ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0059
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0061

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0060


ตอนที่ 60 : เทียบเชิญจากองค์หญิง

ฉินหยุนนอนหลับอย่างเต็มที่ หลังตื่นขึ้นจึงพบว่ามีข้อความทิ้งไว้บนโต๊ะที่ห้องโถง เป็นหยางฉีเย่ว์เขียนไว้ นางบอกว่าจะไปที่ลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นก่อน

หลังอ่านข้อความเรียบร้อยเขาพลันเกิดแรงใจในการสู้ทะยาน “ครั้งนี้ต้องเข้าถึงสิบอันดับแรกให้ได้ เราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อคว้าอันดับหนึ่งมาครอง”

“อาจารย์ไม่สามารถอยู่ปกป้องเราตลอดไปได้ แถมเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์ ไม่ช้าอาจารย์ต้องจากไปแน่”

ฉินหยุนกล้ายืนยันว่าหยางฉีเย่ว์ยิ่งมายิ่งมีความกังวลหนักอึ้งตั้งแต่กลับจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และนางก็พยายามอย่างยิ่งที่จะปกปิดเอาไว้

เขาเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังโรงฝึกมังกรซ่อนเร้นพร้อมท้าประลองโดยทันที

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เป็นผลให้คนไม่น้อยคิดโน่นนี่นั่น และตอนนี้ผู้เข้าร่วมนามแฝง “นักล่ามังกร” ได้กลับมาท้าประลองอีกครั้งหนึ่ง เรื่องราวถูกแพร่กระจายออกอย่างรวดเร็ว!

ฉินหยุนยืนรออยู่บนลานประลอง รอให้คู่ต่อสู้ของเขามาถึง

มีผู้คนไม่น้อยให้ความสนใจจากรอบด้าน ทว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ ราวกับพวกเขาเกรงกลัวเจตจิตต่อสู้อันแรงกล้าของเขา

ชั่วขณะนี้เอง ชายชราผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งพ่ายแพ้แก่เขาไปได้เดินเข้าหา

“คุณผู้ชาย สิ่งนี้คือเทียบเชิญจากนายหญิง!” ผู้เฒ่าหมาป่าส่งมอบจดหมายให้แก่ฉินหยุนด้วยความนอบน้อม

ฉินหยุนพลันตระหนัก ผู้เฒ่าหมาป่าคนนี้ที่มีพละกำลังยอดเยี่ยมกลับมีนายเหนือ

หลังเปิดจดหมายอ่าน เขาจึงได้เห็นอักษรลายมือที่งดงาม

ประเด็นหลักกล่าวถึงความแข็งแกร่งของเขา นางต้องการจ้างวานเขาให้เป็นองครักษ์คุ้มกันส่วนตัวหรืออะไรทำนองนั้น และค่าตอบแทนก็มหาศาลไม่น้อย

ลงท้ายจดหมายด้วยนามของผู้เขียน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

เขาหันมองชายชราและกล่าวเสียงลำบากใจ “ข้ายินดีที่นายหญิงของท่านมีเมตตาเพียงนี้!”

ด้วยอายุยังเยาว์ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีพลังถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว ถึงตอนนี้นางพยายามคัดเลือกคนมีฝีมือเพื่อเพิ่มพูนพลังอำนาจ หลายคนต่างปรารถนาจะติดตามนาง ทว่าฉินหยุนเลือกปฏิเสธ

เรื่องนี้ทำชายชราประหลาดใจไม่น้อยทั้งยังกล่าวเสริม “โปรดพิจารณาให้ดี โอกาสนี้ไม่ได้มีกันง่าย!”

ฉินหยุนเพียงพยักหน้ารับไม่ได้กล่าวคำใดเพิ่มเติมอีก

ไม่นานหลังชายชราเดินจากไป เด็กหนุ่มหล่อเหลาในชุดขาวก็เดินเข้ามา ท่าทีทั้งเย็นเยือกและมีออร่าทะนงตนเปี่ยมล้น

บุคคลผู้นี้คือองค์ชายอันดับที่สองของเทียนฉิน ฉินเฟิง!

ฉินหยุนจำฉินเฟิงได้ทันทีตั้งแต่ที่เห็น

“เจ้าได้อ่านจดหมายแล้ว เหตุใดจึงไม่ตอบรับนาง? จงรีบปฏิญาณตนกับนาง!” ทันทีเมื่อฉินเฟิงเข้าถึงตรงหน้า เสียงนี้เปี่ยมด้วยโทสะขณะปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟัน

“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? แล้วทำไมข้าต้องโง่ตกปากรับคำ?” ฉินหยุนหาได้หวั่นเกรงขณะพูดเสียงแหบห้าวและเบา

ตามปกติ ฉินเฟิงคือผู้สูงศักดิ์และแข็งแกร่ง กระทั่งเป็นบุคคลฐานะเดียวกับเขายังไม่กล้าเผยท่าทีเช่นนี้ต่อเขา

โดยทันที ความโกรธแค้นคล้ายพุ่งสูงขณะยกมือขึ้นเตรียมต่อยเข้าที่หน้ากากของฉินหยุน

ฉินหยุนพลันยกมือขึ้นและคว้าข้อมือของฉินเฟิงเอาไว้ราวหมาป่าขย้ำ และแทบทันที เขาโคจรพลังภายในอัคคีทรงพลังด้วยความเร็วสูงยิ่ง

ฉินเฟิงแตกตื่น เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีพลังภายในแกร่งกล้าเพียงนี้ เขาเพียงรู้สึกเหมือนความร้อนมันทิ่มแทงกระดูกโดยเริ่มต้นที่ข้อมือ และขณะที่เขากำลังคิดจะต่อต้านนั้นเอง...

“หยุด!” เสียงชายชราดังขึ้นด้วยความโกรธ ฉับพลันที่เสียงนี้ดังเป็นผลให้ทั้งสองต้องสั่นไหว

“เขาเป็นฝ่ายลงมือก่อน!” ฉินหยุนกล่าวลุ่มลึก ไม่กล่าวช้าหรือว่าเร็วเกินไป

ชายชราเผยเสียงเย็น เขามองที่ฉินเฟิงและกล่าวยะเยือก “ฉินเฟิงกระทำการขัดต่อกฎ ตกจากอันดับสามสู่อันดับสี่”

ความแค้นของฉินเฟิงทะลักภายในใจ ทว่าเขาไม่กล้ากล่าวอื่นใด ข้อมือของเขากำลังมีควันลอยออก มันคือบริเวณที่ฉินหยุนเพิ่งคว้าเอาไว้เมื่อครู่ เนื้อกลายเป็นสีแดงคล้ายโดนเผาไหม้จนสามารถหลุดร่อนออก

เขาบาดเจ็บรุนแรงไม่น้อย ทว่าทำได้เพียงกัดฟัน จ้องมองฉินหยุนอย่างกราดเกรี้ยวก่อนจากไปอย่างโทสะสุมอยู่ในใจไม่อาจระบาย!

ทุกคนต่างหวาดเกรง พวกเขาไม่นึกว่าชายหน้ากากจะอุกอาจถึงเพียงนี้ เขากระทั่งกล้าท้าทายองค์ชายอันดับสองฉินเฟิงแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน!

คู่ประลองของฉินหยุนมาถึง แม้พละกำลังไม่เลวแต่ก็ยังอ่อนแอ หลังเขาผ่านการฝึกฝนเข้มข้นมาหลายวัน

เขาเพียงใช้ฝ่ามือพันอาชาก็จัดการอีกฝ่ายลงได้

“นักล่ามังกรชนะ อันดับขึ้นเป็นเก้าสิบห้า!”

บุคคลซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าสามารถเลื่อนอันดับได้ถึงห้าในคราเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่คล้ายแบกรับแรงกดดันแต่อย่างใด คู่ต่อสู้ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับหกแทบไม่อาจสัมผัสตัว!

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ผู้คนยิ่งมายิ่งมากอยากทราบตัวตนเขา หลังชนะศึกแรก เขาก็เริ่มอีกหนึ่งศึกอย่างไม่ขาดตอน

“นักล่ามังกรชนะ... อันดับที่เก้าสิบ!”

“นักล่ามังกรชนะ... อันดับที่แปดสิบห้า!”

ฉินหยุนจะสู้ราวเจ็ดหรือแปดรอบต่อวัน จนกระทั่งถึงอันดับที่หกสิบแล้ว ความเร็วการทะยานนี้สูงล้ำยิ่ง!

แม้กระทั่งฟ้ามืดแล้ว เขาก็ยังคงท้าประลองอย่างต่อเนื่อง ราวกับเขาต้องการเข้าถึงสิบอันดับแรกให้ได้โดยไม่พัก!

ฉินเฟิงและผู้อื่นที่ห้องรับรองแขกพิเศษ กำลังรับชมฉินหยุนต่อสู้อยู่ด้านล่าง พวกเขารู้สึกรังเกียจเปี่ยมล้นในหัวใจ ในสายตาพวกเขา นอกเหนือจากสิบอันดับแรกล้วนแล้วแต่เป็นขยะ เป็นธรรมดาที่คนเหล่านั้นจะพ่ายแพ้

“ไอ้สารเลวนั่น ข้าต้องสั่งสอนมันสักบทเรียนให้ได้” ฉินเฟิงมองข้อมือตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงเขาโดนอาการหนักหนา เขายังถึงขั้นเสียหน้า

“เจ้าปกติใจเย็นจะตาย ทำไมถึงกล้าเคลื่อนไหวแบบนั้นได้กัน” เย่เสินเหล่ยกล่าวทั้งยิ้มที่ใบหน้า รอยยิ้มนี้คล้ายยินดียิ่งขัดกับคำพูดนัก

เป็นเพราะฝ่าฝืนกฎ ฉินเฟิงจากอันดับสามจึงล่วงหล่นไปแทนที่เย่เสินเหล่ยที่อันดับสี่ โดยที่ไม่ต้องเสียแรงต่อสู้อันใดด้วยซ้ำ

ฉินเฟิงแค่นเสียง “ใครกันจะคิดว่ามันกล้าปฏิเสธเย่ว์เหม่ย? เรื่องนี้ทำเย่ว์เหม่ยโกรธมาก ข้าเลยคิดอยากสั่งสอนมันสักบทเรียนให้นาง”

ชี่เสวี้ยพลันเอ่ยคำ “ข้ากำลังจะท้าชี่เม่ยเหลียนประลอง ข้าคิดอยากเลื่อนขึ้นเป็นอับดับหก”

ปัจจุบันนางอยู่อันดับที่เจ็ดของสิบอันดับแรก นางคิดอยากก้าวขึ้นสู่อันดับที่สูงกว่านี้

ทุกคนในการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นต่างทราบข่าวคราวเรื่องชี่เสวี้ยอย่างรวดเร็ว อันดับเจ็ดกำลังท้าทายอันดับหกอย่างชี่เม่ยเหลียน!

ผู้ฝึกตนวัยเยาว์สองคนในสิบอันดับแรกในที่สุดก็เคลื่อนไหวหลังผ่านมานานยิ่ง

เพราะเรื่องนี้เป็นผลให้ทั้งโรงฝึกมังกรซ่อนเร้นพลันฮือฮา ผู้คนเอาแต่คุยกันเรื่องศึกระหว่างเด็กสาวทั้งสอง!

ฉินหยุนชนะอีกศึกขณะเดินลงจากลานประลอง ข่าวคราวนี้เข้าหูเขาเช่นกัน เป็นผลให้เขาคิดกับตนเอง “ชี่เสวี้ยและชี่เม่ยเหลียนต่างก็มาจากเทียนชี่ พวกนางน่าจะเกิดจากแม่คนละคน ความสัมพันธ์คงไม่ดีสักเท่าใดนัก”

เขาทวนคำ “ชี่เม่ยเหลียน” ในใจขณะรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นเคยนัก

“อย่าบอกนะว่าเป็นนาง!”

ครั้งฉินหยุนยังเยาว์ เขาเคยรวมทางกับจักรพรรดิไปยังประเทศต่าง ๆ ก่อนไปเยือนจักรวรรดิเทียนชี่ ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุไม่กี่ปี และชี่เม่ยเหลียนก็เป็นหนึ่งในคนที่ฝากฝังความประทับใจแก่เขาแรงกล้ายามเมื่อไปถึงจักรวรรดิเทียนชี่

ประเด็นหลักคือนางน่ารักงดงามยิ่ง ทั้งยังใจดีเหลือล้น ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉินหยุนแทบหลงหัวปักหัวปำ ชี่เม่ยเหลียนครั้งนั้นก็เป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ใช่น้อยเช่นกัน

เขาไม่ทราบว่าความทรงจำวัยเด็กนี้ถูกต้องหรือไม่ อย่างไรแล้วตอนนี้เขาก็เป็นชายที่โลกเย็นชาใส่ ทั้งยังถูกรายล้อมด้วยเจตนาชั่วร้ายรอบด้านไม่มีหยุดหย่อน

การประลองระหว่างชี่เสวี้ยกับชี่เม่ยเหลียนใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทั้งสองมาถึงลานประลองยุทธ์แล้ว

ชี่เสวี้ยสวมใส่ชุดสีแดงรัดรูป แม้นางงดงาม แต่นางคล้ายยังขาดแรงดึงดูดทางวิญญาณ

ในสายตาฉินหยุน นางดูธรรมดา ตอนนี้เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าหญิงแห่งเทียนชี่ผู้ซึ่งทำให้เมิ่งเฟยหลิงโกรธเคืองในตำหนักจารึกเทวะก็คือชี่เสวี้ย

ชี่เม่ยเหลียนสวมใส่ชุดกระโปรงรัดรูปเต็มตัว สีสันทั้งชมพูและขาวที่ดูเรียบง่ายกลับทำให้นางดูสง่างามเหลือเชื่อ นี่เป็นเด็กสาวที่งดงามราวหยกแก้วผู้หนึ่ง

ใบหน้ากลมรูปไข่ของนางประกอบด้วยดวงตากระจ่างใส ยิ่งทำให้นางดูใสซื่อ นางคล้ายน้องสาวตัวน้อยที่หากใครเห็นก็ต้องหลงรัก

“เสี่ยวเม่ยเหลียนไม่เปลี่ยนไปเลย!” ฉินหยุนไม่ทราบว่าทำไม แต่หลังได้เห็นชี่เม่ยเหลียน เขากลับรู้สึกยินดีนัก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด