DC บทที่ 140: ภาพที่ชัดเจน (ฟรี)
DC บทที่ 140: ภาพที่ชัดเจน
“อวี้เอ๋อร์ อธิบายมาให้ชัด อะไรคือความหมายของคำที่เจ้าเพิ่งพูดไป” มารดากล่าวด้วยเสียงตื่นตระหนก
ถ้าคำพูดของหงอวี้เอ๋อร์มีความหมายดังเช่นที่พวกเขาคาดเดาไว้ ดังนั้นโอกาสในการที่เธอจะจับคู่กับคนอื่นย่อมลดน้อยลงไม่ว่าหงอวี้เอ๋อร์จะสวยงามหรือมีพรสวรรค์มากเพียงใด ในเมื่อมีผู้คนน้อยมากที่จะยอมรับผู้หญิงที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปกับชายคนอื่นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่มีอำนาจและฐานะหนุนอยู่
ต่างจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยซึ่งผู้หญิงที่มีคู่เคียงมากมายหลายคนไม่เคยถูกรังเกียจเดียดฉันท์ โลกภายนอกต่างมีความหลากหลาย สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้มาจากนิกายที่ฝึกวิชาคู่ ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลที่ทรงอำนาจหรือมาจากครอบครัวธรรมดา พรหมจรรย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเธอทั้งหลายต่างพยายามที่จะรักษาความบริสุทธิ์จนกว่าพวกเธอจะฝากอนาคตไว้กับคู่ครองที่ได้เลือกไว้
“มิว่าความหมายของคำพูดของข้าหมายความเช่นไร มันก็ยังไม่เปลี่ยนความจริงที่ข้าจักไม่ยอมรับผู้ใดนอกจากซูหยางเป็นสามีของข้า” หงอวี้เอ๋อร์ตอบกลับไปด้วยท่าทางเรียบเฉย เธอกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามเพื่อที่พวกท่านจะได้สงบใจ ข้ายังบริสุทธิ์อยู่”
แม้ว่าพวกเขาแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อได้ยินประโยคแรกของเธอ ทั้งมารดาและบิดาต่างพากันถอนหายใจโล่งออกเมื่อได้ยินคำพูดสองสามคำสุดท้าย เธอยังบริสุทธิ์อยู่หมายความว่ายังไม่ถึงกับสิ้นความหวัง ใครจะรู้ว่าบางทีพวกเขาอาจจะเกลี้ยกล่อมเธอสำเร็จในอนาคต
“อัยย่า...เจ้าเกือบทำให้ข้าหัวใจวายแล้ว อวี้เอ๋อร์…” บิดาของเธอกล่าวขณะที่เขาใช้มือปาดเหงื่อออกจากใบหน้า
แน่นอนว่าหงอวี้เอ๋อร์ไม่ได้มีอะไรกับซูหยาง ในเมื่อหลานลี่ชิงเป็นคนแรกที่ได้รับแก่นพลังหยางจากเขา
“อย่างไรก็ตามนั่นยังคงมิได้อธิบายคำพูดของเจ้าก่อนนี้” มารดาของเธอกล่าวด้วยสายตาสับสน
ด้วยรอยยิ้มขมขื่น หงอวี้เอ๋อร์กล่าวว่า “มันค่อนข้างซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ท่านต้องเชื่อข้าว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”
"???"
บิดามารดามองดูเธอด้วยสายตาสับสน นั่นเป็นคำอธิบายแบบไหน อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยและอยากรู้ พวกเขาไม่ได้ไล่เรียงเรื่องนี้อีกต่อไป คำถามที่สำคัญที่สุดในใจพวกเขาได้เฉลยออกมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องซักไซ้ต่อไป
หลังจากนั้นสักพัก หลังจากที่หงอวี้เอ๋อร์พูดกับครอบครัวของเธออีกสองสามนาที เธอก็กลับไปยังห้องของเธอเอง เธอนั่งลงบนเตียงด้วยท่าขัดสมาธิดอกบัว หลับตาเพื่อฝึกวิชา
-
-
-
เวลาสองสามชั่วโมงผ่านนับตั้งแต่ซูหยางและสองหญิงเริ่มเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง และหลังจากพวกเขาออกไปพ้นทวีปตะวันออก รอบข้างก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากน้ำทะเลที่รายล้อมรอบ
“สถาบันสี่ฤดู...เจ้าดูเหมือนคุ้นเคยกับพวกเขาดี พูดให้ข้าฟังเกี่ยวกับพวกเขาเพิ่มอีกหน่อยซิ” ซูหยางพูดกับชิวเยวี่ย
“พวกเรามิได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนั้น” ชิวเยวี่ยส่ายหน้า “ข้าครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ภายในสำนักในฐานะแขกสองสามวันหลังจากเกิดเหตการณ์อะไรบางอย่างขึ้น”
“สำหรับตัวสำนักนั้น ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” เธอกล่าวต่อ “ข้าเคยได้กล่าวไว้เช่นนั้น แต่พวกเขาเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา ตามจริงแล้ว ในทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางถือว่าพวกเขาเป็นอันดับต้นๆในเรื่องของการปรุงยาไม่เป็นที่สองรองใคร”
“ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาเป็นอย่างไร”
“ถือได้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งถ้าใช้โลกนี้เป็นมาตรวัด แม้กระทั่งคนที่อ่อนด้อยที่สุดในหมู่ศิษย์นอกของพวกเขาก็ยังอยู่ที่เขตสัมมาวิญญาณ ในขณะที่ศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดต่างอยู่ที่เขตอัมพรวิญญาณ”
“ช่างห่างไกลเมื่อเทียบกับทวีปตะวันออกของพวกเรา เฮ้อ เป็นเพราะว่าพวกเขามีวิชาที่ดีกว่าหรือว่าเป็นเพราะว่าสถานที่ของพวกเขาดีกว่า”
ชิวเยวี่ยพยักหน้า “ไม่เพียงแต่พวกเขามีวิชาที่เหนือกว่า แต่ทวีปของพวกเขายังเต็มไปด้วยปราณไร้ลักษณ์เมื่อเปรียบเทียบกับทวีปอื่นทั้งสี่ทวีป” เธอกล่าว “จากประสบการณ์ของข้า ทวีปที่เหลือทั้งสี่มีความแข็งแกร่งโดยรวมใกล้เคียงกัน ในขณะที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางก้าวหน้ากว่าทั้งในแง่ของวิชาและการปรุงยา ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับปราณไร้ลักษณ์ที่มากกว่า อย่างน้อยนั่นเป็นอะไรที่ข้าวิเคราะห์ออกมา หลังจากเที่ยวรอบโลกนี้หลายครั้ง หลังจากอยู่ที่นี่มาหลายพันปี…”
“บางทีเจ้าสุนัขจากกองกำลังสวรรค์อาจมีอะไรเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่พวกเขานำหน้าคนอื่นๆ” ซูหยางกล่าวเพิ่มเติม
“นั่นมีความเป็นไปได้สูง…” ชิวเยวี่ยเห็นด้วย
“จะว่าไปแล้ว อีกนานเท่าไหร่กว่าพวกเราจะไปถึง มันคงมินานมากเท่ากับสะพานภายในสุสานมรดก ใช่ไหม” ซูหยางถามเธอ
“เราน่าจะไปถึงที่นั่นภายในอีกชั่วโมง” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“นั่นดีจริง…”
ซูหยางหลับตาลงพักผ่อน แต่ไม่นานนักหลังจากที่เขาหลับตาลง เขาสามารถรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่นุ่มนวลกดทับลงไปบนขา
เขาลืมตาขึ้นช้าๆ และเบื้องหน้าเขาคือ เซียวลี่ ซึ่งตัดสินใจมานั่งบนตักของเขา โดยหันหน้าเข้าหาเขาและใช้ขาเกี่ยวรอบตัวเขาไว้ ตาคมของเธอมองตรงมายังตาเขาคล้ายกับต้องการกลืนกินเขาลงไปทั้งตัว
“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร”
ก่อนที่ซูหยางจะทันได้ไต่ถาม ชิวเยวี่ยได้เปิดปากพูดขึ้นมาเป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม ดังเช่นปกติ เซียวลี่ไม่สนใจชิวเยวี่ย เธออ้าปากแลบลิ้นชีชมพูเล็กๆออกมาเลียใบหน้าซูหยางในวินาทีถัดไป
“เจ้าแมวหยาบคาย…” ชิวเยวี่ยสาปแช่งอยู่อย่างเงียบๆ
“เหตุใดเธอจึงหมกมุ่นอยู่กับการเลียท่าน หรือว่าจอมแมวภูตล้วนเป็นเช่นนี้” เธอพลันถามเขา
“ไม่ ข้ามิรู้เช่นกัน” เขาตอบ “ตามความเป็นจริง แมวภูตมิชอบการสัมผัสทางกาย อย่างไรก็ตามนั่นเป็นคุณสมบัติของแมวภูต ข้ามิอาจกล่าวเช่นนั้นได้กับจอมแมวภูต”
สองสามวินาทีหลังจากนั้น เมื่อซูหยางมั่นใจว่าเธอต้องไม่ยอมหยุดในเร็วๆนี้ เขาจึงใช้มือปิดปากเธอเพื่อหยุดเธอจากการเลียหน้าเขา
“เหตุใดเจ้าจึงชอบเลียข้ายิ่งนัก ข้ารสชาติดีนักรึ” ซูหยางพูดติดตลก แต่เขาต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเซียวลี่พยักหน้า
"..."
เห็นเธอพยักหน้า ประกายความคิดหนึ่งพลันสว่างขึ้นภายในใจเขา
“บางทีอาจ..”
“เจ้าสามารถลิ้มรสปราณเทพที่มีปะปนอยู่น้อยนิดในปราณไร้ลักษณ์ข้ารึ”
ซูหยางค้นพบว่าเหตุผลนี้เป็นไปได้มากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วเหล่าแมวภูตล้วนไวต่อปราณไร้ลักษณ์ถึงที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้าเซียวลี่สามารถรับรู้ถึงปราณเทพของเขา
นอกจากนั้น ไม่เพียงแต่แมวภูต แต่สัตว์ทุกประเภทภายใต้สรวงสวรรค์ล้วนชื่นชอบปราณไร้ลักษณ์ที่เข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณเทพ ซึ่งเป็นปราณไร้ลักษณ์คุณภาพสูงสุด
ได้ยินคำถามของเขา เซียวลี่เพียงแสดงความงงงัน เธอไม่รู้จักว่าปราณเทพคืออะไร อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าปราณเทพหาได้ยากมากแม้กระทั่งในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ อย่าว่าแต่โลกนี้
ไม่เพียงแต่เซียวลี่ แต่สัตว์ทุกตัวที่มีพลังการฝึกปรือก็เป็นเช่นเดียวกับผู้ฝึกฝีมือ ต้องการปราณไร้ลักษณ์เพื่อความก้าวหน้าและการอยู่รอด และยิ่งพวกมันแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ปราณไร้ลักษณ์ที่พวกมันต้องการเพื่อหล่อเลี้ยงยิ่งเพิ่มมากขึ้น
-
-
-
ภายในที่พักตระกูลหง
“ซูหยาง…” หงอวี้เอ๋อร์พึมพัมกับตนเอง ขณะที่สมาธิเริ่มแจ่มชัด ค่อยเข้าสู่สภาวะจิตอันลึกล้ำที่คล้ายกับการหลับ
ที่นั่น ภายในห้วงสมาธิ ภาพนิมิตอันชัดเจนของซูหยางปรากฏขึ้น แต่ว่ามีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากซูหยางที่เธอเคยเห็น เขาสง่ายิ่งกว่า มีเสน่ห์ยิ่งกว่า และ...เป็นผู้ใหญ่มากกว่า
แม้ว่าหงอวี้เอ๋อร์จะไม่สามารถเข้าใจภาพนิมิตที่เคลื่อนผ่านในห้วงสมาธิ เธอไม่เชื่อว่ามันจะเป็นสิ่งไร้สาระและเชื่อว่ามันเป็นความทรงจำจากอดีตชาติร่วมกับซูหยาง
สาเหตุหลักที่ว่าทำไมเธอจึงเชื่อจินตภาพที่คล้ายกับความเพ้อฝันก็เพราะความจริงที่ว่า นิมิตที่เกิดขึ้นในสมาธิจิตของเธอนั้นมันชัดเจนเกินกว่าที่จะเป็นเพียงความฝันธรรมดา เสียงที่สุภาพนุ่มนวล สายตาคม ทั้งความรู้สึกจากมือของเขาบนร่างของเธอ… ทุกอย่างล้วนเป็นจริงและชัดเจนเกินไป ราวกับว่าเธอได้ประสบกับเหตุการณ์นี้มาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะพูดไปแล้ว ภาพนิมิตเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจนเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเธอจึงยังไม่ได้ยอมรับมันอย่างเต็มที่
ความทรงจำเหล่านี้ภายในภวังค์จิตของเธอแท้จริงแล้วเป็นเพียงความผันที่ดูสมจริงหรือไม่ ภาพนิมิตมากมายเหล่านี้เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างไร เธอจะสามารถแยกแยะหาเหตุผลได้หรือไม่ว่าทำไมเธอจึงมองเห็นภาพเหล่านี้
หงอวี้เอ๋อร์ทั้งตื่นเต้นและกระวนกระวายทั้งยังกลัวที่จะค้นหา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอยังคงฝึกฝนต่อไปเพียงเพื่อที่จะได้เห็นภาพนิมิตเหล่านี้ เพราะว่านี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ภาพเหล่านี้ปรากฏขึ้น