บทที่ 82 ข่าวที่น่าตกใจ
บทที่ 82
ข่าวที่น่าตกใจ
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้แล้ว ก่อนอื่นหลี่ฟู่เฉินต้องไปรายงานตัวที่ห้องโถงใหญ่
ห้องโถงใหญ่เป็นสถานที่สำคัญที่สุดของนิกายชั้นนอก และดูแลโดยผู้อาวุโสใหญ่ เซียวฉางเฟิง แต่โดยปกติแล้ว เซียวฉางเฟิงจะไม่อยู่แถวนั้น
วันนี้คนที่ดูแลห้องโถงใหญ่เป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 3 อาวุโสซง
“ผู้อาวุโสซง” หลี่ฟู่เฉินคำนับและทักทายด้วยความเคารพ
อาวุโสซงดูเหมือนจะอายุประมาณ 60 ปี ตอนนี้เขากัดขนมปังเข้าไปเต็มคำ เขาเงยหน้าขึ้นและกำลังจะพูด
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าเข้าไปสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้แล้ว?” อาวุโสสอบถาม
หลี่ฟู่เฉินตอบ “อาวุโสซง การมาเยี่ยมเยื่อนของข้าในวันนี้ก็เพื่อการร้องขอเป็นศิษย์ชั้นใน”
“ปฏิหารย์ นี่คือปาฏิหาริย์ที่ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน ไม่เคยมีศิษย์โครงกระดูกปกติคนไหนที่บรรลุอขบเขตได้เร็วเช่นนี้!”
อารมณ์ของอาวุโสซงกลายเป็นวุ่นวาย การพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดด้วยความเร็วดังกล่าวนั้นหมายความว่าศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินย่อมดีกว่าที่คาดไว้มาก
ในตอนแรกเขาคิดว่าหลี่ฟู่เฉินจะเข้าสู่ขอบเขตต้ำกำเนิดได้เมื่ออายุ 17 หรือ 18 ปี และถ้าสิ่งเกิดสิ่งนั้นขึ้น คุณค่าของเขาจะลดลง และคงจะไม่สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะ
หลังจากทั้งหมดแล้ว จอมยุทธ์ที่มีโครงกระดูกปกติทั่วไปจะสิ้นสุดอยู่ที่ขอบเขตปฐพี แต่ภายในนิกายคังหลุน มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตปฐพีอย่างน้อย 8000 คน
จอมยุทธ์ขอบเขตปฐพี ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้
และอัจฉริยะทั้งหมดเหล่านี้ จะได้รับการคาดหวังว่าอย่างน้อยพวกเขาน่าจะไปถึงขอบเขตสวรรค์ หากไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ ขึ้น
อัจฉริยะยอดเยี่ยมอย่างหยูเหวินเทียนมีความเป็นไปได้ที่จะได้เข้าสู่ขอบเขตหวนคืนกำเนิด
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนกำเนิดคนเดียวมีค่าเท่ากับจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีนับพัน
หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญหวนคืนกำเนิดเหล่านั้น นิกายคังหลุนก็จะถูกทำลายโดยกลุ่มอื่นๆ ได้ตลอดเวลา
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าทำได้ดี บุกเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ตอนอายุ 16 จงทำงานอย่างหนักต่อไป บางทีเจ้าอาจมีโอกาสก้าวหน้าเข้าไปสู่ขอบเขตสวรรค์”
อาวุโสซงตั้งความหวังกับหลี่ฟู่เฉินไว้สูง นอกจากโครงกระดูกของเขาแล้ว กากระทำของหลี่ฟู่เฉินจนถึงปัจจุบันนั้นยอดเยี่ยมกว่ายอดเยี่ยมหยูเหวินเทียนที่เป็นอัจฉริยะ เขาเกือบจะเหมือนเป็นดาบคลั้งคนที่สอง
ไม่… ดูจากผลลัพธ์ในหอคอยแห่งความลำเค็ญ บางทีดาบคลั่งอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย
“นี่คือเครื่องหมายสำหรับศิษย์ชั้นใน นำไปที่ห้องโถงด้านในและจะมีคนแนะนำเจ้าเอง” อาวุโสซงมอบแผ่นทองแดงให้แก่หลี่ฟู่เฉิน
“ขอบคุณท่านมากอาวุโสซง ฟู่เฉินจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ใช้มือทั้งสองเพื่อรับแผ่นทองแดง หลี่ฟู่เฉินจึงหันหลังและออกจากห้องโถงใหญ่
“คงจะง่ายกว่านี้สำหรับเด็กคนนี้ ถ้าเขามีโครงกระดูก 2 ดาวหรือแม้แต่โครงกระดูก 1 ดาว”
อาวุโสซงถอนหายใจและคิดว่า ‘ช่างน่าเสียดาย’
***
พื้นที่ด้านในนิกายนั้นอยู่ส่วนหลังของนิกายชั้นนอก ใกล้กับแก่นกลางของนิกายคังหลุนและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พลังงานสวรรค์และโลกที่นี่หนาแน่นกว่าด้านนอก
นอกเหนือจากนั้น สภาพแวดล้อมและทิวทัศน์ของด้านในเองก็ยังดูงดงามกว่าภายนอกถึงสิบเท่า
ระหว่างทาง หลี่ฟู่เฉินเดินผ่านทางเท้าสีขาวขุ่น ศาลา ห้องโถงใหญ่ และยอดเขาที่สวยงาม แต่ละอย่างและแต่ละคนที่ปรากฏขึ้นมาดูน่าทึ่ง และเมื่อเทียบกับโลกภายนอก มันก็คงเปรียบเทียบได้เป็นกระท่อมไม้กับปราสาทที่ยิ่งใหญ่
‘ที่นี่คือที่ๆ ข้าจะต้องอยู่ต่อจากนี้?’
หลี่ฟูเฉินใช้เวลาเพื่อเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์และไม่รีบร้อนไปห้องโถงด้านใน
“หยูเหวินเทียนนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาอาจเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิดาบชิเซียง อยู่แค่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สอง แต่กลับชนะเฉินจงชิเซียงที่อยู่ระดับสาม”
“ข้ายอมรับว่าพรสวรรค์ของหยูเหวินเทียนนั้นยอดเยี่ยม แต่ในขอบเขตบ่มเพาะเดียวกัน เขาไม่ได้ยอดเยี่ยมไปกว่าหลี่ฟูเฉิน”
“หลี่ฟู่เฉินมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้ แต่น่าเสียดายตรงที่โครงกระดูกของเขา อย่างน้อยเขาก็ต้องการอีกหนึ่งปีหรือ 2 ปีเพื่อพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด เมื่อนั้นหยูเหวินเทียนก็คงเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สี่แล้ว งั้นแล้วจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?”
“นั้นก็ถูก หยูเหวินเทียนเพรียบร้อมทุกอย่าง ขณะที่หลี่ฟู่เฉินนั้นมีดูแค่การรับรู้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ขอบเขตต้นกำเนิดและขอบเขตพลังฉีนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันไม่อาจรับประกันได้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะยังคงยอดเยี่ยมเมื่ออยู่ในขอบเขตต้นกำเนิด”
เหล่าศิษย์นิกายชั้นในไม่หลายคนกำลังพูดคุยกันเสียงดัง ขณะที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหลี่ฟู่เฉินกำลังเดินไปหาพวกเขา
หลี่ฟู่เฉินเดินผ่านพวกเขาไป หนึ่งในศิษย์นิกายชั้นในเหลือบมองไปที่หลี่ฟู่เฉินและก็กลายเป็นแข็งค้าง
“เฮ้ ทำไมเจ้าถึงหยุดเดิน?”
พวกที่เหลือหยุดอยู่ตรงทางเดิน หลังจากที่พวกเขาตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ติดตามมา
ศิษย์คนนั้นชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉิน “มันเป็นหลี่ฟู่เฉิน”
“หลี่ฟู่เฉิน? เป็นไปไม่ได้ ทำไมเขาถึงมาอยู่ในส่วนของศิษย์ชั้นใน?”
“มันอาจจะเป็นสิ่งนั้น?”
“เป็นไปไม่ได้! เขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เร็วเข้า ตามไปดูกัน”
ศิษย์นิกายชั้นในที่มีความอยากรู้อยากเห็น ติดตามอยู่ข้างหลังหลี่ฟู่เฉิน
เมื่อตระหนักได้ว่ามีคนติดตามเขาอยู่ หลี่ฟู่เฉินหัวเราะและไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด
หลี่ฟูเฉินมาถึงที่ห้องโถงชั้นในอย่างรวดเร็ว
มองตามหลี่ฟู่เฉินที่เดินเข้าไปยังห้องโถงชั้นใน เหล่าคนที่ย่องตามมาก็ดูเหมือนจะกลายเป็นใบ้ และมองดูกันและกันด้วยความไม่เชื่อ
“เขาเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้วจริงๆ” หนึ่งในนั้นกล่าวขณะที่กลืนน้ำลาย
“นี่เป็นข่าวใหญ่! เร็วเข้า ไปกระจายข่าว นี่จะต้องเป็นข่าวที่น่าตกใจที่สุดในปีนี้แน่นอน!”
=ห้องโถงนิกายชั้นใน=
อาวุโสผู้ดูแลหยิบป้ายทองแดงขึ้นมาจากหลี่ฟู่เฉินแล้วพยักหน้า “นี้เป็นสิ่งยืนยันในการเป็นศิษย์ชั้นใน ไม่กี่วันนี้ อยู่ที่นิกายชั้นนอกไปก่อน ต่อไปอีกสามวัน ค่อยกลับมาอีกครั้งทดสอบการเป็นศิษย์ชั้นใน หลังจากผ่านการทดสอบ จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นศิษย์นิกายชั้นในอย่างเป็นทางการ หากเจ้าไม่ผ่านการทดสอบ เจ้าสามารถลองใหม่ได้ในอีกสองเดือน และหลังจากสามครั้ง เจ้าก็ยังไม่ผ่าน เมื่อนั้นเจ้าก็จะถูกพลัดไปเป็นผู้ดูแลนิกายชั้นใน”
มันไม่ได้รับประกันว่าท่านจะกลายเป็นศิษย์ชั้นในหลังจากบุกฝ่าเข้าไปในขอบเขตต้นกำเนิดได้แล้ว
นิกายคังหลุนเลือกศิษย์นิกายชั้นในของพวกเขาอย่างเคร่งครัด
แต่เข้มงวดเป็นคำกล่าวทั่วไปแต่เพียงเท่านั้น
ความน่าจะเป็นสำหรับการผ่านการทดสอบนี้ โดยใช้ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 50%
และมันก็ยังมีความพยายามครั้งที่สองและสาม หากท่านไม่สามารถผ่านได้ครบสามครั้ง มันก็จะหมายความว่าท่านไม่เหมาะสำหรับส่วนนี้ และการถูกไปเป็นผู้ดูแลชั้นในนั้นเป็นการตอบแทน
ออกจากโถงชั้นในของนิกาย หลี่ฟู่เฉินกลับไปยังลานของตัวเอง
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่ทราบก็คือข่าวของเขาที่บุกเข้ามาในขอบเขตต้นกำเนิดได้นั้นแพร่กระจายไปราวกับไฟป่า
จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่แม้แต่คนที่ไม่รู้จักเขา ได้รู้จักเขา
“ข้าอยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน! สองสามเดือนก่อน เรากำลังคุยกันอยู่เลยว่าหลี่ฟูเฉินยังคงต้องการเวลาสองสามปีก่อนที่จะก้าวหน้าต่อไปได้ ครจะรู้ว่ามันจะเร็วขนาดนี้!”
“นี่คงตำหนิเราไม่ได้ การคงอยู่ของหลี่ฟู่เฉินมันเป็นสิ่งที่ไร้ตรรกะเหตุผล!”
“ไม่เพียงแต่จะไร้เหตุผลเท่านั้น มันทุบสามัญสำนึกทั้งหมด ข้าสงสัยว่าเขามีโครงกระดูกปกติจริงๆหรือไม่”
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ตอนนี้เขาอยู่ที่ขอบเขตต้นกำเนิดและนั่นเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง”
“ตอนนี้นิกายชั้นในจะต้องยุ่งเหยิงแน่นอน มาจากด้านหน้าคือดาบสะพรั้ง เฉินฟางหัวชิเจี๋ย และจักรพรรดิดาบชิเซียง สิ่งที่ไล่ล่าจากด้านหลังมาคือหยูเหวินเทียนและหลี่ฟู่เฉิน ใครจะรู้ว่านิกายชั้นในจะเป็นอย่างไรต่อไป”
ไม่ว่าจะเป็นด้านในหรือด้านนอก ชื่อของหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงของทุกคนในช่วงสามวันนี้
***
นิกายชั้นนอก…
กั่วเผิงและเฉินตู่จือตกตะลึงยิ่งกว่าสิ่งใด
หยางไค๋มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน
ในส่วนของศิษย์ชั้นแรงงานที่ดูแปลกประหลาด…
หลี่หยุนไห่ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ในการฝึกฝน แต่เมื่อเขาได้รับข่าวชิ้นนี้มา ใบหน้าของเขาว่างเปล่าและดูเหมือนจะสูญเสียวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดไป เขาไม่รู้ว่าเขาจะต่อสู้กับอะไรต่อไปดี
เขาประสบกับความยากลำบากที่ไม่สามารถบรรยายคำใดๆ ออกมาได้เพียงเพื่อให้ได้สถานนะศิษย์แรงงานมา เขาจะเหนือกว่าหลี่ฟู่เฉินอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้รับข่าวว่าหลี่ฟูเฉินมีชื่อเสียงมากในนิกายชั้นนอก
และหลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฟูเฉินกลายเป็นบุคคลสำคัญในนิกายชั้นนอก
หลังจากนั้น หลี่ฟู่เฉินได้รับอันดับ 1 ของศิษย์ชั้นนอก
แต่หลี่หยุนไห่ก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เขาคิดว่า ด้วยโครงกระดูกระดับปกติของหลี่ฟู่เฉิน เขาจะพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้เมื่ออายุ 18 ปีแน่นอน และเขายังมีโอกาสที่จะไล่ตามหลี่ฟู่เฉินอยู่
“ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นได้?” หลี่หยุนไห่พึมพำกับตัวเอง
หลี่ฟู่เฉินเป็นศิษย์นิกายชั้นใน แต่เขายังคงดิ้นรนอยู่ในฐานะศิษย์แรงงาน เขาไม่สามารถจัดการกับความจริงที่ว่าอุดมคติและความเป็นจริงของเขาอยู่ไกลเกินไปได้
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ INDYNOVEL