เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0054
ตอนที่ 54 : พรสวรรค์
ในเมื่อต้วนเฉียนออกปากเตือน ฉินหยุนจึงจำไว้อย่างขึ้นใจ
สภาพของเขาตอนนี้ค่อนข้างดี หลังกินเนื้อสัตว์ตากแห้งไปแล้ว เขายิ่งรู้สึกมีกำลังวังชา
ต้วนเฉียนเองก็ช่วยเติมเต็มสิ่งที่สัญญาไว้ก่อนหน้า และเริ่มชี้แนะการขัดเกลาอุปกรณ์ให้แก่เขา
อย่างแรกนั้น เขาจำเป็นต้องมีสำนึกคิดทั่วไประดับหนึ่งก่อน และสิ่งที่เขาจำเป็นต้องมีเพื่อขัดเกลาแก่นสารสำคัญของอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น ทั้งหมดนี้เป็นรากฐานที่ต้องผ่านการสะสมประสบการณ์
การบรรยายดำเนินต่อเนื่องจนกระทั่งกลางคืน ฉินหยุนตั้งใจฟังมาโดยตลอดไม่มีขาดตก
ความสามารถในการรู้และเข้าใจของเขาน่ากลัวขนาดที่ต้วนเฉียนตื่นตะลึง ยกตัวอย่าง ในบางจุดที่ค่อนข้างยาก เพียงอธิบายเล็กน้อย เขาก็เข้าใจได้กระจ่าง
“ท่านปู่ต้วนเมตตาสอนทุกสิ่งแก่ข้า เด็กน้อยผู้นี้ตื้นตันนักขอรับ” ฉินหยุนโค้งกายให้ต้วนเฉียนด้วยสีหน้าตื้นตันจากใจ
ต้วนเฉียนพลันหัวเราะ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นอกจากนี้เจ้ายังเป็นคนมีพรสวรรค์ ทั้งยังไม่ยโสโอหังเหมือนอย่างเด็กวัยเดียวกันผู้อื่น เจ้ามีนิสัยที่ดีทั้งยังจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดี ข้าเคยสอนคนอื่นมาหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา ไม่เพียงพวกเขาสติไม่อยู่กับตัว กระทั่งไม่เคยขอบคุณข้า พวกนั้นคิดว่าที่ข้าสอนพวกเขาเป็นสิ่งสมควรแล้ว เพราะเขาคืออัจฉริยะฟ้าประทานที่ทุกผู้คนควรให้การยอมรับ”
เขาตบที่ไหล่ของฉินหยุนขณะเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้ “ในสายตาข้า เจ้านั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าพวกคนที่ถูกเรียกขานเป็นอัจฉริยะมากนัก อดีตห้าปีที่ผ่านมา คงเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อยที่เจ้าปีนขึ้นจากขุมนรกเบื้องล่าง มันถึงทำให้เจ้าสามารถสงบใจได้อย่างที่ไม่มีคนในวัยใกล้เคียงสามารถกระทำ!”
“ท่านปู่ต้วน งานชุมนุมวีรชนเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” ฉินหยุนพลันนึกเรื่องนี้ขึ้นได้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็เหมือนเดิม กลุ่มคนอารมณ์ร้อนที่เรียกตัวเองเป็นอัจฉริยะมารวมตัวกัน แล้วก็สู้กันจนถึงตาย” ต้วนเฉียนยิ้มตอบ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องกังวล ตอนนี้เจ้าควรทำให้ระดับการฝึกตนมั่นคง จากนั้นค่อยเรียนรู้วิธีการขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณให้เสร็จสมบูรณ์ ด้วยพื้นฐานที่ดีและเลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก จะทำให้คนผู้นั้นมีพลังเพียงพอหลอมสมบัติวิญญาณที่แท้จริงได้”
อาวุธวิญญาณครึ่งขั้นชั้นดีมีราคาแพงไม่น้อย กระบี่ทั้งสองเล่มที่ฉินหยุนหลอมขึ้นแต่ละเล่มสมควรขายได้ราวสองหมื่นเหรียญผลึก
สำหรับอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นชั้นเลิศ มันสามารถขายได้ถึงหนึ่งแสนเหรียญผลึก แต่เหล่านั้นก็ต้องถูกขัดเกลาด้วยกระดูกสัตว์ปีศาจระดับที่สี่ หรือไม่ก็เหล็กกล้าวิญญาณระดับต่ำ
หากคนผู้หนึ่งคิดอยากขัดเกลาให้ดี คนผู้นั้นก็จำเป็นต้องมีศักยภาพในการผลิตวัสดุหรือวัตถุดิบระดับหนึ่ง
ฉินหยุนได้รับความช่วยเหลือจากต้วนเฉียนเพื่อหลอมกระดูกสัตว์ปีศาจระดับสี่ และเหล็กกล้าวิญญาณระดับต่ำให้กลายเป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำ
ขนาดของกระดูกเหล็กกล้าแต่ละชิ้นงานขนาดราวกำมือ ทว่าน้ำหนักของมันก็หลายสิบจินเลยทีเดียว
หลังผ่านยี่สิบวันแห่งการหลอม เขาจึงยิ่งมายิ่งมีศักยภาพเพิ่มขึ้น กระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำที่เขาหลอมขึ้นสามารถทัดเทียมได้กับชิ้นงานที่ต้วนเฉียนหลอมขึ้นแล้ว
กระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำคือวัสดุหลักที่จำเป็นต่อการขัดเกลาอาวุธวิญญาณระดับต่ำ
ด้วยความช่วยเหลือจากตำหนักจารึกเทวะซึ่งจ่ายให้อย่างดี ยี่สิบสองวันที่เขาลงแรงอย่างหนักและขายกระบี่ไปจำนวนหนึ่ง ฉินหยุนจึงได้รับเงินมามากกว่าหนึ่งแสนเหรียญผลึก
ตอนนี้ทั้งสิ้นแล้วเขามีสองแสนเหรียญผลึกในครอบครอง จำนวนเท่านี้กับเด็กอายุสิบห้านับว่าร่ำรวยไม่ใช่น้อยแล้ว
“ต่อไป เราต้องหลอมอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นชั้นดีด้วยตัวเอง!” ด้วยฉินหยุนมีกระบี่อยู่แล้ว นับจากนี้เขาไม่ต้องหลอมอาวุธใดขึ้นอีก
เขารู้สึกว่าค้อนที่มีอยู่ไม่ดีพอ ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้กระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำขัดเกลาขึ้นเป็นค้อนชั้นดีด้ามหนึ่ง
ของชิ้นหนึ่งจำเป็นต้องมีการแกะสลักถึงสองแบบเพื่อทำการขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณแท้จริงขึ้น
เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับผังวิญญาณอื่นระหว่างการแกะสลัก เขาจำเป็นต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการควบคุม
แม้พลังจิตของฉินหยุนจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่พอ การฝืนหลอมสร้างขึ้นผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นได้รับบาดเจ็บทางจิต ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงหลอมอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นเพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีต่อไป
การแกะสลักผังวิญญาณลงบนกระดูกเหล็กกล้านั้นยากยิ่งกว่าเหล็กวิญญาณมากนัก
ถึงตอนนี้ วิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงของเขาจึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญ
พลังจิตวิญญาณโลหิตที่ก่อเกิดขึ้นโดยพลังอัคคีนั้นจะร้อนแรงยิ่ง มันทำให้ง่ายต่อการเกิดลวดลายบนกระดูกเหล็กกล้าที่แข็งยิ่ง
ฉินหยุนได้รับการสอนสั่งโดนต้วนเฉียนเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว เขาคืบหน้าไปไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อทำการหลอมอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น มันแทบจะเป็นของชั้นดีเกือบทั้งหมดแล้ว
เพื่อเก็บงำผังวิญญาณระดับสูงที่เขาครอบครองไว้เป็นความลับ เขาจะต้องไม่ขายอาวุธวิญญาณครึ่งขั้นที่มีการแกะสลักผังวิญญาณระดับสูง
“ค้อนหลอมและเตาหลอมเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองถูกหลอมขึ้นจากกระดูกเหล็กกล้า เมื่อเราแกะสลักผังวิญญาณสองอย่างลงไปด้วยตัวเอง เราจะทำให้มันได้กลายเป็นอุปกรณ์วิญญาณที่แท้จริง” ฉินหยุนตอนนี้เปี่ยมด้วยความยินดีขณะมองสิ่งที่เขาลำบากลำบนสร้างมาเองกับมือ
ด้วยค้อนและเตาหลอมที่ดีขึ้น การหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำจึงง่ายขึ้นไม่ใช่น้อย
เขากระทั่งวางแผนคิดสร้างอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นชั้นเลิศขึ้นจึงทำการปรึกษากับต้วนเฉียน
หลังปรึกษาหารือกับต้วนเฉียนแล้ว เขาพลันผุดความคิดขึ้นมาได้ก่อนจะเร่งร้อนกลับไปเพื่อขัดเกลามันขึ้นมา
ผ่านไปอีกกว่าสิบวัน ในที่สุดฉินหยุนก็สามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นได้
สิ่งนี้คือสร้อยข้อมืออสนีบาตอันวิจิตรสีทองอร่าม
ลายแกะสลักสายฟ้าที่ปรากฏบนตัวมันสามารถทำการกักเก็บกำลังภายในเอาไว้ ในช่วงคับขัน เขาสามารถใช้สร้อยข้อมือนี้เพื่อปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาโจมตีและป้องกันตัวได้
ต้วนเฉียนรับไปชื่นชมพลิกดู เขาทดลองใส่พลังภายในเข้าไปในตัวสร้อยข้อมือและทดลองใช้งาน สายฟ้ารุนแรงถูกปลดปล่อยออกมาอย่างตระการตา
เขาถึงกับเอ่ยชม “สร้อยข้อมือผังธาตุสายฟ้านี้ดีมาก นี่เทียบเท่าได้กับการระเบิดกำลังภายในของคนที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก นอกจากนี้พลังของมันคือสายฟ้า แต่น่าเสียดายที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว”
“ครั้งเดียวก็เพียงพอต่อการสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ศัตรูแล้วขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวรับคำ เมื่อใดที่เขาใช้งานพลังสายฟ้าในสร้อยข้อมืออสนีบาตนี้ พลังภายในทั้งหมดที่เก็บเอาไว้จะถูกใช้จนหมด หากต้องการใช้อีกครั้งก็ต้องทำการเติมพลังเข้าไป
ฉินหยุนอยู่ที่ตำหนักจารึกเทวะมากว่าเดือนหนึ่งแล้ว หยางฉีเย่ว์ก็ยังไม่กลับมา เรื่องนี้ทำเขากังวลไม่น้อย
“ท่านปู่ต้วน ท่านทราบหรือไม่ว่าอาจารย์หยางมาจากที่ใด?” ฉินหยุนนั้นอยากรู้เรื่องของหยางฉีเย่ว์ให้รู้จักนางมากขึ้นมาโดยตลอด
ต้วนเฉียนลูบเครายาวทั้งยังคิ้วขมวด “เรื่องนี้ยากพูดกล่าว... สถานสภาพของนางค่อนข้าง... ในเมื่อนางไม่บอกต่อเจ้า ข้าก็ไม่อาจพูดอะไรมากได้ เจ้าควรพยายามให้ดีเพื่อพัฒนาตนเอง เมื่อใดที่พละกำลังมากขึ้น เจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลายสิ่ง”
“ขอรับ ข้าจะพยายามให้มากขึ้น!” ฉินหยุนไม่ถามอื่นใดเพิ่มเติมอีก หยางฉีเย่ว์ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทรา เพียงนี้ก็นับว่าเป็นพรสวรรค์เหนือล้ำแล้ว นางย่อมต้องมาจากตระกูลที่มีเกียรติไม่ใช่น้อยแน่
ศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักที่มีชื่อเสียงล้วนไม่อาจควบคุมโชคชะตาของตนเอง
ยกตัวอย่างก็เชี่ยวเย่ว์หลาน ธิดาแห่งสวรรค์ นางเผชิญข้อจำกัดเข้มงวดมากมาย กระทั่งการแต่งงานยังต้องถูกผู้อื่นตัดสินแทน
พอคิดเรื่องนี้แล้ว ฉินหยุนกลับยินดีที่เขาได้หนีพ้นจากสถานการณ์นั้นมาได้!
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพลันเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามา เป็นผู้ติดตามของต้วนเฉียน
“ผลของงานชุมนุมวีรชนได้รับการประกาศแล้ว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคืออันดับหนึ่ง เชี่ยวหลางอันดับสอง ฉินเฟิงอันดับสาม เมิ่งเฟยหลิงอันดับสี่ เย่เสินเหล่ยอันดับห้า สิบอันดับแรกได้รับการยอมรับจากสถาบันระดับเสวียนทั้งสามขอรับ” ชายวัยกลางคนกล่าวรายงาน
“ถึงกับรับสิบคนในคราวเดียว อดีตที่ผ่านมาพวกเขามักรับเพียงแค่สามอันดับแรกเท่านั้นเอง” ต้วนเฉียนค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย หลังคิดอยู่พักหนึ่งเขาจึงยิ้มและกล่าวตอบ “ก็ไม่แปลก ครั้งนี้พวกเขามีพื้นฐานค่อนข้างดียิ่ง”
ฉินหยุนพลันตระหนัก เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคือเจ้าหญิงของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว นางคืออันดับหนึ่ง!
จากชื่อนี้ สมควรเป็นน้องสาวของเชี่ยวเย่ว์หลานแล้ว
เขารู้จักฉินเฟิงที่ได้อันดับสามดีไม่น้อย เขาคือองค์ชายสองของจักรวรรดิเทียนฉิน มารดาขององค์ชายสองคือนางสนมผู้หนึ่ง นางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดินี