เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0051
ตอนที่ 51 : สถาบันยุทธ์ซานเสวียน
“ช่างน่ารักน่าชังนัก! หากเจ้าไม่เล่นด้วย งั้นก็ไม่เล่น!” หญิงสาวพลันแค่นเสียงใส่
“นายหญิง...” หนึ่งในกลุ่มชายชุดดำคล้ายทนมองไม่ได้จนต้องกล่าวน้ำเสียงลุ่มลึกเป็นการเตือน ฟังจากน้ำเสียงและคำพูด ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเขาแก่กว่าหญิงสาวตรงหน้านี้
“เจ้าไปได้แล้ว เขาเป็นนักเรียนสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง หากพวกเราสังหาร สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงจะสืบสาว ตระกูลเมิ่งของเราอาจถูกขุดขึ้นสู่พื้นดินได้” หญิงสาวกล่าวอย่างเฉยชา “จะยังไงเขาก็ไม่ได้เห็นอะไรเลยสักอย่าง!”
“รับทราบ!” หลังหนึ่งในชายชุดดำกล่าวเช่นนี้ เขาจึงจากไปพร้อมเสียง ‘ฟึ่บ’ ชายชุดดำคนอื่นก็ตามจากไปเช่นกัน
ฉินหยุนคิดกับตนเอง สมแล้วที่เป็นตระกูลเมิ่งแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน ผู้นำตระกูลเมิ่งคนปัจจุบันคือจ้าวผู้ครองเมืองเยาหวาง เมืองดังกล่าวรับหน้าที่ปกป้องจักรวรรดิเทียนฉินเพื่อคุ้มกันพวกปีศาจไม่ให้รุกรานเข้าสู่จักรวรรดิ
“น้องชายคิดไปที่ใด? เมืองหลวงหรือ? ข้าเองก็จะไปเมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นเดินทางไปด้วยกันดีกว่า!” หญิงสาวหัวเราะคิกคักขณะจิ้มแก้มบนใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน
“ศิษย์พี่ ที่ข้าจะไปคือตำหนักจารึกเทวะ” ฉินหยุนกล่าวตอบ
“ช่างบังเอิญยิ่งนัก! ข้าเองก็คิดไปตำหนักจารึกเทวะ เช่นนั้นเดินทางไปด้วยกันจะดีกว่า!” หญิงสาวตอนนี้สะบัดดาบกำจัดคราบเลือดทิ้งและเก็บเข้าฝัก
ฉินหยุนทำได้เพียงพยักหน้ารับ โดยไม่อาจกล่าวคำใด เขาตอนนี้จึงวิ่งตามหลังหญิงสาว
“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าพวกเราเพิ่งสังหารใครไป?” หญิงสาวพลันเอ่ยถาม
“ไม่เลย!” ฉินหยุนไม่ค่อยรู้เรื่องตระกูลเมิ่งมากนัก พวกเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดกับพระราชวังหลวงมานานยิ่งแล้ว
“พวกเราเพิ่งสังหารสัตว์ปีศาจไป! สัตว์ร้ายร่างยักษ์นั่นกระทำเรื่องชั่วช้ามากมาย ทั้งยังมีเจ้าของ ดังนั้นพวกเราจึงล่อสัตว์ร้ายร่างยักษ์ระดับที่เจ็ดนั่นมาสังหารที่นี่” แม้ฉินหยุนบอกไม่อยากทราบ นางก็ยังคงบอกกล่าวออกมาเสียงดัง
ตระกูลเมิ่ง บ่อยครั้งที่จะออกล่าและสังหารสัตว์ปีศาจ รวมถึงมนุษย์อสูรด้วย เรื่องนี้จึงสมเหตุสมผล
ฉินหยุนไม่คิดถามอะไรเพิ่มเติม ตลอดทางเขาเก็บเสียงเงียบ อีกทางหนึ่ง หญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้นี้เอาแต่สนทนาไม่หยุดปาก
นางชื่อเมิ่งเฟยหลิง มีเส้นวิญญาณห้าตะวัน ครอบครองวิญญาณยุทธ์เหยี่ยวระดับแพลทินัม กล่าวได้ว่านางเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง
สิ่งที่ทำให้ฉินหยุนประหลาดใจที่สุดคือนางอายุเพียงสิบเจ็ด ทั้งยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก นอกจากนี้นางยังดูเป็นผู้ใหญ่และดูเร้าใจ ราวกับผลไม้สุกต้องการให้ผู้คนลิ้มลอง...
“ข้าพูดไปมากแล้ว ถึงคราวเจ้า!” เมิ่งเฟยหลิงเผยอริมฝีปากงดงามขณะดวงตาทรงเสน่ห์หรี่เล็กและหัวเราะ “ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย หรือนี่เจ้าเป็นใบ้? เจ้าอยากให้ข้าใช้ลิ้นของข้าสอนวิธีพูดแก่เจ้าหรือไม่?”
ภายในใจฉินหยุนหวั่นไหวขึ้นมา ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรออกนั้นเอง เขาพลันได้ยินเสียงคำรามจากอีกด้าน
เพียงพริบตา เมิ่งเฟยหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เชี่ยวหลางจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวมาถึงแล้ว ไอ้สารเลวนี่ถึงกับขี่ราชสีห์เหมันต์ระดับที่เจ็ดตลอดทั้งวัน ทำเอาผู้คนหวาดกลัวไปหมด คอยดูเถอะ ไม่นานข้าจะฆ่าไอ้สิงโตขนหงอกของมัน ไอ้สารเลวนั่นกินคนไปไม่ใช่น้อยแล้ว!”
เชี่ยวหลางก็มาที่นี่!
ฉินหยุนพลันตระหนก
เชี่ยวหลางคือองค์ชายสองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว แต่แล้วทำไมเขาถึงปรากฏตัวในบริเวณใกล้นครหลวงของจักรวรรดิเทียนฉินกัน
เมิ่งเฟยหลิงคล้ายรู้จักเขาดีเช่นกัน
“ศิษย์พี่ เขามาทำอะไรที่นี่กัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา
“พวกเรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมวีรชน งานชุมนุมวีรชนมีจักรวรรดิเทียนฉินเป็นผู้จัด ซึ่งก็จัดที่ตำหนักจารึกเทวะ ข้ากำลังจะไปที่นั่น” เมิ่งเฟยหลิงตอบกลับ
“งานชุมนุม?” ฉินหยุนไม่ทราบว่านี่คือเรื่องอันใด
“มีเพียงศิษย์จากสถาบันซานเสวียนจึงสามารถเข้าร่วม” ขณะที่เมิ่งเฟยหลิงกล่าว อากาศเย็นเยือกพลันเข้าโจมตีพวกเขา โดนทันที ราชสีห์ใหญ่ยักษ์สีขาวราวหิมะกำลังแผ่ไอเย็นพุ่งเข้าหา
บนหลังราชสีห์เหมันต์ มีร่างชายหนุ่มผอมบางหล่อเหลานั่งอยู่ เขาสวมใส่ชุดเกราะสีเงินหรูหรา ทั้งยังมีดาบประดับทองคำห้อยที่ข้างเอว เพียงเท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าเหนือล้ำกว่าผู้คนธรรมดามากเพียงใด
คนผู้นี้คือองค์ชายสองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว เชี่ยวหลาง!
“ไง แม่ปีศาจน้อย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะใช้ปากได้ดีเช่นนั้น... ทั้งยังชอบคนอย่างเจ้าหนูนี่!” เชี่ยวหลางมองฉินหยุนขณะกล่าวด้วยรอยยิ้มลามก
“อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนอย่างเจ้า ทั้งยังดูดีกว่าเจ้าเป็นไหน ๆ!” เมิ่งเฟยหลิงโต้เถียงขณะดึงฉินหยุนเข้าหาข้างกาย นางกระทั่งเพิ่มความเร็วพุ่งผ่านอากาศมากขึ้น ก้าวเท้าเหยียบย่างที่กิ่งไม้ขณะผ่านเชี่ยวหลางทิ้งไม่เห็นฝุ่น
“ช่างเป็นคนน่ารำคาญนัก! รออีกไม่นานเถอะ ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้ เหอะ... ว่าแต่นะน้องชาย เจ้านั้นดูดียิ่ง ทั้งยังดูสัตย์ซื่อ ข้าชอบคนอย่างเจ้านะ” ยิ่งเมิ่งเฟยหลิงมองเขามากขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้นางเผยประกายความชอบในดวงตาต่อฉินหยุนมากเท่านั้น
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก้าวพ้นออกจากป่าจนได้เห็นประตูหลักของนครหลวงอยู่ไม่ไกลออกไป
ฉินหยุนตอนนี้กำลังลอบตระหนกต่อพละกำลังของเชี่ยวหลาง
จักรวรรดิเทียนเชี่ยวนับว่าแข็งแกร่งทรงพลังอำนาจกว่าจักรวรรดิเทียนฉิน โดยเฉพาะหากเทียบองค์ชายรัชทายาทกับองค์หญิงผู้นั้น
ลำพังแค่เชี่ยวเย่ว์หลานก็เพียงพอให้สะกดข่มฉินหยุนแล้ว
ฉินหยุนเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ อะไรคือสถาบันซานเสวียน?”
เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “เมื่อใดที่เจ้าเลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกก่อนอายุยี่สิบปี เจ้าสามารถเข้าร่วมสถาบันซานเสวียน หลังผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเลือกได้ว่าต้องการเข้าร่วมงานชุมนุมใด หลังผ่านการคัดเลือก คนผู้นั้นจะสามารถเข้าสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน หรือสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน หรือสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนได้ งานชุมนุมวีรชนครั้งนี้จัดขึ้นโดยสามสถาบันและตำหนักจารึกเทวะ”
เพียงพริบตา พวกเขาก็มาถึงประตูหลักของนครหลวงซึ่งสูงหลายสิบเมตร
ฉินหยุนมองประตูหลักของนครหลวงด้วยหลายอารมณ์ผสมปนเป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เข้าและออกนครหลวงอย่างอิสระ
หลังเข้าไปภายในประตูเมือง เขาก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ยามเมื่อเห็นถนนที่คราคร่ำด้วยผู้คน เขารู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก
คล้ายได้ค้นพบเรื่องราวใหม่ เขาอดไม่ได้ที่จะหันมองนั่นมองนี่ เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขาเติบโตแต่ในพระราชวังหลวง ไม่เคยได้ออกมาเห็นบรรยากาศในเมืองเลย
“จากที่เห็น เหมือนเจ้าไม่ค่อยได้ออกมาเล่นข้างนอกงั้นสิ ให้ข้าพาเจ้าไปตำหนักจารึกเทวะก่อนแล้วกัน!” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มหวานกล่าว
ด้วยเหตุนั้น นางจึงพาฉินหยุนเดินผ่านถนนหลายสายเข้าเมืองไป
ไม่นานจากนั้น พวกเขาก็มาถึงบริเวณทิศตะวันตกของนครหลวง มีคฤหาสน์หลังใหญ่จำนวนไม่น้อยตั้งอยู่ตรงนั้นและตรงนี้ ทั้งที่นี่ยังห่างไกลจากเมืองที่จอแจมากนัก
ภายในคฤหาสน์ ก็ยังมีอาคารสูงและตำหนักเล็กน้อย เมื่อเมิ่งเฟยหลิงและฉินหยุนมาถึง พวกเขาจึงได้สัมผัสกับออร่าเย็นเยือก
นี่คือออร่าของราชสีห์เหมันต์ เป็นเชี่ยวหลางมาถึงก่อนพวกเขา
ที่บริเวณหน้าสุดของพื้นที่แถบนี้ มีตำหนักสีทองคำแดงเพลิงงดงามตั้งอยู่! นี่คือหอหลักของตำหนักจารึกเทวะ!
หอหลักของตำหนักจารึกเทวะตั้งอยู่บนบันไดหินนับพันขั้น ทั้งยังส่องแสงสีทองงดงาม ให้ความรู้สึกทั้งหรูหราและงดงามในเวลาเดียวกัน
เมิ่งเฟยหลิงพาฉินหยุนเดินขึ้นบันไดหินเพื่อเข้าสู่หอหลัก
ภายในหอหลักคือพื้นที่กว้างใหญ่ เครื่องประดับตกแต่งเรียบง่าย หนักแน่น และเป็นประกาย ทั้งยังมีโทเทมจำนวนมากของสัตว์ร้ายโบราณแกะสลักเอาไว้บนเสาขนาดใหญ่ยักษ์ของสถานที่
เชี่ยวหลางกำลังพูดคุยทั้งหัวเราะกับกลุ่มเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่ครอบครองพลังเหนือล้ำ
ที่นี่มีคนอยู่ราวยี่สิบถึงสามสิบ พวกเขาเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิทั้งสาม เทียนฉิน เทียนเชี่ยว และเทียนชี่ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์เหนือล้ำอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
พวกเขากำลังจะเข้าร่วมการแข่งขัน หากพวกเขาเก่งกาจจริง พวกเขาจะสามารถเลือกเข้าหนึ่งในสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนได้
เมื่อเชี่ยวหลางเห็นเมิ่งเฟยหลิงและฉินหยุนมาถึง เขาพลันแค่นเสียงกล่าว “นางแม่มด เจ้านับว่าใจถึงนัก! เข้าร่วมการแข่งขันสำคัญในงานชุมนุมวีรชนยังพาเด็กคนรักมาด้วย? ดูออร่าของมันสิ ก็แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า เจ้าควรเลิกทำตัวเหลวไหลได้แล้วนะ”
หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงพลันแค่นเสียงเช่นเดียวกัน “ที่นี่คือตำหนักจารึกเทวะ เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้จัดการใหญ่ของที่นี่รังเกียจผู้ที่ไม่ให้ความเคารพแด่สถานที่?”
“เขาเป็นนักเรียนของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง และเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา! องค์หญิงแห่งเทียนชี่ ท่านกล้าพูดจาอหังการถึงเพียงนี้ในดินแดนเทียนฉินของเรางั้นหรือ?” เมิ่งเฟยหลิงต่อว่าอย่างโกรธเคือง “ระวังตัวไว้บ้าง! อย่าได้เปิดโอกาสแก่ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังปากของเจ้าออกเป็นชิ้น!”
“อยู่ในความสงบ ผู้จัดการใหญ่มาถึงแล้ว!” ชายวัยกลางคนกล่าวตะโกนเสียงยะเยือก
ทุกผู้คนต่างเงียบเสียงลงทันที ผู้จัดการใหญ่ของตำหนักแห่งนี้มีสถานะสูงล้ำขนาดที่ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องราวที่นี่
เมื่อเชี่ยวหลางเห็นต้วนเฉียนปรากฏ เขาพลันชี้ที่ฉินหยุนและกล่าว “ผู้จัดการใหญ่ เมิ่งเฟยหลิงพาเด็กน้อยผู้หนึ่งมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่านางไม่ให้เกียรติสถานที่แม้แต่น้อย โปรดลิดรอนสิทธิ์ของนางเป็นการลงโทษ”