GE177 สังหารอสูรราวผักปลา แต้มโปรยปรายราวสายฝน [ฟรี]
หนึ่งข่าวดี หนึ่งข่าวร้าย ได้ถูกประกาศออกมาจากวังบนเขาจูซาน
ข่าวร้ายคือ รอบภูเขาจูซาน 500 ลี้ เส้นชีพจรพิภพทั้งหมดถูกทำลาย แต่ท่านเสวี่ยออกหน้ารับว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะซัวหมิงได้หยิบยืมปราณจากเส้นชีพจรพิภพมารักษาตน แต่น่าเสียดายที่ภูเขาจูซานจะกลายเป็นสถานที่ไร้ค่าไป
ข่าวดีคือท่านเสวี่ยหายจากการต้องพิษแล้ว!
ยามนี้หนิงฝานอยู่ในแคว้นจินได้ 1 เดือนครึ่ง เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง เขาจะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายจากไป
หนิงฝานไม่อาจล่าช้าได้อีกแล้ว ดังนั้น เขาต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด
อีกไม่นานศึกตัดสินจะมาถึง ท่านเสวี่ยได้สั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั้ง 33 คน แบ่งกลุ่มละ 3 คนนำหน่วยรบเข้าสังหารอสูร
แต่ไม่ว่าจะสังหารอสูรไปมากเท่าไหร่ พวกมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดจำนวน เพราะขุนพลปีศาจของพวกมัน มีวิชาอสูรที่เปลี่ยนให้สัตว์น้อยใหญ่กลายเป็นอสูรได้
แม้วิชานี้จะไม่ธรรมดา แม้จะได้อสูรในขอบเขตแก่นทองคำ ประสานวิญญาณ และดวงจิตแรกเริ่มมากมาย แต่อสูรที่ถือกำเนิดมาเหล่านั้นมีอายุขัยได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น
แต่หากปล่อยให้พวกมันไว้ การบุกจู่โจมอย่างบ้าคลั่งของพวกมันจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง
หนิงฝานรับหน้าที่สังหารอสูร พื้นที่รับผิดชอบคือทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นจิน
ที่นั่นมีเมืองที่ถูกอสูรยึดครองอยู่เมืองหนึ่ง มีข่าวลือว่าที่นั่นมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มหลายตนเฝ้าอารักษ์ นอกจากนี้ พวกมันยังได้เปลี่ยนหมู่วิหคให้กลายเป็นอสูรด้วย
ภายนอกภูเขาจูซาน มีหน่วยจู่โจมหนึ่งหน่วย ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 257 คน และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 27 คน และผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 3 คน
ทั้งหมดได้ร่วมมุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นด้วยเรือเหาะขนาดเล็กลำหนึ่ง แม้เรือเหาะเหล่านั้นจะเล็ก ดูไม่แข็งแกร่ง แต่มันเคลื่อนที่ได้เร็วมาก มีเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเท่านั้นที่ทนรับความเร็วนี้ได้
นั่นคือกลุ่มของหนิงฝาน มีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอยู่ด้วยอีก 2 คน หนึ่งคือเจี่ยเซียว อีกหนึ่งคือหยุนโร่วเหว่ย!
ยามนี้ บรรยากาศระหว่างหนิงฝานและหยุนโร่วเหว่ยดูอึดอัด ในอดีตที่เขาล่วงเกินนาง เขาทำไปเพราะไม่มีทางเลือก แต่สำหรับนาง กลับเป็นการฝากความแค้นเอาไว้ แม้หนิงฝานจะขอโทษนาง ก็ไม่อาจคลายความโกรธลงได้
“เรื่องในวันนั้น… ข้าขอโทษ!”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวิหารกล้วยไม้… ข้าลืมไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงมันอีก! ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร อย่าได้คิดแสดงพลังให้มาก หากไปถึงเมืองอสูร และที่นั่นมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขึ้นกลาง ข้าจะเป็นคนจัดการเอง!”
นางเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นกลาง แม้หนิงฝานจะมีไพ่ตายมากมาย แต่สุดท้ายหนิงฝานก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำ ต่อให้เขามีกระบี่ไร้เงาของหยุนขวาง และสามารถสังหารอสูรในขอบเขตแก่นทองคำได้ได้ราวกับมด แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางก็นับว่าอันตรายไม่น้อย
นางไม่ได้ดูถูกหนิงฝาน แต่การสังหารอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มไม่ใช่เรื่องง่าย นางคิดว่าหนิงฝานไม่อาจใช้ย่างก้าวพริบตาได้ ย่อมไล่ตามอสูรได้ไม่ทัน
แต่หนิงฝานก็ไม่ได้โต้เถียงนาง เรื่องแผนการต่างๆ เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจี่ยเซียวและหยุนโร่วเหว่ย เขาเพียงยืนนิ่ง หลับตาอย่างสงบ สองมือไพล่หลังอยู่บนดาดฟ้าเรือเพื่อเฝ้ารอ
เส้นทางที่เรือเหาะแล่นผ่าน ภูเขา สายน้ำ ป่า ทุกสิ่งถูกอสูรทำลายพินาศ ทุกที่อาบย้อมไปด้วยสีดำ
ระหว่างทาง เหล่าอสูรได้เข้าจู่โจมเรือเหาะ
อสูรส่วนมากอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ แก่นทองคำมีให้เห็นบ้าง
แต่พวกมันไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เรือ พวกมันถูกปราณกระบี่สีดำสังหารตายในพริบตา แต่บางตัวที่ทรงพลัง หนิงฝานก็ใช้หมัดทะลายน้ำแข็งสังหารมัน
นอกจากนี้ หนิงฝานยังฉวยโอกาสกินโอสถโลหิตหลอม เพื่อขัดเกลาร่างกาย
จนทำให้วิชากระดูกยักษ์ยกระดับไปยังขอบเขตใหญ่ที่ 3!
แต้มที่ได้จากการสังหารอสูรก็หลั่งไหลราวกับพิรุณ
ในหน่วยรบที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มคนอื่นๆ พวกมันไม่มีสัมผัสกระบี่เหมือนหนิงฝาน ทำให้การไล่ล่าสังหารอสูรเป็นไปอย่างเชื่องช้า
สัมผัสกระบี่จึงนับเป็นวิชาที่น่าสะพรึงกลัว
ช่างน่าเสียดายที่ซัวหมิงเป็นคนของโลกพิรุณ หากอยู่ในโลกกระบี่ ซัวหมิงจะกลายเป็นที่โปรดปราณของเหล่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ได้ยกระดับเป็นศิษย์อันดับหนึ่งที่จะได้รับทรัพยากรการฝึกฝนอย่างเต็มที่ เมื่อผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงไปหมื่นปี ซัวหมิงจะกลายเป็นจักรพรรดิกระบี่คนต่อไป...
หนิงฝานเป็นผู้สังหารอสูรด้วยตนเอง เหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ร่วมกลุ่มแทบไม่ต้องลงมือ
แม้สัมผัสกระบี่จะผลาญสัมผัสเทพไปมาก แต่หนิงฝานมีโอสถที่ช่วยฟื้นฟูเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ให้สัมผัสเทพหมด ก็สามารถเติมได้ทันที
ผ่านไป 3 วัน หนิงฝานมุ่งหน้าได้ระยะทางแสนลี้ สังหารอสูรระหว่างทางไปหลายพันตัว ได้แต้มเพิ่มมาอีก 250,000 แต้ม
นอกจากนี้ เมื่อมีโอกาสได้พบกับอสูรในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด หนิงฝานสังหารมัน หากมันให้กำเนิดผลไม้แห่งเต๋า หนิงฝานก็เก็บไว้
จนยามนี้ หนิงฝานได้ผลไม้แห่งเต๋า 2 ลูกแล้ว! หากเขาบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ เขาจึงยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว!
เจี่ยเซียวและหยุนโร่วเหว่ย นำคนของหน่วยรบตั้งกระบวนทัพ เข้าจู่โจมอสูร
หนิงฝานเพียงรับหน้าที่สังหารเพื่อถางทางเท่านั้น
ผ่านไปอีก 3 วัน ทั้งหมดก็เริ่มเข้าใกล้บริเวณที่หนาวเหน็บ
ไกลออกไปพันลี้มีภูเขาสูงหมื่นจ้าง ยอดเขาสูงเสียดฟ้า บนนั้นมีเมืองอสูรขนาดยักษ์ตั้งอยู่ เหนือเมืองปกคลุมด้วยเมฆดำทมิฬ
เมฆดำทมิฬทำหน้าที่เหมือนม่านหมอกบดบัง แต่เมื่อเรือของหนิงฝานมาถึง กองทัพอสูรนับหมื่นก็ปรากฏ!
พวกมันไม่รอให้ถูกสังหาร การปรากฏตัวของพวกมัน ทำให้คนของหน่วยรบสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“คาดไม่ถึงว่าเมืองแห่งนี้จะมีอสูรมากมายขนาดนี้!”
ในหมู่พวกมัน มีอสูรวิหคนับหมื่น เป็นอสูรในขอบเขตเปิดเส้นชีพจร มีอสูรในขอบเขตประสานวิญญาณหลายพัน ขอบเขตแก่นทองคำประมาณ 100 ตน
นอกจากนี้ ลำแสงสีสายได้ทะยานออกจากเมือง ปรากฏเป็นอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 4 ตน!
มี 3 ตนเป็นอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น อีก 1 เป็นอสูรขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง มันเป็นอสูรสิงโต ดวงตาแดงฉาน บนหน้าผากมีอักษรภาษาอสูร
“ฮ่าฮ่า! ช่างอวดดีจริงๆพวกมนุษย์ ถึงกลับกล้ายกทัพมาที่นี่… ฆ่ามัน!”
อสูรสิงโตออกคำสั่ง กองทัพอสูรร่วมหมื่นเคลื่อนไหว กรีฑาทัพเข้าบดบังผืนฟ้า!
พวกมันรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียง 10 ลมหายก็เข้าใกล้เรือเหาะ
บนดาดฟ้าเรือ เจี่ยเซียว หยุนโหร่วเหว่ย สีหน้าแปรเปลี่ยนเคร่งขรึม
“คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มุคง 4 ตน แต่ 3 ใน 4 ตนนั้นเพิ่งถูกเปลี่ยนเป็นอสูร จึงยังไม่แข็งแกร่งนัก และดูเหมือน อสูรสิงโตตนนั้นจะเป็นทาสของขุนพลอสูรโดยตรง...”
“ข้าจะรับมือกับอสูรสิงโต… เจ้ากับจิงสั่วรับมือกับอีก 3 ตนที่เหลือ… แยกย้ายได้!”
เมื่อสิ้นคำสั่งของหยุนโร่วเหว่ย ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั้ง 257 คน และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 21 คนมุ่งออกจากเรือ ตั้งกระบวนทัพเตรียมรับมือ
หยุนโร่วเหว่ยย่างก้าวพริบตา ทะยานเข้าหาอสูรสิงโต มันเองก็ราวกับรู้ล่วงหน้าว่ามันเป็นเป้าหมายของนาง มันทะยานเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว
หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้หวาดกลัว แต่ผิดหวัง!
อสูรสิงโตนั่นเป็นทาสของขุนพลอสูร แต่เสียดายที่มันเป็นเพศผู้ จึงไม่สามารถนำมาเป็นกระถางขัดเกลาได้ หากทาสรับใช้ของขุนพลอสูรทั้งหมดเป็นสตรี หนิงฝานจึงชิงตัวพวกมันมาให้หมด
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ คงทำได้เพียงสังหารมันทิ้ง!
ทั่วร่างหนิงฝานปะทุวายุอัสนี ปีกสีเงินยาว 3 จ้างปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง!
เมื่อปีกกระพือ เสียงวายุพัดหวีดหวิว อัสนีกระหน่ำได้ปรากฏ ผลักส่งร่างหนิงฝานทะยานเข้าหากองทัพอสูรอย่างรวดเร็ว!
หนิงฝานเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ความเร็วระดับนั้นทำให้อสูรสิงโตสั่นสะท้าน
“ตาย!”
ยามนี้ หนิงฝานดูราวกับเทพ!
ปีกสีเงินกระพือพัดต้องตา สัมผัสกระบี่สีดำกวาดไปรอบทิศ ผ่านร่างของเหล่าอสูรจำนวนมาก ทำให้อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและประสานวิญญาณถูกสังหารตายในพริบตา!
ยังไม่พอ… ยังไม่พอ...
โอสถโลหิตหลอมออกฤทธิ์ เจตนาสังหารเพิ่มพูน!
เพียง 10 ลมหายใจ กองทัพอสูรในรัศมีพันลี้ ถูกกระบี่หลายสิบเส้นกวาดผ่านร่าง ทำให้กองของพวกมันหายไปนับหมื่น!
ยามนี้ อสูรทุกตัวที่เห็นหนิงฝล้วนหวาดกลัว!
ด้วยอานุภาพของโอสถโลหิตหลอมและการสังหาร ทำให้วิชากระดูกยักบรรลุยังขอบเขตที่ 4!
หยุนโร่วเหว่ยและอสูรสิงโตตกตะลึงกับสัมผัสกระบี่ของหนิงฝาน สีของอสูรสิงโตแปรเปลี่ยนมืดมน และเร่งตะโกนขึ้น
“ราชางู! ราชาพังพอน! พวกเจ้าสองคนไปรับมือกับมัน อย่าให้มันสังหารกองทัพของเราได้อีก… ราชาคชสาร เจ้าไปจัดการกองทัพของมนุษย์ให้หมด!”
เมื่อสิ้นคำสั่ง บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ได้เข้าเผชิญหน้ากับเจี่ยเซียว บุรุษในอาภรณ์ขาวและเหลือง ทะยานเข้าหาหนิงฝาน
เมื่อกองทัพอสูรที่เหลือเข้าปะทะกับมนุษย์ ร่างไร้วิญญาณมากร่วงหล่นลงจากท้องนภา
แม้อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 2 คน จะเข้าขวาง แต่ไม่นับเป็นอันใดกับหนิงฝาน
ยามนี้โอสถโลหิตหลอมยังไม่หมดฤทธิ์ แววตาของหนิงฝานเฉียบคมราวกับกระบี่ จ้องมองบุรุษในอาภรณ์ขาวและเหลือง
ทำให้สีหน้าของพวกมันแปรเปลี่ยนทันที!
“พี่เหลือง เราต้องร่วมมือกัน มันแข็งแกร่งมาก!”
“อืม! วิชาอสูร… วายุเหลือง!”
“วิชาอสูร เกร็ดงู!”
พวกมันทั้งสองกลายร่างเป็นอสูร แม้หนิงฝานไม่หวาดกลัว แต่พวกมันก็เตรียมสู้สุดกำลัง
แม้วิชาที่พวกมันใช้จะเป็นวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่ม แต่การขยับนิ้วของมันยังไม่ชำนาน
“ฮึ่ม! เป็นเวลาที่น่าผิดหวัง! ทำลาย!”
สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานกวาดผ่านวิชาของอสูรทั้งสองตน ทำลายวิชาของพวกมันไม่เหลือชิ้นดี
แต่ในช่วงเวลานั้น หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำศพร่างดำออกมา
“เกราะทมิฬ… เจ้าไปสังหารอาภรณ์ขาว ข้าจะไปสังหารอาภรณ์เหลือง!”
เมื่อกล่าวจบ ปีกเงินกระพือพัด ร่างของหนิงฝานทะยานเข้าหาอสูรในอาภรณ์เหลือง
เดิมทีพวกมันคิดร่วมมือจู่โจม ชิงความได้เปรียบจากหนิงฝาน แต่พวกมันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมีศพในชุดเกราะดำทมิฬ ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
เมื่อวิชาอสูรถูกทำลาย อสูรในอาภรณ์ขาวไร้การป้องกัน เกราะทมิฬเข้าประชิด ระดมหมัดที่แฝงด้วยปราณศพเข้าใส่อย่างรุนแรง
ส่วนอสูรในอาภรณ์เหลืองกลับเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่า เพราะหนิงฝานกลายร่างเป็นยักษ์สูงถึง 36 จ้าง ไม่ใช่ 12 จ้างเหมือนก่อน
เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝาน อสูรอาภรณ์เหลืองกลับมีขนาดเท่านิ้วมือ ในใจของมันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง
“หมัดทะลายน้ำแข็ง!”
หนึ่งหมัดถูกปล่อย พื้นรอบข้างพันจ้างถูกเปลี่ยนเป็นดินแดนน้ำแข็ง
อสูรในอาภรณ์เหลืองถูกหมัดกระแทกเข้าอย่างจัง เกราะคุ้มกายถูกบดขยี้ กระอักโลหิตคำโต บาดเจ็บสาหัสในพริบตา!
จะหนีก็ตาย ไม่หนีก็ตาย มันจึงงัดทุกสิ่งที่มีออกมา วิชาอสูรคุ้มกาย หอกสีเหลืองปรากฏในมือ
ชั่งขณะนั้น ร่างงูอีก 2 ร่างแยกออกจากร่างหลัก เพื่อลวงศัตรูให้ไขว้เขว
แต่เมื่อสัมผัสกระบี่กวาดผ่าน ร่างแยกของมันกลับทนไม่ได้ ถูกทำลายในพริบตา เหลือเพียงร่างจริงของมันที่กระอักโลหิตจากการจู่โจมของสัมผัสกระบี่
“เป็นไปได้ยัง...”
มันยังไม่ทันได้กล่าวจบ มือขนาดยักษ์ก็เข้าคว้าร่างของมัน แล้วบดขยี้จนเละในพริบตา!
เมื่อร่างของมันถูกบดขยี้ ดวงจิตของมันได้ผละออกจากร่าง และทะยานหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ร่างของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจะถูกบดขยี้ ตราบใดที่วิญญาณยังไม่ถูกทำลายก็ยังไม่นับว่าตาย และการหลบหนีในร่างวิญญาณ จะเร็วกว่าร่างเนื้อมาก หากได้วิชาคืนชีพ พวกมันก็ถือกำเนิดได้อีกครั้ง
เมื่อเห็นจิตวิญญาณของอีกฝ่ายหนีไป หนิงฝานไม่ไล่ตาม ไม่ใช่เพราะไล่ตามไม่ทัน แต่ไม่จำเป็นต้องไล่!
บนหน้าผากหนิงฝานร่างยักษ์เปล่งแสง ท้องนภาโดยรอบกว่าร้อยลี้ปรากฏเมฆดำทมิฬ อัสนีแปรบปราบ
แม้จิตวิญญาณของอสูรตนนั้นจะหนีห่างได้ไกล แต่มันกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าอัสนีได้พุ่งเป้ามายังร่างของมัน ก่อนจะฟาดผ่าลงเหนือศีรษะ
อัสนีระดับนี้ แม้เป็นอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มยังสั่นสะท้าน แม้มันจะเร่งความเร็วสุดชีวิต ทิ้งห่างหนิงฝานได้ไกล แต่อัสนียังติดตามมันไม่ห่าง
เมื่อมันออกห่างจากหนิงฝานได้หลายพันลี้ ปราณอสูรของมันก็เริ่มผันผวน ยากจะคงความเร็วดังเก่า จึงถูกอัสนีฟาดผ่าเข้าใส่อย่างจัง
เพียง 10 ลมหายใจ อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มถูกหนิงฝานสังหารตายสิ้นซาก
ร่างกายขนาดยักษ์ อัสนีที่ทรงพลัง ทำให้เหล่าอสูรที่เหลืออยู่หวาดกลัว
ก่อนหน้านี้ที่ราชาแคว้นจินทดสอบหนิงฝาน อัสนีที่เขาใช้นี้ทำให้เขาผ่านการทดสอบมาได้
การตายของอสูรอาภรณ์เหลือง ทำให้อสูรที่เหลือทั้ง 3 ตนตกตะลึง
“แย่แล้ว!”
พวกมันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ถูกบดขยี้ตายคามืออย่างง่ายดาย อสูรอาภรณ์ขาวคิดว่า แม้จะหนีแต่ไม่อาจรอดพ้น แต่หากไม่หนีก็จะถูกบดขยี้
แต่ยังไงมันก็ไม่ยอมตาย!
มันสลัดหลุมจากเกราะทมิฬ ย่างก้าวพริบตาหลบหนีเต็มกำลัง แต่ชั่วพริบตาที่มันหลบหนี หมัดขนาดยักษ์กลับเคลื่อนไหว เข้าขวางย่างก้าวพริบตาของมัน
“หมัดทะลายน้ำแข็ง”
ร่างของมันถูกกระแทกด้วยหมัดทะลายน้ำแข็งอย่างจัง กระดูกทั่วร่างแตกละเอียด ปราณอสูรสลายไป 9 ใน 10 ส่วน ไม่อาจใช้ย่างก้าวพริบตาได้อีก
แต่ในขณะที่มันตะเกียกตะกายหลบหนี ฝ่ามือขนาดยักษ์ก็เข้าปะทะร่างของมันซ้ำ
*โผล๊ะ!*
ร่างของมันถูกฝ่ามือประทับลงพื้นดิน บดขยี้จะร่างแหลกเป็นเศษเนื้อ โลหิตสาดกระจาย
หนิงฝานแสดงสีหน้าเย้ยหยัน
“ต่อไป!”
หนิงฝานหันมองอสูรคชสาร สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนหวาดกลัวทันที
มันเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกับอสูรอาภรณ์ขาวและเหลือง ย่อมเผชิญชะตากรรมไม่ต่างกัน
เดิมทีมันรับมือการจู่โจมของเจี่ยเซียวได้อย่างยากลำบากอยู่แล้ว หากหนิงฝานเข้ามาร่วม มันจะต้านรับได้ยังไง?
“ต้องหนีไปอีกเมืองเพื่อวางแผนก่อน!”
มันย่างก้าวพริบตามุ่งหนี แต่ในชั่วพริบตา ในมือเจี่ยเซียวปรากฏกระบอกหยก 3 สามฉื่อ ฟาดเข้าใส่ศีรษะของมันอย่างรุนแรง
มันถูกเจี่ยเซียวสังหารอย่างรวดเร็ว
สงครามผลิกแล้ว!
ยามนี้ฝ่ายอสูรเหลือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งกำลังต่อสู้กับหยุนโร่วเหว่ย
อสูรสิงโตดวงตาเบิกกว้าง มันไม่รู้ว่าตนผิดพลาดตรงไหน มันรวบรวมอสูรที่แข็งแกร่งมา แต่ยังไม่อาจรับมือกับมนุษย์ได้
“บัดซบ! ข้าเสียทรัพยากรมหาศาลเพื่อเปลี่ยนให้พวกมันให้เป็นอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่พวกเจ้ากลับสังหารมัน! เจ้าต้องตาย ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังของขุนพลปีศาจ!”
อสูรสิงโตซัดฝ่ามือเข้าใส่หยุนโร่วเหว่ย ใบหน้าเผยรอยยิ้มราวกับคนคลั่ง อักษรอสูรบนหน้าผากเปล่งแสงสีแดงโลหิตจ้า
เมื่ออักษรอสูรเปล่งแสง สีหน้าหยุนโร่วเหว่ยและเจี่ยเซียวแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“แย่แล้ว การจู่โจมระดับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ หลบเร็ว!”
ทั้งสองเร่งหลบหนีสุดกำลัง แต่หนิงฝานในร่างยักษ์กลับดิ่งเข้าหาอสูรสิงโตอย่างไม่เกรงกลัว ในมือปรากฏหยกโลหิตและบดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
แสงสีแดงโลหิตอีกสายเจิดจ้า พลังที่รุนแรงสองสายเข้าปะทะ อสูรในขอบเขตประสานวิญญาณจำนวนมากถูกสังหารจากผลกระทบ
หนิงฝานก็มีการจู่โจมระดับขอบเขตตัดวิญญาณ
อานุภาพจากการปะทะค่อยๆคลาย หมอกโลหิตลอยฟุ้ง รอยยิ้มที่มั่นใจหายไป กลายเป็นตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้! พลังที่นายท่านมอบให้ เหตุใดเจ้าถึงมีในครอบครอง? ข้ารู้แล้ว เจ้าสังหารทาสของนายท่าน แล้วชิงเอามันไป! เจ้าต้องตาย พวกมนุษย์ต้องตายให้หมด!”
“พวกข้าจะตายหรือไม่ไม่อาจรู้ แต่วันนี้เจ้าต้องตาย และกระเป๋าของเจ้าต้องเป็นของข้า! ดรรชนีกระบี่ทะลายขุนเขา!”
หนิงฝานชีนิ้วไปยังอสูรสิงโต ภูเขาน้อยใหญ่สั่นสะเทือนและพังทะลาย
การพังทะลายของภูเขาแต่ละลูก เสริมให้ดรรชนีกระบี่ทรงพลังยิ่งขึ้น
เมื่อภูเขานับหมื่นลูกพังทะลาย อานุภาพของดรรชนีกระบี่ก็เพิ่มพูนถึงขั้นที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางได้
ชั่วลมหายใจนั้น นิ้วของหนิงฝานหนิงฝานที่ชี้หาอสูรสวิโต ได้ปรากฏปราณกระบี่ที่ทรงพลัง
หากเป็นก่อนหน้านี้ อสูรสิงโตสามารถรับดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานได้ แต่เมื่อต่อสู้กับหยุนโร่วเหว่ย และใช้การจู่โจมของขุนพลอสูรไป ทำให้ปราณอสูรของมันเผาผลาญไปไม่น้อย จึงยากที่รับกระบี่ของหนิงฝาน
อานุภาพของดรรชนีกระบี่ทำให้อสูรสิงโตไม่อาจเคลื่อนไหว ไม่อาจใช้ย่างก้าวพริบตา
“ข้าจะตายไปพร้อมกับเจ้า!”
มันเค้นปราณอสูรเฮือกสุดท้าย ก่อบอลปราณสีทองขนาด 10 จ้าง ซัดเข้าใส่ร่างของหนิงฝาน
เมื่อบอลปราณสีทองกระทบร่าง มันระเบิดอย่างรุนแรง ท้องนภาโดยรอบนับ 100 จ้างสั่นสะเทือนราวกับถูกกระชาก แผ่นอกของหนิงฝานเกิดหลุมโลหิต บาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับไม่ยอมถอย
“ตาย!”
แม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ดรรชนียังเข้าจู่โจมร่างของอสูรสิงโตอย่างแม่นยำ
ปราณกระบี่ทะลวงร่าง โลหิตสาดกระจายจากร่างอสูรสิงโตอย่างรุนแรง และร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า
ในขณะที่มันเสียร่วงลงจากท้องฟ้า มือขนาดยักษ์ก็เข้าคว้าร่างของมัน โยนลงไปในปากและเคี้ยวมันทั้งเป็น!
จากนั้นหนิงฝานคืนร่างเดิม เก็บกระเป๋าของอสูรสิงโตเข้าแหวน แล้วเร่งกินโอสถเพื่อสะกดอาการบาดเจ็บ จากนั้นไล่ล่าสังหารอสูรที่เหลือ
“สหายเต๋าหยุน สหายเต๋าเจี่ย รีบช่วยข้าสังหารพวกมันให้มากที่สุด”
“อืม!”
“ได้!”
เจี่ยเซียวนับถือหนิงฝานเป็นอย่างมาก แม้อสูรสิงโตจะใช้การจู่โจมระดับตัดวิญญาณ แต่หนิงฝานเข้าปะทะหักล้าง… ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้เจี่ยเซียวตกตะลึงอย่างที่สุด และนี้ก็แสดงให้เห็นว่า หนิงฝานสมควรแก่ตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพอย่างที่สุด
ส่วนหยุนโร่วเหว่ยเอง จิตใจของนางกลับสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุม
แม้จะรู้อยู่ก่อนว่าหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำ ที่แข็งแกร่งทัดเทียมผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ทั้งยังเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่เมื่อครู่ หนิงฝานสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไปถึง 4 ตน การสังหารเช่นนั้นทำให้นางหวาดกลัว
แต่นั่นก็ทำให้นางสงสัยในตัวหนิงฝานมากขึ้น
สิ่งที่หนิงฝานทำเมื่อครู่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับตัวเขาแม้แต่น้อย เขาสามารถหลบการจู่โจมได้ แต่เหตุใดถึงต้านรับอีกฝ่ายซึ่งหน้า?
นางไม่รู้ว่าหนิงฝานกินโอสถโลหิตหลอม ทำให้ต้องฆ่าล้างสังหารเพื่อบรรเทาฤทธิ์ของโอสถ
นอกจากนี้ แม้เมื่อครู่เจี่ยเซียวและหยุนโร่วเหว่ย สามารถหลบการจู่โจม และร่วมมือสังหารอสูรสิงโตได้ แต่หนิงฝานกลับไม่ยอม เขาเลือกที่จะใช้การจู่โจมระดับตัดวิญญาณเข้าต้าน แม้ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ ก็ยังทำให้มันรอดชีวิต เพื่อที่เขาจะได้ช่วงชิงกระเป๋าของมัน!
แม้หนิงฝานจะยังไม่ได้ดูว่าในกระเป๋าใบนั้นมีอะไรบ้าง แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดาราโบราณ ซึ่งทำให้สร้อยหยินหยางและกระบี่แยกสวรรค์ของเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
ดูเหมือนจะเป็นดาราโบราณคุณภาพสูงมาก
ดาราโบราณนับเป็นสิ่งสำคัญของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่มันกลับมอบให้อสูรสิงโตไว้ครอบครอง
นอกจากดาราโบราณแล้ว หนิงฝานยังสัมผัสได้ถึงอีกอย่าง นั่นคือโลหิตหลอม!
โลหิตหลอมเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าของอสูร
หนิงฝานไม่บอกผู้ใดว่าเขาได้สิ่งใดมาบ้าง เขาไม่อาจแบ่งให้กับวิหารพิรุณ
ยามนี้เหลือแต่เพียงอสูรที่แข็งแกร่ง พวกมันทั้งหมดถูเปลี่ยนเป็นแต้มในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วยาม
การวิชาดรรชนีกระบี่ทะลายขุนเขา ภูเขาโดยรอบกว่าพันลี้ถูกทำลาย ศพอสูรเกลื่อนกราดไปทั่วทุกสิ่ง
หนิงฝานได้แต้มเพิ่มอีก 7 แสน… เขาสังหารอสูรไปกว่า 7 ใน 10 ส่วน ที่เหลือเป็นฝีมือของคนอื่นๆ
ยามนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำดีกับแต้มที่ได้ เจี่ยเซียวเองก็มีความสุขจากชัยชนะ
แต่สีหน้าหยุนโร่วเหว่ยมีสีหน้าไม่สู้ดี นางยืนอยู่อย่างสงบและไม่กล่าวคำ
หนิงฝานเองก็ยืนนิ่งอยู่เหนือซากศพ
“นับเป็นการเดินทางที่ดี”
เมื่อกล่าวจบ หนิงฝานก็หายไป
คำกล่าวของหนิงฝานทำให้หยุนโร่วเหว่ยสงสัย หลังจากผ่านการสังหารมามากมายขนาดนั้นแล้ว เหตุใดหนิงฝานจึงดูมีความสุข?
“หลังจบสงคราม ถ้าเขายังรับตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพ ย่อมทำได้ไม่ยาก… แต่ตอนนี้เขาจากไป ไม่รู้จะเข้าร่วมศึกต่อสู้ตัดสินหรือเปล่า...”...