เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0053
ตอนที่ 53 : เริ่มการหลอม
เมื่อฉินหยุนไปจากบ้านในป่าไผ่ เขาก็ทิ้งข้อความไว้ให้หยางฉีเย่ว์เพื่อบอกว่าเขาออกเดินทางไปตำหนักจารึกเทวะ เพื่อเป็นการบอกให้นางไม่ต้องห่วง
ช่วงที่เขาอยู่ในตำหนักจารึกเทวะ เพียงสองวันที่ทดลองกระบวนการหลอมเล่นอยู่ เขาก็ได้พบว่าอาจารย์สาวงามมาถึงแล้ว
หยางฉีเย่ว์วันนี้สวมใส่ชุดกระโปรงสีคราม นี่เป็นชุดที่ฉินหยุนคิดว่าเหมาะสมและงดงามมากที่สุด
เมื่อเข้ามาและพบว่าฉินหยุนกำลังหลอมอุปกรณ์ในห้องลับ นางรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อน ทั้งนางยังได้เห็นเตาหลอมสูงราวหนึ่งเมตร
“นี่เจ้าเริ่มการหลอมแล้ว?” หยางฉีเย่ว์ถามด้วยความประหลาดใจ
หากฉินหยุนสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาทรัพยากรเพิ่มเติมแก่การฝึกฝนอีกแต่อย่างใด
“ข้าเริ่มหลอมก็ใช่ แต่ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้น” ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาเพียงเพิ่งเสร็จการแกะสลักผังแปรธาตุบนเตาหลอมและค้อนหลอม
หยางฉีเย่ว์หยิบค้อนหลอมขึ้นมารับชมความงามของลวดลายการแกะสลัก นางถึงกับลอบชื่นชมภายในใจที่ความก้าวหน้าในการแกะสลักผังวิญญาณของฉินหยุนเพิ่มขึ้นไม่ใช่น้อย
ดวงตาของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีขณะมองฉินหยุน นางยิ้มกล่าว “อย่าได้รีบ การหลอมอุปกรณ์วิญญาณจำเป็นต้องเรียนรู้กระบวนการให้ดี”
“อาจารย์ ทำไมผู้อำนวยการใหญ่ถึงต้องการพบท่านกัน?” ฉินหยุนเป็นกังวลยิ่งว่าหยางฉีเย่ว์อาจโดนย้ายไปที่อื่น
หยางฉีเย่ว์วางค้อนลง จากนั้นจึงหยิบยันต์สายฟ้าออกมาและกล่าวเสียงนุ่ม “เขาต้องการให้ข้ากลับไปยังสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เพราะเขามีเรื่องที่ต้องหารือกับข้าเป็นการส่วนตัว ข้าคงต้องกลับไปสักเดือนหนึ่ง เจ้าก็อยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งแล้วกัน แม้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากตระกูลเยี่ยน ก็ไม่ใช่หมายความว่าพวกนั้นจะไม่ลงมือ”
ฉินหยุนโยนเศษเหล็กลงสู่เตาหลอม สีหน้าของเขาเป็นกังวลขณะกล่าว “อาจารย์ ภาคเรียนนี้ต้องอยู่กับข้านะ!”
หยางฉีเย่ว์ยิ้มหวานและกล่าว “ข้ารู้ ไม่มีใครหยุดข้าให้สอนเจ้าได้หรอก โอ้ใช่ การฝึกฝนของเจ้ารุดหน้ารวดเร็ว คงดีกว่าที่เจ้าจะใช้ช่วงเวลาที่มีตอนนี้ทำให้มันมั่นคงแข็งแรง ระหว่างช่วงนี้ เจ้าควรศึกษาการหลอมให้ดี และรอข้ากลับมาก่อน จากนั้นเจ้าค่อยเริ่มฝึกวิถีหัวใจ!”
วิถีหัวใจไม่ใช่ง่ายต่อการฝึกฝน หลายผู้คนต่างติดอยู่ที่ตรงด่านนี้เป็นเวลานานยิ่ง เป็นไปได้ว่าอาจต้องติดอยู่ตรงนี้กว่าหนึ่งหรือสองปี กระทั่งถึงสิบปีก็มีให้เห็น
หยางฉีเย่ว์ย้ำกับฉินหยุนหลายเรื่องก่อนเร่งร้อนออกจากตำหนักไป
ฉินหยุนทำได้เพียงพยายามให้มากขึ้นเพื่อเรียนรู้วิธีการหลอมและเพิ่มพูนพละกำลัง เผื่อว่าในอนาคต เขาจะได้มีส่วนช่วยเหลืออาจารย์สาวงามและอาจารย์ผู้อื่นที่ดีต่อเขา
ตอนนี้เขากำลังโคจรพลังภายในธาตุไฟไปยังมือ แปรเปลี่ยนมันจนกลายเป็นแดงก่ำ จากนั้นจึงใช้มือเปล่าหยิบเอาโลหะสีแดงร้อนแรงจำนวนหนึ่งออกจากเตาหลอม จากนั้นจึงค่อยทุบพวกมันเข้าด้วยกัน ถัดจากนั้นจึงใช้ทั้งสองมือเพื่ออัดพวกมันเข้าด้วยกัน
เขาอยากใช้เหล็กซึ่งธรรมดาที่สุดเพื่อหลอมเหล็กวิญญาณและค่อยทำการหลอมกระบี่ภูตผีสักเล่ม
กระบวนการหลอมของฉินหยุนกล่าวได้ว่าลื่นไหลมาก โดยหลักแล้วก็เพราะวิญญาณยุทธ์สั่นไหว มันทำให้เขาสามารถใช้แรงระเบิดของการสั่นไหวเพื่อทำงานให้สำเร็จได้สองเท่าด้วยความพยายามครึ่งหนึ่งได้
นอกจากนี้ผังแปรธาตุที่อยู่บนค้อนหลอม มันนับเป็นผังวิญญาณระดับสูง หลังผสานรวมกับกำลังภายในเข้าสู่ผังวิญญาณ ค้อนหลอมจึงสามารถปลดปล่อยความร้อนแรงออกมาได้ เป็นผลให้เหล็กธรรมดาสามารถเป็นเหล็กวิญญาณ
เหล็กจำนวนหลายพันจินตอนนี้ถูกย่อขนาดเล็กเหลือเพียงใบมีดตรงหน้า สิ่งนี้คือการเริ่มต้น ต้องทั้งหนักหน่วงและแข็งแกร่ง ถัดจากนั้นจึงค่อยเป็นการขัดเกลามันขึ้นมา
หลังผ่านการทุบและหมุนตลอดทั้งวัน ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างกระบี่ภูตผีขึ้นมาได้เล่มหนึ่ง
“ดีกว่าที่ใช้อันก่อนหน้าไม่น้อย น่าจะเป็นเพราะผังแปรธาตุ ผังแปรธาตุที่ดีสามารถทำให้วัตถุดิบมีการพัฒนาขึ้นในช่วงกระบวนการหลอม”
“แล้วนี่ควรแกะสลักผังวิญญาณใดลงไปดี? กระบี่เล่มนี้หลอมขึ้นจากเหล็กวิญญาณก็ใช่ แต่ก็ยังแข็งแกร่งไม่พอ อย่างดีที่สุดก็คงได้แค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น!”
เขาทดลองจึงพบว่าพลังปราณสามารถแทรกเข้าสู่ตัวกระบี่ได้อย่างลื่นไหล นี่หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ผังรวบรวมพลังเพื่อเสริมการไหลเวียนของพลังปราณ
“เอาแบบนี้แล้วกัน แกะสลักผังแข็งตัวน่าจะได้!”
ผังแข็งตัวคือผังวิญญาณที่ใช้กันโดยทั่วไป ที่เขาเชี่ยวชาญคือผังแข็งตัวระดับสูง ผลลัพธ์ที่ได้สมควรไม่เลว
นี่คือครั้งแรกที่เขาจะสลักผังวิญญาณระดับสูงบนตัวอาวุธ นี่นับเป็นความท้าทายใหม่
ผังรวบรวมพลังที่เขาแกะสลักก่อนหน้านี้ถือเป็นผังวิญญาณพื้นฐาน มันไม่ได้มีความยากแต่อย่างใด
เดิมทีเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะฝึกสักครึ่งวันก่อนเริ่มการแกะสลักจริง แต่แล้ว พอคิดว่าพลังภายในและพลังจิตมีให้ใช้อย่างจำกัด เพื่อทำให้การฝึกฝนแข็งแรงขึ้น เขาตัดสินใจไม่ฝึกก่อนและเริ่มทำการแกะสลักจริงเพื่อทดสอบความอดทนต่อความอ่อนล้า
ยามเมื่อเขาแกะสลักผังแข็งตัว เขารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยนับตั้งแต่เริ่ม เมื่อปลายมีดแกะสลักเคลื่อนไหว มันให้ความรู้สึกราวกับเขากำลังใช้พู่กันนุ่มลื่นเขียนบนกระดาษ
เขาสามารถใช้มีดแกะสลักได้เสมือนพู่กัน โดยมีน้ำหมึกคือพลังจิตวิญญาณโลหิต
ช่วงกลางดึก ในที่สุดฉินหยุนก็แกะสลักคมกระบี่ด้านหนึ่งได้สำเร็จ
“เป็นไปได้ด้วยดี!” เขามองลวดลายที่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์บนคมกระบี่ขณะชื่นชมมันจนทำให้ยิ้มออกได้
หลังพักอยู่สักระยะหนึ่ง เขาก็เริ่มแกะสลักต่อ
รุ่งสางมาถึง ฉินหยุนยกมีดแกะสลักขึ้นเหนือพื้นผิว เขาถอนหายใจยาวขณะกล่าวด้วยเสียงหัวเราะยินดี “สำเร็จ!”
เขาแทบถึงขีดจำกัดทางร่างกายแล้ว ดังนั้นที่ทำได้ตอนนี้ก็คือนอนแผ่บนเตียงนุ่มก่อนจะผล็อยหลับไป
“กึก กึก กึก!”
ช่วงบ่าย มีคนมาเคาะประตูห้อง ฉินหยุนถึงกับสะดุ้งตื่น
เขารีบลุกและเร่งร้อนไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย
“ผู้จัดการ!” ฉินหยุนพลันประหลาดใจเมื่อได้เห็นต้วนเฉียนผู้ซึ่งสวมใส่ชุดขาวสะอาด
“ดูเหมือนเมื่อคืนเจ้าจะยุ่งยันเช้า เป็นยังไงบ้าง?” ต้วนเฉียนส่งสายตามองในห้องขณะพบเห็นเตาหลอมและค้อน เขาถึงขั้นประหลาดใจไม่น้อย “นี่เจ้าเริ่มการหลอมแล้วหรือ!”
“ข้าเพียงหลอมอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นขอรับ” ฉินหยุนไม่คิดปิดบังทั้งยังยิ้มตอบ
หลังต้วนเฉียนเข้ามาในห้อง เขามองผังแปรธาตุที่อยู่ทั้งบนเตาหลอมและค้อนหลอมก่อนจะรู้สึกอึ้งทึ่งเปี่ยมล้นในหัวใจ!
ผังแปรธาตุเหล่านี้คือผังวิญญาณระดับสูง ทั้งยังล้ำค่ายิ่ง!
“ให้ข้าดูผลงานหน่อย!” ต้วนเฉียนพลันเกิดความตื่นเต้นขึ้นภายใน
ก่อนหน้า ฉินหยุนได้รับการช่วยเหลือในทางลับโดยต้วนเฉียน นับว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเขาไม่น้อย นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีตำแหน่งสูงและไม่ใช่คนน่าชังแต่อย่างใด กระทั่งน่าเชื่อถือด้วยซ้ำ
โดยทันที เขานำเอากระบี่สองเล่มออกมา หนึ่งคือที่เคยแกะสลักผังรวบรวมพลังก่อนหน้านี้ และอีกหนึ่งคือที่แกะสลักผังแข็งตัว
ต้วนเฉียนขมวดคิ้วสำรวจมองกระบี่ทั้งสองอย่างพิจารณา หลังผ่านไปชั่วครู่เขาจึงค่อยกล่าวคำ “เป็นการแกะสลักที่ไม่เลว! ด้วยอายุเท่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”
“แต่ว่า ยังมีข้อบกพร่องเล็กน้อย ผังแข็งตัวของเจ้าให้ความรู้สึกว่าอ่อนแรง พื้นผิวค่อนข้างหยาบไปหน่อย น่าจะเป็นเพราะสภาพร่างกายเจ้าระหว่างกระบวนการแกะสลักไม่ค่อยดีพอ”
“และกระบี่เล่มที่แกะสลักผังรวบรวมพลังนี้ค่อนข้างดีไม่น้อย มันเต็มไปด้วยแก่นแท้ พลัง และวิญญาณ ถือว่ามีฝีมือที่ดีไม่น้อย!”
ผังรวบรวมพลังเป็นฉินหยุนทำการแกะสลักครั้งที่สอง ดังนั้นเขาในตอนนั้นจึงมีสภาพร่างกายที่ดีกว่าตอนนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับการหลอมและแกะสลักอุปกรณ์ นอกจากนี้การหลอมด้วยตนเอง เขามีขีดจำกัดที่สามารถกระทำ เขาต้องแบกรับความเหนื่อยล้าทั้งยังต้องลงมือแกะสลักอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้เป็นต้วนเฉียนพบเห็นทั้งสิ้น เป็นผลให้ฉินหยุนรู้สึกนับถืออีกฝ่ายจากใจ!
“แน่นอนว่าด้วยฝีมือเจ้าตอนนี้เพียงพอที่จะไล่ตามอาจารย์จารึกที่แท้จริงหลายคนได้แล้ว!” หลังต้วนเฉียนกล่าวคำก็หัวเราะหลายครั้ง สีหน้าตอนนี้กลับกลายเป็นจริงจัง “ทางที่ดีเจ้าไม่ควรเปิดเผยรูปแบบผังวิญญาณระดับสูงมากจนเกินไป คนอยากได้พวกมันไว้ครอบครองนั้นมีไม่น้อย”