เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0056
ตอนที่ 56 : นามแฝง นักล่ามังกร
การเข้าร่วมการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นอย่างไม่ระบุตัวตนเรียกได้ว่าล่อลวงฉินหยุนได้ไม่น้อย ต่อให้แพ้ เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพียงคิดว่าเป็นการฝึกฝนก็ได้
เมื่อเมิ่งเฟยหลิงจากไปแล้ว โดยทันที เขาเริ่มหลอมหน้ากากสีดำไว้ให้ตัวเองใส่ หลังปรับให้เข้ากับหน้าตนเองเรียบร้อย เขาจึงมุ่งหน้าไปโรงฝึกมังกรซ่อนเร้น!
โรงฝึกยุทธ์มังกรซ่อนเร้นตั้งอยู่บริเวณทางตะวันตกของตำหนักจารึกเทวะ นับว่าเป็นอาคารค่อนข้างใหญ่อีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ที่สนามประลอง มีลานประลองกว่าสิบแห่งตั้งเรียงราย ลานประลองหลักนั้นอยู่ตรงกลาง ทั้งยังมีขนาดกว่าร้อยเมตร ขณะที่ลานประลองอื่นขนาดเล็กกว่าเรียงรายรอบข้างขนาดราวหกสิบถึงเจ็ดสิบเมตร
เมื่อเข้ามาแล้ว ฉินหยุนก็มุ่งตรงไปที่โต๊ะลงทะเบียนโดยทันที
“ค่าลงทะเบียนหนึ่งแสนเหรียญผลึก!” ชายชรากล่าว
ลำพังค่าลงทะเบียนอย่างเดียวก็สูงล้ำมหาศาลแล้ว ถ้าจะมีคนจ่ายไหวก็ต้องเป็นบุตรหลานตระกูลใหญ่
ฉินหยุนเกิดลังเลขึ้นมาจนคิดว่าตนควรเข้าร่วมหรือไม่
หากเขาไม่อาจขึ้นสู่อันดับหนึ่ง เงินมหาศาลตรงนี้ก็สูญเปล่าแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือผู้ฝึกบนยอดของเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนหนุ่มสาวที่มีชื่อเสียง การจะโค่นล้มพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย
“ได้ ข้าเข้าร่วม!” ฉินหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจลงทะเบียน
กระทั่งว่าเขาไม่ชนะ การได้แลกเปลี่ยนฝีมือกับคนกลุ่มนั้นก็คุ้มค่ามากพอ
“เจ้าคิดเข้าร่วมแบบไม่ระบุตัวตนใช่หรือไม่? จงบอกนามแฝงมา!” ชายชรารับหนึ่งร้อยเหรียญม่วงไปและกล่าวถามขึ้น
“นักล่ามังกร!” ฉินหยุนคิดได้แทบทันทีปรากฏออกเป็นชื่อนี้
ชายชราพยักหน้ารับ จากนั้นจึงให้เข็มกลัดแก่ฉินหยุนพร้อมประทับเลือดลงไป
เพื่อเข้าร่วมการประลอง เขาจำเป็นต้องใช้เข็มกลัดนี้และเลือดประทับยืนยันตัวตน งานนี้เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่าเป็นเขา
ฉินหยุนรับเข็มกลัดมาพร้อมมุ่งหน้าไปยังห้องโถงด้านใน เขาจึงได้เห็นชื่อจำนวนมากเรียงรายบนกำแพงของโรงฝึก นามนักล่ามังกรตอนนี้อยู่อันดับท้ายสุดของเทียบตาราง
ที่บนผนังกำแพงก็หาได้มีรายชื่อสิบอันดับแรกไม่
รายชื่อของสิบอันดับแรกจะถูกสลักเอาไว้บนอนุสาวรีย์สีทองขนาดยักษ์พร้อมรูปปั้นมังกร!
อนุสาวรีย์ใหญ่สีทองนั้นตั้งอยู่ใกล้บริเวณกลางของห้องโถง มันยืนหยัดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นล่อสายตาผู้คน นามที่ถูกสลักไว้ก็เป็นประกายสีทองวิบวับไปมา
“สงสัยจริงว่าเราจะมีโอกาสได้สลักชื่อไว้ที่นั่นบ้างหรือไม่!” ฉินหยุนเริ่มจริงจังขึ้นไม่น้อยขณะเร่งรีบอ่านกฎทำความเข้าใจ
อันดับที่สูงกว่าหนึ่งร้อย ท้าทายแบบก้าวกระโดดได้เพียงยี่สิบอันดับ
กล่าวคือ หากบุคคลนั้นอยู่อันดับที่หนึ่งพัน จะสามารถท้าทายได้เพียงแค่สูงสุดที่อันดับเก้าร้อยแปดสิบ
จากอันดับที่หนึ่งร้อยจนถึงสิบเอ็ดจะสามารถท้าทายก้าวกระโดดได้เพียงห้าอันดับ และไม่สามารถกระโดดไปท้าทายสิบอันดับแรกได้
หากเขาต้องการเป็นอันดับหนึ่ง เขาจะต้องผ่านผู้คนทั้งหมดเพื่อก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรก
สำหรับบุคคลที่อยู่อันดับเกินกว่าหนึ่งร้อยจะต้องตอบรับคำท้าประลองภายในสองชั่วโมง หลังการประลองแล้ว จะมีเวลาให้พักได้หกชั่วโมง
อันดับที่หนึ่งร้อยจนถึงสิบเอ็ดนั้นมีเวลาสี่ชั่วโมงในการรับคำท้า และสามารถพักได้สี่ชั่วโมง
สิบอันดับแรกจะต้องรับคำท้าภายในหกชั่วโมง และสามารถพักได้หกชั่วโมง
“ในอีกสองเดือนถัดจากนี้ การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นถึงจะเสร็จสิ้น เราต้องรีบไต่อันดับขึ้นไปและก้าวเป็นสิบอันดับแรก!”
ฉินหยุนรับป้ายชื่อมาขณะมุ่งตรงไปยังบอร์ดลงทะเบียนท้าประลอง เขาเลือกกระโดดขึ้นในอัตราสูงที่สุดคือยี่สิบอันดับ
ในรอบแรก คู่ต่อสู้ของเขาเป็นชายวัยกลางคน อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า
ด้วยการโจมตีเพียงสามครั้ง เขาก็จัดการส่งอีกฝ่ายกระเด็นไปยังลานประลองข้างเคียง
ถัดจากนั้น ฉินหยุนเข้าประลองรอบที่สองด้วยการก้าวกระโดดยี่สิบอันดับอีกเช่นเคย
หากเป็นผู้อื่นคงต้องหยุดพัก แต่เขาเลือกท้าประลองไม่คิดหยุด
เขาเดินหน้าท้าประลองอย่างต่อเนื่องและชนะมาโดยตลอด อันดับตอนนี้ไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่มีผู้อื่นกล้าท้าเขาประลอง
เพียงหนึ่งวัน เขาต่อสู้ไปถึงสิบนัด อันดับตอนนี้ไต่ขึ้นมาเกือบสองร้อยอันดับได้แล้ว
ในลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น หลายผู้คนต่างรอคอยให้มีการท้าประลอง หรือรอให้มีคนที่น่าจะอ่อนแอปรากฏแล้วค่อยเคลื่อนไหว
หากคนผู้หนึ่งเลื่อนสู่หนึ่งร้อยอันดับแรก พวกเขาจะได้รับเม็ดยาพลังธาตุชั้นเลิศถึงสองเม็ดด้วยกัน ด้วยรางวัลดังกล่าว จึงทำให้การเข้าสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกถือเป็นเป้าหมายของคนมากมาย!
“ในที่สุดก็โดนท้าประลองจนได้ หรือเพราะระดับพลังเราแค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้ากันนะ?” แม้ฉินหยุนจะมีเวลาสองชั่วโมงให้เตรียมตัว แต่เขาเลือกรับคำท้าประลองโดยทันที
หลังเดินขึ้นลานประลอง เขาจึงได้เห็นอีกฝ่ายที่ท้าประลองเขา เป็นชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดเครายาว
“นักล่ามังกรและหยางหาน เริ่มได้!”
ฉินหยุนตั้งใจไม่ใช้ก้าวอัคคีเมฆา เพราะนั่นจะเป็นการเปิดเผยตัวตน
เขาใช้เพียงแค่พลังภายในเพื่อช่วยเหลือการวิ่ง แม้กระนั้นก็ไม่ได้เชื่องช้าแต่อย่างใด เขาสามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือปะทะของหยางหานได้ทันท่วงที
หยางหานก็ไม่คิดว่าระดับพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าตรงหน้าเขาผู้นี้จะเคี้ยวยาก เขาถึงขั้นแตกตื่นในใจด้วยซ้ำ
นี่เป็นเพราะฉินหยุนชนะศึกหลายรอบต่อเนื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้ นอกจากนี้ระดับพลังยังแค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับห้า เขาจึงให้ความสนใจที่จะท้าประลองฉินหยุนมาประมาณหนึ่งแล้ว
“ช้าเกินไป!” ฉินหยุนเพียงตอบสนองเล็กน้อย จากนั้นเขาค่อยก้าวด้วยฝีเท้ารวดเร็วก่อนพุ่งกายปล่อยหมัดเข้าใส่หยางหาน หมัดนี้ปะทะเข้าที่ไหล่พร้อมส่งแรงระเบิดอัคคีรุนแรงออก
หยางหานร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดขณะร่างกระเด็นลิ่ว
หมัดของฉินหยุนทิ้งความประหลาดใจให้ผู้คนได้ไม่ใช่น้อย
หมัดที่เขาใช้คล้ายจะมีเคล็บลับบางอย่างทำงานไปพร้อมกัน เพลงหมัดยังลื่นไหล และพลังภายในประสานรวมได้เป็นอย่างดี นี่คล้ายกับช่างตีเหล็กชราที่มีฝีมือผ่านเหล็กร้อนมายาวนานยิ่ง
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนกระทั่งใช้หมัดของตนแทนค้อนหลอมด้วยซ้ำ!
เท้าก้าวขึ้นหน้าสองก้าวก่อนเตะพื้นพุ่งกายออก พลังปราณในร่างไหลทะลักออกปะทะหยางหานให้ร่างกระเด็นออกนอกลานประลอง
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าสามารถจัดการระดับที่หก ทั้งยังเป็นชัยชนะที่ได้รับมาโดยง่ายดาย เรื่องนี้แทบไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
ผู้ที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นส่วนใหญ่มาจากสามจักรวรรดิ รวมทั้งยังมีประเทศขนาดกลางและขนาดเล็กปะปนมาระดับหนึ่ง พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นวัยกลางคนไม่ก็เริ่มชรา
พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นผลให้พวกเขาแตกตื่นไม่น้อยที่เห็นระดับหกต้องแพ้กับอีกฝ่ายที่อยู่เพียงระดับห้า
หลังฉินหยุนโดนท้าทาย เขามีเวลาให้พักได้หกชั่วโมง เขาจึงเร่งรีบกลับตำหนักจารึกเทวะเพื่อพักผ่อน
ขณะเขาก้าวเดินผ่านประตูห้องตนเองเข้าไป กลิ่นหอมคุ้นเคยพลันเตะจมูก
เป็นหยางฉีเย่ว์อยู่ภายในห้อง นางในวันนี้สวมใส่ชุดสีฟ้าสดใสรัดรูปทั้งยังรัดผมหางม้า การแต่งกายวันนี้เรียบง่ายแต่ก็หาได้ทำให้ความสง่างามของนางเสื่อมคลาย ทั้งยังชวนให้ผู้รับชมรู้สึกสดชื่นกระทั่งหลงเสน่ห์ของนางเข้า
ฉินหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะยิ้มกล่าว “อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว!”
หยางฉีเย่ว์หัวเราะรับคำ นางคว้าถ้วยชาจากบนโต๊ะขึ้นมาจิบก่อนจะกล่าวตอบ “ข้ารอเจ้ามานานพอสมควร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหายไปไหน ว่าแล้วก็บอกข้าว่าเจ้าไปไหนมา? ไปกับเมิ่งเฟยหลิง?”
ฉินหยุนเร่งร้อนโบกมือปฏิเสธพัลวันขณะอธิบายด้วยความเกรงว่านางจะเข้าใจผิด เข้ายิ้มรับและกล่าวตอบ “ข้าไม่ได้ไปกับนาง!”
ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของเขา หยางฉีเย่ว์ค่อยเผยยิ้มหวานกล่าว “หน้าเจ้าทำไมถึงแดง? มีเด็กสาวเช่นนั้นใกล้ชิดกับเจ้า เจ้าควรดีใจนะ มีโอกาสควรคว้าไว้ เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้วนะ!”
นางยิ้มขณะเดินเข้ามาพร้อมวางมือที่ไหล่ของฉินหยุน สีหน้าตอนนี้เริ่มจริงจังขณะเอ่ยถาม “ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าออกไปไหนโดยพลการ แล้วเจ้าไปไหนมากัน?”
ฉินหยุนนำหน้ากากออกมาพร้อมสวมใส่ที่ใบหน้า เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ ข้าเข้าร่วมการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นแบบปกปิดตัวตน มาลุ้นกันว่าข้าจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่!”
หยางฉีเย่ว์เพิ่งกลับจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นางย่อมทราบเรื่องการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น และนางก็คิดอยากให้ฉินหยุนเข้าร่วมด้วย
นางปลดหน้ากากเขาออกก่อนยิ้มอย่างขี้เล่น “ปกปิดตัวตนก็ดีแล้ว อย่างไรเสียที่นี่ก็มีคนของจักรพรรดินีอยู่ไม่ใช่น้อย หากพวกเขาทราบว่าเจ้าเข้าร่วม พวกเขาต้องลงมือก่อการอะไรสักอย่างแน่”
ฉินหยุนกล่าวด้วยความเสียดาย “แล้วข้าก็ยังไม่ใช้วิชายุทธ์ที่มีด้วย หากไม่เช่นนั้นแล้วคงชนะผ่านมาได้ง่ายกว่านี้”
หยางฉีเย่ว์ส่งหน้ากากคืนให้ฉินหยุนก่อนกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ปากที่ดูนิ่มนวลของนางจิบน้ำชาอีกครั้งแล้วค่อยกล่าว “นั่นไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่เจ้าไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนไหว ก็ไม่น่าจะโดนดูออกได้ เช่นเดียวกัน หมัดอ่อนเปลวเพลิงค่อนข้างชัดเจนเกินไป ไม่ควรใช้”
นางนำตำราเล่มเล็กออกมาสองเล่มจากอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของและกล่าว “นี่คือวิชายุทธ์ระดับสูงสองวิชา”