บทที่ 83 การทดสอบนิกายชั้นใน (1)
บทที่ 83
การทดสอบนิกายชั้นใน (1)
=นิกายชั้นใน=
ฟางเหล่ยไห่และชิงเฉาหยูที่ต่างก็ไม่พอใจในตัวหลี่ฟู่เฉิน ก็ยังตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินข่าว
ถ้าหลี่ฟู่เฉินเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ในหลายปีต่อไป พวกเขาจะสามารถเหยียบย่ำหลี่ฟู่เฉินได้ตามที่พวกเขาต้องการ
ไม่สำคัญว่าการรับรู้ของเขาขัดกับสวรรค์หรือไม่ ตราบใดที่คนๆ หนึ่งฝึกฝนได้ไม่ทันคนอื่น ทุกๆ อย่างมันก็คงเป็นชื่อที่ไร้ความสำคัญ
แต่ใครจะรู้ว่าหลี่ฟูเฉินก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้แม้ว่าพวกเขาต้องการแก้แค้น มันก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องยากแล้ว
เกือบจะไร้ความเป็นไปได้
เมื่ออัจฉริยะที่เหลือได้ยินข่าว พวกเขาต่างก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ ดวงตาของหยูเหวินเทียนเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ จ้าวหมิงเยวี่ยแววตาคิดแผนการและมีความสนใจ ส่วนดวงตาของหวูชิงเหม่ยนั้นไร้อารมณ์และไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
สำหรับกั่วเซี่ย เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง และดูสิ้นหวัง
สามวันต่อมา ...
หลี่ฟู่เฉินเดินทางมาถึงห้องโถงชั้นในอีกครั้ง
ภายในห้องโถงใหญ่ มีศิษย์ชั้นในรออยู่แล้วกว่า 100 คน หลี่ฟู่เฉินคุ้นเคยกับกลุ่มพวกเขา
ในบรรดาศิษย์ชั้นนอกกว่า 30,000 คน ประมาณหนึ่งพันคนจะเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดประมาณ 100 ต่อเดือน
เพื่อสำรองกำลังคนและทรัพยากร การทดสอบเพื่อเป็นศิษย์ชั้นในจึงจัดขึ้นเพียงเดือนละครั้ง มันจะไม่เกิดขึ้นอีกหากศิษย์ผ่านมันไปได้
“ทั้งหมด 97 ตั้งแต่ที่ทุกคนมาที่นี่แล้ว ตามข้ามายังแม่น้ำพันฉกรรจ์”
ผู้อาวุโสชั้นในในชุดเสื้อคลุมสีเขียวกล่าวใส่ทุกคน
กลุ่มคนที่มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำพันฉกรรจ์ดูค่อนข้างมาก นอกจากศิษย์ที่มาเข้ารับการทดสอบ 97 คนแล้วยังมีผู้อาวุโสมาด้วยอีก 1 คน ผู้ดูแลชั้นในอีก 10 คน และนอกจากนี้ผู้ดูแลฝึกหัดชั้นในเองก็มาอีก 97 คน (งงไหม 97+1+10+97)
แม่น้ำพันฉกรรจ์อยู่ค่อนข้างไกล หากพวกเขาเดินเท้า พวกเขาจะต้องใช้เวลาสองสามวัน
ด้านนอกของโถงชั้นในมีกลุ่มนกกระเรียนยักษ์สูงกว่า 5 เมตรร่อนลงมาจากท้องฟ้า สำหรับตอนนี้เอง ลมกระโชกแรงทำให้เหล่าศิษย์ปิดตาเพราะแรงกดอากาศ
หลี่ฟูเฉินผู้มีร่างกายอันน่าทึ่ง ตาของเขายังเปิดอยู่แม้แต่กระทั่งมีลมกระโชกแรงก็ตาม
เขาสังเกตเห็นว่านกกระเรียนยักษ์เหล่านี้เป็นสัตว์วิญญาณระดับ 1
พลังงานวิญญาณในร่างกายของพวกมันนั้นใกล้เคียงกับสัตว์ปีศาจระดับ 1
ในแต่ละกลุ่มมีอยู่ไม่กี่คน แต่ละกลุ่มปีนขึ้นด้านหลังของนกกระเรียนยักษ์
ฮู!
นกกระเรียนยักษ์บินขึ้นในแนวตั้งและนำกลุ่มคนขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เร็วมาก!”
ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดเข้ามา และก็รู้สึกหนาวเย็นราวกับถูกใบมีดเหล็กบาด
มันเป็นช่วงเวลานี้เอง ที่ความสามารถของบุคคลถูกประเมินออกมา
ศิษย์ผู้ทดสอบบางคนไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่นั่งสมาธิเพื่อลดการต้านทานของลม มีบางคนที่ยืนขึ้นอย่างแข็งขัน แต่ทว่าแต่ละคนก็ปล่อยพลังฉีหลากสีสันเพื่อต้านแรงลม
มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนนิ่งดุจดั่งภูผาได้ มันราวกับว่าขาของพวกเขาถูกหยั่งรากลึก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ฟู่เฉินที่ยืนพร้อมกับถืออาวุธอยู่ในมือ เขายืนและทำตัวราวกับว่าอยู่บนพื้นดิน
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นศิษย์อันดับ 1 ของนิกายชั้นนอก” ศิษย์ที่เข้าทดสอบคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อเวลาผ่านไป ยกเว้นหลี่ฟู่เฉิน ศิษย์ที่เหลือไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
การทนต่อกระแสลมที่ดุเดือดนี้ทำให้สิ้นเปลืองพลังไปเป็นจำนวนมหาศาล ด้วยพลังฉีในร่างกายที่ลดลงไปมาก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงและทำสมาธิ
เมื่อเห็นว่าคนที่เหลือนั่งลง หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการทำตัวโดดเด่นมากไปกว่านี้ และค่อยๆ นั่งลงบนหลังนกเรียนยักษ์อย่างช้าๆ
มองไปยังผู้อาวุโสชั้นในที่สวมเสื้อคลุมเขียวที่ดูสง่างาม ทุกคนเปิดเผยความอิจฉาออกมา
นักสู้ทุกขอบเขตมีพลังพิเศษเป็นของตัวเอง
ขอบเขตพลังฉี ดูดพลังฉี
ขอบเขตต้นกำเนิด ทำให้พลังฉีปรากฏตัว
ขอบเขตปฐพี ควบคุมและปลดปล่อยพลังฉี
ขอบเขตสวรรค์ ตรวจตราด้วยพลังฉี
ผู้อาวุโสชั้นในของนิกายคังหลุนล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากขอบเขตสวรรค์ทั้งหมด
ตามสมญานามที่บอกต่อกันมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามารถท่องไปในท้องฟ้าและผืนแผ่นดินได้อย่างอิสระ พวกเขามีความสามารถที่โดดเด่นและมีความกล้าหาญอย่างแท้จริง
กลุ่มใดที่สามารถผลิตจอมยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ออกมาได้ มันจะมีการตั้งชื่อตระกูลให้ทันที ในฐานะเป็นหนึ่งในกลุ่มชนชั้นสูงของนิกายคังหลุน
ตระกูลฟางของฟางเหล่นไห่ และตระกูลหยูของหยูเหวินเทียนเองก็เป็นกลุ่มชนชั้นสูงทั้งนั้น
แน่นอน ผู้อาวุโสชั้นในตรงหน้านี้ก็ย่อมต้องมีตระกูลด้วยเช่นกัน เพราะเขาเองก็เป็นกลุ่มชนชั้นสูงเช่นกัน
แต่เหนือกว่าตระกูลชนชั้นสูงก็เป็นตระกูลขุนนาง
ตระกูลที่มีชื่อเสียงย่อมต้องมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และต้องมีผู้เชี่ยวชาญจากขอบเขตสวรรค์จำนวนหนึ่ง แม้แต่กระทั้งในดินแดนคังหลุนนี้ มันมีตระกูลขุนนางเพียงไม่กี่ตระกูล
ทุกคนของพวกเขามีสิทธิอำนาจที่ยิ่งใหญ่ภายในนิกายคังหลุน
***
กระเรียนยักษ์นั้นรวดเร็วมาก ในเวลาเที่ยงๆ กลุ่มคนมาถึงพื้นที่ที่ดูงดงาม
มองจากเบื้องบน ลำธารสีขาวหลายร้อยสายไหลลงมา มันเหมือนมังกรขาวที่กระโดดลงสู่มหาสมุทร ส่งเสียงก้องกังวาน
เมื่อใกล้เข้ามาแล้ว เสียงก็เริ่มดังขึ้น และลำธารสีขาวก็เผยสู่สายตาทุกคน
น้ำตกหลายร้อยสาย ที่สั้นที่สุดมีความยาวเพียงสิบฟุตเท่านั้น ขณะที่น้ำตกที่ยาวๆ จะอยู่ที่ประมาณ 50 หรือ 60 ฟุต และอันที่ยาวที่สุดจะยาวประมาณ 100 ฟุต มันเป็ฯเช่นเดียวกับมังกรหยกที่น่ากลัวซึ่งกำลังเปล่งรัศมีออร่า
ที่ด้านล่างของน้ำตกมีแม่น้ำขนาดใหญ่ แม่น้ำมีกระแสน้ำเชี่ยวและน้ำวนนับไม่ถ้วน มันให้ความรู้สึกอันตรายราวกับว่ามันมีความลึกที่ไม่สามารถวัดได้รออยู่
กระเรียนยักษ์บินวนและร่องลงไปด้านขวาตรงที่ว่างข้างแม่น้ำพันฉกรรจ์
ด้วยคลื่นสีเขียวที่ปกคลุมฝ่ามือของผู้อาวุโสชั้นใน ฉากที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น
แม่น้ำพันฉกรรจ์ ถูกแช่แข็งด้วยพลังความเย็นที่ไร้สิ้นสุด และสร้างเส้นทางทอดยาวไปจนถึงน้ำตก
“ตามมา”
ผู้อาวุโสชั้ยในที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวสวมบทบาทเป็นผู้นำทางในเส้นทางน้ำแข็ง
“เราต้องมีพลังฉีเยือกแข็งเท่าไหนกัน ถึงสร้างทางน้ำแข็งนี้ให้ผู้คนเดินได้!?” เหล่าศิษย์ผู้รับการทดสอบอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“รีบเดิน พวกเจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่” ผู้ดูแลชั้นในสั่งการ
ได้ยินดังนั้น ศิษย์ผู้รับการทดสอบจึงเริ่มเดินไปบนทางน้ำแข็ง
เดินบนเส้นทางน้ำแข็ง หลี่ฟู่เฉินสังเกตว่าทางน้ำแข็งนี้ไม่ได้เคลื่อนไปมาแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่มีคนประมาณ 200 คนกำลังเดินอยู่บนมัน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลี่ฟู่เฉินเริ่มใช้พลังฉีและส่งมันแทรกซึ่มเข้าไปในน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าของเขา
2 เมตร
เส้นทางน้ำแข็งนี้หนา 2 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมมันถึงสามารถทนต่อน้ำหนักของคนจำนวนมากได้
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ฝูงชนมาถึงที่เชิงน้ำตก น้ำตกหลายพันสาย และแต่ละน้ำตกมีหินกว่าโหลอยู่หินใต้มัน ภายใต้แรงดันอย่างเรียบนิ่งจากน้ำตก หินเหล่านี้เรียบเนียนและลื่น มันเหมือนกับก้อนกรวดก้อนขนาดยักษ์ที่ซ้อนกันขึ้นมา
ผู้อาวุโสชุดคลุมเขียวหันกลับมาแล้วกล่าว “ยืนอยู่ใต้น้ำตก 30 ฟุตและทนมันเป็นเวลา 15 นาที หากเจ้าสามารถทนมันได้ เจ้าจงย้ายไปยังอันอื่นต่อไป หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าจะถูกคัดออกและกลับมาอีกครั้งในอีกสองเดือน”
เมื่อได้ยินคำแนะนำ ศิษย์ผู้รับการทดสอบทั้งหมดต่างก็กลืนน้ำลาย 30 ฟุตหมายถึงน้ำตกนั้นสูงกว่า 100 เมตร แรงที่มาจากมันคงมากกว่าการที่น้ำที่ตกลงมาจากเบื้องบนธรรมดาๆ แน่
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบวกกับพื้นผิวอันเรียบเนียนของหินยักษ์ มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการได้ว่าความยากที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งนี้นั้นจะมากมายเพียงใด
“เอาหล่ะ พึ่งพากำลังของเจ้าเองสำหรับการยืนบนหินยักษ์ หากผ่านไป 15 นาทีเจ้ายังไม่แม้แต่จะไปตรงนั้นได้ เมื่อนั้นก็คงไม่จำเป็นต้องดำเนินการต่อ”
“พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องรับผิดสำหรับศิษย์หนึ่งคน ส่วนเวลาของพวกเขา พวกเจ้าทั้งสิบเป็นคนดูแล”
ในขณะที่เขาให้คำแนะนำกับผู้ดูแลฝึกหัดชั้นในทั้ง 97 เสร็จแล้ว ผู้อาวุโสเสื้อคลุมเขียวจึงหันไปสั่งผู้ดูแลชั้นในทั้ง 10 คน
“ขอรับ”
ผู้ดูแลชั้นในและผู้ดูแลชั้นในฝึกหัด รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม
ความเร็วของน้ำตก 30 ฟุตนั้นรวดเร็วมาก และเนื่องจากรูที่เปิดออกอย่างผิดธรรมชาติของน้ำตก พลังของกระแสน้ำจึงเข้มข้น
ศิษย์ผู้เข้าทดสอบทั้ง 97 คนเริ่มพยายามยกก้อนหินยักษ์ขึ้น
แต่สถานการณ์ดูเหมือนจะไร้ความหวัง
บนหินยักษ์มันยากกว่าที่คิดเอาไว้
คนข้างหลี่ฟู่เฉิน พยายามเข้าไปใกล้หินยักษ์ แต่โชคไม่ดีที่ถูกผลักดันโดยกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด
“ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทุกคนเอาใจใส่กับมันมากขึ้น ในระดับหนึ่ง การยืนอยู่บนก้อนหินอาจจะยากกว่าการทนเป็นระยะเวลา 15 นาที” ผู้ดูแลชั้นในฝึกหัดกล่าวให้คำแนะนำ
หลี่ฟูเฉินพยักหน้าเห็นด้วย จากสิ่งที่เขาเห็น การยืนบนก้อนหินอาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ในระหว่างกระบวนการ ท่านจะไม่สามารถควบคุมจุดศูนย์ถ่วงของท่านเองได้
แม้หลังจากที่ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ผู้ที่สามารถยืนอยู่บนหินได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียวก็ยังคงมีอยู่เพียงไม่กี่คน
หลี่ฟู่เฉินไม่รอช้าและเริ่มโคจรเทคนิคเปลวเพลิงสีแดงของเขา ไฟสีแดงจากพลังฉีออกมาจากภายในร่างกายของเขา เพื่อสร้างชั้นที่เหมือนกับเสื้อคลุมไฟ
ขณะที่มองไปยังคนอื่นๆ หลี่ฟูเฉินกระทืบเท้าลงบนทางน้ำแข็งและกระโดดไปที่น้ำตก