บทที่ 80 ขอบเขตต้นกำเนิด
บทที่ 80
ขอบเขตต้นกำเนิด
เจ็ดขีดเป็นผลลัพธ์ที่อยู่เหนือตรรกะเหตุผล ในอดีตมีเพียงดาบคลั่งเท่านั้นที่สามารถทำได้
ดาบพยัคฆ์ ดาบไร้เมตตา และดาบจักรพรรดิ ทุกคนเหล่านี้ก็สามารถทำได้เพียงแค่แปดแต่เพียงเท่านั้น
แต่ความรวดเร็วไม่สามารถระบุความแข็งแกร่งและความสามารถทั้งหมดได้
บางคนชอบวิชาดาบที่ช้าและทั่งคง บางคนชอบที่จะปรับใช้เทคนิคและกลยุทธ์ ในขณะที่บางคนชอบที่จะใช้องค์ประกอบของธาตุที่ดูน่าหลงใหล
แต่ละคนมีวิชาต่อสู้เป็นของตัวเอง
ด้วยความแตกต่างในวิชาการต่อสู้ มันย่อมเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่าง
***
ด้วยการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในนิกาย อีกข่าวใหญ่ก็ออกมา
หยูเหวินเทียนทะลวงขอบเขตต้นกำเนิด
หยูเหวินเทียนมีรูปร่างหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนชายผู้อายุ 18 หรือ 19 ปี แต่ในความเป็นจริง เขาอายุ 16 ปีเหมือนกับหลี่ฟู่เฉินและกั่วเซี่ย
แต่หยูเหวินเทียนเข้าสู่นิกายเมื่ออายุ 13 ปี และมีประสบการณ์มากกว่าทั้งคู่
จอมยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดที่อายุ 16 ปีถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แม้แต่กระทั่งในประวัติศาสตร์ของนิกายคังหลุนเองก็ตาม ในโลกภายนอก ถ้าใครสามารถบุกเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อนอายุ 25 พวกเขาก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะ
คลื่นข่าวใหญ่มาทีละคลื่น...
หนึ่งเดือนต่อมา ชางกวนหงก็ฝ่าเข้าไปยังขอบเขตต้นกำเนิด
จากนั้นก็คือหงเฟิงและจ้าวหมิงเยวี่ย
ในบรรดา 10 ศิษย์อันดับต้น สามคนได้ไปยังขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว
ในความเป็นจริง จากศิษย์นิกายชั้นนอกจำนวน 30,000 คน จะมีศิษย์หลายพันคนบุกเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดทุกปี แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้โดดเด่นและไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆ
ขอบเขตพลังฉีและขอบเขตต้นกำเนิดมีช่องว่างระหว่างขอบเขตอยู่
ไม่ว่าจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีจะโดดเด่นเพียงใด ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านขอบเขตต้นกำเนิด พวกเขาก็จะพ่ายแพ้
เมื่อศิษย์ชั้นนอกพบกับศิษย์ชั้นใน พวกเขาทุกคนจะต้องทักทายพวกเขาในฐานะชิเซียงหรือชีเจี๋ย สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุดในการพบกับศิษย์ชั้นในที่อารมณ์ไม่ดี มันมักจะจบลงด้วยการที่พวกเขาถูกโบยเป็นบทเรียนที่ไม่ทักทาย
‘เป็นขั้นที่อยู่หลังระดับที่เก้าของขอบเขตพลังฉี’
วันนี้ ในที่สุดการบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินก็ทะลุผ่านจากระดับเก้าขั้นกลางไปสู่ช่วงหลังของระดับที่เก้าแล้ว เขาอยู่ห่างจากจุดสูงสุดของระดับที่เก้าเพียงหนึ่งก้าว
‘ทักษะดาบทั้ง 3 อย่างไม่ว่าจะเป็นดีเลิศย่อยหรือดีเลิศ ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องอยู่ในลานเพื่อฝึกฝนมันเพิ่มเติมอีกแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องไปเยี่ยมทะเลสาบคังหลุน’
เก็บอุปกรณ์ตกปลาของเขา หลี่ฟู่เฉินรีบไปที่ทะเลสาบคังหลุน
หลี่ฟูเฉินเตรียมการมานานแล้วสำหรับทุกย่างก้าวที่เขาทำ เขาจะต้องได้รับคะแนนสะสมมากที่สุด
เทคนิคการขัดเกลาร่างกายนั้นใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง มีเรื่องตลกที่กล่าวไว้ว่า ทุกๆ นิ้ว เนื้อ หนังของจอมยุทธ์น่าเกรงขาม ร่างกายที่ประณีตนั้นทำมาจากทองคำ แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวก็จะมีค่าหลายร้อยทอง
แต่นั้นก็มันค่อนข้างจริง
ระหว่างการขัดเกลาร่างกาย มันจะต้องใช้ทรัพยากรอย่างมากมายและก็วิวัฒนาการของโครงสร้างของร่างกายและพลังฉี ส่งผลทำให้ร่างกายกลายเป็นสมบัติด้วยตัวของมันเอง
ผู้เชี่ยวชาญที่ขัดเกลาตัวเองมาเป็นอย่างดีสามารถใช้เลือดของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่กำลังจะตายได้
ด้วยสิ่งนี้ ร่างกายของจอมยุทธ์เหล่านี้ได้กลายเป็นเป้าหมายของผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการสร้างทรัพยากร
พวกเขาจะใช้เลือดและเนื้อของร่างกายที่ได้รับการขัดเกลาเหล่านี้ เพื่อทำเป็นยาสำหรับการบ่มเพาะและกลืนกินแก่นแท้ที่ดีที่สุดของมัน
สรุปแล้ว มีข้อดีและข้อเสียในการบ่มเพาะเทคนิคการปรับแต่งร่างกาย
ข้อดีคือเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
ข้อเสียคือการกลายเป็นเป้าหมายของนักล่าที่จะทำให้ร่างกายกลายเป็นทรัพยากร
ดังนั้น ก่อนที่จะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงด้วยตัวเอง อย่าเปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้ที่ฝึกฝนการขัดเกลาร่างกาย
***
เวลาไหลไปเหมือนน้ำที่ทะเลสาบคังหลุน
หนึ่งไปสู่อื่นๆ ศิษย์นิกายชั้นนอกเริ่มพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด และได้รับการเลื่อนสถานะให้เป็นศิษย์นิกายชั้นใน
หลายเดือนต่อมา…
เกาช่างเทียน ฟางเหล่ยไห่ ซันจุน หวูชิงเหม่ย และเฉาหยุนต่างก็เข้าสู่ขอบเขตต้นด้ำเนิด
สิ่งกีดขวางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือจุดสูงสุดระดับเก้าในขอบเขตพลังฉี แต่มันก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อโครงกระดูกระดับ 4 ดาว ที่ดีที่สุดมันก็แค่ล่าช้าไปสองสามเดือน
ขณะนี้เอง ในบรรดาศิษย์ชั้นนอก 10 อันดับแรก เหลือเพียง 4
‘นี่คือความแข็งแกร่งทางกายภาพ 15,000 กิโลกรัม?’
ที่กระท่อมแห่งหนึ่งบนแท่นตกปลา หลี่ฟู่เฉินส่งหมัดไปกลางอากาศ กระท่อมทั้งหมดสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่ทะเลสาบคังหลุน หลี่ฟู่เฉินกินปลาสมบัติ ทุกตัวที่เขาตกมาเข้าไป
แต่ความต้องการทรัพยากรของเขาตอนนี้สูงกว่าเมื่อก่อนมาก แค่มีปลาสมบัติระดับหนึ่งมันไม่เพียงพอ หลังจากกินปลาสมบัติระดับสองเท่านั้นมันถึงจะเพียงพอ
ดังนั้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาจึงลดลงเล็กน้อย เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพจาก 12,000 เป็น 15,000
นอกเหนือจากนั้นเขาก็ประสบความสำเร็จในการทำให้วิชาสกัดกลั้นเต๋าเข้าสู่ขั้นสมบรูณ์ได้แล้ว ส่วนวิชาดาบเสี้ยวทั้งสามของหลี่ฟู่เฉินและวิชาดาบหยดอยู่ในขั้นภวังค์แล้ว
มีเพียงวิชาดาบมังกรที่ทะยานเท่านั้นที่ไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น และมันก็ก้าวหน้าไปถึงขั้นดีเลิศแต่เพียงเท่านั้น
หลี่ฟู่เฉินประเมิน นอกเหนือจากว่าเขาจะก้าวหน้าในเทคนิคลึกลับเปลวเพลิงสีแดง เช่นนั้นเขาคงจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดของระดับที่เก้าหรือไม่ก็ทะลวงไปยังขอบเขตต้นกำเนิดได้เลย แต่นั้นก็จะทำเขาไม่สามารถบรรลุวิชาดาบมังกรทะยานขั้นภวังค์ได้
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ในที่สุดการบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินก็มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตพลังฉี
‘อีกเพียงครึ่งปีก็ควรพอแล้ว!'
หลี่ฟู่เฉินกล่าวกับตัวเอง
ในพริบตา เขาก็มาที่นิกายคังหลุนกว่าหนึ่งปีกับอีกครึ่งแล้ว ตอนนี้เขาอายุ 16 แล้ว
หลี่ฟู่เฉินอายุ 16 ปี สูงประมาณ 180 ซม. เขาไม่ได้ดูเป็นคนที่มีกล้ามเนื้ออะไรมากมาย แต่น้ำหนักตัวของเขาเกิน 90 กิโลกรัมไปแล้ว
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าในอนาคตน้ำหนักตัวของเขาคงจะเกิน 500 กิโลกรัมแน่นอน แต่ก็ยังอีกนานก่อนที่เขาจะไปถึงจุดๆ นั่น
***
หนึ่งเดือนต่อมา กั่วเซี่ยก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด ชิงเฉาหยูเองก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดด้วยเช่นเดียวกัน…
ในปีเดียว ศิษย์นิกายชั้นนอกทั้ง 10 อันดับทั้งหมดยกเว้นหลี่ฟู่เฉินได้เข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด
แม้แต่ใน 20 อันดับสูงสุด หลี่ฟูเฉินเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่พัฒนา
ทีละเล็กทีละน้อย มันเริ่มมีข่าวลือว่าหลี่ฟู่เฉินคงจะก้าวหน้าเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดไม่ได้ภายในสามปีนี้
สามปีต่อไป หลี่ฟู่เฉินจะอายุ 19 ปี การพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตต้นดำเนิดตอนอายุ 19 ปี มันถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในนิกายคังหลุน เขาจะเสียเวลาไปอีกมาก
เราต้องรู้ว่าศิษย์ชั้นภายในมีความแตกต่างจากศิษย์ชั้นนอกอย่างมาก ศิษย์ชั้นในสามารถแลกคู่มือทักษะการต่อสู้ระดับลึกลับมาได้อย่างง่ายดาย และความเร็วในการรับคะแนนสะสมก็เร็วขึ้นเช่นกัน
ทุกคนทั้งหมดพยายามให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ชั้นใน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีกว่า
‘ในที่สุดเทคนิคลึกลับเปลวเพลิงสีแดงก็มาถึงขั้นที่เก้า’
ในกระท่อมไม้มันเป็นหลี่ฟูเฉิน ที่นั่งไขว้ขาอยู่บนพื้น ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขาถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟจากพลังฉีสีแดง
พลังฉีสีแดงหนาแน่นเป็นเหมือนชั้นเพลิงที่กำลังลุกไหม้ มันส่งผลทำให้หลี่ฟู่เฉินดูเหมือนเทพแห่งเปลวไฟ
หลี่ฟูเฉินเอื้อมมือไปหยิบสิ่งของจากระยะไกล ถ้วยชาบนโต๊ะอยู่ห่างออกไปหลายกี่เมตรถูกดูดเข้าหาหลี่ฟู่เฉินทันที จากนั้นก็ถูกทำลายโดยไฟพลังฉี
ดึงดูดน้ำจากบ่อปลา น้ำเดือดและระเหยขึ้น
“ดึงวัตถุจากระยะไกล นี่คงเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกฝนขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้นที่สามารถทำได้ ดังนั้นนี่คือพลังขั้นที่เก้าของเทคนิคเปลวเพลิงสีแดง”
ด้วยเทคนิคเปลวเพลิงสีแดงขั้นที่เก้า ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็สามารถผ่อนคลายตนเองได้บ้าง
ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างท่องแท้แล้วว่าอุปสรรคในการบุกเข้าไปยังดินแดนต่อไปคืออะไร และเกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงกระดูกอย่างไร โครงกระดูกที่มีคุณภาพสูงกว่า ก็จะง่ายกว่าในการเอาชนะอุปสรรค
และสำหรับโครงกระดูกปกติ มันไม่สำคัญว่าการรับรู้ของท่านจะน่ากลัวแค่ไหน มันก็ยังมีบางสิ่งที่ขาดไปอยู่
แน่นอน ยิ่งมีเทคนิคระดับสูงมากขึ้น ปัจจัยที่ขาดไปนี้ก็จะถูกชดเชยได้อย่างง่ายดาบ
“ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว”
หลี่ฟูเฉินเก็บอุปกรณ์ตกปลาของเขาลงไปพร้อมๆ กับปลาสมบัติที่เขาตกมาในช่วงไม่กี่เดือนนี้ และเริ่มเดินทางกลับไปที่นิกายคังหลุน
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะต้องเตรียมตัวสำหรับการบุกเข้าสู่ขอบเขตต้นดำเนิด