บทที่ 81 พลังฉีต้นกำเนิด
บทที่ 81
พลังฉีต้นกำเนิด
“ที่นิกายชั้นนอกตอนนี้ ในบรรดาคนที่มีชื่อเสียง มีเฉพาะหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่ยังไม่พัฒนา ข้าสงสัยว่าเขาจะใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อไปยังขอบเขตต้นกำเนิด”
“หากเขาขึ้นไปก่อน 16 ไม่ได้ มันก็หมายควาว่าดขาจะต้องขึ้นไปต้อง 17 หรือ 18”
“ข้าคิดว่าแม้แต่ 17 และ 18 ก็คงเป็นไปไม่ได้ สิ่งกีดขวางแรกนี้ไม่ไม่นับว่าเป็นอะไรสำหรับโครงกระดูกระดับ 3 ดาว แต่สำหรับโครงกระดูกปกติ นี้มันถือได้ว่าเป็นหายนะ”
“เมื่อเปรียบเทียบกับหยูเหวินเทียนชิเซียง หลี่ฟู่เฉินก็เป็นเพียงดาวที่พุ่งขึ้นมาชั่วคราว เจ้าเคยได้ยินมาไหม? ศิษย์พี่หยูเหวินเทียนใกล้จะไปถึงขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สองแล้ว”
“ข้าได้ยินมา จิจิ ใช้เวลาเพียง 5 เดือนในการก้าวหน้าจากระดับแรกไประดับที่สองของขอบเขตต้อนกำเนิด ความสามารถนี้สามารถพบได้แค่ 1 ใน 10,000”
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทุกคนเริ่มบ่อนทำลายหลี่ฟูเฉิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขารู้ข่าวที่น่าตกใจของหยูเหวินเทียนที่กำลังพัฒนาไปสู่ระดับที่สองของขอบเขตต้นกำเนิด พวกเขาไม่เคยวางหลี่ฟู่เฉินและหยูเหวินเทียนไว้อยู่ระดับเดียวกัน
การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินอาจจะมากกว่าหยูเหวินเทียน แต่บนเส้นทางของจอมยุทธ์ ไม่เพียงแต่การรับรู้ที่สำคัญเท่านั้น แต่ความสามารถในการบ่มเพาะเองก็สำคัญเช่นกัน
บางทีเมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด หยูเหวินเทียนอาจจะไปถึงขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้าแล้ว พวกเขาจะเปรียบเทียบอะไรกันได้อีก?
กลับไปที่นิกายคังหลุน…
หลี่ฟูเฉินแลกเปลี่ยนปลาสมบัติทั้งหมดของเขาเพื่อรับคะแนนสะสมและมุ่งหน้ากลับไปที่หอคอยแห่งความลำเค็ญทันที
ตั้งแต่ที่เขาได้รับตำแหน่งศิษย์ชั้นนอกอันดับ 1 เช่นเดียวกับลำดับที่ 1 ของหอคอยแห่งความลำเค็ญ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องซ่อนความสามารถของตนเอง
ฉะนั้นแล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้ตัวเองโดดเด่นกว่านี้ไม่ได้หล่ะ?
หากท่านต้องการบรรลุบางสิ่ง ทำทุกอย่าง เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่สามารถเอาชนะท่านได้ หากไม่ใช่แบบนั้นก็ควรยอมแพ้ไปซะตั้งแต่ตอนนี้
หกขีด
ผลลัพธ์ที่ท้าทายสวรรค์
ยกเว้นหลี่ฟู่เฉิน เจ็ดขีดของดาบคลั่งถือเป็นลำดับหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
หกขีดของหลี่ฟู่เฉินจะถือเป็นอันดับแรกในประวัติศาสตร์ต่อจากนี้
การรับรู้ของดาบคลั่งบางทีอาจเหมือนหลี่ฟู่เฉิน แต่ความมุ่งมั่นของเขาไม่แข็งแกร่งเท่ากับของหลี่ฟู่เฉิน ใครจะสามารถบ่มเพาะจากระดับกลาง ฝึกฝนเทคนิคขัดเกลาร่างกาย ไปจนถึงบรรลุขั้นย่อยของวิชาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
เทคนิคการปรับแต่งร่างกายไม่เพียงแต่ต้องการบ่มเพาะโดยใช้ทรัพยากร
ทุกอย่างรวมถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพจะไปถึงขีดจำกัด มันต้องการพลังจิตมากมายในการควบคุมการระเบิดอย่างกะทันหันของร่างกาย
หากไม่มีความตั้งใจเพียงพอ ผลที่ตามมาคือแสงจะทำให้พลังฉีและการไหลเวียนของโลหิตบกพร่อง คนที่จริงจังเกินไปจะตายจากการระเบิดของพลังงานที่รุนแรง
แต่คนส่วนใหญ่จะไม่พบกับสถานการณ์นี้ เนื่องจากมันคงจะเป็นการยากที่จะก้าวหน้าได้แบบลักษณะที่หลี่ฟู่เฉินทำ
หากเขาหรือเธอใช้เวลาไปกับการฝึกฝนธรรมดาๆ ความแข็งแรงทางกายภาพของพวกเขาอาจเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนถึงระดับสูงได้ แตมั่นก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ
ข้อกำหนดเบื้องต้นคือต้องมีการรับรู้และทรัพยากร
“ไม่จริงน่า”
“หลี่ฟู่เฉินอาจกลายเป็นศิษย์ชั้นนิกที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ผลลัพธ์หกขีดทั้งนั้นเพียงพอที่จะทำให้ประสาทสัมผัสของผู้ชมเสีย
ไม่มีความเมตตาในผลลัพธ์นี้ ศิษย์ในอนาคตจะเอาชนะเขาได้อย่างไร
หลังจากออกจากหอคอยแห่งความลำเค็ญ หลี่ฟู่เฉินเตรียมตัวบ่มเพาะทันที
กระบวนการบุกเข้าไปยังขอบเขตต้นกำเนิดเป็นการเดินทางที่ยาวนานและน่าเบื่อ
ในช่วงขอบเขตพลังฉี พลังฉีจะไปรวมตัวกันที่จุดตันเถียน
(ตันเถียนเป็นจุดที่อยู่ห่างจากใต้สะดือสองนิ้ว)
แต่ขอบเขตต้นกำเนิด พลังฉีจะรวมอยู่ที่ตันเถียนในลักษณะของน้ำวน
ด้วยการมีอยู่ของวังวนพลังฉีนี้ มันจะช่วยให้จอมยุทธ์ดูดซับพลังงานจากสวรรค์และโลกได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังสามารถควบคุมพลังฉีได้มากขึ้น
หายใจเข้า! หายใจออก!
หายใจเข้า! หายใจออก!
ในห้องที่มืดมิด หลี่ฟู่เฉินกำหนดลมหายใจ แสงสีแดงสว่างขึ้นและดับลงที่ตันเถียน
เมื่อการฝึกฝนของจอมยุทธ์สู้มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตพลังฉี ปริมาณของพลังฉีภายในร่างกายจะหยุดเพิ่มขึ้น แม้ว่าใครจะกินยาพลังฉีมากขนาดไหน มันก็จะเป็นเพียงขยะ เพราะพลังฉีที่พิเศษนี้จะแพร่กระจายไปสู่พลังงานภายนอก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และโลก
แต่ปริมาณพลังฉีของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
ผู้ที่มีโครงกระดูกที่ดีกว่ามีพลังฉีจำนวนมหาศาล
ผู้ที่มีระดับสูงกว่าในด้านเทคนิคการบ่มเพาะก็จะมีจำนวนพลังฉีมากมายเช่นกัน
ดังนั้น ด้วยเทคนิคลึกลับเปลวเพลิงสีแดงขั้นเก้า จำนวนพลังฉีภายในร่างของหลี่ฟู่เฉินจึงไม่ด้อยไปกว่าคนส่วนใหญ่ เขาคาดว่ามันน่าจะอยู่ในระดับโครงกระดูกระดับสามดาว
และจากปริมาณที่มีของพลังฉี จะตัดสินใจได้จากระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนา
ผู้ที่มีพลังฉีมาก ก็เหมือนมีแม่น้ำพลังฉีอยู่ในร่างกายและการสร้างน้ำวนก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย
สำหรับคนที่มีพลังฉีน้อย พลังฉีที่มีก็จะเป็นเหมือนสายน้ำเล็กๆ และการสร้างให้มันเป็นวังวนจะถือได้ว่าเป็นเรื่องยาก
ขณะที่เป็นหลี่ฟู่เฉินโคจรเทคนิคเปลวเพลิงสีแดงของตัวเอง พลังฉีก็กลายเป็นบ้าคลั่งและพรุ่งพล่านอยู่ตามเส้นชีพจรของเขาทุกเส้น ด้วยการโคจรที่ยังมั่งคง พลังฉีทั้งหมดจึงไปจบลงที่ตันเถียน เมื่อพลังฉีพยายามบรรจบในที่เดียวกัน มันจะก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวังวน
โครจรครั้งแรก
โครจรครั้งที่สอง
……
อย่างไม่รู้ตัว คืนนึงได้ผ่านไปแล้ว ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินเป็นสีแดงสดราวกับกำลังถูกหล่อหลอม เสื้อผ้าของเขาแตกสลายไปเป็นเวลานานแล้ว ตกลงไปเป็นขี้เถ้าอยู่บนพื้น
ปิดดวงตา จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินรวมตัวกันอยู่ที่เส้นชีพจรและตันเถียนของเขา
ตันเถียนที่แต่เดิมว่างเปล่า ทันทีพลังฉีสีแดงพุ่งเข้าไปด้านใน ราวกับเป็นเขื่อนที่ถูกปล่อยออกมา น้ำมันไหลบากออกไปทันที
อ่างน้ำวนเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย
แต่วังวนน้ำนี้ยังอ่อนแอและสามารถพังทลายได้ตลอดเวลา
หลี่ฟู่เฉินจำเป็นต้องเสริมกำลังให้กับวังวนอย่างระมัดระวัง และไม่สามารถก่อเกิดความผิดพลาดด้วยประมาทได้
2 ชั่วโมงผ่านไป ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
วังวนน้ำในตันเถียนของหลี่ฟู่เฉินนั้นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากขนาดเท่าหัวแม่มือขยาดไปจนถึงขนาดของไข่ไก่ มันขยายมาจนกระทั่งขนาดเท่ากำปั้นแล้วตอนนี้
ในที่สุดวังวนก็ก่อตัวขึ้น
วังวนน้ำพลังฉีสีแดงซีดแต่เดิมเปลี่ยนเป็นสีแดงธรรมดา เหมือนพายุหมุนที่กำลังลุกโชติช่วงไปด้วยความร้อน
ขณะนี้เอง พลังงานสวรรค์และโลกจำนวนมากไหลเข้ามาสู่ร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินสามารถบ่มเพาะต่อไปได้แล้ว
ระดับแรกของขอบเขตต้นกำเนิด สำเร็จ!
‘นี่คือระดับแรกของขอบเขตต้นกำเนิด?’
หลี่ฟูเฉินค่อยๆ คลายลมหายใจออกมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความดีใจ ไม่มีความอ่อนเพลียแต่อย่างใด
ทันทีเมื่อเขาบุกเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาว่างเปล่าและต้องการพลังฉีจำนวนมาก
นี่เป็นสาเหตุหลักมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพลังฉีที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อสร้างวังวน และไม่เหลือพลังฉีเหลืออยู่ในร่างกายของเขาแล้ว
ด้วยการพลิกฝ่ามือ เม็ดยาก็ปรากฏขึ้น
นี่คือเม็ดยาพลังฉีสีเหลืองขั้นสูง มันใช้เติมเต็มพลังฉี มันมีค่า 1,000 คะแนนสะสม
กลืนเม็ดยา หลี่ฟู่เฉินโคจรเทคนิคเปลวเพลิงสีแดงของเขา และกลั่นผลจากเม็ดยา
อย่างรวดเร็ว ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลังฉีและให้ความรู้สึกพึงพอใจที่ไม่สามารถอธิบายใดๆ ได้
เมื่อยาถูกสกั่นกลั่นอย่างสมบรูณ์ มันก็กลายเป็นความว่างเปล่า
ลุกขึ้น ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินสั่นเล็กน้อย และพลังฉีสีแดงเริ่มปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา พลังฉีสีแดงหนานเคลือบทั้งร่างกาย
สิ่งนี้ มันทำให้หลี่ฟู่เฉินคล้ายกับ ‘มนุษย์เพลิง’
การดึงพลังฉีออกมาใช้
และมันคือการปกคลุมพลังฉีไว้ทั่วทั้งร่างกาย
นั่นหมายความว่าหลี่ฟู่เฉินสามารถใช้พลังฉีเพื่อปกป้องร่างกายทั้งหมดของเขาได้ แม้ว่าการป้องกันทางร่างกายจะอ่อนแอ จอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดก็จะไม่สามารถถูกสร้างความเสียหายได้
ด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเขา มือขวาของหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นกรงเล็บ พร้อมกับยืดและดึง
แคร๊ก!
ประตูที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรเปิดออกทันที เรียกแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้เห็นมานานเข้ามา
เดินออกจากบ้าน หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ข้างหน้าเสาหินขนาดใหญ่ที่มีความสูงเท่ามนุษย์
บูม!
ด้วยการตบฝ่ามือเบาๆ ไปที่เสาหินก้อนใหญ่นั้นเพียงครั้งเดียว มันพลังทลายลงคล้ายกับเศษเหล็กที่ถูกถลุงและบินไปทุกที่ พลังนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในขอบเขตพลังฉี
‘อย่างที่คาดไว้ขอบเขตต้นกำเนิด พลังฉีเข้นข้นอะไรเช่นนี้’ หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจกับสิ่งที่เขาค้นพบใหม่
ด้วยปริมาณเท่ากันของพลังฉีที่ใช้ไป พลังจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดนั้นอย่างน้อยก็แรงมากกว่าสองเท่าเมื่อโจมตีด้วยกันกับขอบเขตพลังฉี
หากพลังฉีของจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีถือเป็นหาดทรายที่หละหลวม เช่นนั้นแล้งพลังฉีของจอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดก็สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นดินอัดที่มีแรงโจมตีสูงกว่ามาก