ตอนที่ 38 งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ [อ่านฟรี]
ตอนที่ 38 งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์
ภายในถ้ำ หลินหานหลับตาอยู่ แล้วยืนอยู่ด้านหน้าก้อนหินขนาดใหญ่
ในครานี้ เขาได้ลืมตาขึ้น
"บูม"
สสารถ่องแท้ที่น่าสะพรึงกลัวกระหน่ำออกจากจุดตันเถียน หลั่งไหลออกมา แล้วเข้าไปในแขนข้างหนึ่งของหลินหาน
ฮู!
เกือบจะในขณะนั้น แขนทั้งแขนของเขาขยายตัวมากกว่าสองเท่า ชุดสีเขียวปริขาด กล้ามเนื้อผุดขึ้นเป็นมัดมัด แขนเป็นสีเขียวเข้ม
แขนทั้งหมดเฉกเช่นเทด้วยเหล็กหลอมเหลว ทั้งเย็นเยียบและแข็งกล้า!
"กรงเล็บมังกรคราม!"
หลินหานตะโกนเสียงดังในทันใด เขาเขาโบก "แขนมังกร" และตบก้อนหินยักษ์ด้านหน้าตัวเองทันที
"ตู้มมมม"
เสียงตูมตามขนาดใหญ่ดังขึ้น แขนเป็นสีเขียวสลัวจนจรดปลาย ฝ่ามือราวกับกรงเล็บมังกร แข็งแรงและทรงพลัง ระเบิดหินก้อนใหญ่ให้กลายเป็นก้อนเล็กๆโปรยปราย
"ทรงพลังอย่างน่ากลัว! ทั้งที่พึ่งตระหนักได้ถึงระดับออณูสัมฤทธิ์เท่านั้น"
เมื่อดูภาพนี้ หลินหานเองก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นๆ
หากกรงเล็บนี้โจมตีลงไป เกรงว่าต่อให้เป็นผู้มีฝีมือในยุ่ทธิ์ฉะสวรรค์ขั้นก่อเกิด ก็จะถูกฆ่าตายเพราะตัวเขาทันที
แต่ทว่า แค่การโจมตีเท่านี้ กลับทำให้หลินหานสิ้นเปลืองสสารถ่องแท้ในร่างกายถึ1ใน3ส่วนในพริบตา
ถ้าเป็นจอมยุทย์ทั่วไป เกรงว่าจะสิ้นเปลืองสสารถ่องแท้ยิ่งกว่านี้
ในเรื่องนี้ หลินหานแอบรู้สึกกลัวอย่างในใจ แต่แล้วจู่ๆเขาก็มีความคิดที่บ้าบิ่น
ถ้ากระตุ้นกายาจักรพรรดิมังกรไปด้วย ภายใต้สภาวะที่สามารถเพิ่มความพลังต่อสู้ได้สามเท่า แล้วค่อยโจมตีด้วย"กรงเล็บมังกรคราม" ไม่รู้ว่าจะสามารถต่อสู้กับยุทย์ฉะสวรรค์ขั้นสูงสุดได้หรือเปล่า หรือกระทั่งการปะทะกับปรมาจารย์ยุทย์
อย่างไรก็ตาม หลินหานยังไม่มีความกล้าที่จะลองความคิดที่บ้าบิ่นนี้
เพราะหากกระตุ้นกายาจักรพรรดิมังกรแล้วโจมตีสังหารด้วย "กรงเล็บมังกรคราม" กลัวว่าต่อให้มีพลังมังกรและสสารถ่องแท้ในร่างกายตัวเองมากมายเพียงใด เมื่อถึงตอนนั้นจะถูกใช้หมดไปในพริบตา
กายาจักรพรรดิมังกร และวิชายุทย์กึ่งสูงสุดอย่าง"กรงเล็บมังกรคราม" ซึ่งเป็นไพ่ตายในมือสองใบ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นอาวุธสังหารที่เกร่งที่สุดของหลินหานในตอนนี้
แม้ว่าเส้นทางนักพรตวิญญาณจะเป็นความลับ แต่ขอบเขตในปัจจุบันยังต่ำเกินไป ไม่สามารถปลดปล่อยพลังสังหารที่รุนแรงอะไรได้ อย่างมากสุดก็เป็นแค่พลังช่วยเสริมเท่านั้น
เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้ หลินหานจึงดึงดาบสนิมออกมา
สำหรับหลินหาน วิถีดาบก็เป็นอาวุธสังหารที่รุนแรง อีกอย่าง มันสิ้นเปลืองสสารถ่องแท้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชากระบี่ปลิดชีพสังหารมีระดับสูงเกินไป มันเป็นวิชายุทย์ขั้นสูงสุดโดยแท้จริง 2วันมานี้หลินหานใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความเข้าใจกรงเล็บมังกรคราม ส่วนเคล็ดวิชากระบี่ปลิดชีพสังหาร หลินหานพึ่งจะเข้าใจในระดับที่สอง นั่นคือ "รูปแบบเฉือนตัดนภา"
ทว่า แค่เมื่อครู่ก็สิ้นเปลืองพลังวิญญาณจำนวนมาก ในที่สุดหลินหานเริ่มใช้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง มาวิเคราะห์ส่วนที่เหลือของเคล็ดวิชากระบี่ปลิดชีพสังหาร
ดาบรูปแบบที่สี่ "รูปแบบขยี้นภา" เมื่อใดที่สามารถตระหนักเข้าใจได้ มันจะระเบิดพลังสะเทือนท้องฟ้าได้อย่างแน่นอน
จากเนื้อหาที่ได้วิเคราะห์ จึงทราบว่าเคล็ดวิชากระบี่ปลิดชีพสังหารรูปแบบที่สี่ แทบจะเป็นข่ายความคิดแห่งวิชาดาบที่แท้จริง
ในเวลานี้ หลินหานเพ่งจิตมองไปที่จุดตันเถียน ที่นั่น มีหม้อหลอมลวงตาหนึ่งซึ่งกำลังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบทุกเวลาทุกนาที เพื่อนำมาให้เขาใช้ต่อ
นับตั้งแต่การกลั่นเลือดมังกรหยดนั้น หลินหานก็ได้รับความสามารถในการเพิ่มความเร็วในการดูดกลืนถึงสามเท่า
ดังนั้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาจึงเร็วกว่าปกติถึงสามเท่า
เวลาเพียงสองวัน แต่หลินหานที่อยู่ที่นี่ กลับสามารถฝึกตนเทียบเท่าการฝึกตนหกวันเต็มๆ
นี่จึงทำให้สสารถ่องแท้ในของเขาเพิ่มพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะถึงจุดสูงสุดของยุทย์ปัญจสวรรค์ขั้นสูงสุด อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็สามารถก้าวข้ามสู่ยุทย์ฉะสวรรค์
“ด้วยพลังและทักษะของข้าในปัจจุบัน ต่อให้เทียบกับคนในทำเนียบภายในก็น่าจะเป็นตัวตนอันดับต้นๆ หากได้ประจัญหน้ากับหลินต้วนเจี้ยนผู้นั้น คงทำให้อีกฝ่ายเลือดสาดบนสังเวียนเป็นตายได้บ้าง!” หลินหานครุ่นคิดอย่างเงียบบๆ ดวงตาเผยเศษเสี้ยวจิตสังหาร
การถูกดูหมิ่นในวันนั้น เขายังจดจำฝังใจถึงวันนี้
ในวันนั้น ในสายตาของหลินต้วนเจี้ยนมองเขาเป็นดั่งมดก็ไม่ปาน อยากจะฆ่าก็ฆ่า อยากจะปล่อยก็ปล่อย
แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
การโดนเหยียดหยาม ไม่ใช่สิ่งที่พึงหวังอีกต่อไป
"รรรรรรรรร!"
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีเสียงร้องคำรามดังมาจากข้างนอก ทำให้หลินหานสื่อสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
สัตว์อสูรราชาของป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียน จระเข้โบราณตนนั้น หลายวันมานี้มันไม่มีความตั้งใจที่จะจากไปเลย ดูเหมือนมันตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่นี่จริงๆ
สิ่งนี้ทำให้หลินหานกร่นด่าจากในหัวใจของเขา
"วันนี้เป็นวันที่งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ของทำเนียบภายในจะเริ่มขึ้น แต่ข้าถูกอสูรร้ายที่น่าเกลียดบีบคั้นจนต้องมาหลบอยู่ในถ้ำมืดไร้แสงตะวันแบบนี้... ไม่ได้! ข้าต้องหาวิธีออกไป งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ ข้าจะพลาดไม่ได้!"
หลินหานขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ดำดิ่งอยู่กับความคิด ...
……
ณ ตระกูลหลิน แห่งเมืองต้วนเทียน
ศิษย์ทั้งทำเนียบภายในและทำเนียบภายนอกต่างพาตื่นเต้นดีใจ
เพราะวันนี้มันเป็นวันที่งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์อันยิ่งใหญ่ที่สุดจะเริ่มต้นขึ้น
งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ แม้นจะเรียกเป็นงานเลี้ยงน้ำชา แต่ทุกคนรู้ว่านี่เป็นวันที่เหล่าศิษย์อัจฉริยะของทำเทียบภายใจจะแลกเลือดกัน
ศิษย์ทำเนียบภายนอกที่เข้ารอบ 25คนสุดท้ายต่างตั้งหน้าตั้งตารอ หมายมั่นที่จะชิงตำแหน่งศิษย์ทำเนียบภายใน 50 ที่นั่ง
หากประสบความสำเร็จ นั่นหมายถึง ตำแหน่งของเจ้าในตระกูลจะสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เงินตรา อำนาจ สถานะ ... ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนแปลง
ณ สังเวียนเป็นตายของศิษย์ทำเนียบภายใน
ด้านหน้า มีคนใหญ่คนโตและระดับสูงของตระกูลจำนวนมากมาร่วมชม
ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมตัวใหญ่ ร่างกายสูงล่ำกำยำ ดวงตาเปล่งบารมี นั่งตรงที่ใจกลาง มองบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่าง ราวกับตัวเองเป็นองค์กษัตริย์
ส่วนเบื้องหน้าสังเวียนเป็นตาย มีบรรดาศิษย์ภายในซึ่งเเข็งแกร่งและเก็บตัวลึกลับในยามปกติ แต่ละคนได้มายืนอยู่เป็นประจักษ์แก่คนในตระกูลนับไม่ถ้วน
อย่างเช่น หลินกู่เทียนผู้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายใน และเป็น"หนึ่งในห้าผยอง"แห่งเมืองต้วนเทียน หลินยู่ศิษย์อันดับสอง หลินต้วนเจี้ยนศิษย์อันดับสาม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อบรรยากาศของงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์เริ่มเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีคนมากมายพูดบ่นพึมพำ
"เจ้าหลินหานนั่น ทำไมยังไม่มาอีก?" หลินหรูเหยียนผู้มีรุปโฉมสง่างาม แต่ในเวลานี้ดวงตาคู่งามกวาดมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
"คิดไม่ถึงว่าหลินหานจะไม่มา?" ด้านหน้าสังเวียนเป็นตาย หลินต้วนเจี้ยนมองหาร่างของหลินหานไม่เจอ จึงเผยให้เห็นความชั่วร้ายในดวงตา "เจ้าหนูนั่น คงไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกข้าฆ่าหรอกนะ เลยหนีออกจากตระกูลไปแล้ว? ถ้ารู้อย่างงี้ ฆ่าทิ้งตั้งแต่วันนั้นก็แล้วไป! "
ในเวลานี้ ทางด้านของบรรดาศิษย์ทำเนียบภายนอก
ศิษย์ทั้งหลายที่มีอันดับต้นๆ อย่าง หลินเทียน หลินซา หลินเหยียน ต่างเผยสีหน้ากังวลเล็กน้อย
หลินหานไม่มาทำให้พวกเขารู้สึกกระสับกระส่าย
ท้ายที่สุดแล้ว หลินหานได้กลายเป็นเสาหลักและความเชื่อทางจิตวิญญาณในหัวใจของเหล่าศิษย์ทำเนียบภายนอก ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ครั้งนี้ ศิษย์ทำเทียบภายนอกทุกคนประหนึ่งรับการโจมตีอย่างใหญ่หลวง
หนีไปโดยไม่ต่อสู้?
หลายคนส่ายหัว
พวกเขาชัดเจนว่าหลินหานไม่ใช่คนเช่นนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินเหยียน เขารู้ว่าหลินหานเป็นบุคคลประเภทที่ "ยอมหักไม่ยอมงอ" จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีไป
“หลินซา เจ้าไปดูยังสถานที่อยู่ของสหายหลินหานหน่อย จะต้องหาเขาให้เจอ” หลินเหยียนนพูดกับชายที่มีใบหน้าเย็นชาซึ่งอยู่ด้านข้างเขา
"ขอรับ!"
หลินซาพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป
นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ต่อหลินหานในหนึ่งการโจมตีตอนที่ไปลงทะเบียน แถมหลินหานยังเป็นตำนานที่ไร้พ่ายในทำเนียบภายนอก ทำให้ในหัวใจของหลินซาหมดสิ้นความโกรธความเกลียด จะมีก็แต่ ความนับถือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่ลั่วเฟยหยุนผู้เป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลผู้นำมาทำร้ายศิษย์ทำเนียบภายนอกจำนวนมาก แต่พอหลินหานมาถึง เขาก็แข็งแกร่งอย่างกำแหง บีบคั้นจนลั่วเฟยหยุนต้องชดใช้ต่อหน้าทุกคน
สิ่งนี้ทำให้ใจของหลินซาเต็มไปด้วยความนับถือต่อหลินหาน และเเฝงด้วยความชื่นชมและความเคารพ
ในความเป็นจริง อย่าว่าแต่หลินซาเลย แม้แต่ศิษย์ทำเนียบภายนอกคนอื่นๆต่างถูกหลินหานทำให้ยอมจำนน ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแกร่งหรือนิสัยใจคอ
ในเวลานี้ คนที่กระหยิ่มยิ้มย่องที่สุด น่าจะบรรพบุรุษชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาดุร้าย นั่งอยู่เก้าอี้ระดับสูงของตระกูลซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เขาคือหลินป้าเตา
"เจ้าสวะหลินหานนั่น คงตายอยู่ในปากของสัตว์อสูรแห่งราชาตนนั้นไปแล้ว การที่เจ้านั่นมาอยู่ที่นี่ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจ... " สายตาของหลินป้าเตาเย็นชา ยิ้มแย้มอย่างมุ่งร้าย
"ทำไมหลินหานยังไม่มาอีก" ที่นั่งชั้นบนสำหรับระดับสูงของตระกูล มีอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังประหลาดใจจากการที่หลินหานไม่มา
บุคคลนั้น เป็นผู้อาวุโสที่เป็นพิธีกรในงานประลองของศิษย์ทำเนียบภายนอก
ยามนี้ ดวงตาของเขาเผยความสงสัย "หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลง? ถ้าเขามา เขาอาจจะคว้าอันดับหนึ่งในสาม ... "
......
ภายในถ้ำที่อยู่ในหุบแขาของป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียน
หลินหานกำลังครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาหนทางที่จะหนีไป