ตอนที่แล้วบทที่ 76 ศิษย์ชั้นนอกระดับต้น (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 78 อันดับ 1 ของหอคอยแห่งความลำเค็ญ

บทที่ 77 ศิษย์ชั้นนอกระดับต้น (2)


บทที่ 77

ศิษย์ชั้นนอกระดับต้น (2)

ปั๊ง! บูมมม!

ทั้งสองพยายามที่จะปลดชีวิตกันและกันด้วยหมัดเปล่า มันแม้แต่กระทั่งดูรุนแรงกว่าเมื่อตอนที่ต่อสู้ด้วยดาบ

หมัดของแต่ละคนแล่นไปอย่างไม่พลาดเป้า

เช้ง!

ดาบทั้งสองถูกปักลงบนเวที แต่มันก็ไม่ได้หยุดการห่ำหันกันระหว่างทั้งสองแต่อย่างใด

‘เป็นไปไม่ได้ ข้ามีความแข็งแกร่งกายภาพกว่า 10,000 กิโลกรัม ข้าไม่สามารถกะกดข่มมันได้อย่างไร’

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป หยูเหวินเทียนคล้ายจะถูกทำให้กลายเป็นบ้า

หลี่ฟู่เฉินใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่

หยูเหวินเทียนคล้ายกับหลี่ฟู่เฉินในแง่ของความแข็งแกร่งทางกายภาพ เทคนิคบ่มเพาะ และความสามารถในการต่อสู้เองก็เช่นกัน

“ยอดเยี่ยม!”

ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น มันเป็นเวลานานแล้วกว่าที่เขาจะได้คู่ต่อสู้ที่ดีเช่นนี้ การสะกดข่มคู่ต่อสู้ได้เองก็นับว่าเป็นความน่าพอใจ แต่มันก็ไม่สามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปในหัวใจเขาได้

โดดเดี่ยวอ้างว้างอยู่ท่ามกลางจุดสูงสุด

มันต้องพบคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงถึงจะเห็นถึงคุณค่าของเขาได้

แคร๊ก!

เวทีในการแข่งขันครั้งนี้ถูกสร้างมาจากหินอัคนีที่แข็งที่สุด แต่ภายใต้การห่ำหั่นระหว่างสองคน เวทีแห่งนี้ก็เริ่มแตกร้าว เศษก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นเริ่มล่องลอยไปทั่วสถานที่โดยพลังฉี

“ทั้งสองยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”

“แม้แต่สัตว์ปีศาจก็ไม่ดุดันเท่ากับพวกเขา”

“พวกเขาเหมือนปีศาจ”

ผู้ชมทุกคนกลั้นหายใจ และมองไปที่การต่อสู้โดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา

“วิชาลูกเตะอัสนี!”

หยูเหวินเทียนมีความรอบรู้มากกว่าหลี่ฟู่เฉินในแง่ของทักษะการต่อสู้ที่หลากหลาย ด้วยวิชาลูกเตะสีเหลืองขั้นสูงสุด รอยแตกยาวขนาดหนึ่งเมตรถูกทิ้งไว้บนเวที

“ประกายวายุ!”

ด้วยวิชาลูกเตะพายุหมุนทีทถูกหลี่ฟู่เฉินใช้ มันจึงไม่ได้เป็นเพียงลูกเตะสีเหลืองขั้นกลางธรรมดาๆ อีกต่อไป มันราวกับกับว่าถูกผสมเข้ากับสายเลือด และกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลี่ฟูเฉิน

ซู้ ซุ้…

ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนไปในลักษณะต่างๆ ทิ้งภาพติดตาไว้ด้านหลัง

ดวงตาของหยูเหวินเทียนเมื่อยเกร็งเนื่องจากต้องเพ่งสมาธิทั้งหมด…

หลี่ฟู่เฉินโจมตี!

เงาดำมากมายมหาศาลเข้าล้อมส่งลูกเตะมายังหยูเหวินเทียน

แม้ว่าหยูเหวินเทียนจะเชี่ยวชาญทั้งรุกและป้องกัน เขาก็ยงไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีนี้ที่มาจากหลี่ฟู่เฉิน เขาใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่เขาลดการป้องกันลง ในพริบตา เขาถูกส่งตัวบินออกไปหลังจากถูกลูกเตะ 3 ถึง 4 ครั้ง

เช้ง!

หยูเหวินเทียนยังมีโชคอยู่บ้าง ขณะที่เขากำลังจะกระเด็นตกเวที เขาก็คว้าดาบเอาไว้ได้ ดาบเหล็กขูดไปกับพื้นดิน หยูเหวินเทียนสูดหายใจลึก และหยุดอยู่ที่ตรงนั้นราวกับก้อนเหล็กที่มีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม

“รับคมดาบนี้ไปซะ”

ด้วยดาบเหล็กในมือของเขา ความสามารถโดยรวมของหยูเหวินเทียนจึงเพิ่มขึ้นสองเท่า แสงดาบที่เปล่งปลั่งเผยเข้าสู่สายตาของหลี่ฟู่เฉิน

หลี่ฟู่เฉินถอยกลับอย่างเร่งรีบ และระหว่างการล่าถอยของเขา เขาเตะก้อนหินไปที่หยูเหวินเทียนอย่างต่อเนื่อง

“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าจะหนีไปได้แค่นั้นกันเชียว?”

หยูเหวินเทียนไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ออกความเห็นมาหลังจากที่เห็นก้อนหินพุ่งเข้ามา เขาไม่สามารถเข้าไปหาหลี่ฟู่เฉินได้

โดยที่ไม่รู้ตัว หลี่ฟู่เฉินมาหยุดอยู่ที่หน้าของดาบเหล็ก

เช้ง!

วาดดาบเหล็ก หลี่ฟู่เฉินกล่าว “หนี? เจ้าประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปแล้ว”

“หากข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าวันนี้ได้ ข้าจะไม่หยุดพักใดๆ!”

พร้อมกับเสียงคำราม ดาบเหล็ของหยูเหวินเทียนก็ถูกเคลือบด้วยพลังฉีสีทองอ่อนและเปลี่ยนดาบให้เป็นหมอกสีทองขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อแยกหลี่ฟู่เฉินออกจากกัน

“ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะไม่มีความสามารถทำเช่นนั้นได้”

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ยอมแพ้ เขาดำดาบที่กำลังเรืองแสงสีแดงซีดไว้แน่น และวาดมันไปที่หัวของหยูเหวินเทียน

เคร้ง!

คราวนี้มันเป็นดาบเหล็ก ไม่ใช่ดาบไม้ นั้นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมดาบถึงไม่แตก

แต่คราวนี้ พลังปะทะที่ออกมาจากดาบเหล็กช่างดูงดงามยิ่ง เมื่อตอนที่สีทองคำซีดและหมอกสีแดงระเบิดออก มันก็ปิดบังทัศนวิสัยครึ่งนึงของเวทีทันที

บนเวที หินบางก้อนที่ถูกบดละเอียด ลอยขึ้นและถูกยิงออกไป

“พลังฉีของพวกเขามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?!”

ศิษย์นิกายชั้นนอกที่นั่งอยู่แถวหลังเองก็งงงวยเช่นกัน

‘โครงกระดูกระดับ 5 ดาวความสามารถของมันช่างตามชื่อตัวมันเองเสียจริง’

หลี่ฟูเฉินชื่นชมอยู่ในหัวใจของเขา ในขณะที่เจตนาต่อสู้ในดวงตาของเขาเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

แม้หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปกว่า 300 ครั้ง การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป

แต่ทุกคนเห็นว่าหลี่ฟูเฉินมีข้อได้เปรียบเล็กน้อย

ทักษะดาบของหยูเหวินเทียนนั้นโดดเด่น แต่ก็ขาดปัจจัยหลักอย่างเช่นความเร็ว

ขณะที่ทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินเองก็ขาดความแหลมคม แต่มันราวกับว่าตัวเขาเกิดมาเพื่อถือดาบ

แม้แต่หยูเหวินเทียนเองก็ยังถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยกระบวนดาบของตัวเอง แต่หลี่ฟู่เฉินได้ก้าวข้ามขีดจำกัดการเคลื่อนไหวของกระบวนดาบไปนานแล้ว และเขาทำได้แม้ว่าจะไม่ได้ใส่ใจ

นี่คือความแตกต่างในเรื่องของความเข้าใจ

“ประกายเพลิง”

กระบวนท่าที่ 398 หลี่ฟู่เฉินใช้กระบวนดาบของวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิง

ด้วยดาบที่เรืองแสงสีแดงอ่อนๆ มันเข้าไปปะทะดับดาบของหยูเหวินเทียน ทันใดนั้นเองมันก็เริ่มลุกไหม้คล้ายกับไฟป่า โหมลุกโชติช่วง

บูม บูมม บูมมม…

ในขณะที่เขาถูกบังคับให้ต้องล่าถอย ไฟก็เริ่มลุกไหม้ที่เสื้อของหยูเหวินเทียน

“สมควรถึงเวลาแล้ว!”

ตาของหลี่ฟู่เฉิงสว่างขึ้น วาดดาบจากซ้ายไปขวา มันเป็นการวาดดาบเป็นเส้นโค้งที่ดูสมบูรณ์แบบ แสงดาบสีแดงอ่อนๆ ที่คล้ายกับดวงจันทร์แรมค่ำ ส่องสว่างอยู่บนเวที

ทักษะดาบสีเหลืองขั้นต่ำ - วิชาดาบเสี้ยวจันทรา

ติ๋ง!

ดาบเหล็กของหยูเหวินเทียนหลุดออกจากมือและบินออกจากเวที

อย่าได้ดูถูกทักษะดาบสีเหลืองขั้นต่ำ เมื่อผู้เชี่ยวชาญกำลังต่อสู้อยู่ พร้อมๆ กับโอกาสที่เหมาะสม ทักษะดาบระดับต่ำสามารถลดเวลาในการใช้ได้ และนี่มันก็ทำให้ศัตรูต้องประหลาดใจได้

“น่ารังเกียจ”

หยูเหวินเทียนกลายเป็นงุนงงอบู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แผ่วเสียงออกมาเบาๆ

“ข้าชนะได้อย่างยุติธรรมและไร้เล่ห์เหลี่ยม มันน่ารังเกียจตรงไหน?” เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาไร้ดาบ มันก็เหมือนเสือที่ไร้เขี้ยว หลี่ฟู่เฉินไม่ได้โจมตี แต่ตอบกลับอย่างสงบ

หยูเหวินเทียนกล่าว “หากดาบอยู่ในมือของข้า ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้เจ้า”

“งั้นข้าคงต้องขออภัยที่ทำให้ดาบของเจ้าหลุดออกจากมือ หากถือดาบได้อีกครั้ง ข้าก็จะส่งให้มันบินออกไปอีกครั้งเช่นกัน เจ้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

“พูดได้ตามต้องการ” หยูเหวินเทียนเดินออกจากเวทีด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ

“เขาชนะได้จริงๆ? มีเหตุผลของเรื่องนี้คือสิ่งใด?”

กั่วเผิงกลายเป็นตกตะลึง

กั่วหงและกั่วหยางเองก็กลายเป็นมึนงง

ใรความเป็นจริง มันมีคนจำนวนมากที่กลายเป็นโง่ ชางกวนหง ฟางเหล่ยไห่ ชิงเฉาหยู คนอื่นๆ และทุกคนเองก็ไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้

“เขาชนะทั้งหมดได้จริงๆ”

ในช่วงเวลานี้เอง หวูชิงเหม่ยรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝันอยู่

ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่สมจริง

เมื่อตอนที่เธอเห็นหลี่ฟู่เฉินเป็นครั้งแรก เธอไม่แม้แต่จะใส่ใจเขาเลย และปฏิบัติกับเขาเหมือนกับศิษย์ชั้นนอกที่มีความสามารถเล็กน้อย

เพียงไม่นานหลังจากนั้น แม้แต่หยูเหวินเทียนเองก็กลายเป็นพ่ายแพ้

“ลืมมันไป หลังจากที่เข้าสู้ขอบเขตต้นกำเนิด สถานการณ์สมควรดีขึ้นกว่านี้”

หวูชิงเหม่ยไม่ต้องการคิดเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้

“น่าสนใจ” จ้าวหมิงเยวี่ยพัฒนาความสนใจที่มีต่อหลี่ฟู่เฉิน

บนแท่น ผู้อาวุโสชั้นในต่างก็กำลังสนทนากันอย่างดุเดือด

“คนสามารถทั้งหมดของผู้คนที่มาแข่งขันขันนี้ไม่เลว ความสามารถโดยรวมอาจเป็นได้แม้แต่กระทั่งดาบคลั่งกลุ่มต่อไป”

“ใช่ หยูเหวินเทียนสมควรอยู้ระดับเดียวกับดาบพยัคฆ์ ในขณะที่สัมผัสของหลี่ฟู่เฉิงและทักษะดาบสมควรอยู่ในระดับเดียวกับดสบคลั่ง”

“จักรพรรดิดายจากการแข่งขันครั้งก่อนเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่เขาเป็นคนเดียวที่โดดเด่น”

“เราจะได้เห็นกัน! ถ้าหลังจากเขาเข้าไปยังนิกายชั้นในแล้วและยังคงยอดเยี่ยม มันคงจะไม่เป็นปัญหา หากจะอนุญาตให้เขาเป็นอัฉรยะของนิกายชั้นใน”

“นี่เป็นคำแนะนำที่ดี ก่อนอื่นจำเป็นต้องสังเกตการไปก่อน”

***

เวทีทั้งหมดกลายเป็นวุ่นวาย ทันใดนั้นเองเงาก็พุ่งขึ้นมาบนเวที ร่างนั้น มันเป็นเซี่ยวฉางเฟิง

จากนั้นเขาก็เริ่มประกาศอันดับขอศิษย์นิกายชั้นนอก 10 อันดับแรก และรางวัลของพวกเขา

มีรางวัลสองประเภท คะแนนสะสมและคุณสมบัติในการแลกทักษะต่อสู้ระดับลึกลับ

หลี่ฟู่เฉินที่ได้อันดับแรก ได้รับคะแนนสะสมกว่า 100,000 คะแนน

100,000 คะแนนสะสมเป็นจำนวนเงินที่ผู้อาวุโสชั้นนอกใช้เวลาหกถึงเจ็ดปีในการสะสม แต่ผู้อาวุโสชั้นนอกนั้นได้รับคะแนนสะสมจากตำแหน่งของเขาเอง ในนิกายคังหลุน ผู้อาวุโสชั้นนอกระดับหกจะได้รับรางวัลอย่างน้อย 15,000 คะแนน พวกเขาจะได้สามารถมีสมาธิกับเรื่องภายในนิกายได้โดยไม่มีการรบกวนใดๆ

การแข่งขันชั้นนอกของเหล่าศิษย์มากมายนั้นสิ้นสุดลงแล้ว หลี่ฟูเฉินมีชื่อเสียงและหลายคนย่อมต้องจดจำชื่อของเขาได้ เพียงไม่นาน ชื่อของเขาก็ถูกแกะสลักลงบนกำแพงที่ภูเขาด้านนอก และกลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของนิกายคังหลุน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด