79 สุนัขที่โศกเศร้า
79 สุนัขที่โศกเศร้า
“ตอนนี้นายเปลี่ยนไปมากนะ” หวังหมิงเปาพูด “นายทำตัวเหมือนกับพระ”
“นายไม่เข้าใจหรอก ฉันชอบมัน” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่างเถอะ ให้ฉันอยู่แต่บนเนินเขาทั้งวันเหมือนนาย แม้แต่วันเดียวฉันก็คงทนไม่ได้” หวังหมิงเปาพูด
มันเป็นเวลาบ่ายสองแล้วเมื่อหวังเย้าออกไปจากบ้านของหวังหมิงเปา ด้านนอกหิมะยังคงตกลงมา แต่มันก็เริ่มที่จะเบาลงแล้ว หวังเย้าเดินขึ้นไปบนเนินเขาอย่างช้าๆ พร้อมกับชื่นชมวิวไปด้วย รอบๆตัวเขานั้นเงียบสงัดจนได้ยินแต่เสียงย่ำหิมะของเขา
กีสสสส! เขาได้ยินเสียงของนก
หวังเย้าเงยหน้าและเห็นอินทรีย์กำลังบินร่อนอยู่บนท้องฟ้า
หืม?
หวังเย้าถอนหายใจเบาๆ
เขาจำได้ว่ามันคืออินทรีย์ที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อน มันใช่เวลาไม่นานก็สามารถกลับมาบินได้แล้ว
อินทรีย์ดูเหมือนจะเห็นหวังเย้า มันโฉบเข้ามาหาหวังเย้า ห่างจากหัวของเขาไม่กี่นิ้ว ก่อนที่มันจะโฉบกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ลาก่อน เจ้าอินทรีย์ กลับมาเยี่ยมกันบ้างล่ะ!” หวังเย้าตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาไม่สนว่าอินทรีย์จะเข้าใจเขาหรือไม่
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! หวังเย้าได้ยินเสียงเห่าของซานเซียน คล้ายกับว่ามันกำลังบอกลาอินทรีย์อยู่ หวังเย้ากลับไปที่กระท่อมของเขา เขาเห็นว่าซานเซียนยังคงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่ และมีอาการเหงาหงอย เขาจึงเดินไปหาและลูบมันเบาๆ
“นายดูเหงานะ ให้ฉันหาคู่ให้นายดีไหม?” หวังเย้าพูด
ซานเซียนหันไปมองหวังเย้าก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านสุนัขของมัน มันนั่งลงเงียบๆ
ซานเซียนกำลังเศร้า
หวังเย้าอยู่ดูมันสักครู่ก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในกระท่อม หิมะยังคงตกลงมาเรื่อยๆ และในกระท่อมก็หนาวมาก หวังเย้าชงชาให้ตัวเองและเริ่มท่องคัมภีร์
ท้องฟ้ามืดเร็วขึ้นและหิมะยังคงไม่หยุดตก หวังเย้าจึงไม่กลับไปกินมื้อเย็นที่บ้าน แต่แม่ของเขาก็โทรมาเรียกให้เขากลับไปที่บ้าน
หิมะใกล้จะหยุดตกแล้วในตอนที่เขากำลังลงจากเขาและหยุดตกเมื่อเขาเดินไปถึงบ้าน แต่เริ่มมีลมพัดแรงและอากาศที่หนาวขึ้นมาแทน ลมพัดโดนหน้าของหวังเย้าคล้ายกับใบมีดเล็กๆนับไม่ถ้วน
“คืนนี้ลูกจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาอยู๋อีกเหรอ?” จางซิวหยิงถามบนโต๊ะกินข้าว
“ครับ” หวังเย้าตอบ
“ทำไมล่ะ? บนนั้นมันหนาวมากและในกระท่อมก็ไม่มีฮีตเตอร์ ลูกจะอยู่ยังไง? แล้วอากาศหนาวขนาดนี้คงไม่มีใครกล้าที่จะไปทำลายแปลงสมุนไพรขอองลูกหรอก คืนนี้อย่ากลับขึ้นไปเลยนะ!” จางซิวหยิงพยายามขอให้หวังเย้าอยู่บ้าน
“ไม่ต้องห่วงครับแม่ ผมชินแล้ว!” หวังเย้าพูด
จางซิวหยิงไม่ได้ดึงดันที่จะให้ลูกชายของเธออยู่ที่บ้าน ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้ว
บนเนินเขาหนาวยิ่งกว่าเดิม แต่หวังเย้าก็ชินกับมันแล้ว เขานอนอยู่บนเตียงในกระท่อมพร้อมกับห่มผ้าผืนหนา เขาแข็งแรงมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกหนาวจนเกินไป ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
เช้าของอีกวัน หวังเย้าได้ยินเสียงร้องจากบนฟ้าทันทีที่เขาเดินออกมาจากกระท่อม เขาเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าอินทรีย์นั้นกลับมาแล้ว มันร่อนลงบนต้นไม้ต้นใหญ่ที่หน้ากระท่อมของหวังเย้า
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนออกมาจากบ้านสุนัขของมัน และเห่าอย่างตื่นเต้น
ตั้งแต่มันกลับมา อินทรีย์ก็มักจะอยู่บนต้นไม้ ยกเว้นก็ต่อเมื่อมันออกไปหาอาหาร
“ดูเหมือนว่านายตัดสินใจที่จะอยู่กับพวกเราสินะ!” หวังเย้าหัวเราะ
อินทรีย์ขยับปีกตอบ
“ฮาฮา ด้วยความยินดี!” หวังเย้าพูด
หวังเย้าดีใจมาก ในตอนนี้เขาและซานเซียนก็มีเพื่อนใหม่ที่บินได้อีกหนึ่งตัว
สามวันหลังจากที่หิมะได้ตกลงมา มีรถขับเข้ามาในหมู่บ้าน มันคือรถของเทียนหยวนถู เขาขนกล่องขึ้นมาหลายใบเพื่อมาพบกับหวังเย้าบนเนินเขา
ลมบนเนินเขานั้นเย็นมาก เขาได้ใส่เสื้อผ้าไว้หลายชั้น แต่ก็ยังคงสั่นสะท้านเป็นบางครั้ง
เขาเดินไปตามทางเล็กบนเนินเขาและเมื่อถึงกลางทางก็เงยหน้าขึ้นมองกระท่อมเพื่อหาหวังเย้า เขาสูดลมหายลึก
มีแค่คนที่แข็งแรงมากๆและมีสุขภาพที่ดีถึงจะอยู่บนเนินเขาที่หนาวเย็นขนาดนี้ได้! เทียนหยวนถูคิด
เขาเห็นหวังเย้าอยู่ข้างในกระท่อม มันไม่มีฮีตเตอร์อยู่ด้านในนั้น ชาดำที่เขาชงเอาไว้ก็เย็นเฉียบอย่างรวดเร็ว
“ผมเอาข้อมูลการรักษาแม่ของเพื่อนผมมา ช่วยดูให้ด้วยนะครับ” เทียนหยวนถูพูด เทียนหยวนถูได้นำของขวัญมาพร้อมกับข้อมูลการรักษาด้วย
“ผมจะอ่านมันก่อนและจะบอกคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หวังเย้ามองไปที่เอกสารและวางเอาไว้
“ได้ ช่วยบอกผมทันทีที่คุณสามารถวางแผนการรักษาได้” เทียนหยวนถูพูด
“ไม่มีปัญหา แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ช่วยพ่อของเพื่อนผมให้เป็นผู้ว่า” หวังเย้าพูด
“ด้วยความยินดี” เทียนหยวนถูหัวเราะ
การที่เขาช่วยหวังเย้านั้น เป็นเพราะเขาคิดว่าหวังเย้านั้นมีค่าพอที่จะให้เขาช่วย มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการเลยและยังทำให้หวังเย้าติดหนี้เขาครั้งใหญ่ด้วย ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ดูคุณสิ! ผมไม่เห็นว่ามันจะมีทีวีหรือคอมพิวเตอร์ที่นี่เลย มีแค่หนังสือเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น” เทียนหยวนถูมองไปรอบๆ
“ฮาฮา ผมยังมีสุนัขตัวหนึ่งกับอินทรีย์ตัวหนึ่งนะ” หวังเย้าหัวเราะ
“อินทรีย์?” เทียนหยวนถูพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณเลี้ยงอินทรีย์ด้วยเหรอ?”
“เปล่า มันแค่มาอาศัยอยู่บนต้นไม้ที่ด้านนอกกระท่อมของผมน่ะ” หวังเย้าพูด
“ทำไมคุณถึงได้มีชีวิตที่เรียบง่ายได้ขนาดนี้นะ? ผมนับถือเลยจริงๆ!” เทียนหยวนถูพูด
“ผมก็แค่ชินกับมันไปแล้ว!” หวังเย้าพูด
ความจริงแล้ว หวังเย้าต้องใช่เวลาพอสมควรเพื่อที่จะทำตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและชีวิตที่ไม่มี ทีวี คอมพิวเตอร์และสิ่งบันเทิงต่างๆแบบนี้ได้ เมื่อเขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาก็พักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย เขาสามารถพูดคุยกับรูมเมท เข้าอินเตอร์เนตในห้องสมุด หรือกลับบ้าน เขาเคยชินกับการดูทีวีและเข้าอินเตอร์เนตเป็นประจำ เขาได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ก็เมื่อเขาได้ใช้เวลาอยู่ที่กระท่อมบนเนินเขา แต่เขาก็ยังมีมือถือที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตได้ แต่สภาพแวดล้อมนั้นกลับต่างไปจากที่บ้านและมหาวิทยาลัยมาก ในตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบแทน เขาถึงขั้นเริ่มสนุกไปกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปแล้ว
ในทางกลับกัน เทียนหยวนถูนั้นไม่สามารถที่จะปรับตัวให้คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้ได้ในเวลาสั้นๆ สิ่งแรกเลยก็คือ เขาไม่สามารถทนอยู่กับความหนาวขนาดนี้ได้ เขาจึงอยู่ที่กระท่อมแค่10นาที เขาจากไปหลังจากที่ได้ทำสิ่งที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว หวังเย้านั้นไม่ต้องการที่จะรับของขวัญเลยแต่ก็ถูกเทียนหยวนถูคะยั้นคะยอจนต้องรับเอาไว้
“ให้เวลาผมสามวัน แล้วผมจะบอกให้คุณรู้ถึงสิ่งที่ผมได้” หวังเย้าพูด
“ตกลง ผมจะคอย” เทียนหยวนถูพูด สามวันไม่นานเกินรอ
เทียนหยวนถูเห็นอินทรีย์เมื่อเขาเดินออกมาจากกระท่อมและอินทรีย์ที่เย่อหยิ่งก็ได้จ้องมองกลับมา
“มีเรื่องให้ต้องประหลาดทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่!” เทียนหยวนถูถอนหายใจ
มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่จะได้เห็นอินทรีย์อยู่ในหมู่บ้านหรือเนินเขาแบบนี้ มันแทบจะเป็นเรื่องที่พิเศษมากกับการที่อินทรีย์จะมาอาศัยอยู่ใกล้กับชุมชน เพราะสัตว์ป่านั้นมักจะหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้มนุษย์