บนพื้น แล้วเริ่มการทำนายว่าภยันอันตรายจะมาเยือนจริงหรือไม่
เมื่อเริ่มทำนาย ผลทำนายก็แสดงถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน ทำให้สีหน้าของหนิงฝานมืดมน เขาสัมผัสได้ว่าอันตรายนั้นจะมาถึงก่อนที่จะได้เดินทางออกจากแคว้นจิน
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” จิงสั่วขมวดคิ้วกล่าวถาม เมื่อได้เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหนิงฝาน
“อืม… มีเรื่องไม่ดีเอามากๆ”
“นั่นเป็นเหตุให้เจ้าอยากรีบไปจากที่นี่ใช่มั้ย?” ชู่ซวนเชียนสื่อก็สังเกตุเห็นสีหน้าของหนิงฝาน นางรู้ว่าหนิงฝานสัมผัสถึงบางสิ่งได้
“ใช่...”
หนิงฝานพยักหน้า และกล่าวถามผู้ที่กำลังตรวจสอบข่ายอาคมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ต้องเวลาตรวจสอบข่ายอาคมอีกนานเท่าไหร่?”
“รายงานผู้อาวุโส ต้องใช้เวลาอีก 1 ชั่วยาม”
“ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้ รีบเปิดข่ายอาคมเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า...” ผู้ตรวจสอบข่ายอาคมขมวดคิ้ว หากไม่ตรวจสอบข่ายอาคมให้ดี และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดไม่ถึง พวกมันไม่อาจรับผิดชอบกับผลที่ตามมาได้
แต่ในเวลานั้น หยางสู่เดินมา มันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“สหายเต๋าซัวหมิง เหตุใดท่านต้องบังคับผู้อื่นเช่นนั้น ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แค่ 1 ชั่วยามท่านทนรอไม่ได้เหรอ?”
“สหายเต๋าหยาง ท่านระวังคำกล่าวด้วย...” เฉินเสวี่ยพยายามไกล่เกลี่ย มันพยายามเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้น
หากหยางสู่ไม่ระวัง หนิงฝานที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง หากเขาลงมือ หยางสู่คงสู้ไม่ได้
สีหน้าหยางสู่แปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ ในแคว้นมันเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังและมีเรื่องเสียง แต่ยามนี้มันกลับต้องมาก้อมหัวให้หนิงฝาน ทำให้มันไม่พอใจ
แต่สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงถอนใจและพยักหน้า
“รีบเปิดข่ายอาคมเถอะ ทำตามที่สหายเต๋าซัวกล่าวก็แล้วกัน!”
เมื่อหยางสื่อเห็นด้วย ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ตรวจสอบข่ายอาคมก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
ผู้ตรวจสอบข่ายอาคมหยุดมือ ทุกคนถอยห่างและกระตุ้นข่ายอาคม
พลังมิติที่แผ่วบางล้อมรอบหนิงฝานและคนอื่นๆที่อยู่บนข่ายอาคม พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน
หนิงฝานหลับตา เขาหวังให้รอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้
ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องไปให้ถึงทะเลไร้สิ้นสุด ต้องทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ ของเขตดวงจิตแรกเริ่ม ขอบเขตตัดวิญญาณ ขอบเขตไร้ดัดแปลง และขอบเขตไร้แบ่งแยก
ต้องก้าวไปยังระดับที่สูงขึ้นด้วยการยกระดับพลังที่รวดเร็ว
แต่ชู่ซวนเชียนสื่อกลับไม่คิดเช่นนั้น นางคิดต่างจากหนิงฝาน
เมื่อไปถึงทะเลไร้สิ้นสุด นางและหนิงฝานต้องแยกจาก ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้พบกันอีกครั้ง
การแยกจากเช่นนั้น นางยากจะยอมรับ
นางจะมีโอกาสได้เป่าขลุ่ยให้เขาฟังอีกหรือเปล่า
แต่ในแคว้นจินมีอันตรายที่คาดไม่ถึง บางทีการจากไปอาจจะดีกว่า...
ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเริ่มเปล่งแสง บนนั้นมีคนทั้งหมด 10 คนยืนอยู่ อีกไม่นานข่ายอาคมจะนำคนทั้งหมดจากไป
หยางเสวี่ยยังคงไม่พอใจกับเรื่องที่ตนต้องยอมหนิงฝาน
แต่ก่อนที่ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายกำลังจะนำร่างของทั้งหมดจากไป ปราณอสูรที่ทรงพลังกลับปรากฏ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าหวาดกลัว
“สังหารคนของข้าไป คิดเจ้าจะหนีรอดหรือไง? ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปได้แน่!”
ชั่วพริบตานั้น ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่อยู่ใต้ดินสั่นสะท้าน
หยางสู่ เฉินเสวี่ย สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ… ขุนพลอสูร! เป็นไปไม่ได้ เหตุใดมันมาอยู่ที่นี่!”
หนิงฝานตกตะลึง
เขาคาดไม่ถึงว่าจะหนีไม่พ้นการตามล่าของขุนพลอสูร
ไม่ผิดแน่! ในร่างของเขาสมควรมีกลิ่นอายโลหิตเหลืออยู่ ทำให้ขุนพลอสูรติดตามมาได้
ไม่ผิดแน่! สัมผัสที่อันตรายร้ายแรงสมควรมาจากขุนพลอสูร!
ยามนี้ ทั่วใต้ดินถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันของขุนพลอสูร
“วิชาอสูร ทะเลโลหิต!”
น้ำเสียงที่เรียบเฉยดังขึ้น ใต้ดินอาณาบริเวณพันลี้ถูกแทนที่ด้วยโลหิต เสียงกรีดร้องของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากดังลั่น ร่างกายของพวกมันหลอมละลาย ตกตายอย่างต่อเนื่อง
พื้นดินหนานับหมื่นจ้างถูกทำลาย เกิดเป็นรูลึกลงไปใต้ดินจนถึงตำแหน่งของข่ายอาคมเคลื่อนย้าย
แสงตะวันสาดส่องจากผืนฟ้าลงสู่ข่ายอาคม ชายผมแดงหยุดยืนกลางอากาศ จ้องมองทะเลโลหิตเบื้องล่าง!
มันขมวดคิ้วเล็กน้อย มันคาดไม่ถึงว่าจะมาช้าไปเพียงก้าวเดียว ยามนี้ผู้ที่สังหารอสูรและผู้ติดตามของมันไปมากมาย ได้อยู่ในข่ายอาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นับว่าโชคดี… บุรุษผมแดงยกระดับเป็นมังกรได้สำเร็จ มันจึงลอบออกมาจากสรมังกรนิทราเงียบ เพื่อลอบสังหารมนุษย์ผู้สังหารผู้ติดตามของมัน แต่คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว ใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายข้ามผ่านเมืองต่างๆมากมาย จนมันตามแทบไม่ทัน
ยามนี้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเปิดใช้งานแล้ว แม้มันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่มันไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ก่อนที่ข่ายอาคมจำนำร่างของคนเหล่านั้นไป ดูเหมือนมันต้องลองหยุดยั้ง
ทะเลโลหิตของมันเคลื่อนไหวถาโถม ผู้เชี่ยวชาญที่ยังเหลือรอดถูกสังหาร
ผู้เชี่ยวชาญที่ป้องกันข่ายอาคมถูกสังหาร
หยางสู่ เฉินเสวี่ย และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 5 คนร่วมมือ พวกมันนำสมบัติระดับสูงที่สุดของตนออกมา ป้องกันข่ายอาคมจากการจู่โจมของทะเลโลหิตด้วยความยากลำบาก
หนิงฝานเหงื่อไหลอาบด้วยความกังวล
เขาเริ่มชักนำพลังจากภูเขาและสายน้ำที่อยู่ในระยะพันลี้ แปรเปลี่ยนให้เป็นพลังดรรชนี!
“ดรรชนีกระบี่ทำลายขุนเขา!”
หนิงฝานชี้นิ้วลงพื้นดิน ภูเขารอบข้างพันลี้พังทะลายดังสนั่น
ทะเลโลหิตในระยะพันลี้สั่นกระเพิ่มอย่างรุนแรง ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะสลายไป!
หยางสู่ เฉินเสวี่ย และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้ง 5 คนรอดชีวิต บุรุษผมแดงบนท้องนภาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หืม? ผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณ สามารถทพลายวิชาข้าได้… ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถ้าข้าใช้วิชาอีกครั้ง มันจะยังทนได้อีกหรือเปล่า?”
แม้ดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานจะทรงพลัง แต่ด้วยที่ปราณของหนิงฝานและระดับพลังไม่สูงมากนัก จึงทำลายวิชาทะเลโลหิตได้เพียงครั้งเดียว หากขุนพลอสูรใช้วิชาทะเลโลหิตอีกครั้ง หนิงฝานก็ไม่เหลือพลังมากพอจะต้านรับแล้ว
ความต่างของพลังระหว่างหนิงฝานและขุนพลอสูรมีมากเกินไป
หนิงฝานเช็ดโลหิตที่มุมปาก แววตาแน่วแน่มั่นคง
ยามนี้เหลืออีกเพียง 2 ลมหายใจ ข่ายอาคมจะส่งคนทั้งหมดจากไป ดังนั้น หนิงฝานและคนอื่นๆต้องต้านรับการจู่โจมให้ได้
เพียงสองลมหายใจ สองลมหายนี้จะเป็นตัวตัดสินชีวิตของทั้งหมด!
หยางสื่อเสียใจอย่างที่สุด
หากมันทำตามที่หนิงฝานกล่าว เร่งไปจากที่นี่ มันคงไม่ต้องเผชิญกับอันตรายเช่นนี้ มันคาดไม่ถึงว่าขุนพลอสูรจะมาเยือน
มันรู้ว่าเป็นความผิดของมัน
ในขณะที่หยางสู่เสียใจ ทะเลโลหิตระรอกที่สองก็ถาโถมมาอีกครั้ง!
สมบัติคุ้มกายของหยางสู่ถูกทำลาย ทะเลโลหิตถาโถมกลืนร่าง ตกตายอย่างน่าอนาถ… มันตำหนิเพียงตนเองที่ไม่ยอมเชื่อหนิงฝาน
สมบัติคุ้มกายของเฉินเสวี่ยก็พังทะลาย ทะเลโลหิตกลืนร่าง แต่ด้วยความโชคดี จิตวิญญาณแรกเริ่มของมันทะยานออกมาจากทะเลโลหิตได้ทัน และตรงเข้าหาหนิงฝานอย่างสุดชีวิต
เรื่องเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถของมัน ไม่สำคัญแล้วในตอนนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิต
มันคิดว่าหนิงฝานน่าจะช่วยชีวิตมันได้ เพราะทะเลโลหิตระรอกที่แล้ว หนิงฝานปกป้องชู่ซวนเชียนสื่อและจิงสั่วได้
“สหายเต๋าซัว ช่วยข้าด้วย! หากรอดไปได้ ข้าจะตอบแทนเจ้า!”
จิตวิญญาณของเฉินเสวี่ยเข้ามาหลบซ่อนด้านหลังหนิงฝาน และสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
หนิงฝานต้องปกป้องตนเอง ต้องปกป้องจิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อ ทั้งยังต้องปกป้องเฉินเสวี่ย! แต่หนิงฝานตั้งใจแน่วแน่ ว่าต้องปกป้องการจู่โจมระรอกสองนี้ให้ได้
“ต้องป้องกันให้ได้!”
สัมผัสกระบี่สีดำทมิฬจำนวนมหาศาลกระจายออกจากร่างหนิงฝาน แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำเข้าห่อหุ้มคนทั้ง 3 เอาไว้!
วิชากระบี่นี้ของหนิงฝาน สามารถใช้ได้ 1 ครั้งต่อวัน และยามนี้ เขาไม่ได้ใช้จู่โจม แต่ใช้ป้องกัน ซึ่งเป็นการป้องกันที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่เมื่อทะเลโลหิตเข้าปะทะ สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานถูกหลอม ทะเลสติของเขาได้รับความเสียหายร้ายแรงกระทั่งโลหิตทะลักออกจากทวารทั้ง 7!
ทั่วร่างหนิงฝานอาบโชกด้วยโลหิต แต่แววตายังหนักแน่นไม่ย่อท้อ เขาขบฟัน รั้งเอาสัมผัสกระบี่ที่เหลือเปลี่ยนให้เป็นกระบี่เล่มยักษ์ ฟาดฟันทะเลโลหิต แต่นั่นก็ทำให้ทะเลสติของตนเสียหายมากขึ้น
หนิงฝานต้านรับจากจู่โจมระลอกสองได้สำเร็จ แต่กว่าข่ายอาคมเคลื่อนย้ายจะส่งร่างของทั้งหมดไป ยังเหลือเวลาอีก 1 ลมหายใจ!
ลี่ป่านตกตะลึงอย่างที่สุด หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่กลับต้านรับทะเลโลหิตของมันได้ถึง 2 ครั้ง
“ข้าได้กล่าวแล้วว่าไม่ยอมให้เจ้าหนีไปได้! แส้มังกร!”
ลี่ป่านใช้นิ้วสัมผัสหน้าผาก แล้วดึงเอาเส้นเอ็นสีเงินที่มีอัสนีแปรบปราบออกมา
เส้นเอ็นมังกรหรือแส้นี้ ลี่ป่านได้มากจากยกระดับร่างกายจนเป็นมังกร
อานุภาพของมันทรงพลังยิ่งกว่าสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด
สมบัติวิญญาณไม่สามารถทะลวงเข้าไปในพลังมิติ แต่แส้ของมันสามารถเข้าถึงตัวหนิงฝานได้แน่นอน
“ตาย!”
เส้นแสงนับหมื่นสายกระทบพื้นดิน เสียงอัสนีฟาดผ่าดังสนั่น แส้มังกรทำลายตาของข่ายอาคมจำนวนมาก หากลดทอนพลังงานของข่ายอาคมเคลื่อนย้ายได้ หนิงฝานก็ไม่รอด
มันพยายามฟาดแส้เข้าหาหนิงฝาน เพื่อดึงเอากระเป๋าของหนิงฝานออกมา
เพราะระฆังทะเลตะวันออก ทำให้มันเป็นกังวล
แต่ก่อนที่แส้จะถึงตัว หนิงฝานนำระฆังทะเลตะวันออกออกมา เค้นปราณดั้งเดิมผสานกับปราณอสูร แล้วชกใส่ระฆังอย่างเต็มแรง
เมื่อเค้นปราณทั้งสองชนิดสุดกำลัง ผลที่ได้คือการจู่โจมที่รุนแรงเทียบเท่าขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง ทำให้ระฆังทะเลตะวันออกเปล่งอานุภาพออกมาได้ถึง 4 ใน 10 ส่วน
เสียงนั่นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง ก่อตัวเป็นระฆังขนาดใหญ่คุ้มร่างทั้ง 4 คนเอาไว้ ทำให้แส้มังกรหยุดชงัก
“อะไรกัน!” ลี่ป่านขมวดคิ้ว มันไม่รู้ว่าหนิงฝานมีสมบัติโบราณมาก่อน มันคิดว่าหนิงฝานมีเพียงสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แต่นี่… ระฆังทองนั่นทำให้มันหวาดกลัว แส้มังกรของมันก็ไม่อาจขยับ
เหตุที่แส้มังกรและตัวมันไม่อาจขยับ ไม่ได้เป็นเพราะวิชาตรึงร่าง แต่เป็นเพราะกลิ่นอายที่ระฆังทองแผ่ออกมา ที่ทำให้มันหวาดกลัว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมากลับทำให้มันโกรธแค้นอย่างที่สุด
ที่หน้าผากของหนิงฝานปรากฏดาราอัสนี ก่อนที่เงากระบี่สายหนึ่งจะออกมาจากดาราอัสนี ตัดแส้ของมันจนขาดสะบั้น
แส้นี้เกิดจากพลังของมังกรอัสนีโบราณ เสริมด้วยอำนาจโลหิตของมัน
แต่ด้วยกระบี่แยกสวรรค์ แส้ของมันกลับถูกตัดขาดเป็นสองท่อน
กระบี่เล่มนั้นทั้งรวดเร็วและแหลมคมอย่างที่สุด จนมันไม่อาจตอบสนองได้ทัน
เมื่อได้สติ มันเร่งถอนแส้ที่เหลือเพียงครึ่งกลับ
ส่วนอีกครึ่งอยู่กับหนิงฝาน
แส้มังกรคือพลัง ปราณและสมบัติวิญญาณไม่อาจทำลายได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำลายได้คือ อาวุธเทพโบราณ!
เช่นนั้น กระบี่เล่มที่ตัดแส้มังกรของมัน สมควรเป็นอาวุธเทพโบราณ! แต่อาวุธเทพโบราณนั้นแฝงด้วยดารามากกว่า 1 ดวง แต่ที่ทำให้มันแทบคลั่ง คือหนึ่งในดาราที่อยู่ในกระบี่ มาจากโลหะดาราโบราณที่มันมอบให้กับอสูรสิงโตไป
แส้มังกรของมัน ถูกสะบั้นด้วยโลหะดาราของมัน!
“บัดซบ!”
มันจ้องมองหนิงฝานด้วยความโกรธ หนิงฝานก็มองมันแบบนั้นเช่นกัน!
จากสายตาของหนิงฝาน ไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย
และในชั่วลมหายใจนั้น ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเปล่งแสงเจิดจ้า ร่างของคนทั้งหมดหายไป เหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่า
เพียงแต่เสียงของหนิงฝานยังสะท้อนก้องอยู่ในใต้ดิน พร้อมกับเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัว จนทำให้ลี่ป่านสั่นสะท้าน
“ลี่ป่าน… วันนี้ข้าสะบั้นแส้ของเจ้า วันข้างหน้าหากได้พบกัน ข้าจะสะบั้นชีวิตของเจ้า!”
มันคาดไม่ถึงว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่มันมองเป็นเพียงมดปลวก จะหลุดรอดจากมือมันไปได้
ทั้งยังทิ้งคำกล่าวและการกระทำที่น่าเจ็บใจกับมัน!
“ไอ้เด็กสารเลว! ข่ายอาคมถูกข้าทำลายไปไม่น้อย พลังที่ใช้ป้องกันจากพลังมิติเสียหาย ถึงเจ้าจะข้ามมิติไปได้ แต่ไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน... น่าเสียดายที่ระฆังนั่นจะต้องหลับไหลอยู่ในมิติ ส่วนแส้มังกร คงต้องฝึกฝนอีกอย่างน้อย 100 ปีถึงจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้...”
แม้หนิงฝานจะตาย แต่การที่มันทุ่มพลังไม่น้อยในการสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ทั้งยังสูญเสียแส้มังกรไป นับว่าได้ไม่คุ้มเสีย
แต่อย่างน้อย ก็ทำให้ความเคียดแค้นของมันคลายลงไปได้บ้าง
แต่ในขณะนั้นเอง หางตาของลี่ป่านกลับเห็นลำแสงหลายสายกำลังพุ่งตรงมา ทำให้มันขมวดคิ้วแน่น
“ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณของมนุษย์กัดไม่ปล่อยจริงๆ… ช่างเถอะ ยังไงซะข้าก็ยกระดับเป็นมังกรได้สำเร็จ สมควรหยุดการจู่โจมได้แล้ว ถ้ากลับไปโลกอสูร องค์ราชาคงพอใจในตัวข้า”
ลี่ป่านมองผู้เชี่ยวชาญที่มาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะหนีไปอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ รังของอสูรทางตอนเหนือของแคว้นจิน เหลือเพียงซากร่างของอสูรกองเป็นพะเนิน แต่นั่นไม่ได้สลักสำคัญอันใดกับลี่ป่าน
ทางด้านหนิงฝาน แม้จะบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังไม่มีพลังป้องกันพลังมิติ แต่เขามีระฆังทะเลตะวันออก ย่อมต้องเดินทางได้ถึงแคว้นทะเลอย่างปลอดภัย...