เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0052
ตอนที่ 52 : ผู้จัดการให้ความสำคัญ
เชี่ยวหลางและเมิ่งเฟยหลิงขัดแย้งกันไม่น้อย ดังนั้นแล้วเชี่ยวหลางจึงอดไม่ได้ที่จะใช้โอกาสนี้โจมตีเมิ่งเฟยหลิง
เมื่อต้วนเฉียนเห็นว่าเป็นฉินหยุน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก “ฉินหยุนไม่ใช่เด็กน้อย เขาคือนักสร้างยันต์ที่อายุน้อยที่สุดของตำหนักเรา”
เขากล่าวกับฉินหยุน “อาการบาดเจ็บเจ้าหายดีรวดเร็วเพียงนี้? ข้านึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันเสียอีกกว่าเจ้าจะมาที่นี่!”
คำพูดของต้วนเฉียนเป็นผลให้เชี่ยวหลางและคณะนักเรียนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกมองฉินหยุนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา พวกเขาเกิดความประหลาดใจไม่ใช่น้อย
พวกเขาไม่เคยเจอฉินหยุนมาก่อน แต่ชื่อนี้ดังสนั่นเสมือนเสียงฟ้าร้องคำรามจนต้องได้ยินเข้าหูมาบ้าง!
นี่คือบุคคลที่เพิ่งจัดการเยี่ยนชิงหยูได้เมื่อวันก่อน!
เยี่ยนชิงหยูเดิมทีมาจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง แต่เพราะเขาถูกเลือกโดยอาจารย์จากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน ทำให้เขาได้รับการคัดเลือกไปก่อน
เมื่อพวกเขาพบว่าเยี่ยนชิงหยูถึงกับพิการเพราะบุคคลนามฉินหยุน พวกเขาแตกตื่นกันไม่ใช่น้อย!
เมิ่งเฟยหลิงก็รู้สึกตื่นตกใจขณะนางมองที่ฉินหยุนด้วยดวงตาเบิกออกกว้าง นางคิดอยากถามชื่อฉินหยุนอยู่ ทว่านางก็โดนเชี่ยวหลางเข้ามาขัด นางจึงลืมเลือนเรื่องนี้จนสนิท
นางไม่คิดว่าศิษย์น้องตรงหน้าที่ยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่นี้จะมีตัวตนน่าหวาดกลัวเพียงนี้
นางพลันจ้องมองเชี่ยวหลางและผู้อื่นก่อนแค่นเสียง “เป็นพวกเจ้าคิดแต่หาเรื่องข้า!”
ต้วนเฉียนนำตราสัญลักษณ์ออกมาพร้อมยิ้มให้ขณะเดินถึงตรงหน้าฉินหยุน เขาส่งมอบมันให้กับมือและกล่าว “นี่คือตราสัญลักษณ์ของนักสร้างยันต์ระดับต้น ด้วยตราสัญลักษณ์นี้ เจ้าสามารถอาศัยในตำหนักจารึกเทวะเมื่อใดก็ได้ และสามารถฝากฝังให้หอหลักทำการขายยันต์ได้เช่นกัน”
กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างก้าวขึ้นสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกตั้งแต่ยังเยาว์ ด้วยพื้นเพเป็นบุคคลชั้นสูง แต่พอได้เห็นเรื่องราวนี้ก็ทำเอาพวกเขาอิจฉาริษยาอย่างถึงที่สุด!
โดยเฉพาะกับเชี่ยวหลาง เดิมทีเขาคือผู้ที่สมควรโดนจับตามองที่สุด ณ ที่นี้ แต่ตอนนี้หากเทียบฉินหยุนแล้ว เขาแทบไม่นับเป็นอะไร!
“เพราะมันทำเยี่ยนชิงหยูพิการ สถาบันยุทธ์หลิงเสวียนจะต้องไม่ปล่อยเรื่องราวนี้ไปโดยง่ายแน่” เชี่ยวหลางแค่นเสียงเบากล่าวคำ “อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่คิดรับมันเป็นนักเรียนของสถาบันในอนาคตแน่!”
“จะด้วยอะไรก็ดี ฉินหยุนทำให้เยี่ยนชิงหยูพิการ นี่หมายความถึงเขาแข็งแกร่งว่าเยี่ยนชิงหยู หากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนไม่ต้องการตัวเขา ก็ยังมีสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนที่คิดอยากได้ตัวเขาแน่” ต้วนเฉียนหัวเราะกล่าวคำ “เขาไม่ได้ครอบครองเส้นวิญญาณมากมาย ไม่เช่นนั้นคงโดนสถาบันระดับเสวียนคว้าตัวไปนานยิ่งแล้ว”
เมิ่งเฟยหลิงเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยความเหนือกว่าขณะมองเชี่ยวหลางและพรรคพวก จากนั้นนางจึงกล่าวชมฉินหยุน “ศิษย์น้องหยุนช่างน่าทึ่ง พอจะมอบยันต์ที่ทำให้พี่สาวคนนี้ได้หรือไม่? ถือว่าให้ข้าเก็บไว้ชื่นชม!”
ด้วยนิสัยขี้เล่นของนาง มือขาวราวหยกนั้นกำลังหยอกล้อที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน
“แน่นอนขอรับ นี่คือยันต์อัคคีที่ข้าทำขึ้น!” ฉินหยุนส่งยันต์อัคคีสองแผ่นให้เมิ่งเฟยหลิง ยามเมื่อสัมผัสกับมือของนาง มันให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มอย่างบอกไม่ถูกราวกับมือนี้ไม่มีกระดูกอันใดด้วยซ้ำ!
“ฉินหยุน ผังวิญญาณบนยันต์อัคคีของเจ้านับเป็นผังวิญญาณระดับสูง กระทั่งตำหนักของเรายังมีของแบบนั้นไม่มากนัก!” ต้วนเฉียนกล่าวคำ
เรื่องนี้เป็นผลให้ชายวัยกลางคนจำนวนหนึ่งของตำหนักจารึกเทวะสั่นไหว ทางด้านเด็กหนุ่มสาวขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกก็เผยสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่น้อยเช่นกัน!
ผังวิญญาณระดับสูงล้วนเป็นสมบัติประเมินราคาไม่ได้!
หากอาวุธวิญญาณได้สลักมันลงไป มันจะยิ่งแข็งแกร่งกว่าผังวิญญาณระดับกลางหรือระดับต่ำ
“ผู้จัดการขอรับ เรื่องการหลอมอุปกรณ์นั้นควรทำเช่นไร? ข้าไม่ทราบเรื่องพวกนี้เลย” ต้วนเฉียนคือผู้มีศักยภาพบนเส้นทางนี้ หากเขาให้คำชี้แนะสักเล็กน้อย เขาย่อมสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาไม่น้อยที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการได้
ต้วนเฉียนกล่าวตามตรง “กระบวนการหลอมอาวุธวิญญาณค่อนข้างซับซ้อนยิ่ง มันไม่ใช่อะไรที่สามารถเข้าใจได้ภายในวันหรือสองวัน เจ้าไม่ควรถามถึงเรื่องนี้เร็วเกินไปนัก ตอนนี้ควรเน้นพื้นฐานให้แข็งแรง ไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจทำให้เจ้าต้องเผชิญเภทภัยได้! เอาเช่นนี้เป็นไร หากเจ้ามีเวลา ให้มาที่นี่อย่างบ่อยครั้ง ข้าจะชี้แนะเป็นการส่วนตัวให้”
“ตอนนี้ให้ข้าพาพวกเขาเข้าร่วมงานชุมนุมก่อนแล้วกัน”
ถึงกับได้รับคำชี้แนะส่วนตัวจากผู้จัดการ เรื่องนี้ทัดเทียมกับการได้รับชี้แนะจากคนระดับปรมาจารย์!
ปรมาจารย์เว่ยมีชื่อเสียงกว้างไกล แต่บรรดาบุคคลชั้นสูงต่างทราบว่าระดับของต้วนเฉียนนั้นเหนือล้ำกว่าปรมาจารย์เว่ยมากนัก
ไม่ว่าจะทั้งบุคคลผู้ร่ำรวยหรือทรงพลังอำนาจ พวกเขาล้วนอยากฝากฝังการเรียนรู้วิถีจารึกแห่งเต๋าจากเขากันทั้งสิ้น ทว่าเขาได้ปฏิเสธมาโดยตลอดอย่างไม่ใยดี
แต่แล้วตอนนี้ เขากลับให้ค่าฉินหยุนสูงยิ่ง เรื่องนี้แม้แต่ศิษย์ของสำนักที่มีชื่อเสียงยังไม่อาจได้รับ!
ไม่ว่าใครหากได้พบกับผู้ได้รับความสำคัญและพรสวรรค์อย่างฉินหยุน ทางที่ดีที่สุดคือหาทางผูกมิตรโดยทันที
ทว่า สถานการณ์ของฉินหยุนค่อนข้างพิเศษ เขามีปัญหากับจักรพรรดินีแห่งเทียนฉิน ทั้งยังรวมถึงข้าราชบริพารระดับสูงอีกมากมาย
หากพวกเขาตีสนิทกับฉินหยุน ก็เท่ากับพวกเขายั่วยุขั้วพลังอำนาจของจักรวรรดิ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้ากระทำการบุ่มบ่าม หากพวกเขาโดนต่อว่าจากทางตระกูล พวกเขาคงไม่มีทางรับผิดชอบได้ไหว
สิ่งเดียวที่พวกเขาควรทำตอนนี้คือ หลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับฉินหยุน!
อีกทางหนึ่ง เมิ่งเฟยหลิงไม่ได้กังวลเรื่องนี้แต่อย่างใด นางถึงขั้นสนิทกับฉินหยุนระดับหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ
“ข้าไปเข้าร่วมงานชุมนุมก่อน รอฟังข่าวดีได้เลย!” หลังกล่าวจบ เมิ่งเฟยหลิงจึงตามต้วนเฉียนเข้าไปด้านใน
หลังกลุ่มคนจากไปแล้ว ตำหนักจารึกเทวะจึงกลายเป็นเงียบเหงาอีกครั้ง ส่วนใหญ่ก็เพราะที่นี่ไม่ได้มีอาจารย์จารึกประจำการอยู่
ฉินหยุนเอ่ยถามถึงห้องพัก ซึ่งก็ได้รับห้องชั้นบนสุดของหอใหญ่
ภายในห้องพัก มีห้องแยกอีกหลายห้อง ทั้งยังมีห้องลับที่เงียบสงบเป็นพิเศษ ทั้งยังมีห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ รวมถึงโถงกลางและห้องน้ำ
ตอนนี้เขาตัดสินใจเข้าห้องลับเพื่อขัดเกลายันต์
“ตามปกติแล้ว ยันต์อัคคีระดับต่ำสามารถขายได้เป็นเงินราวสองร้อยเหรียญผลึก ที่ดีหน่อยก็น่าจะขายได้สามร้อยเหรียญผลึก สำหรับยันต์อัคคีที่เราทำขึ้น พวกมันน่าจะขายได้อย่างน้อยสี่ร้อยเหรียญผลึกหรือเปล่านะ?”
พอฉินหยุนคิดว่าเหรียญผลึกจำนวนมากมายจะไหลมาเทมาจากการขายยันต์อัคคี เขายิ่งมีกำลังใจทั้งยังตื่นเต้นขณะหยิบกระดาษยันต์ขึ้นมาพร้อมเริ่มแกะสลักผังวิญญาณ
เขามีอุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำอย่างมีดแกะสลัก มันทำให้เขาสามารถสร้างยันต์ได้ง่ายดายขึ้น เพียงสองชั่วโมง เขาก็จัดทำออกมาได้ถึงห้าแผ่น
การจัดทำยันต์ขึ้นมาจำเป็นต้องใช้พลังปราณจำนวนมาก รวมถึงพลังจิตด้วย แต่ละครั้งที่ทำยันต์เรียบร้อย เขาจะต้องพักชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะเริ่มทำงานต่อได้
ฉินหยุนใช้เวลาถึงแปดชั่วโมงเพื่อจัดทำยันต์ขึ้น แม้รู้สึกเหนื่อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยินดีเมื่อได้เห็นยันต์อัคคีทั้งยี่สิบห้าแผ่น
“ถ้าทุกอย่างไปได้ดี เราจะได้เงินมากถึงแปดพันเหรียญผลึก!” ฉินหยุนลอบยินดีอยู่ภายใน หากต้องพึ่งพาการล่าสัตว์ปีศาจเพื่อหาเงิน เขาคงต้องใช้เวลามากกว่านี้ ทั้งยังต้องเสี่ยงมากกว่าด้วย
“ได้เวลาแล้วสิ พักก่อนแล้วกัน!”
ขณะทอดกายลงบนเตียงนอนนุ่มสบาย เขาพลันนำเอาม้วนตำราไผ่ที่สลักคำว่า “สามสิบหกผังวิญญาณ” ออกมารับชม
ผังวิญญาณมีหลายประเภท ทั้งยังมีผังแปรธาตุจำนวนไม่น้อยเพื่อให้ตรงจุดประสงค์ในการหลอมสร้างขึ้น
หากผังแปรธาตุถูกสลักลงบนค้อนสำหรับการหลอม มันจะสามารถหลอมวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นได้ ผังแปรธาตุยังสามารถสลักได้ที่เตาหลอม มันจะทำให้เตาหลอมทำงานได้รวดเร็วขึ้น และวัตถุดิบที่ใส่เข้าไปจะดียิ่งขึ้น
ภายในตำรา มีผังแปรธาตุจำนวนไม่น้อย ทั้งยังเป็นของคุณภาพสูง!
สิ่งหนึ่งที่ใช้กันมากที่สุดในการแกะสลักอุปกรณ์วิญญาณก็คือผังแข็งตัว พวกมันจะทำให้อุปกรณ์วิญญาณมีความคงทนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีผังวิญญาณที่มีคุณสมบัติ อย่างเช่นสายฟ้า ไฟ น้ำแข็ง ความมืด มิติ และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เขาครอบครองผังวิญญาณทั้งหมดเหล่านี้เอาไว้!
ผังสัตว์ร้ายก็สามารถใช้งานได้ไม่น้อย ยกตัวอย่าง ผังสัตว์ปีก หากสลักไว้ที่อุปกรณ์วิญญาณจะทำให้อาวุธวิญญาณบินได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลึกล้ำของศาสตร์ทางด้านนี้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีผังมายา พิษ ประทับวิญญาณ และการรักษา เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งหาได้ยากยิ่ง
“เราน่าจะซื้อเตาหลอมกับค้อนหลอมในตำหนักจารึกเทวะได้ เมื่อระดับของเราเพิ่มขึ้น เราสามารถหลอมขึ้นเอง เราต้องหาทางเรียนรู้วิธีการหลอมพวกมันโดยเร็วที่สุด ถึงตอนนั้นเราจะหาเงินได้มากขึ้นผ่านการขายอุปกรณ์วิญญาณ!”
ฉินหยุนหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ในห้องขึ้นมา มันคือรายการสินค้าที่มีจำหน่ายในตำหนักจารึกเทวะแห่งนี้
“อุปกรณ์วิญญาณเตาหลอมระดับต่ำราคาหกแสนเหรียญผลึก ทางด้านค้อนหลอมต่อให้ถูกที่สุดก็ยังราคาสี่แสนเหรียญผลึก! เงินมากมายระดับล้านเหรียญผลึก เราจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จากไหนกัน?”
เพื่อได้เป็นปรมาจารย์แกะสลัก อย่างน้อยก็ต้องมีรากฐานความร่ำรวย
กระทั่งว่าเขาสามารถซื้อหาสิ่งของเหล่านี้ แต่ก็ยังต้องมีการซื้อผังวิญญาณจำนวนหนึ่งมาประกอบ และส่วนสำคัญที่สุดก็คือพรสวรรค์ หากไร้ซึ่งพรสวรรค์ ไม่ว่าร่ำรวยเพียงใดก็สูญเปล่า
“ตอนนี้ใช้อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นไปก่อนแล้วกัน!” ฉินหยุนตอนนี้ค่อนข้างขัดสน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงวางแผนเท่านั้น
เขาออกจากตำหนักจารึกเทวะและออกเดินทั่วถนนการค้า จากนั้นจึงใช้จ่ายไปสองหมื่นเหรียญผลึกเพื่อซื้อเตาหลอมและค้อน