บทที่ 200 - เห็นฉันไหมล่ะ? (1) [10-09-2019]
บทที่ 200 - เห็นฉันไหมล่ะ? (1)
พอยูอิลฮานได้ใช้ป้อมปราการลอยฟ้ากวาดล้างฝูงมอนสเตอร์บินได้รอบแรกไปแล้วในที่สุดท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใสขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลังจากที่ป้อมปราการลอยฟ้าลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ 4 วัน
"เดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปสักสัปดาห์"
[อย่ามาพูดอะไรที่ทำให้หมดแรงสิทั้งๆที่นายเพิ่มจะทำอะไรที่น่าเหลือเชื่อลงไป]
"ทำไมล่ะ? การมีทัพเสริมของมอนสเตอร์เข้ามาเรื่อยๆมันดีกว่าการที่จู่ๆมอนสเตอร์ก็หายไปนะ"
[ฉันเข้าใจแล้วน่าว่าการฆ่ามอนสเตอร์สำหรับนายมันเหมือนการย่างเนื้อ...]
แน่นอนเนื่องจากป้อมปราการลอยฟ้าก็ถูกนับเป็นอุปกรณ์ของยูอิลฮาน หากเขาไม่ต้องการจะเจอกับมอนสเตอร์เขาก็แค่ใช้สกิลซ่อนเร้นกับป้อมปราการก็ได้ แต่เขาไม่ทำ ทำไมเขาจะต้องทำแบบนั้นล่ะในเมื่อมอนสเตอร์คือค่าประสบการณ์
"ถ้างั้นก็ไปประเทศอื่นกันเถอะ เอาเป็นเริ่มจากญี่ปุ่นที่ใกล้ที่สุดแล้วก็ไปทัวร์ทั่วโลกกัน"
หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มอธิบายในแผนการของเขาต่อ
"ถ้านั้นหลังจากฉันจัดการทุกๆประเทศเสร็จหมดแล้ว ฉันก็จะไปจัดการทะเลต่อ หลังจากนั้นก็จัดการทั่วทั้งโลก..."
[นายกำลังจะเริ่มการฝึกแบบโดดเดี่ยวอีกแล้วสินะ?]
"ด้วยการฝึกมอนสเตอร์ก็จะทำให้การฝึกสำเร็จ ในตอนนั้นมอนสเตอร์บินก็จะเริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากฉันจัดการพวกมันไปก็จะต้องมีมอนสเตอร์บนภาคพื้นเกิดมาอีกมาก..."
[...]
หลังจากได้ยินแบบนี้เลียร่าได้ขบคิดอย่างหนัก บางทรคำพูดที่ว่าจะจัดการทุกอย่างทดแทนมนุษยชาติเจ็ดพันล้านคนที่ยูอิลฮานพูดออกมาจะไม่ได้พูดเล่น แต่เขาคิดคำนวนเอาไว้แล้ว
และแผนการของเขาก็ทำสำเร็จจริงๆ
ป้อมปราการลอยฟ้าได้ถูกออกแบบมาให้รบได้ในทุกๆสถานการณ์ ดังนั้นต่อให้มอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาจะเป็นพวกคลาส 4 แล้ว แต่ป้อมปราการลอยฟ้าก็จัดการพวกมันได้ในเวลาพร้อมๆกัน
[คุณได้รับ...]
[คุณได้รับ...]
[คุณได้รับ...]
ทุกๆที่ที่ป้อมปราการลอยฟ้าบินผ่านไป ยูอิลฮานก็จะเป็นผู้ปกครองที่แห่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า พื้นดิน หรือทะเลก็ไม่อาจจะหยุดเขาได้เลย
ร้อยนัยน์ตาได้ใช้มานาของมอนสเตอร์ที่ฆ่ามาเติมเต็มพลังงาน และมอนสเตอร์ตัวไหนที่ทนการโจมตีจากร้อยนัยน์ตาได้ก็จะถูกการซุ่มโจมตีของยูอิลฮานจัดการ ยูอิลฮานไม่ค่อยชอบแบบนี้เลยสักนิด
"พอเทียบกับมอนสเตอร์ในนรกแล้วมอนสเตอร์พวกนี้มันอ่อนแอเกินไป"
[ก็นายดันไปชินกับธรรมชาติที่น่ากลัวของพวกมอนสเตอร์ในนรกแล้วไงล่ะ...]
"หืม ฉันอยากจะรู้ว่าจะมีพวกคลาส 5 เกิดมามั้งไหม?"
[ฉันเคยบอกนายแล้วไงว่าการจะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้จะต้องเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นี่นายไม่ได้ฟังฉันเลยสินะ]
แน่นอนว่าเลียร่าก็แอบคิดไปว่ามันก็มีความเป็นไปได้มากๆเช่นกันที่อาจจะมีคลาส 5 เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติได้หากเป็นที่โลกใบนี้ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดออกไป เธอกลัวว่าความคิดของเธอจะถูกเขารู้
และในเวลาเดียวกันกับที่เธอไม่ได้พูดอะไร ยูอิลฮานก็ได้สรุปแผนที่น่ากลัวออกมา
"นี่มันไม่ได้แล้ว ฉันคิดว่าฉันคงต้องลดผลงานของร้อยนัยน์ตาลงแล้ว"
[นายจะปิดการทำงาน!? นายจะบ้าไปแล้วหรอ!?]
"ก็ไม่ได้ปิดหรอกนะ ก็แค่ลดการใช้มานาของมัน ฉันมีโหมดประหยัดพลังงานที่จะใช้งานร้อยนัยน์ตาแค่ 20 อันเท่านั้นอยู่ แล้วก็มันจะป้อมกันก็แค่การโจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวิตเท่านั้น"
[โหมดประหยัดพลังงาน!? ... งั้นสินะ ป้อมปราการนี้มีทั้งการพุ่งแล้วก็ยังมีโหมดสั่นสะเทือนอีก มันคงไม่มีทางที่จะไม่มีโหมดประหยัดพลังงานอยู่แล้วนี่...]
เลียร่าได้มาถึงขอบเขตความว่างเปล่าที่ยอมรับในทุกอย่างแล้ว ต่อให้เธอไม่ใช่ทูตสวรรค์ บางทีก็อาจจะมีเส้นทางอื่นสำหรับเธอที่จะเปิดขึ้นในการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
[ก๊าซซซซซซซซ!]
[มานากำลังหายไป! กระจกเวรนั่นหายไปแล้ว!]
[พวกเราบุก! ฉีกกระชากมนุษย์มันทิ้งแล้วกินศพมัน!]
วินาทีที่การทำงานของร้อยนัยน์ตาทื่อลงไปเล็กน้อย มอนสเตอร์ทั้งหมดได้บุกเข้ามาข้างหน้าเหมือนกับรอเวลานี้มานานแล้ว ไม่ว่ามอนสเตอร์จะฉลาดแค่ไหนพวกมันก็ยังคงเป็นมอนสเตอร์! ในที่สุดแล้วอาวุธชิ้นอื่นๆที่ถูกติดตั้งเอาไว้ทั่วป้อมปราการก็ได้เริ่มใช้งานและยูอิลฮานก็ยังได้มีโอกาสในการฝึกฝนสกิลให้ไปถึงแก่นแท้จากการจัดการมอนสเตรอ์พวกนี้
"ส่งจิตวิญญาณของพวกแกมา!" (แก้จากวิญญาณที่มีความคิดเป็นจิตวิญญาณนะครับ)
[ก๊าซซซซซซซซ!]
เพื่อไปคลาส 4 สกิลที่เขาจะต้องเชี่ยวชาญก็มีสกิลยมทูต สกิลประกายเพลิง สกิลเอนชานท์วิญญาณ สกิลสั่งสมความตาย สกิลการฟื้นฟูเหนือมนุษย์ สกิลต้านทานพิษขั้นสูง และสกิลต้านทานคำสาปขั้นสูง มีทั้งหมดแล้ว 7 สกิล
บวกกับได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิงอีก เขาก็จะได้รับการเลื่อนคลาสเป็นผู้ชักนำนรก แต่ว่าเรื่องพรของเทพธิดาแห่งเพลิงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำอะไรได้เลย ดังนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยเอาไว้และตัดสินใจทำให้สกิลทั้งหมดเชี่ยวชาญก่อน
ยูอิลฮานได้แต่พยายามให้มากที่สุด
[ส่งจิตวิญญาณมาให้ข้าอีก ข้าจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเอาชนะพวกปีศาจที่อยู่ในจิตสำนึกของนายท่าน!]
"ได้ๆ กินให้หมดไปเลย! ถึงแกจะแพ้พวกมันไป 177 ครั้งในการต่อสู้ทั้ง 177 ครั้งก็ตาม แต่ในวันพรุ่งนี้แค่แกเอาชนะได้สักครั้งมันก็คือชัยชนะของแก"
[อ๊า ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าแพ้ไปกี่ครั้ง!?]
ด้วยเอกลักษณ์ของคลาสยูอิลฮาน เอนชานท์วิญญาณกับสั่งสมความตายซึ่งเป็นสกิลส่วนหนึ่งของสกิลยมทูตทำให้เลเวลมันเพิ่มขึ้นยากกว่าสกิลอื่นๆ แต่ว่าด้วยจิตวิญญาณที่ภักดีของโอโรจิเรื่องนั้นจึงไม่ยากนัก
สั่งสมความตายจะพัฒนาขึ้นอย่างมากจากการที่เขาได้รับจิตวิญญาณและยกระดับจิตวิญญาณพวกนั้น ส่วนเอนชานท์วิญญาณจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากการที่เขาทำให้จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งยอมรับและนำพวกมันมาเสริมพลัง
พอได้เห็นโอโรจิพยายามอย่างมากโดยที่เขาไม่ต้องไปกระตุ้นแล้วดูเหมือนว่าทั้งสองสกิลนั้นของเขาดูจะใกล้เชี่ยวชาญในเวลาอีกไม่นานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลมากนัก
สกิลที่ไม่มีปัญหาเลยก็คือสกิลยมทูตที่เป็นขั้นพัฒนาของสกิลซ่อนเร้น สกิลประกายเพลิงที่เป็นสกิลประจำคลาสของยมทูตประกายเพลิงก็ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน สกิลพวกนี้ยิ่งเขาใช้งานเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปเท่านั้น
แม้ว่ายิ่งสกิลเลเวลสูงจะทำให้เพิ่มเลเวลด้วยการฝึกได้ยากมากขึ้น แต่การที่เขาได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์คลาส 4 ที่มีคลาสสูงกว่าเขาทั้งนั้นทำให้มันไม่มีทางที่สกิลเขาจะไม่พัฒนาเลยแน่นอน
แต่แน่นอนเมื่อเอามอนสเตอร์บนโลกไปเทียบกับปีศาจประหลาดที่อยู่ในดันเจี้ยนนรกแล้ว พวกมอนสเตอร์บนโลกเลเวลน้อยกว่ามาก ยังไงก็ตามด้วยจำนวนที่มหาศาลที่เข้ามาตายทำให้สามารถถมช่องว่างของความห่างเลเวลได้ด้วยจำนวน
การฟื้นฟูเหลือมนุษย์ล่ะ? นี่นับเป็นสกิลที่เพิ่มเลเวลได้ง่ายที่สุดแล้ว นับตั้งแต่ที่โลกได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้พวกมอนสเตอร์ที่มีอยู่ก็มีศักยภาพในการฟื้นฟูที่เหนือกว่าพวกโทรลไปมากแล้ว และยูอิลฮานก็สามารถใช้เลือดของมอนสเตอร์พวกนั้นมาเติมพลังงานการพักผ่อนของเขาได้อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ในตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ใช้สกิลได้อย่างไร้ขีดจำกัด ปล่อยบาดแผลให้ถูกฟื้นฟูและโตกลับไปง่ายๆด้วยการใช้สกิลพลังเหนือมนุษย์ที่ยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้ว
"ฮ่าาา ฮ่าาาห์"
เลียร่าได้แต่พึมพัมออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นยูอิลฮานใช้แผนที่บ้าระห่ำแบบนี้
[จะมีใครอีกนะที่ใช้สกิลพลังเหนือมนุษย์เพื่อสร้างอาการบาดเจ็บ? โอ้ เดี๋ยวสิ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีสกิลนี้เลยนี่นา]
"ฮึ่ม!"
สกิลพลังเหนือมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะเรียนกันได้! สกิลนี้คือสกิลที่ทูตสวรรค์จะได้รับกันมาหลังจากที่คัดลอกเอาบันทึกของมอนสเตอร์ที่ถูกร่างกายของยูอิลฮานดูดเข้าไปพร้อมๆกับบันทึกของยูอิลฮาน รวมไปถึงความสำเร็จและการกระทำที่น่าทึ่งบนดลก
การที่เขาได้เชี่ยวชาญสกิลแบบนี้มันบ้ามากๆ แต่แล้วยูอิลฮานได้ใช้สกิลนี้อย่างสุดขีดความสามารถเพื่อมาทำลายทั้งกระดูกและอวัยวะภายในของเขาเพียงแค่เพื่อจะใช้สกิลการฟื้นฟูเหนือมนุษย์เพื่อฟื้นฟูคืนมา เขากำลังทำวิธีการฝึกที่บ้าระห่ำ
"ฮ่าห์... แต่ถึงแบบนั้นมันก็เยี่ยมไปเลยในเมื่อความสามารถของฉันเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ฟู่ว..."
[นายอาจจะทำลายคฤหาสน์นายได้นะ!... แล้วนี่นายไม่บาดเจ็บหรอ?]
"เจ็บโครตๆเลยล่ะ เธอจะถามทำไมล่ะ?"
ยูอิลฮานได้พูดออกมาอย่างจริงจัง แม้กระทั่งในสายตาของเลียร่าเขายังเจ็บปวดมาก ยูอิลฮานที่ตามปกติแล้วเหงื่อจะไม่เคยออกมาเลย แต่ในตอนนี้เหงื่อของเขาได้ไหลไปทั่วร่างพร้อมๆกับเลือด
นอกไปจากนี้้หากเธอฟังดีๆเธอจะได้ยินเสียงแตกหักเบาๆออกมาด้วย แค่คิดถึงสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงแบบนี้ออกมาเธอก็ตัวสั่นแล้ว
[...นายกำลังอดทนกับมันงั้นหรอ? ทนกับการที่กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกแตกละเอียดอยู่ตลอดเวลาเนี้ยนะ?]
"ถ้าฉันไม่ทนกับความเจ็บปวดที่นี่ในตอนนี้ ถ้างั้นหลังจากผ่านไปนานกว่านั้นฉันจะยิ่งเจ็บปวดหนักกว่านี้อีก ฉันจะต้องทนกับมันให้ได้ ความเจ็บปวดทางร่างกายที่ไม่ทำให้ตายมันทนได้อยู่แล้ว นี่มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางจิตใจ"
[ชู่ววว นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่านายไม่ใช่มนุษย์แล้วไงล่ะ แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ชอบนายเพราะแบบนี้แหละ!]
"ฉันก็ชอบตัวฉันเองที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน! ฮ่าห์!"
ความเจ็บปวดจากความอ้างว้างคือความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะป้องกันได้เลย ความเจ็บปวดที่ถูกเมินเฉยทั้งๆที่อยู่ต่อหน้า ยูอิลฮานจะไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว และเพราะแบบนี้เขาก็จำเป็นต้องทนกับความเจ็บปวดในตอนนี้
แน่นอนว่าผลที่ได้จากความพยายามนั้นหอมหวานอยู่เสมอ ด้วยความถูกกล้ามเนื้อของเขาได้ถูกเสริมพลังขึ้นจนเหนือกว่าขีดจำกัดอยู่ตลอดเวลาทำให้ในตอนนี้ตัวเขาทำในสิ่งที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำตามปกติไม่กล้าทำได้แล้ว
"ฮ่าาาาห์!"
[...นายน่าจะเพราะกับคลาสยักษ์จิ๋วมากกว่านะ]
ระหว่างที่เธอมองดูยูอิลฮานเหวี่ยงค้อนเธอก็พึมพัมออกมา มันไม่น่าสงสัยเลยในเมื่อค้อนที่เขาใช้อยู่คือค้อนที่มีขนาดล่มเมืองได้ ค้อนที่มีหัวค้อนกว้างกว่า 20 เมตรและมีด้ามจับยาวกว่า 30 เมตร แค่เพียงพลังกล้ามเนื้อของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำลายมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าของเขาได้หมดแล้ว
หลังจากกวาดค้อนไปแล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกเลย
"กวาดล้างจบแล้ว!"
[ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว]
"เจ้าพวกนี้นี่ พวกมันเข้ามาหาฉันเหมือนเด็กถึงเวลาอาหารกลางวันเลยแหะ"
[งั้นอิลฮาน นายก็มีช่วงเวลาน่ารักแบบนั้นด้วยหรอ?]
"แน่นอนว่าฉันอ่านแค่หนังสือในห้องเรียนในตอนที่ไม่มีใครอยู่ พอมาคิดดูแล้วในตอนนั้นมีผู้หญิงคนนึงจะมานั่งทับฉันด้วยเพราะเธอคิดว่าไม่มีใครนั่งอยู่ นั่นก็เป็นความทรงจำที่ดีเลยนะ"
[...]
พอเห็นมอนสเตอร์กรูกันเข้ามาในที่ว่างที่เขาเพิ่งจะสร้างขึ้นเมื่อตะกี้ ยูอิลฮานก็ได้จับด้ามค้อนแน่นและเหวี่ยงไปทั่วด้วยพลังแขนที่มหาศาลของเขา ด้วยการเหวี่ยงค้อนที่รวดเร็วและองศาที่แปลกประหลาดทำให้แค่คลื่นพลังก็ทำให้พวกมอนสเตอร์ร่างกายแหลกแล้ว
[ก๊า!?]
[ก๊าซซซซซซซ!]
เขาได้ใช้เอจิสที่กำลังลอยอยู่เป็นที่วางเท้าใช้หมุนอย่างไม่จบสิ้น! และด้วยประกายเพลิงที่อยู่บนหัวค้อนทำให้เกิดพายุเพลิงขึ้นทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเพลิงหรือค้อนที่หมุนอยู่ของเขาสำหรับมอนสเตอร์แล้วของพวกนี้ไม่ต่างจากประตูนรกสำหรับพวกมันเลย
ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือเอจิสก็กำลังเคลื่อนที่ทำให้พายุเพลิงขยับไปตามความต้องการของเขา
"ไปเลยพายุนรก!"
[ชื่ออะไรล่ะนั่น!?]
ค้อนที่เขาเหวี่ยงอยู่ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากค้อนสายฟ้า หลังจากที่เขาได้เชี่ยวชาญสกิลพลังเหนือมนุษย์ เขาก็ได้เปลื่ยนวัสดุของค้อนเพื่อเพิ่มน้ำหนักและขนาดของมันเป็นสิบเท้าตามการเพิ่มขึ้นของพละกำลังเขา! แน่นอนว่าด้วยการเปลื่ยนวัสดุและปรับแต่งทำให้ค้อนเลื่อนขั้นการมาเป็นอาวุธระดับมหากาพย์
[สกิลยมทูต...]
[สกิลประกายเพลิง...]
[สกิลการฟื้นฟูเหนือมนุษย์...]
ยิ่งเข้าสู้อยู่บนพื้นที่ที่เรียกว่าป้อมปราการลอยฟ้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ถึงขีดจำกัดของความสามารถ คุณค่าของสกิล และการนำสกิลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งๆขึ้น ความเร็วในการเพิ่มเลเวลของสกิลของเขาก็เพิ่มมากเช่นกัน
ช่วงเวลาที่เขาจะเชี่ยวชาญสกิลเหล่านั้นที่เขาได้คาดการณ์ว่าคงจะใช้เวลาหลายปีได้ย่นน้อยลงมาแล้วในทุกๆวินาที
ยังไงก็ตามมันก็ไม่ใช่ว่าทุกสกิลของเขาจะฝึกได้อย่างรื่นไหล
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3,124,335,618]
[คุณได้รับบันทึกคราเคนมารเลเวล 233]
"ให้ตายสิ"
ยูอิลฮานเพิ่งจะฆ่าคราเคนขนาดใหญ่สูงกว่า 300 เมตรลงไป และได้ใช้ประกายเพลิงล้างหมึกของคราเคนที่เต็มไปด้วยคำสาปที่อยู่ทั่วตัวของเขาออกไป
"พิษของเจ้านี่มันจะอ่อนเกินไปแล้ว"
[คำสาปก็อยู่ในระดับต่ำจนน่าเศร้าเหมือนกัน เมื่อเทียบกับเลเวลของพวกมันแล้วมอนสเตอร์พวกนี้ต่างก็มีพิษแล้วก็คำสาปที่อ่อนแอกันทั้งนั้น มันดูเหมือนว่าถูกอะไรซักอย่างดูดไปทั้งหมด]
"งั้นก็คงเป็นเจ้านั้นแน่"
ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาอย่างไม่พอใจ ต่อให้เลียร่าไม่พูดเรื่องนี้ยูอิลฮานก็พอจะรู้อยู่แล้วด้วย
เรื่องนี้มันไม่จำเป็นต้องคิดให้มากเลย มันเป็นเพราะดันเจี้ยนที่เขาได้ติดอยู่เมื่อ 2 ปีก่อน! เจ้าของที่นั่นจะต้องเอามอนสเตอร์ที่มีพิษแล้วก็คำสาปทั้งหมดไปไว้ที่นั่นอย่างแน่นอน
"เจ้านั่นจะเอาทุกๆอย่างไปจริงๆงั้นสินะ?"
[แต่ถึงแบบนั้นคนๆนั้นก็ไม่ได้ทำเพื่อยุนายสักนิดเลยนะ]
"ฉันไม่สนความจริงอะไรทั้งนั้นแหละ! ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือนี่เป็นความผิดของเจ้านั่น"
[อ่า ฉันก็กะไว้แล้วว่านายจะพูดแบบนี้]
ระหว่างที่เลียร่าถอนหายใจออกมา ยูอิลฮานก็ได้รีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
"ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วฉันก็ได้แต่ใช้วิธีสุดท้ายเท่านั้น
[...นี่มันฟังดูโครตจะไม่ดีเลยนะ]
เลียร่าได้พึมพัมออกมา ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้กางปีกกระโดดออกมาจากน้ำโดยที่ไม่สนใจเธอเลย ที่ที่เขากำลังไปก็คือป้อมปราการลอยฟ้า คำตอบของเขาอยู่ที่นั่น
การต่อสู้ในครั้งนี้ของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น